Categories
Bitcoins การลงทุน

10 อันดับ ลงทุนอะไรดีตอนนี้? 2023 ผลตอบแทนสูง [แนะนำ!]

ตลาดโลกมีการถดถอยลงอย่างมากในปี 2022 ซึ่งหมายความว่านักลงทุนมีโอกาสที่จะซื้อสินทรัพย์ในราคาที่ถูกลงอย่างมาก

สิ่งนี้เรียกว่า ‘การลงทุนเมื่อตลาดย่อตัวลง’ และมีความสำคัญอย่างยิ่งเมื่อมุ่งเน้นไปที่สินทรัพย์คุณภาพสูง ซึ่งอาจเป็นกลยุทธ์ระยะยาวที่ยอดเยี่ยม

เราจะมาดูสินทรัพย์และตลาดหลัก 10 รายการอย่างครอบคลุมในเรื่องลงทุนอะไรดีในตอนนี้?

ลงทุนอะไรดีที่สุดตอนนี้ – สินทรัพย์ 10 อันดับแรก

มีคำถามว่ามือใหม่ควรลงทุนอะไรดี? โปรดดูสินทรัพย์ 10 อันดับด้านล่าง:

  1. คริปโตพรีเซลล์ศักยภาพสูงอย่าง Love Hate Inu – เหรียญคริปโตน่าลงทุนที่สุดในปี 2023
  2. กองทุนรวมดัชนีหุ้น – กองทุน Dollar-Cost Average ยอดนิยมย่าง S&P 500
  3. หุ้นที่รองรับภาวะเศรษฐกิจถดถอย – ลงทุนในบริษัทที่ทำผลงานได้ดีในช่วงภาวะเศรษฐกิจถดถอย
  4. พันธบัตรชดเชยเงินเฟ้อ – ก้าวนำอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นด้วยตราสารหนี้
  5. โลหะมีค่า – สินทรัพย์ยอดนิยมน่าถือในช่วงที่เศรษฐกิจไม่เสถียร
  6. หุ้นเทคโนโลยี – ซื้อหุ้นเทคโนโลยีชั้นนำในตอนที่ราคาถูก
  7. Bond ETF – ป้องกันความเสี่ยงจากตลาดหุ้นด้วยการกระจายความเสี่ยงในตราสารหนี้
  8. บิทคอยน์ – ลงทุนในมูลค่าอนาคตในตอนที่เหรียญคริปโตยังใหม่อยู่
  9. หุ้นปันผล – เน้นหุ้นที่มีสถิติมูลค่าราคาที่จ่ายเงินปันผลในระยะยาว
  10. กองทุน RMF – เริ่มต้นด้วยแผนการลงทุนลดหย่อนภาษีระยะยาว

ซื้อ Love Hate Inu

เมื่อประเมินว่าจะลงทุนอะไรดีตอนนี้? เทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์มักจะกระจายความเสี่ยงในพอร์ตที่มีสินทรัพย์และตลาดที่หลากหลาย เพื่อลดความเสี่ยงการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีราคาต่ำกว่าทุนซึ่งจะส่งผลกระทบต่อมูลค่าโดยรวมของพอร์ตภายหลัง

เจาะลึกสินทรัพย์อันดับต้นๆ ที่น่าลงทุนตอนนี้

เราได้แนะนำว่าจะลงทุนอะไรดี ความเสี่ยงน้อย 10 อันดับในตลาดต่างๆ เพื่อให้เหมาะกับนักลงทุนทุกประเภท โดยสินทรัพย์แต่ละรายการล้วนมาพร้อมกับศักยภาพและระดับความเสี่ยงแตกต่างกันไป

อ่านต่อในประเภทการลงทุนที่ดีที่สุดตอนนี้

1. คริปโตพรีเซลล์ศักยภาพสูงอย่าง Love Hate Inu – การลงทุนโดยรวมที่ดีที่สุดในปี 2023

การลงทุนในเหรียญคริปโต pre-sale ที่ดีที่สุด คล้ายกับการลงทุนในบริษัทก่อนที่จะเปิดตัว โดยโปรเจกต์ให้นักลงทุนได้ซื้อเหรียญคริปโตหลักในราคาที่ถูกลง และเมื่อเหรียญถูกลิสต์ลงกระดานเทรด มูลค่าของเหรียญก็จะเพิ่มขึ้น

ซื้อมีกระบวนการลงทุนที่เรียบง่าย เพียงแลกเปลี่ยนเหรียญคริปโตเดิมเช่น Ethereum เป็นโทเค็นพรีเซลล์นั้นๆ และเมื่อพิจารณาถึงพรีเซลล์คริปโตที่ผุดขึ้นมาในตลาด นักลงทุนจึงสามารถกระจายความเสี่ยงได้อย่างง่ายดาย

โดยตัวอย่างการลงทุนอะไรผลตอบแทนสูงก็คือพรีเซลล์ Tamadoge ซึ่งเปิดตัวในเดือนกันยายน 2022 ในราคา $0.01 ต่อโทเค็น แต่เมื่อพรีเซลล์สิ้นสุด TAMA ก็มีราคาเป็น $0.03

ซึ่งระดมทุนได้ 19 ล้านดอลลาร์ และ TAMA ก็ถูกลิสต์ลง OKX กระดานเทรดคริปโตยอดนิยมและทำ All Time High ที่ 0.194 ดอลลาร์ ทำให้นักลงทุนช่วงพรีเซลล์ได้รับกำไรเกือบ 2,000%

นอกจากนี้พรีเซลล์ Lucky Block ก็ระดมทุนได้มากกว่า 5 ล้านดอลลาร์ในเดือนมกราคม 2022 จากโทเค็น LBLOCK ที่มีราคาเพียง 0.00015 ดอลลาร์ และหลังจากถูกลิสต์บน PancakeSwap มูลค่าเหรียญก็ทะลุ 0.009 ดอลลาร์

นั่นทำให้เกิดคำถามว่าเหรียญคริปโต ICO ที่ดีที่สุดและ Pre-sale ที่น่าลงทุนตอนนี้คืออะไร?

และนั่นทำให้ Love Hate Inu เข้ามาเป็นเหรียญ ICO อันดับต้นๆ ของเราที่น่าลงทุนในตอนนี้

Love Hate Inu – เหรียญคริปโต Pre-sale ที่น่าลงทุนที่สุดในตอนนี้

Love Hate Inu เป็นเหรียญคริปโต Pre-sale ใหม่ที่น่าตื่นเต้นซึ่งอาจเป็นหนึ่งในตัวเลือกการลงทุนที่มีแนวโน้มทำกำไรมากที่สุดในขณะนี้ LHINU เป็นเหรียญมีมใหม่ที่รวมความเป็นมีมเข้ากับการใช้งานจริง ทำให้เป็นแพลตฟอร์มที่มั่นคง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเปรียบเทียบกับเหรียญคริปโตมีมอื่น ๆ

Love Hate Inu เป็นเหรียญ vote-to-earn ซึ่งหมายความว่าผู้ใช้สามารถ Stake เหรียญของตนเพื่อโหวตในแบบสำรวจและรับโทเค็นมากขึ้นได้นั่นเอง โดยใช้ Blockchain และเหรียญ Staking ซึ่ง Love Hate Inu จะสามารถใช้โหวตในแบบสำรวจที่น่าเชื่อถือ 100% เนื่องจากการลงคะแนนทั้งหมดได้รับการตรวจสอบบนเครือข่าย

Love Hate Inu Musk

ในการเริ่มต้น Love Hate Inu จะจัดทำแบบสำรวจความคิดเห็นที่สนุกสนานเช่นที่แสดงไว้ด้านบน อย่างไรก็ตาม ด้วยความนิยมที่เพียงพอ ในที่สุด Love Hate Inu ก็สามารถใช้สำหรับการลงคะแนนอย่างปลอดภัยในประเด็นต่างๆ ที่หลากหลาย ตามแผนการพัฒนาอย่างเป็นทางการ ข้อมูล Love Hate Inu จะสร้างรายได้ภายในสิ้นปี 2023 ผ่านข้อตกลงกับแบรนด์ บริษัทต่างๆ โดยจะสามารถรับข้อมูลที่ถูกต้องและหลากหลายจากแบบสำรวจความคิดเห็นทุกประเภทเท่าที่จะเป็นไปได้ ซึ่งอาจปฏิวัติการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลสำหรับแบรนด์ใหญ่ๆ ได้นั่นเอง

Love Hate Inu ในฐานะเหรียญมีมสามารถช่วยให้บรรลุเป้าหมายพื้นฐานได้ โดยเหรียญมีมประสบความสำเร็จอย่างมากนับตั้งแต่เปิดตัว Dogecoin ในปี 2013 ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากและกลายเป็นหนึ่งในเหรียญคริปโต pantip ที่น่าซื้อที่สุด น่าเสียดายที่ความนิยมของเหรียญมีมนั้นไม่แน่นอน ทันทีที่มูลค่าเพิ่มขึ้น เหรียญดังกล่าวก็สามารถลดมูลค่าลงในอัตราที่ใกล้เคียงกันได้เช่นกัน

screenshot-lovehateinu.com-2023.03.10-06_29_16

Love Hate Inu รวมความนิยมของเหรียญมีมเข้ากับการใช้งานของเหรียญคริปโต เช่น Ethereum ที่สามารถให้มูลค่าที่แท้จริง ซึ่งจะทำให้ความนิยมของ Love Hate Inu ลดลงได้ยากเนื่องจากการ Stake ที่จำเป็นสำหรับฟังก์ชั่น vote-to-earn นั่นหมายความว่าตราบเท่าที่ผู้คนใช้เหรียญเพื่อลงคะแนนเสียง ผู้ใช้จะเป็นเจ้าของเหรียญนั่นเอง

ในอนาคต นักพัฒนา Love Hate Inu วางแผนที่จะใช้ฟังก์ชันการลงคะแนนในโลก Metaverse โดยเมื่อเกิดขึ้นจริง โอกาสที่เหรียญ LHINU จะมีมูลค่าเพิ่มนั้นก็แทบจะไร้ขีดจำกัด

ตอนนี้ Love Hate Inu อยู่ในช่วงสัปดาห์แรกๆ ของการเปิด Pre-sale ซึ่งแต่ละเหรียญมีราคา $0.000085 โดยราคาขาย Pre-sale จะเพิ่มขึ้นทุกสัปดาห์จนกว่าเหรียญจะเปิดตัวในเดือนพฤษภาคมที่ราคา 0.000145 ดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มขึ้น 70% จากราคาการซื้อในครั้งแรก ซึ่งการลงทุน 30,000 บาทในช่วงสัปดาห์เปิดตัวจะมีมูลค่าประมาณ 1,700 ดอลลาร์ในราคาเปิดตัวในเดือนพฤษภาคม 2023

เริ่มพรีเซลล์8 มีนาคม 2023
วิธีการซื้อETH, USDT, บัตรเครดิต/เดบิต 
เชนEthereum
ลงทุนขั้นต่ำไม่มี
ลงทุนสูงสุดไม่มี

ซื้อ Love Hate Inu ตอนนี้

2. กองทุนรวมดัชนีหุ้น – กองทุน Dollar-Cost Average ยอดนิยมย่าง S&P 500

ใครมีคำถามว่ามีเงิน 1000 ลงทุนอะไรดี? การกระจายความเสี่ยงคือสิ่งสำคัญที่สุด ที่แม้พรีเซลล์คริปโตจะมีโอกาสมูลค่าเพิ่มสูง แต่นักลงทุนก็ไม่ควรลงทุนในสินทรัพย์เดียว เมื่อคิดว่าจะลงทุนอะไรดีตอนนี้ ตลาดหุ้นก็เป็นตัวเลือกการกระจายความเสี่ยงจากเหรียญคริปโต

แม้นักลงทุนบางคนจะชอบเลือกหุ้นเอง แต่การลงทุนในกองทุนดัชนีหุ้นนั้นดีกว่ามาก ซึ่งเป็นการลงทุนในกลุ่มหุ้นของบริษัทหรือเจ้าของบริษัทคนเดียว

เช่น ผู้ที่ต้องการลงทุนในเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จะเลือก S&P 500 ซึ่งสร้างผลกำไรเฉลี่ยต่อปีที่ 10% ตั้งแต่เปิดตัวในปี 1926 และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์หุ้นในสหรัฐฯ จำนวน 500 บริษัท (Nasdaq หรือ NYSE) แต่จะมีการปรับสมดุลทุกสามเดือน

Vanguard Total Stock Market Index Fund Admiral Shares กองทุนรวมดัชนีหุ้น

ซึ่งมั่นใจได้ว่า S&P 500 ยังคงสะท้อนภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐในวงกว้าง อย่างน้อยก็ในแง่ของมูลค่าหุ้นและการเคลื่อนไหวของราคา นักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงไปอีกระดับอาจพิจารณากองทุนรวมดัชนีตลาดหุ้นจาก Vanguard และ iShares

กองทุนดัชนีนี้ประกอบด้วยหุ้นกว่า 4,000 หุ้นในบริษัททุกขนาด นักลงทุนบางคนชื่นชอบ Dow Jones ซึ่งมีหุ้นบลูชิป 30 หุ้นจากกลุ่มบริษัทมากมาย กองทุนรวมดัชนีหุ้นเสนอการกระจายความเสี่ยงและการเข้าสู่ตลาดหุ้นแบบพาสซีฟ ซึ่งเหมาะกับมือใหม่ที่กังวลว่ามีเงินเอาไปลงทุนอะไรดี?

3. หุ้นที่รองรับภาวะเศรษฐกิจถดถอย – ลงทุนในบริษัทที่ทำผลงานได้ดีในช่วงภาวะเศรษฐกิจถดถอย  

มีหลายกลยุทธ์การลงทุนอะไรให้เงินงอกเงยในช่วงภาวะเศรษฐกิจถดถอย ที่ผ่านมาได้ชี้ให้เห็นว่าบางบริษัทมักจะทำได้ดีเมื่อเศรษฐกิจกำลังถดถอย ซึ่งก็มีอุตสาหกรรมบางประเภทที่ควรหลีกเลี่ยงในช่วงที่เศรษฐกิจถดถอยเช่นกัน

ที่สำคัญ ในช่วงภาวะเศรษฐกิจถดถอย ค่าใช้จ่ายที่ไม่มีความจำเป็นเป็นสิ่งสำคัญ เช่น วันหยุดพักผ่อน แฟชั่น การแต่งบ้าน และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ส่วนค่าใช้จ่ายที่มีความจำเป็นก็แทบไม่ถูกแตะในช่วงเศรษฐกิจถดถอย

คิดตามแนวทางของร้านขายของชำ สาธารณูปโภค และยา ซึ่งเมื่อประเมินว่าจะลงทุนในหุ้นใด นักวิเคราะห์ตลาดจำนวนมากจะแนะนำให้เน้นไปที่บริษัทกลุ่มธุรกิจดังกล่าว เช่น หุ้น Walmart ซึ่งมักเป็นที่ชื่นชอบของนักลงทุนในช่วงที่เศรษฐกิจถดถอย เพราะขายของชำในราคาถูก

Vanguard Consumer Staples Index Fund ETF

Dollar General ยังถือเป็นหุ้นที่รองเศรษฐกิจถดถอยอีกด้วย เนื่องจากบริษัทมีร้านค้าลดราคาเกือบ 17,000 แห่งทั่วอเมริกา ในแง่ของสาธารณูปโภค ลองดูบริษัทที่ขึ้นชื่อในเรื่องครัวเรือน

Johnson & Johnson และ Procter & Gamble ก็ได้รับความนิยมเช่นกัน เนื่องจากบริษัทเหล่านี้ขายผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในครัวเรือนทั่วโลก แต่แทนที่จะลงทุนในหุ้นที่รองรับเศรษฐกิจถดถอย ก็อาจจะดีกว่าหากคำนึงถึงกองทุนรวมดัชนีที่กระจายความเสี่ยงได้ทันที เช่น Vanguard Consumer Staples ETF ที่ลงทุนในบริษัทหลัก 100 แห่ง

4. พันธบัตรชดเชยเงินเฟ้อ – ก้าวนำอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นด้วยตราสารหนี้   

อัตราเงินเฟ้อเป็นประเด็นสำคัญไปทั่วโลกในปีที่ผ่านมา และส่งผลให้กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง และลูกค้ารายย่อยจำนวนมากต่างกำลังคิดว่าจะลงทุนอะไรดีในช่วงเงินเฟ้อ ซึ่งสินทรัพย์แบบดั้งเดิม เช่น กองทุนดัชนีหุ้นก็กำลังมีแนวโน้มขาลง

สิ่งนี้ทำให้ผลของเงินเฟ้อน่าตกใจยิ่งขึ้น ซึ่งการลงทุนที่ช่วยชดเชยระดับเงินเฟ้อที่สูงคือพันธบัตรชดเชยเงินเฟ้อหรือ TIP ซึ่งออกโดยรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งมีหน้าที่ติดตามการขึ้นและลงของอัตราเงินเฟ้อ

พันธบัตรชดเชยเงินเฟ้อ

เมื่ออัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น อัตราผลตอบแทนของ TIP ก็เพิ่มเช่นกัน แม้ว่าสิ่งนี้จะไม่ช่วยให้นักลงทุนทำกำไรได้ แต่อย่างน้อยก็ช่วยคงความมั่งคั่งไว้จนกว่าระดับเงินเฟ้อจะกลับไปสู่ระดับเป้าหมาย นอกจากนี้ TIP ยังได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ ดังนั้นจึงมีความเสี่ยงเพียงเล็กน้อยที่จะขาดทุน

5. โลหะมีค่า – สินทรัพย์ยอดนิยมน่าถือในช่วงที่เศรษฐกิจไม่เสถียร    

โลหะมีค่าเช่นทองคำและเงินถูกใช้เป็นเงินตรามาตั้งแต่ถูกใช้งาน แม้ว่าโลหะมีค่าจะไม่ค่อยถูกใช้ในการแลกเปลี่ยน แต่ก็มักจะเป็นตัวเก็บมูลค่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่ภาวะถดถอยใกล้เข้ามาและมีความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจในตลาดโลก

การทำกำไรจากโลหะมีค่านั้นไม่จำเป็นต้องซื้อแท่งทองคำหรือเงิน แต่สินทรัพย์ทั้งสองประเภทนี้สามารถเข้าถึงได้ง่ายๆ ผ่านกองทุน ETF ที่ถูกหนุนโดยโลหะมีค่า ซึ่งหมายความว่าจริงๆ แล้ว การลงทุนจะสอดคล้องกับราคาโลกอย่างใกล้ชิด

SPDR Gold Trust ทองคำ

อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ ETF โลหะมีค่าคือการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งหมายความว่านักลงทุนสามารถถอนเงินออกได้ทุกเมื่อ แทนที่จะต้องพยายามหาคนมาซื้อเหรียญหรือทองแท่ง นอกจากนี้ ETF โลหะมีค่าก็มีค่าธรรมเนียมกองทุนเพียง 0.5% ต่อปีเท่านั้น

6. หุ้นเทคโนโลยี – ซื้อหุ้นเทคโนโลยีชั้นนำในตอนที่ราคาถูก      

ในแง่หนึ่ง หุ้นเทคโนโลยีจะได้รับผลกระทบหนักที่สุดในภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งเกิดกับหุ้นหลายตัวในตลาดหลักทรัพย์ตลอดปี 2022 โดยตลาดดูเหมือนจะสนับสนุนบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมสินค้าจำเป็น จากที่กล่าวมา นักลงทุนระยะยาวอาจพบว่าระดับราคาปัจจุบันน่าสนใจ

เช่น หุ้น Amazon ลดลง 47% ในช่วง 12 เดือนก่อนหน้า ซึ่งหมายความว่าตั้งแต่นั้นมา มูลค่าบริษัทได้ลดลงถึงระดับล้านล้านดอลลาร์ และ Alphabet บริษัทแม่ของ Google มูลค่าลดลง 42% ในปีนี้ การล่มสลายของ Meta Platforms ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Facebook และ Instagram ก็มีความสำคัญอย่างมาก โดยหุ้นลดลงกว่า 70% ในปีนี้

หุ้น amazon

สิ่งสำคัญคือหุ้นดังกล่าวมอบโอกาสในการลงทุนแบบกระจายความเสี่ยงในหุ้นเทคโนโลยีในราคาที่ถูกลงอย่างมาก นี่คือคาดการณ์ว่าเมื่อตลาดกลับมาเป็นขาขึ้น อุตสาหกรรมเทคโนโลยีจะกลับคืนสู่จุดสูงสุดเดิม แต่แน่นอนว่าไม่มีการรับประกันว่าจะเป็นเช่นนั้น ใครที่หุ้นเทคโนโลยีควรทำกำไรในกลุ่มสินทรัพย์อื่นด้วย

7. Bond ETF – ป้องกันความเสี่ยงจากตลาดหุ้นด้วยการกระจายความเสี่ยงในตราสารหนี้       

สงสัยว่ามีเงิน 1000 ลงทุนอะไรดี? เราแนะนำให้ลดความเสี่ยงของตลาดหุ้นด้วยการลงทุนในตราสารหนี้ ซึ่งการเลือกลงทุนในตราสารหนี้แต่ละประเภทไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุด เนื่องจากนักลงทุนจำเป็นต้องศึกษาตลาดอย่างจริงจัง และอาจจะคุ้มค่าที่จะพิจารณากองทุนรวมดัชนีที่ให้การเข้าถึงตราสารได้หลากหลาย

เช่น ETF ของ Vanguard Total International Bond เสนอการเข้าถึงตราสารหนี้เกือบ 6,800 รายการจากทั่วโลก ด้วยการจัดการกองทุนแบบพาสซีฟในตราสารหนี้ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี แคนาดา สหราชอาณาจักร สเปน ออสเตรเลีย อเมริกา และอีกมากมาย

Vanguard Total International Bond ETF

นักลงทุนใน Bond ETF นี้จะได้รับส่วนแบ่งจากการจ่ายคูปองเป็นรายเดือน นอกจากนี้ ETF ของ Vanguard Total International Bond ยังเรียกเก็บอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อปีเพียง 0.07%

8. บิทคอยน์ – ลงทุนในมูลค่าอนาคตในตอนที่เหรียญคริปโตยังใหม่อยู่       

แม้ก่อนหน้านี้เราจะพูดถึงเหรียญคริปโต แต่ก็เกี่ยวข้องกับการเปิดตัวพรีเซลล์ใหม่ๆ เท่านั้น ด้วยเหตุนี้เมื่อประเมินถึงสินทรัพย์ที่มีการเติบโตสูงที่น่าลงทุน เหรียญคริปโตที่เป็นที่ยอมรับก็ควรพิจารณาด้วยเช่นกัน เพราะตลาดคริปโตยังอยู่ในช่วงต้นเท่านั้นเมื่อเทียบกับหุ้น

กำลังสงสัยว่ามีเงิน 10000 ลงทุนอะไรดีและเหรียญคริปโตที่น่าลงทุนคือเหรียญใด? นักวิเคราะห์ตลาดหลายคนอธิบายว่ามือใหม่ควรเลือกซื้อบิทคอยน์มากกว่าเหรียญคริปโตอื่นๆ เพราะบิทคอยน์เป็นเหรียญคริปโตดั้งเดิมและมีค่ามากที่สุด รวมทั้งเรียกได้ว่าเป็นเหรียญคริปโตน่าขุดที่สุดในโลกคริปโต มีการกระจายอำนาจอย่างแท้จริงโดยไม่มีหน่วยงานเกี่ยวข้องในเครือข่ายบิทคอยน์แต่อย่างใด

Bitcoin to United States Dollar บิทคอยน์

นอกจากนี้ยังมีกองทุนบริหารความเสี่ยงที่ลงทุนในบิทคอยน์และยังมีตลาดฟิวเจอร์สเต็มรูปแบบที่เปิดบริการตั้งแต่ปี 2017 ตลอดช่วงครึ่งหลังของปี 2022 บิทคอยน์ยังมีราคาที่ระดับประมาณ 20,000 ดอลลาร์ สิ่งนี้แสดงถึงจุดราคาที่ต่ำกว่า 70% ของราคา All Time High เดิม

หมายความว่าเหรียญมีราคาถูกลงอย่างมาก หากบิทคอยน์สร้างจุดสูงสุดใหม่ในช่วงตลาดขาขึ้นครั้งถัดไป นอกจากนี้การกระจายความเสี่ยงในตลาดแบบนี้ ก็อาจคุ้มค่าที่จะพิจารณา ETF เหรียญคริปโต และกองทุนดัชนี และเป็นไปได้ที่จะลงทุนในบิทคอยน์ พร้อมเหรียญคริปโตอื่นอีกกว่า 70 สกุลที่ eToro ในราคาเริ่มต้นเพียง $10

คุณอาจจะต้องศึกษาแนวโน้มราคาบิทคอยน์ให้ดีก่อนว่า ทิศทางราคาในอนาคตจะเป็นอย่างไร โดยอ่านจากบทความของเรา

9. หุ้นปันผล – เน้นหุ้นที่มีสถิติมูลค่าราคาที่จ่ายเงินปันผลในระยะยาว        

หุ้นปันผลยังเป็นที่ต้องการอย่างมากในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจไม่มีเสถียรภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่นำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย อย่างไรก็ตามก็เป็นการดีที่สุดที่จะมุ่งเน้นไปที่บริษัทที่มีนโยบายจ่ายเงินปันผลมาอย่างยาวนานและได้รับการพิสูจน์แล้ว แทนที่จะมุ่งเน้นไปที่ผลตอบแทนสูงสุด

เพราะบริษัทที่ให้ผลตอบแทนสูงผิดปกติมักจะไม่สามารถคงผลตอบแทนได้ในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัว แต่ให้พิจารณาถึงบริษัทที่จ่ายและเพิ่มขนาดการจ่ายเป็นเวลา 25 และ 50 ปีติดต่อกัน เหมาะสำหรับคนสงสัยว่ามีเงิน 30000 ลงทุนอะไรดี?

Nordson Corp stock price หุ้นปันผล

มีหุ้นปันผลจำนวนมากที่เข้าเกณฑ์ดังกล่าว และตัวอย่างยอดนิยม ได้แก่ Coca-Cola, Johnson & Johnson, Stanley Black & Decker และ Nordson หากสงสัยว่าหุ้นที่น่าลงทุนตอนนี้คืออะไร? นักลงทุนยังสามารถกระจายความเสี่ยงได้โดยการลงทุนใน ETF กลุ่มหลักทรัพย์ที่มีการเติบโต เพื่อเปลี่ยนการลงทุนให้กลายเป็นรายได้

10. กองทุน RMF – เริ่มต้นด้วยแผนการลงทุนลดหย่อนภาษีระยะยาว

นอกจากการประเมินว่าจะลงทุนอะไรดีแล้ว การประเมินภาระภาษีก็มีความสำคัญเช่นกัน และกองทุน RMF ก็เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม ซึ่งเป็นกองทุนออมเงินเพื่อการเกษียณในระยะยาว

โดยมีเงื่อนไขก็คือต้องลงทุนอย่างน้อย 5 ปี และมีอายุครบ 55 ปี จึงสามารถขายคืนกองทุนเพื่อนำเงินมาใช้ได้ ซึ่งกองทุน RMF จะมีนโยบายการลงทุนมากมาย ได้แก่ หุ้น ตราสารหนี้ อสังหาริมทรัพย์ ทองคำ ให้นักลงทุนได้เลือกลงทุนได้ตามระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ของตน

ซึ่งการจะลงทุนให้เห็นผลนั้น นักลงทุนจะต้องลงทุนอย่างต่อเนื่องทุกปี (เว้นได้ไม่เกิน 1 ปี) ยกเว้นว่าถ้าปีนั้นๆ นักลงทุนไม่มีรายได้ ก็จะไม่จำเป็นต้องลงทุน โดยภายในระยะเวลาการลงทุน 5 ปี จะนับเฉพาะปีที่มีการซื้อหน่วยการลงทุนเท่านั้น ซึ่งเป็นการสะสมเงินและเป็นการลงทุนอะไรให้เงินงอกเงยที่ดีที่สุดนั่นเอง

วิธีเลือกว่าจะลงทุนอะไรดีเพื่อให้ได้ผลตอบแทนสูง

เราได้กล่าวถึงสินทรัพย์ทุกประเภทไปแล้ว ตั้งแต่พรีเซลล์คริปโต หุ้นเทคโนโลยี ไปจนถึงโลหะมีค่า และกองทุนดัชนี แต่สิ่งสำคัญสำหรับนักลงทุนคือการสร้างพอร์ตการลงทุนของตนเองตามเป้าหมายและความเสี่ยงที่รับได้

ด้านล่างนี้เราจะอธิบายประเด็นสำคัญบางประการที่ควรพิจารณาเมื่อประเมินว่าควรลงทุนอะไรดีในตอนนี้

ระยะเวลาการลงทุน

ก่อนเริ่มเส้นทางการลงทุน ขอแนะนำให้มือใหม่พิจารณาระยะเวลาที่พวกเขาวางแผนจะใช้ในตลาดนี้

เช่น นักลงทุนบางรายต้องการสร้างพอร์ตระยะยาวของสินทรัพย์โดยรักษาเงินก้อนให้มั่นคงเมื่อถึงวัยเกษียณ นี่เป็นกลยุทธ์ที่ควรพิจารณา เนื่องจากนักลงทุนระยะยาวสามารถผ่านวัฏจักรตลาดได้

กลับกัน นักลงทุนบางส่วนจะติดตามแนวโน้มและสร้างผลกำไรในระยะสั้น แม้ว่านักเทรดระยะสั้นจะนำหน้าตลาด แต่ก็จำเป็นต้องมีกลยุทธ์การลงทุนที่เน้นไปที่การศึกษาและวิเคราะห์

ผลตอบแทนที่ต้องการ

นักลงทุนยังต้องประเมินถึงผลตอบแทนที่ต้องการเมื่อประเมินว่าจะลงทุนอะไรดีในตอนนี้

  • ตัวอย่างเช่น การลงทุนใน TIP จะไม่ทำอะไรไปมากไปกว่าการติดตามอัตราเงินเฟ้อในปัจจุบัน
  • แม้ว่าจะช่วยรักษาความมั่งคั่งในช่วงเวลาที่อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น แต่จะไม่สามารถทำกำไรได้
  • แต่พรีเซลล์คริปโตและหุ้นเทคโนโลยีอาจให้สร้างกำไรได้สูงที่สุด
  • ตัวอย่างเช่น Love Hate Inu กำลังเสนอการโทเค็น LHINU ในราคาถูกผ่านแคมเปญ Pre-sale ที่กำลังดำเนินอยู่ ซึ่งสามารถสร้างผลตอบแทนได้ประมาณ 70% เมื่อเปิดตัว

และคล้ายกับหุ้น IPO มูลค่า LHINU ก็คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเมื่อเหรียญถูกลิสต์ลงกระดานแลกเปลี่ยนคริปโต

ระดับของความเสี่ยงที่ยอมรับได้

ระดับของความเสี่ยงที่ยอมรับได้เป็นสิ่งสำคัญในการประเมินว่าจะลงทุนอะไรดีในตอนนี้

เช่น บริษัทที่จ่ายเงินปันผลเสมอนั้นถือว่าค่อนข้างมีความเสี่ยงต่ำ เนื่องจากได้จ่ายและเพิ่มขนาดเงินปันผลเป็นเวลาอย่างน้อย 25 หรือ 50 ปีตามลำดับ

แต่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีถือว่ามีความเสี่ยงสูงมาก โดยเฉพาะในช่วงเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งบริษัท เช่น Amazon และ Meta Platforms มักจะทำได้ดีขึ้นเมื่อเศรษฐกิจโลกแข็งแกร่ง

สภาพคล่อง

นักลงทุนควรมองเห็นความสำคัญของสภาพคล่องเมื่อต้องขายเงินลงทุน ผู้ที่อาจต้องการเข้าถึงเงินสดอย่างรวดเร็วควรลงทุนในสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูงเท่านั้น เช่น หุ้น เหรียญคริปโต และกองทุนดัชนี

แต่ผู้ลงทุนระยะยาวอาจพิจารณาถึงตราสารหนี้และอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งอาจใช้เวลาขายนานกว่าในช่วงภาวะเศรษฐกิจถดถอยในวงกว้าง

บทสรุปเกี่ยวกับการลงทุนอะไรดี

การรู้ว่าควรลงทุนอะไรดีในตอนนี้นั้นขึ้นอยู่กับนักลงทุนแต่ละคน โดยมือใหม่ที่มีคำถามว่ามีเงิน 100000 ลงทุนอะไรดีก็ควรพิจารณาถึงความเสี่ยงที่รับได้และเวลาที่คาดหวังในตลาดเพื่อสร้างพอร์ตที่เหมาะสมกับเป้าหมายทางการเงินของตน

ทั้งนักลงทุนระยะยาวและสั้นอาจพิจารณาพรีเซลล์คริปโตคุณภาพสูงที่โดดเด่นที่สุด เช่น Love Hate Inu ที่ปัจจุบันเป็นการ Pre-sale ที่โดดเด่นในตลาด โดยเป็นโปรเจกต์ vote-to-earn ที่ระดมทุนไปแล้วกว่า 400,000 ดอลลาร์ในช่วงสองสามวันแรก และมีศักยภาพที่จะเป็นหนึ่งในเหรียญคริปโตที่น่าลงทุนในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

ปัจจุบันโทเค็น LHINU วางจำหน่ายในรอบแรกของการ Pre-sale ในราคาเพียง $0.000085 และจะเพิ่มขึ้น 70% เป็น $0.000145 เมื่อการ Pre-sale สิ้นสุดในเดือนพฤษภาคม

Categories
Bitcoins การลงทุน

มีเงิน 30,000 ลงทุนอะไรดีสุด อัพเดท 2023 [ได้เงินเร็ว!]

แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยจะสูงขึ้นทั่วโลก แต่บัญชีธนาคารแบบดั้งเดิมในสหรัฐฯ และยุโรปยังคงให้ดอกเบี้ยเพียง 0.1% ต่อปี

ซึ่งใครมีเงิน 30,000 ลงทุนอะไรดีอาจพิจารณานำเงินไปใช้ในการลงทุนให้งอกเงย

โดยเราจะอธิบายว่ามีเงิน 30,000 ลงทุนอะไรดีในสินทรัพย์ประเภทต่างๆ เช่น หุ้น, กองทุนรวมดัชนีหุ้น, กองทุน ETF, โภคภัณฑ์, NFT, และอื่นๆ

10 วิธีที่ดีที่สุดหากมีเงิน 30,000 ลงทุนอะไรดีในปี 2023

ด้วยโอกาสทำกำไรและความเสี่ยงที่รับได้ ใครมีเงิน 30,000 ลงทุนอะไรดี อาจพิจารณาสินทรัพย์ด้านล่าง:

  1. เหรียญคริปโต Pre-sale ที่มีศักยภาพสูงเช่น Love Hate Inu – การลงทุนด้วยเงิน 30,000 ที่ดีที่สุดในปี 2023
  2. หุ้น – กระจายความเสี่ยงด้วยหุ้นสหรัฐและต่างประเทศ
  3. กองทุน ETF – เข้าถึงสินทรัพย์หลายรายการผ่านการซื้อขายครั้งเดียว
  4. กองทุนสํารองเลี้ยงชีพ – การลงทุนระยะยาวเพื่อการเกษียร
  5. บัญชีดอกเบี้ยคริปโต – สร้าง Passive Income ด้วยเหรียญคริปโตยอดนิยม
  6. กองทุนรวมดัชนีหุ้น – ลงทุนในกองทุนยอดนิยม เช่น S&P 500 หรือ ดาวโจนส์
  7. Staking เหรียญคริปโต – รับผลตอบแทนจากการล็อกเหรียญคริปโต
  8. Copy Trade – เทรดตามเทรดเดอร์มืออาชีพโดยอัตโนมัติ
  9. NFT – ซื้อ NFT ราคาถูกและขายในราคาแพง
  10. สินค้าโภคภัณฑ์ – ป้องกันความเสี่ยงจากตลาดหุ้นด้วยกำไรจากสินค้าโภคภัณฑ์

ไปยัง Love Hate Inu ตอนนี้

มือใหม่ควรลงทุนอะไรดีอาจเป็นเรื่องยากได้ ซึ่งหากถามว่ามีเงิน 30,000 ลงทุนอะไรดีก็สำคัญที่นักลงทุนต้องศึกษาอย่างละเอียด

เจาะลึกกับเรื่องมีเงิน 30,000 ลงทุนอะไรดี?

หากถามว่าลงทุนอะไรดี? ควรพิจารณาถึงประเภทสินทรัพย์ต่างๆ เพื่อเลือกการลงทุนที่เหมาะกับเป้าหมายและความเสี่ยงที่ตนรับได้ที่สุด

ตอนนี้ผลิตภัณฑ์การลงทุนส่วนใหญ่สามารถเข้าถึงได้ทางออนไลน์และกระจายความเสี่ยงได้ง่าย

เราจะดู 10 วิธีมีเงิน 30,000 ลงทุนอะไรดีอย่างง่ายๆ เรายังมีคู่มือมีเงิน 200,000 ลงทุนอะไรดี และมีเงิน 300,000 ลงทุนอะไรดี หากต้องการลงทุนมากขึ้น

1. เหรียญคริปโต Pre-sale ที่มีศักยภาพสูงเช่น Love Hate Inu – การลงทุนด้วยเงิน 30,000 ที่ดีที่สุดในปี 2023

เหรียญคริปโต Pre-sale เป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมสำหรับนักลงทุนในการลงทุนในเหรียญก่อนที่เหรียญจะเข้าสู่ตลาดอย่างเป็นทางการ คล้ายกับการซื้อหุ้น IPO ของบริษัทก่อน โดยการซื้อเหรียญคริปโตมาใหม่ในขณะที่อยู่ในช่วง Pre-sale อาจทำกำไรได้มากที่สุดในการลงทุน

โดยจะยังมีความเสี่ยงอยู่ เหรียญคริปโตทั้งหมดมีความผันผวนมากกว่าการลงทุนแบบดั้งเดิมนอกจากนี้ยังมีเหรียญคริปโตบางสกุลที่เป็นที่ทราบกันดีว่ามีการโกงนักลงทุนรายแรกๆ ทำให้ราคาลดลงหลังจากเปิดตัว

อย่างไรก็ตาม หากคุณสามารถหาโปรเจกต์คริปโตที่เชื่อถือได้และใช้งานได้จริง การลงทุนในโปรเจกต์นั้นอาจเป็นหนึ่งในการตัดสินใจทางการเงินที่ดีที่สุดในชีวิตของคุณ ยกตัวอย่างเช่น Lucky Block ในช่วง Pre-sale เหรียญได้ถูกขายในราคา $0.00015 นั่นหมายถึงหากมีเงิน 30,000 และลงทุนใน Lucky Block ที่ราคา Presale จะได้โทเค็นมากกว่า 6.6 ล้านโทเค็น

หลังจากเปิดตัวอย่างเป็นทางการได้ไม่นาน ราคา Lucky Block ก็พุ่งสูงขึ้นถึง 0.009 ดอลลาร์ต่อเหรียญ ทำให้เหรียญ 6.6 ล้านเหรียญเหล่านั้นมีมูลค่าประมาณ 60,000 ดอลลาร์ นั่นคือเงินการลงทุนที่เพิ่มขึ้น 6,000% ภายในไม่กี่สัปดาห์หลังจากเริ่มขาย Pre-sale 

แน่นอนว่าไม่ใช่เหรียญคริปโต Pre-sale ทั้งหมดจะมีศักยภาพแบบนั้น สิ่งสำคัญคือเมื่อวิเคราะห์เหรียญคริปโต Pre-sale เพื่อให้แน่ใจว่าเหรียญดังกล่าวมีประโยชน์จริง โดยกุญแจสู่ความสำเร็จของเหรียญคริปโตคือความนิยมและการใช้งานจริง นั่นคือจุดเริ่มต้นของเหรียญคริปโต Pre-sale อันดับต้นๆ ของเราอย่าง Love Hate Inu

Love Hate Inu – เหรียญคริปโต Pre-sale ที่น่าสนใจที่สุดและวิธีที่ดีเมื่อมีเงิน 30,000 ลงทุนอะไรดีสุด

Love Hate Inu เป็นหนึ่งในเหรียญคริปโต Pre-sale ที่น่าสนใจที่สุดในช่วงเวลาอันยาวนาน โดยเหรียญคริปโตใหม่ที่น่าสนใจนี้รวมความนิยมอย่างไม่น่าเชื่อของเหรียญมีมเช่น Dogecoin เข้ากับยูทิลิตี้ของ Ethereum

Love Hate Inu เป็นหนึ่งในเหรียญคริปโตแรกๆ ที่ใช้การ vote-to-earn ซึ่งเป็นระบบที่ผู้ใช้สามารถ stake เหรียญเพื่อโหวตและรับโทเค็นมากขึ้น โดยการ Vote-to-earn ใช้ Blockchain เพื่อรับประกันความถูกต้องของการลงคะแนนแต่ละครั้ง และมีการเรียกร้องให้รัฐบาลใช้เทคโนโลยีประเภทนี้ในการเลือกตั้ง Love Hate Inu ต้องการผสมผสานความนิยมอย่างไม่น่าเชื่อของเหรียญมีมเข้ากับประโยชน์จากการเป็นเหรียญ vote-to-earn

การ Pre-sale ของ Love Hate Inu เริ่มในวันที่ 8 มีนาคมและระดมทุนได้มากกว่า 200,000 ดอลลาร์ภายในสองวัน ในช่วงสัปดาห์แรกของการ Pre-sale ราคาของ Love Hate Inu อยู่ที่ 0.000085 ดอลลาร์ และจะเพิ่มขึ้นทุกสัปดาห์เป็นเวลา 2 เดือนจนกว่าจะเปิดตัว โดยจะวางจำหน่ายในราคา 0.000145 ดอลลาร์ นั่นหมายความว่า การลงทุน 30,000 ใน LHINU ในช่วงสัปดาห์เปิด Pre-sale จะได้รับเหรียญมากกว่า 11.7 ล้านเหรียญ ซึ่งจะมีมูลค่าประมาณ 1,700 ดอลลาร์เมื่อเปิดตัว

ความสำเร็จของเหรียญมีมนั้นขึ้นอยู่กับความนิยมเป็นหลัก ยิ่งเหรียญมีมได้รับความนิยมมากเท่าไหร่ การใช้งานก็จะยิ่งแพร่หลายมากขึ้นเท่านั้น และจะมีคอมมิวนิตี้ผู้สนับสนุนที่แข็งแกร่งขึ้นคอยสนับสนุน

นั่นเป็นเรื่องดีสำหรับ Love Hate Inu เนื่องจากคอมมิวนิตี้จะมีอิทธิพลโดยตรงต่อเหรียญ ในการเริ่มต้น เจ้าของ LHINU จะสามารถ stake เหรียญของพวกเขาเพื่อลงคะแนนในแบบสำรวจที่สร้างโดยผู้สร้างโพล อย่างไรก็ตาม ตามแผนการพัฒนาอย่างเป็นทางการ ผู้ใช้จะสามารถสร้างโพลของตัวเองได้ภายในสิ้นปีนี้ นั่นจะทำให้ชุมชนมีเสียงในการพัฒนา Love Hate Inu ร่วมด้วย

Love Hate Inu voting

สุดท้ายนี้ไอเดียคือให้ Love Hate Inu เป็นแพลตฟอร์มลงคะแนนที่ปลอดภัยในโลก Metaverse เนื่องจากผู้ลงคะแนนทุกคนจะต้อง stake ก่อนแล้วจึงเป็นเจ้าของโทเค็น LHINU ซึ่งทำให้มูลค่าเหรียญมีโอกาสเพิ่มขึ้นที่ไร้ขีดจำกัด

ในช่วง Pre-sale จำนวน 90% ของ 100 พันล้านเหรียญ LHINU ที่สร้างขึ้นจะพร้อมให้ซื้อ นี่คือเพื่อให้ว่าคอมมิวนิตี้ Love Hate Inu ถือโทเค็นส่วนใหญ่และรับประกันว่าจะไม่มีการโกงเนื่องจากมีบางโปรเจกต์ที่ได้โกงผู้ใช้ โดย 10% ของเหรียญจะถูกเก็บไว้สำหรับรางวัลชุมชน เพื่อให้ครอบคลุมค่าธรรมเนียมการลิสต์และสำหรับสภาพคล่อง

เริ่มพรีเซลล์8 มีนาคม 2023
วิธีการซื้อETH, USDT, บัตรเครดิต/เดบิต 
เชนEthereum
ลงทุนขั้นต่ำไม่มี
ลงทุนสูงสุดไม่มี

ซื้อ Love Hate Inu ตอนนี้

2. หุ้น – กระจายความเสี่ยงด้วยหุ้นสหรัฐและต่างประเทศ 

เมื่อคิดว่ามีเงิน 30,000 ลงทุนอะไรดีก็คือหุ้น ซึ่งเป็นตัวเลือกการลงทุนอะไรให้เงินงอกเงยที่เหมาะกับมือใหม่ ซึ่งเป็นตลาดที่ใครๆ ก็เข้าถึงได้ เพราะบัญชีโบรกเกอร์มุ่งเน้นไปที่ลูกค้ารายย่อยเป็นส่วนใหญ่ และนักลงทุนสามารถสร้างพอร์ตหุ้นได้ในราคาไม่กี่บาท

ผ่าน ‘การถือครองกรรมสิทธิ์แบบสัดส่วน’ ซึ่งหมายถึงสามารถซื้อหุ้นเพียงเล็กน้อยได้ ดูหุ้นของ UnitedHealth Group เป็นตัวอย่าง ตอนนี้หุ้นการแพทย์มีราคาถึง 500 ดอลลาร์ต่อหุ้น แต่กับโบรกเกอร์ eToro ให้ลงทุนเริ่มต้นได้ที่ $10 เท่านั้น และยังเป็นแอพการลงทุนที่ดีที่สุดสำหรับมือใหม่ ซึ่งหมายความว่าเทรดเดอร์สามารถซื้อขายหุ้นจากมือถือได้

หมายความว่าเงิน $10 นักลงทุนจะซื้อหุ้นประมาณ 2% ซึ่งเหมาะกับคนมีเงิน 30,000 ลงทุนอะไรดี เพราะจะสามารถกระจายความเสี่ยงผ่านกลุ่มบริษัทหลายๆ ประเภทได้

หุ้น tesla price chart

อีกข้อดีคือนักลงทุนมีตลาดให้เลือกมากมาย เช่น NASDAQ และ NYSE แต่โบรกเกอร์ออนไลน์หลายแห่งให้เข้าถึงตลาดหุ้นต่างประเทศได้แค่คลิกเดียว ซึ่งโบรกเกอร์บางรายจะให้ผู้ใช้ลงทุนในบริษัทสตาร์ทอัพได้

ตัวอย่างก็ได้แก่ ตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน ตลาดหลักทรัพย์โตเกียว และ Euronext ซึ่งให้นักลงทุนได้กระจายความเสี่ยงไปยังตลาดต่างประเทศเพื่อให้ไม่มุ่งเน้นที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ เกินไป ที่สำคัญคือตอนนี้สามารถลงทุนในหุ้นได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าคอมมิชชั่นใดๆ

ซึ่ง eToro จะไม่เก็บค่าธรรมเนียมใดๆ ในตลาดต่างประเทศ ส่วนคำถามว่าลงทุนอะไรผลตอบแทนสูง การลงทุนในหุ้นให้ผลตอบแทนสูงก็มี 2 รูปแบบด้วยกัน

แบบแรกคือการเพิ่มมูลค่าของหุ้น โดยในช่วง 5 ปี หุ้นของ Tesla เพิ่มขึ้นมากกว่า 1,000% ซึ่งการลงทุน 30,000 บาทก็จะคิดเป็นผลตอบแทน 300,000 บาท Tesla จึงเป็นหนึ่งในหุ้นที่ดีที่สุดในการลงทุน 30,000 บาท ก่อนหน้านั้นบางคนก็ต้องการลงทุนในหุ้นก่อน IPO ซึ่งซื้อได้ผ่าน Presale เท่านั้น

แบบสองคือการจ่ายเงินปันผล หุ้นหลายตัวจ่ายปันผล และมีอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยระหว่าง 2-4% โดยปกติ บริษัทจะจ่ายเงินปันผลทุกๆ สามเดือน และนักลงทุนเก่งๆ มักจะนำเงินทุนไปลงทุนซ้ำเพื่อรับดอกเบี้ยทบต้นในระยะยาว

3. กองทุน ETF – เข้าถึงสินทรัพย์หลายรายการผ่านการซื้อขายครั้งเดียว

ใครที่ถามว่าลงทุนอะไรได้เงินเร็ว อาจสนใจในกองทุน ETF แต่กองทุน ETF คืออะไร? กองทุน ETF คือเครื่องมือทางการเงินที่ให้นักลงทุนทำกำไรจากกลุ่มสินทรัพย์เพียงการซื้อขายครั้งเดียว

กองทุน ETF ยอดนิยมที่สุดคือ Vanguard S&P 500 ซึ่งเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกันกับดัชนี S&P 500 ด้วยการซื้อหุ้นในราคาเท่ากัน และอีกกองทุน ETF ที่ได้รับความนิยมคือ iShares Core Dividend Growth

ซึ่งติดตามหุ้นปันผล Coca-Cola, Cisco Systems, Johnson & Johnson และ Microsoft สิ่งสำคัญคือ ETF สามารถติดตามสินทรัพย์หรือตลาดใดก็ได้ โดยนักลงทุนไม่ต้องจัดการเอง

กองทุน ETF

เพราะ ETF จะจัดการให้ ซึ่งจะปรับสมดุลเป็นประจำ เว้นแต่ ETF จะถือครองสินทรัพย์ที่ไม่สร้างรายได้ เช่น สินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งนักลงทุนก็จะได้รับเงินปันผลเสมอเช่นกัน

โดยปกติจะจ่ายทุก 3 เดือนตามส่วนแบ่งในกองทุน โดยอีกข้อดีเมื่อมีเงิน 30,000 ลงทุนอะไรดีก็คือมีสภาพคล่องสูง ให้นักลงทุนสามารถเปลี่ยนสถานะ ETF เป็นเงินสดได้คลอดเวลาเมื่อตลาดเปิด

กองทุน ETF ส่วนใหญ่เทรดใน NYSE Arca ซึ่งผลตอบแทนจะขึ้นอยู่กับตลาดที่เลือกซึ่ง ETF ใช้อ้างอิง เช่น ETF ที่อิงตามพันธบัตรรัฐบาลมีแนวโน้มที่จะให้ผลตอบแทนน้อยกว่า แต่ก็มีความเสี่ยงน้อยลงเช่นกัน

กองทุน ETF

ส่วนหุ้น ETF ที่เติบโตจะมีความเสี่ยงสูงกว่า แต่ก็มีโอกาสมีมูลค่าเพิ่มด้วย ซึ่งนักลงทุนจะสามารถซื้อผ่าน eToro ที่มีกองทุน ETF กว่า 250 รายการโดยมีค่าคอมมิชชั่น 0% เริ่มต้น $10

นักลงทุนที่อยากทำกำไรจากพลังงานสีเขียวและการลดก๊าซพิษ อาจสนใจอ่านบทความเกี่ยวกับวิธีลงทุนในคาร์บอนเครดิผ่านฟิวเจอร์สและ ETF

4. กองทุนสํารองเลี้ยงชีพ – การลงทุนระยะยาวเพื่อการเกษียร

สำหรับใครที่มีเงิน 30,000 ลงทุนอะไรดี? เราขอแนะนำกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ซึ่งเป็นกองทุนที่นายจ้างและลูกจ้างร่วมกันจัดตั้งเพื่อเป็นการออมเงินไว้ใช้หลังการเกษียณอายุ ซึ่งเป็นสวัสดิการรูปแบบหนึ่งนั่นเอง

โดยเงินกองทุนจะมาจาก 2 อย่าง ได้แก่ เงินสะสม และ เงินสมทบ โดยเงินสะสมจะได้มาจากการหักเงินค่าจ้างของลูกจ้าง ในอัตราไม่ต่ำกว่า 2% แต่ไม่เกิน 15% ส่วนเงินสมทบจะเป็นเงินของนายจ้างที่สมทบเข้ากองทุนทุกครั้งหลังจ่ายเงินค่าจ้างในอัตราเดียวกัน

ซึ่งบริษัทจะจัดการนำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ เพื่อให้ได้ผลตอบแทนสูงสุดตามระดับความเสี่ยงที่รับได้และนโยบายการลงทุน ซึ่งกองทุนจะถูกจดทะเบียนกับ ก.ล.ต. เพื่อให้ลูกจ้างสามารถมั่นใจได้ว่าเงินจำนวนนี้จะเป็นของลูกจ้างทั้งหมด และไม่ผูกกับภาระใดๆ ของบริษัท

5. บัญชีดอกเบี้ยคริปโต – สร้าง Passive Income ด้วยเหรียญคริปโตยอดนิยม 

บัญชีออมทรัพย์จะจ่ายดอกเบี้ยแค่นิดเดียว ตอนนี้อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยของบัญชีออมทรัพย์อเมริกาอยู่ที่ 0.13% เท่านั้น ซึ่งหมายความว่าการลงทุน 1,000 ดอลลาร์ที่ 50 ปี จะได้ผลตอบแทนเพียง 1,067.11 ดอลลาร์

จึงมีทางเลือกอย่างบัญชีดอกเบี้ยคริปโตที่ได้รับการสนับสนุนโดยเหรียญคริปโต ซึ่งทำงานเหมือนกับบัญชีออมทรัพย์ทั่วไป โดยผู้ลงทุนจะได้รับอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก

แต่บัญชีดอกเบี้ยคริปโตจะให้อัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่า เช่น Crypto.com ที่ให้บัญชีดอกเบี้ยสูงสุด 14.5% ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขการล็อก

โดยผลตอบแทนจะแตกต่างกันไป เช่น บิทคอยน์จ่ายสูงสุด 3% จากการล็อก 3 เดือน Polygon จ่าย 7% ส่วน Stablecoin เช่น Tether และ Dai ซึ่งมุ่งเน้นให้มูลค่าเท่ากับเงินดอลลาร์จะให้ 6.5% ต่อปี

ซึ่งอาจดึงดูดนักลงทุนที่ไม่ชอบความผันผวนในเหรียญคริปโต และยังดึงดูดนักลงทุนระยะยาวชื่นชอบและได้รับประโยชน์จากมูลค่าที่เพิ่มขึ้นของโปรเจกต์

6. กองทุนรวมดัชนีหุ้น – ลงทุนในกองทุนยอดนิยม เช่น S&P 500 หรือ ดาวโจนส์    

ใครมีเงิน 30,000 ลงทุนอะไรดี? เราก็แนะนำกองทุนรวมดัชนีหุ้นที่ติดตามตลาดเฉพาะเช่น หุ้น พันธบัตร และสินค้าโภคภัณฑ์ โดยกองทุนที่ได้รับความนิยมสูงสุดคือกองทุนที่ติดตามดัชนีค่าเงินดอลลาร์อย่าง S&P 500 และ Dow Jones

S&P 500 เป็นดัชนีที่ติดตามหุ้นของบริษัทขนาดใหญ่ 500 ใน NASDAQ และ NYSE ซึ่งมีการ ‘ลงทุน’ ตามมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของบริษัทจดแต่ละแห่ง

บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Amazon, Apple และ Tesla จะมีเปอร์เซ็นต์มากกว่า Paypal และ Coinbase โดย S&P 500 มีเป้าหมายที่จะจำลองตลาดหุ้นสหรัฐให้ดีที่สุด ซึ่งประโยชน์หลักคือ S&P 500 ที่นำเสนอแนวทางระยะยาวและเชิงรับในตลาดหุ้น

Vanguard S&P 500 กองทุนรวมดัชนีหุ้น

S&P 500 จะปรับสมดุลทุกสามเดือน ซึ่งจะอิงตามแนวโน้มตลาด เช่น หาก Google มีมูลค่าเพิ่มในตลาด แต่ Apple มูลค่าลดลง ก็จะมีการให้เปอร์เซ็นต์ที่สูงขึ้นในการปรับรายไตรมาส

ตั้งแต่ก่อตั้งดัชนี S&P 500 ในปี 1926 ก็ได้สร้างกำไรเฉลี่ยที่ 10% ต่อปี ซึ่งเป็นสถิติมูลค่าราคาที่ครอบคลุมเกือบ 100 ปี โดยเมื่อลงทุนใน S&P 500 ผ่าน ETF ของ iShares หรือ SPDR ก็จะได้รับเงินปันผลประจำไตรมาส

ซึ่งเป็นการจ่ายเงินปันผลรายไตรมาสจาก S&P 500 โดยอีกหนึ่งกองทุนดัชนียอดนิยมคือ Dow Jones ซึ่ง S&P 500 จะติดตามหุ้นของบริษัท 500 แห่ง แต่ Dow Jones ติดตามเพียง 30 แห่ง ซึ่งต่างเป็นบริษัทชั้นนำจากภาคส่วนตลาดหุ้นที่แตกต่างกันไป

SPDR Dow Jones Industrial Average  ETF

บริษัท Dow Jones แต่ละแห่งมีประวัติการจ่ายเงินปันผลมาอย่างยาวนาน และก็ดำเนินการคล้ายกับ S&P 500 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าดัชนียังบ่งชี้ถึงเศรษฐกิจสหรัฐนั่นเอง โดย eToro ให้การเข้าถึงทั้ง S&P 500 และ Dow Jones ผ่าน ETF โดยไม่มีค่าคอมมิชชั่นและเริ่มต้นเพียง $10

ใครที่คิดว่าลงทุนอะไรดีความเสี่ยงน้อย โปรดอ่านคำวิธีลงทุนในกองทุนดัชนีตอนนี้ หรือวิธีลงทุนในกองทุนรวมก็น่าสนใจไม่แพ้กัน

7. Staking เหรียญคริปโต – รับผลตอบแทนจากการล็อกเหรียญคริปโต       

Staking เหรียญคริปโตได้รับความนิยมที่ให้นักลงทุนสร้างผลตอบแทนจากเหรียญคริปโตที่ไม่ได้ใช้ เพียงฝากเหรียญคริปโตลงใน Staking Pool ซึ่งจะล็อกโทเค็นไว้ตามจำนวนวันที่กำหนด

ซึ่งจะได้รับอัตราดอกเบี้ย และเมื่อระยะเวลาการ Staking สิ้นสุด ก็จะได้รับเงินฝากเริ่มต้นพร้อมดอกเบี้ยในระหว่างงวด หมายความว่าหากมูลค่าของเหรียญคริปโตเพิ่มขึ้นในขณะที่ถูกล็อก นักลงทุนก็จะได้ประโยชน์เช่นกัน

และนักลงทุนจะได้เหรียญคริปโตมากกว่าที่เริ่ม Staking โดยเราแนะนำ Quint ซึ่งเสนอ ‘Super Staking’ ซึ่งเหมือนกับการ Staking แบบดั้งเดิม แต่ให้รางวัลสูงขึ้น

quint super staking Staking เหรียญคริปโต

เพียงฝากเหรียญคริปโตลงใน Super Staking Pool ของ Quint นักลงทุนก็จะได้รับตั๋ว โดยยิ่งฝากโทเค็นมากขึ้นและยิ่งนักลงทุนเข้าร่วม Pool เร็วเท่าไหร่ก็จะยิ่งได้รับตั๋วมากขึ้นเท่านั้น และจะชนะรางวัลได้อีกด้วย

ตอนนี้ Super Staking Pool ของ Quint เสนอโอกาสชนะ Bored Ape Yacht Club NFT ซึ่งมีราคาขั้นต่ำกว่า 1 ล้านดอลลาร์ ก่อนหน้านี้ Quint เสนอ Pool ที่มีโอกาสชนะนาฬิกาหรู 1 ใน 2 เรือน มูลค่ากว่า 100,000 ดอลลาร์

ไม่ว่าจะชนะหรือแพ้ก็ยังคงได้รับดอกเบี้ยจากโทเค็น Quint ซึ่งหมายความว่าจะเป็นแรงจูงใจในการเข้าร่วม Super Staking Pool เพราะจะได้เงินฝากเดิมคืนหลังจากการแข่งขันสิ้นสุด

8. Copy Trade – เทรดตามเทรดเดอร์มืออาชีพโดยอัตโนมัติ

Copy Trade เป็นอีกตัวเลือกสำหรับใครที่มีเงิน 30,000 ลงทุนอะไรดี? ซึ่งเหมาะกับคนที่อยากเทรด แต่ไม่มีประสบการณ์เพียงพอ โดย eToro ก็ให้ผู้ใช้เทรดตามเทรดเดอร์มืออาชีพได้

โดยนักเทรดจะใช้ eToro ลงทุนผ่านนักลงทุนที่ผ่านการตรวจสอบกว่าหลายพันราย ซึ่งให้เลือกเทรดเดอร์ที่จะ Copy Trade และอาจพิจารณาจากผลตอบแทนในอดีตของแต่ละคน อัตราส่วนของกำไรสุทธิต่อเดือน ความเสี่ยง ตลาดที่ต้องการ และระยะเวลาการเทรด

หลังจากเลือก การลงทุนทั้งหมดจะถูกคัดลอกไปยังพอร์ตอัตโนมัติ แต่ก็เป็นความเสี่ยงเพราะที่เป็นสัดส่วนการลงทุน Copy Trading จะเริ่มต้นที่ $200 เช่น สมมติว่านักลงทุนตัดสินใจจัดสรรเงิน 1,000 ดอลลาร์ให้กับนักเทรดหุ้น eToro ที่มีประสบการณ์

etoro copy trading

หากตัดสินใจลงทุน 10% ในหุ้น Microsoft, และ 5% ลงในหุ้น iRobot ผู้ใช้ eToro จะได้หุ้น Microsoft และ iRobot มูลค่า $100 ในบัญชีโดยอัตโนมัติ รวมมูลค่า $200 หากนักลงทุนตัดสินใจขายหุ้น iRobot บัญชีผู้ใช้ก็จะขายด้วย

มีแพลตฟอร์ม Copy Trade มากมายในตลาด แต่ eToro ก็เป็นศูนย์รวมของผู้ใช้ส่วนใหญ่กว่า 25 ล้านบัญชี และยังได้รับการควบคุมโดย SEC, FCA, ASIC, และ CySEC

9. NFT – ซื้อ NFT ราคาถูกและขายในราคาแพง 

NFT เป็นตลาด Blockchain ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว โดย NFT นั้นประสบความสำเร็จอย่างสูง ด้วยคอลเล็กชัน Bored Ape Yacht Club และ Crypto Punks ที่ขายได้กว่าหลักล้านดอลลาร์

นักลงทุนไม่ต้องเสี่ยงลงทุนด้วยเงินจำนวนมาก เพราะมีคอลเล็กชันมากมายราคาถูก เพียงซื้อ NFT มาขายในราคาที่สูงขึ้นกว่าเดิม

แต่นักลงทุนต้องศึกษาเกี่ยวกับ NFT นั้นๆ เพื่อเข้าใจถึงศักยภาพในอนาคต เช่น นักลงทุนรายแรกๆ ซื้อ Bored Ape Yacht Club NFT เมื่อตอนเปิดตัวในเดือนเมษายน 2021 ในราคา $200 เท่านั้น

NFT Launchpad

ปีเดียวกัน NFT จาก Bored Ape มีราคาขายกว่า 3 ล้านดอลลาร์ นักลงทุนควรตรวจสอบเว็บ NFT Launchpad ซึ่งเป็นตลาดออนไลน์ที่ให้ครีเอเตอร์และคอลเล็กชันใหม่ๆ เปิดตัวซีรีย์ NFT สู่สาธารณะ

อีกตัวอย่างคือ NFT ของ Lucky Block ซึ่งให้การชนะรางวัล ได้แก่ บิทคอยน์มูลค่า 1 ล้านดอลลาร์หรือวันหยุดสุดหรูระดับ 5 ดาว โดยเมื่อ NFT ถูกซื้อ นักลงทุนก็จะได้รางวัลทันที

รางวัลจะจ่ายเป็น LBLOCK ซึ่งเป็นเหรียญหลักของ Lucky Block ไม่ว่านักลงทุนจะชนะหรือแพ้ก็จะได้ LBLOCK เป็นรางวัลตราบใดที่ถือ NFT เอาไว้ โดยนักลงทุนจะสามารถลิสต์ NFT ลงในตลาดเพื่อขายในราคาสูงขึ้น

10. สินค้าโภคภัณฑ์ – ป้องกันความเสี่ยงจากตลาดหุ้นด้วยกำไรจากสินค้าโภคภัณฑ์  

สังสัยวิธีเทรดสินค้าโภคภัณฑ์ในปี 2023? ซึ่งเป็นประเภทสินทรัพย์สุดท้ายที่ควรพิจารณาหากมีเงิน 30,000 ลงทุนอะไรดี โดยมีสินค้าประเภทต่างๆ มากมายที่ต้องพิจารณาในตลาด ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ทางการเกษตรหรือจากทรัพยากรธรรมชาติ

ซึ่งสินค้าโภคภัณฑ์นั้นมีมูลค่าที่แท้จริงและสินค้าโภคภัณฑ์บางชนิดก็ถูกมองว่าเป็นตัวเก็บมูลค่า จึงมักดึงดูดนักลงทุนในช่วงที่เศรษฐกิจไม่แน่นอน

มักมีการเข้าใจผิดว่าเพื่อลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์จะต้องซื้อทองคำแท่งจริงหรือบาร์เรลน้ำมันดิบ แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด เพราะหลายคนจะลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ผ่าน ETF เช่น SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ขนาดใหญ่ที่สนับสนุนโดยทองคำ

gold ETF สินค้าโภคภัณฑ์

ราคา ETF จะเพิ่มขึ้นและลดลงตามมูลค่าสปอตของโลหะมีค่า และนักลงทุนไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องการจัดเก็บทองคำจริง และสามารถขายออกได้เมื่อตลาดเปิด

eToro รองรับการถือครองกรรมสิทธิ์แบบสัดส่วน เพียง $10 และที่ eToro ยังไม่มีค่าคอมมิชชั่น แต่ทองคำและสินค้าโภคภัณฑ์อื่นเป็นตลาดที่เป็นวัฏจักร ซึ่งเหมาะกับใครที่กำลังศึกษาว่าลงทุนระยะสั้นอะไรดี

วิธีเลือกว่ามีเงินเอาไปลงทุนอะไรดีที่สุด

เราได้อธิบายถึง 10 วิธีมีเงิน 30,000 ลงทุนอะไรดีไปแล้ว ซึ่งแต่ละตลาดจะมีความเสี่ยงและโอกาสการทำกำไรที่ต่างกันไป

โดยเราจะอธิบายถึงวิธีหลักๆ เพื่อหาผลิตภัณฑ์การลงทุนที่เหมาะสมที่สุดสำหรับงบ 30,000

ความเสี่ยง

สิ่งสำคัญเมื่อมีเงิน 30,000 ลงทุนอะไรดีก็คือระดับความเสี่ยง เพราะการลงทุนทั้งหมดมีความเสี่ยงในระดับหนึ่ง แต่บางประเภทก็มีโอกาสสูงกว่าในการทำกำไร

ยิ่งนักลงทุนรับความเสี่ยงได้มากเท่าใด โอกาสผลกำไรก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น

เช่น เราพูดถึงเหรียญคริปโตอย่าง Lucky Block ที่มูลค่าเพิ่มขึ้น 6,000% อย่างไรก็ตาม  เหรียญคริปโตเคอเรนซี่ยังถือว่าเป็นประเภทสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงสำหรับหลายๆ คน ซึ่งเป็นผลจากการเก็งกำไร

ซึ่งแม้พันธบัตรสหรัฐฯ ที่แทบไม่มีความเสี่ยง แต่ก็ให้ผลตอบแทนประมาณ 1-2% ต่อปีเท่านั้น

เราขอแนะนำว่าควรเสี่ยงตามจำนวนเงินที่พร้อมเสียได้เท่านั้น

ผลตอบแทน

นักลงทุนควรพิจารณาระดับผลตอบแทนถ้ามีเงิน 30,000 ลงทุนอะไรดีด้วย เช่น การลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงต่ำนั้นให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 3% ต่อปี

แต่ด้วยงบ 30,000 บาท จะได้เพียง 90 บาทต่อปี ส่วนกองทุนดัชนี S&P 500 ให้กำไรเฉลี่ยปีละ 10% ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งเมื่อ 1926

เพื่อประเมินผลตอบแทนที่เหมาะสม ควรคำนึงถึงแผนการลงทุนระยะยาว

เช่น ในงบ 30,000 บาท นักลงทุนอาจจัดสรรเพิ่มอีก 1,000 ในทุกเดือน

ความผันผวน 

สินทรัพย์บางประเภทมีความผันผวนมากกว่า เช่น เหรียญคริปโต ซึ่งรวมถึงบิทคอยน์และ Ethereum

แม้ว่าตลาดคริปโตจะฟื้นตัวจากช่วงตลาดขาลงได้เสมอ แต่ระดับความผันผวนก็อาจทำให้มือใหม่ซื้อขายได้ลำบาก

แม้แต่หุ้นขนาดใหญ่ก็มีความผันผวน

  • เช่น หุ้น Tesla ในช่วง 52 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีราคาต่ำสุดที่ 620 ดอลลาร์ และสูงสุดที่ 1,243 ดอลลาร์
  • ตอนนี้ Tesla ซื้อขายต่ำกว่าระดับสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 30% และสูงกว่าระดับต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 40%

โดยรวม หุ้น Tesla เพิ่มขึ้น 23% ในช่วง 12 เดือนก่อนหน้าของการซื้อขาย

ค่าใช้จ่ายขั้นต่ำ  

ปัจจัยที่ต้องคำนึงเมื่อมีเงิน 30,000 ลงทุนอะไรดีคือสินทรัพย์บางประเภทจะมีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น

เช่น เมื่อลงทุนใน ETF โดยตรงกับ Vanguard จะมีค่าใช้จ่าย 500 ดอลลาร์ ซึ่งนักลงทุนจะต้องจัดสรร 50% ของเงินลงทุน 30,000 ลงในสินทรัพย์เดียว

หุ้น Goldman Sachs ที่ Ally Invest ซึ่งไม่รองรับหุ้นสัดส่วน นักลงทุนจะต้องซื้อหุ้นอย่างน้อยหนึ่งตัวในราคาถึง $300

โบรกเกอร์ที่สนับสนุนการถือครองกรรมสิทธิ์แบบสัดส่วนจะเอื้อต่อแผนการลงทุนระยะยาวในงบ 30,000 กว่า โดยหุ้นและ ETF ทั้งหมดที่ eToro สามารถซื้อได้ในราคา $10

พิจารณาถึงสภาวะตลาด

อีกวิธีหนึ่งเมื่อมีเงิน 30,000 ลงทุนอะไรดีคือการพิจารณาถึงสภาวะตลาด ซึ่งขึ้นอยู่กับสุขภาพของตลาด โดยผลิตภัณฑ์การลงทุนบางประเภทจะมีประสิทธิภาพดีกว่าผลิตภัณฑ์อื่นๆ

เมื่อตลาดหุ้นผ่านช่วงขาลง ตอนปลายปี 2007 ถึงต้นปี 2009 ทองคำมักมีประสิทธิภาพดี เช่นเดียวกับธนบัตรสหรัฐฯ ซึ่งเหมาะกับนักลงทุนที่ไม่ชอบความเสี่ยง

แต่เมื่อเศรษฐกิจแข็งแกร่งและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสูง ก็มักจะทำให้ตลาดหุ้นมีประสิทธิภาพดี

เมื่อประเมินว่าลงทุนอะไรดีตอนนี้ ก็อาจมุ่งเน้นไปที่สินทรัพย์ที่มีประสิทธิภาพดีในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน เช่น นักลงทุนอาจมองหากองทุนเพื่อการลงทุนที่ยั่งยืนที่ดีที่สุด

ลงทุน 30,000 ในอะไรดี?

ในแง่ของการลงทุนด้วยงบ 30,000 นักลงทุนจะค้นหาประเภทการลงทุนที่ดีที่สุดเพื่อกระจายความเสี่ยง

ซึ่งอาจรวมถึงหุ้น, ETF, กองทุนดัชนี และสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น พันธบัตรต่างประเทศและเหรียญคริปโต

เราพบว่าโปรเจกต์คริปโตใหม่อย่าง Love Hate Inu โดยในช่วง Pre-sale ที่ราคาถูกกว่า

ซื้อ Love Hate Inu ตอนนี้

บทสรุป

เราได้อธิบายว่ามีเงิน 30,000 ลงทุนอะไรดีในตลาด ซึ่งได้แก่ หุ้น, ETF, กองทุนดัชนี, และสินค้าโภคภัณฑ์

เหรียญคริปโตก็น่าพิจารณาเพราะมีประสิทธิภาพดีกว่าสินทรัพย์อื่นตลาดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

โดย Love Hate Inu ที่เป็นโปรเจกต์คริปโตใหม่ที่ได้รับแรงดึงดูดจากนักลงทุนจำนวนมากในช่วง Pre-sale โดยนักลงทุนสามารถซื้อโทเค็นในราคาเพียง $0.000085 ในตอนนี้

Love Hate Inu มีเอกลักษณ์เฉพาะสำหรับสถานะเหรียญมีมซึ่งมียูทิลิตี้พื้นฐานที่ยอดเยี่ยม โดยเหรียญดังกล่าวจะอยู่ในช่วง Pre-sale จนถึงเดือนพฤษภาคมซึ่งจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการด้วยราคาเริ่มต้นที่ 0.000145 ดอลลาร์ ซึ่งหมายความว่าผู้ที่ซื้อในช่วงแรกๆ จะมีโอกาสที่จะได้รับกำไร 70% ในเวลาเพียงสองเดือน

Categories
Bitcoins การลงทุน

มีเงิน 100,000 ลงทุนอะไรดี ให้งอกเงย 2023 [ผลตอบแทนสูง!]

การลงทุนเป็นหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดเพื่อสร้างความมั่งคั่งและเก็บออมเพื่อเป้าหมายทางการเงินที่ยิ่งใหญ่ เช่น การเกษียณอายุ แล้วมีเงิน 1 แสนลงทุนอะไรดี? ในบทความนี้เราจะอธิบายว่ามีเงิน 100,000 ลงทุนอะไรดีและ 10 วิธีการลงทุนในงบดังกล่าวที่ดีที่สุดในปี 2023

10 วิธีลงทุนด้วยงบ 100,000 ในปี 2023

มีเงิน 100,000 ลงทุนอะไรดี? นี่คือ 10 วิธีลงทุนด้วยงบ 100,000 ในปี 2023:

  • เหรียญคริปโต Pre-sale ที่มีศักยภาพสูงเช่น Love Hate Inu – การลงทุนเมื่อมีเงิน 100,000 ที่ดีที่สุดของเราในปี 2023
  • หุ้น – ลงทุนในบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในโลก
  • กองทุน ETF – ลงทุนในกลุ่มตลาดหรือประเทศ
  • กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ – ออมเงินเพื่อการเกษียณอายุ
  • บัญชีดอกเบี้ยคริปโต – รับดอกเบี้ยสูงพิเศษจากเหรียญคริปโต
  • กองทุนรวมดัชนีหุ้น – ติดตามประสิทธิภาพของตลาดหุ้น
  • Staking เหรียญคริปโต – รับรางวัลเหรียญคริปโตจากการสนับสนุน Blockchain
  • Copy Trade – เทรดหุ้น เหรียญคริปโต และอื่นๆ โดยอัตโนมัติ
  • NFT – ลงทุนในงานศิลปะดิจิทัลมูลค่าสูง
  • สินค้าโภคภัณฑ์ – เทรดน้ำมัน ก๊าซ กาแฟ และอื่นๆ

ไปยัง Love Hate Inu ตอนนี้

เจาะลึกว่ามีเงิน 100,000 ลงทุนอะไรดี?

เราจะอธิบายเพิ่มว่ามีเงิน 100,000 ลงทุนอะไรดีและสำรวจประเภทการลงทุนที่ดีที่สุดในงบ 1 แสน

1. เหรียญคริปโต Pre-sale ที่มีศักยภาพสูงเช่น Love Hate Inu – การลงทุนเมื่อมีเงิน 100,000 ที่ดีที่สุดของเราในปี 2023

เหรียญคริปโต Pre-sale เป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมสำหรับนักลงทุนในการเข้าถึงเหรียญใหม่ๆ ที่น่าสนใจในราคาถูก โดยช่วง Pre-sale จะให้ผู้ใช้งานกลุ่มแรกๆ ซื้อโทเค็นได้ ซึ่งปกติแล้วจะมีราคาถูกลง ก่อนการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ เหมือนกันกับการซื้อหุ้น IPO ในบริษัทก่อน ซึ่งแน่นอนว่าการซื้อหุ้น IPO ของบริษัทก่อนจะมีความเสี่ยงเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ก็อาจสร้างผลกำไรได้สูงนั่นเอง

กำไรที่สูงที่สุดบางส่วนในเหรียญคริปโตในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมามาจากการซื้อเป็นเหรียญในช่วง Pre-sale โดยตัวอย่างล่าสุดคือ Lucky Block เหรียญคริปโตยอดนิยมนี้เริ่มขายในราคา $0.00015 ในช่วง Pre-sale ดังนั้นการลงทุนเมื่อมีเงิน 100,000 จะซื้อโทเค็นมากกว่า 6.6 ล้านเหรียญ จากนั้นไม่นานหลังจากเปิดตัวอย่างเป็นทางการในปี 2022 ราคาก็พุ่งขึ้นไปถึงจุดสูงสุดที่ 0.009 ดอลลาร์

สิ่งเหล่านี้เป็นกำไรมหาศาลสำหรับผู้ซื้อในช่วง Pre-sale โดยเหรียญ 6.6 ล้านเหรียญดังกล่าวจะมีมูลค่าประมาณ 60,000 ดอลลาร์ที่จุดสูงสุด นั่นแสดงถึงผลตอบแทนจากการลงทุน 6,000% ภายในเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์หลังจากการซื้อเหรียญในช่วงต้น

ส่วนที่ยุ่งยากคือการระบุว่าเหรียญคริปโต Pre-sale ใดที่จะทำกำไรได้ โดยเราคาดว่าการเหรียญคริปโต Pre-sale อันดับต้นๆ ของเราอย่าง Love Hate Inu อาจเป็นเหรียญที่ทำกำไรได้สูง

Love Hate Inu – เหรียญคริปโต Pre-sale ชั้นนำและสินทรัพย์ที่ดีที่สุดเมื่อมีเงิน 100,000 ลงทุนอะไรดี

Love Hate Inu เป็นเหรียญคริปโต Pre-sale ที่ดีที่สุดได้อย่างง่ายดายในตอนนี้ โดยเหรียญมีมดังกล่าวเป็น utility tokem ที่ดูเหมือนจะมีราคาพุ่งสูงขึ้นในตลาด

Love Hate Inu เป็นเหรียญมีม แต่ที่แตกต่างจากเหรียญมีมก่อนอย่าง Dogecoin โดย LHINU ใช้ระบบ vote-to-earn เป็นวิธีการใช้งานจริง ซึ่งเหรียญมีมส่วนใหญ่ต้องพึ่งพาความนิยมเพื่อให้เป็นที่นิยม เช่นเดียวกับ Dogecoin ที่ใช้วิธีดังกล่าวเพื่อประสบความสำเร็จ ด้วยการ vote-to-earn ที่เป็นพื้นฐานสำหรับ Love Hate Inu ผู้พัฒนาเหรียญได้คิดวิธีที่จะรวมความนิยมอย่างไม่น่าเชื่อของเหรียญประเภทนี้เข้ากับยูทิลิตี้ของ Ethereum

Love Hate Inu voting

ความนิยมของ Love Hate Inu นั้นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เพียงสองวันหลังจากเปิด Presale ยอดซื้อ Pre-sale ก็ระดมทุนได้กว่า 250,000 ดอลลาร์ ในช่วง Pre-sale ดังกล่าว Love Hate Inu จะค่อยๆ มีมูลค่าเพิ่มขึ้น ผู้ที่ลงทุนในช่วงสัปดาห์แรกๆ จะสามารถซื้อเหรียญได้ในราคาต่ำสุดที่ 0.000085 ดอลลาร์

จากนั้น ราคา Pre-sale จะค่อยๆ เพิ่มขึ้นทุกสัปดาห์จนกว่าจะเปิดตัวที่ราคา 0.000145 ดอลลาร์ สำหรับนักลงทุนที่ต้องการซื้อ $2,000 ในช่วงสัปดาห์แรก พวกเขาจะได้รับ Love Hate Inu มากกว่า 23.5 ล้านเหรียญ เมื่อเหรียญเปิดตัวที่ราคา 0.000145 ดอลลาร์ เหรียญ 23.5 ล้านนั้นจะมีมูลค่าประมาณ 3,400 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นผลตอบแทนจากการลงทุนสูงถึง 70% ในเวลาเพียงสองเดือน

Love Hate Inu ยังทนทานต่อการโกงที่อาจพบเห็นได้ทั่วไปในเหรียญคริปโตแย่ๆ ในทุกวันนี้ ในช่วงเปิด Pre-sale สองเดือน 90% ของเหรียญ LHINU จะพร้อมจำหน่าย และส่วนที่เหลืออีก 10% จะถูกเก็บไว้เพื่อให้ครอบคลุมค่าธรรมเนียมการลิสต์เหรียญ รางวัลชุมชน และเพื่อคงสภาพคล่อง

screenshot-lovehateinu.com-2023.03.10-06_29_16

แผนการพัฒนาอย่างเป็นทางการสำหรับ Love Hate Inu มีการลงคะแนนเสียงจากชุมชนที่กำหนดให้เริ่มใช้งานจริงพร้อมฟีเจอร์ vote-to-earn ในไตรมาสที่ 3 ปี 2023 เมื่อเปิดใช้งานแล้ว ผู้ถือ LHINU จะสามารถ Stake เหรียญของตนเพื่อมีส่วนร่วมในการโหวตได้ จะได้รับโทเค็นมากขึ้น ทำให้เป็นวิธีที่ดีในการรับเหรียญคริปโตฟรี โดยในอนาคต​ Love Hate Inu จะกลายเป็นแหล่งที่มาของการลงคะแนนที่เชื่อถือได้ ซึ่งการลงคะแนนทั้งหมดจะได้รับการตรวจสอบผ่าน Blockchain

เนื่องจากไม่มีทางที่จะโกงด้วยการลงคะแนนที่ได้รับการยืนยันด้วย Blockchain โปรเจกต์ Love Hate Inu อาจกลายเป็นหนึ่งในวิธียอดนิยมและน่าเชื่อถือที่สุดในการลงคะแนนในหัวข้อต่างๆ โดยมีการพูดถึงการใช้การลงคะแนนที่ยืนยันด้วย Blockchain ในการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการของรัฐบาล แม้ว่านั่นจะไม่ใช้ LHINU แต่เป้าหมายคือการให้ทำให้เหรียญคริปโต vote-to-earn รวมเข้ากับโลก Metaverse ซึ่งเป็นเรื่องที่เหมาะสมอย่างยิ่ง

เริ่มพรีเซลล์8 มีนาคม 2023
วิธีการซื้อETH, USDT, บัตรเครดิต/เดบิต 
เชนEthereum
ลงทุนขั้นต่ำไม่มี
ลงทุนสูงสุดไม่มี

ซื้อ Love Hate Inu ตอนนี้

2. หุ้น – ลงทุนในบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในโลก

ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในสตาร์ทอัพ หุ้นบลูชิปก็เป็นประเภทการลงทุนที่นิยมที่สุด และเป็นส่วนสำคัญของพอร์ตการลงทุนใดๆ ซึ่งเป็นโอกาสทำกำไรจากบริษัทอเมริกาและทั่วโลก หุ้นบางประเภทยังจ่ายเงินปันผลเป็นรายได้แบบมั่นคงอีกด้วย

สิ่งสำคัญในการลงทุนในหุ้นคือให้เลือกหุ้นของบริษัทที่รู้จักหรือชื่นชอบ หากมีหุ้นที่กำลังไปได้สวยและเป็นกระแส ก็อาจเป็นหุ้นที่น่าลงทุน แต่นักลงทุนก็สามารถตรวจสอบกลุ่มตลาดที่กำลังมาแรงได้ เช่น หุ้น Biotech, หุ้น 5G, หรือลงทุนในหุ้นจากกลุ่มดังกล่าว 

eToro ลงทุนในหุ้น

สิ่งสำคัญเมื่อมีเงิน 100,000 ลงทุนอะไรดีในหุ้นก็คือการเลือกโบรกเกอร์หุ้นที่เชื่อถือได้ เราแนะนำ eToro ซึ่งไม่เก็บค่าธรรมเนียมเมื่อเทรดหุ้น และมีหุ้นสหรัฐและต่างประเทศมากมาย หาหุ้นราคาถูกและลงทุนตั้งแต่เนิ่นๆ เป็นอีกกลยุทธ์ยอดนิยมที่นักเทรดใช้เมื่อศึกษาเรื่องการลงทุนแบบเน้นคุณค่า

ใครสนใจสามารถอ่านวิธีลงทุนในหุ้น Pre-IPO ในปี 2023

3. กองทุน ETF – ลงทุนในกลุ่มตลาดหรือประเทศ

สำหรับมือใหม่ควรลงทุนอะไรดี? เราแนะนำกองทุน ETF ซึ่งรวมหุ้นและสินทรัพย์อื่นๆ ไว้ในการซื้อขายเพียงครั้งเดียว หากถือครองกองทุน ETF เอาไว้ ก็จะมีโอกาสทำกำไรจากสินทรัพย์ที่กองทุนมีได้ เช่น หุ้น เหรียญคริปโต หรืออื่นๆ

ETF เป็นทางเลือกเมื่อมีเงิน 100,000 ลงทุนอะไรดีที่ดีที่สุด เพราะการกระจายความเสี่ยงใจตัว โดยไม่ต้องเสี่ยงลงทุน 100,000 ในหุ้นเดียว เพราะสามารถลงทุนได้ทั่วทั้งภาคตลาด อุตสาหกรรม หรือประเทศได้ โดย ETF จะมีทั้งเทคโนโลยี Blockchain, การสำรวจอวกาศ, หรือพลังงานหมุนเวียน เช่น กองทุนรวมเพื่อความยั่งยืน

eToro ETFs กองทุน ETF

กองทุน ETF มีมากมาย และอาจทำให้มือใหม่สับสนได้ เราแนะนำให้เลือกกลุ่มการลงทุนที่ชอบ และค้นหา ETF ที่เหมาะกับความต้องการ อย่าลืมตรวจสอบอัตราส่วนค่าใช้จ่าย ETF ซึ่งเป็นค่าธรรมเนียมรายปีที่กองทุนเรียกเก็บเพื่อชำระค่าใช้จ่ายในการจัดการ ETF ยังมีกลุ่มการลงทุนมากมาย โดยหลายคนอาจสนใจลงทุนในคาร์บอนเครดิต เพราะราคาเชื้อเพลิงและคาร์บอนยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นักลงทุนสามารถซื้อ ETF ได้หลายร้อยรายการแบบไม่มีค่าคอมมิชชั่นได้ที่ eToro

4. กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ – ออมเงินเพื่อการเกษียณอายุ

กองทุนสำรองเลี้ยงชีพเป็นแผนเมื่อมีเงิน 100,000 ลงทุนอะไรดี เพราะสำคัญสำหรับการเกษียณอายุ โดยนักลงทุนจะนำเงินเดือนของตนหักเข้าเป็นเงินสมทบเข้ากองทุน และนายจ้างจะให้เงินสมทบแก่ลูกจ้างในอัตรา 2-15% ขึ้นอยู่กับนโยบายของนายจ้างเอง 

กองทุนสำรองเลี้ยงชีพนั้นจะนำเงินสมทบดังกล่าวไปลงทุนในเครื่องมือทางการเงินต่างๆ เพื่อสร้างรายได้ให้กับกองทุน และแบ่งดอกเบี้ยเฉลี่ยให้กับผู้ลงทุน ซึ่งจะเหมาะกับการลงทุนอะไรดีความเสี่ยงน้อยในระยะยาว

แต่จะสามารถถอนเงินมาใช้ได้เฉพาะเมื่อจำเป็นเท่านั้น เพราะจะมีภาระทางภาษีทันที แต่โดยทั่วไป กองทุนสำรองเลี้ยงชีพจะไม่จำเป็นต้องเสียภาษีหากไม่ได้ถอนเงินมาใช้ก่อน แต่หากจำเป็นก็ต้องทำเรื่องยื่นภาษีประจำปีตามเกณฑ์ของสรรพากรที่กำหนดไว้นั่นเอง

5. บัญชีดอกเบี้ยคริปโต – รับดอกเบี้ยสูงพิเศษจากเหรียญคริปโต

บัญชีดอกเบี้ยคริปโตจะให้ดอกเบี้ยแค่เพียงถือเหรียญคริปโต ซึ่งคล้ายกับบัญชีออมทรัพย์แบบดั้งเดิม แต่อัตราดอกเบี้ยจากเหรียญคริปโตจะสูงกว่า 10-100 เท่า ซึ่งเหมาะกับใครที่กำลังศึกษาว่าลงทุนอะไรผลตอบแทนสูง

อีกข้อดีคือรองรับเหรียญคริปโตมากมาย นักลงทุนสามารถถือบิทคอยน์Ethereum, Tether, หรือเหรียญ altcoin ที่น่าสนใจอื่นๆ เพื่อรับดอกเบี้ย ซึ่งจะให้อัตราดอกเบี้ยแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับการสร้างพอร์ตดอกเบี้ยโทเค็นของนักลงทุน

Quint Crypto Staking บัญชีดอกเบี้ยคริปโต

สำหรับนักลงทุนที่มีเงิน 100,000 ลงทุนอะไรดีนั้น เราขอแนะนำ Quint ซึ่งเป็นโปรเจกต์คริปโตมาใหม่ที่ให้ดอกเบี้ย 16.18% ต่อปีเมื่อถือครอง และ 39.08% เมื่อถือ Quint และ BNB โดยจ่ายดอกเบี้ยทบต้นโดยอัตโนมัติ ทำให้จ่ายดอกเบี้ยได้มากขึ้นในระยะยาว

6. กองทุนรวมดัชนีหุ้น – ติดตามประสิทธิภาพของตลาดหุ้น

ใครที่กังวลว่าลงทุนอะไรดีที่สุด? เราขอแนะนำกองทุนดัชนี ETF หรือกองทุนรวมที่ออกแบบมาเพื่อติดตามดัชนีตลาดหุ้นหลัก เช่น S&P 500 หรือ NASDAQ ซึ่งได้รับความนิยมในการลงทุนเพื่อการเกษียณอายุ เพราะเป็นการลงทุนที่ค่อนข้างปลอดภัย เพราะที่ผ่านมาโดยเฉลี่ยมูลค่าตลาดหุ้นจะเพิ่มขึ้นประมาณ 10% ต่อปี

กองทุนดัชนีจะอิงตามมูลค่าของดัชนีที่ติดตาม ตัวอย่างเช่น S&P 500 ติดตาม 500 หุ้นที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกาตามราคาตลาด ดังนั้น กองทุนดัชนี S&P 500 จึงติดตามหุ้นของ 500 บริษัทเหล่านั้นในสัดส่วนเดียวกับกองทุนดัชนี หากดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 1% กองทุนดัชนีก็ควรจะเพิ่มขึ้น 1% เช่นกัน

เมื่อกำลังลงทุนในกองทุนรวมดัชนีหุ้นโปรดตรวจสอบอัตราส่วนค่าใช้จ่าย กองทุนดัชนีที่ดีที่สุดมีอัตราส่วนค่าใช้จ่าย 0.5% หรือน้อยกว่า และบางกองทุนมีอัตราส่วนค่าใช้จ่าย 0.2% หรือน้อยกว่า นักลงทุนสามารถหากองทุนดัชนียอดนิยมได้หลากหลายจากโบรกเกอร์ eToro

7. Staking เหรียญคริปโต – รับรางวัลเหรียญคริปโตจากการสนับสนุน Blockchain

กลไก Proof of Stake (PoS) เช่นที่ใช้โดย Cardano, Solana และเหรียญคริปโตที่น่าลงทุนอื่นๆ จะให้ผู้ใช้ Stake เหรียญบน Blockchain เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของการทำธุรกรรมและยอมเสียรายได้เมื่อฉ้อโกงใน Chain แต่หากดำเนินการโดยสุจริตและทำให้ Blockchain ไม่มีปัญหา ผู้ Stake ก็จะได้รับรางวัลเป็นโทเค็นมากขึ้น

แพลตฟอร์ม Staking ที่ดีที่สุดเป็นวิธีให้นักลงทุนได้รับผลตอบแทนจากการนำเหรียญคริปโตของตนให้กับ Pool โทเค็นที่ใช้เพื่อให้ Blockchain ทำงานต่อไปได้ โดย Pool จะแจกจ่ายรางวัลให้กับทุกคนที่นำโทเค็นไป Staking

Quint BNB Staking Staking เหรียญคริปโต

การ Staking เหรียญคริปโตมักให้รางวัลเป็นดอกเบี้ย ซึ่งคล้ายกับบัญชีดอกเบี้ยคริปโต โดยโปรเจกต์ Quint จะให้ดอกเบี้ยที่ 39.08% ต่อปี ส่วนแพลตฟอร์ม Staking เหรียญคริปโตอื่นๆ จะรองรับเหรียญคริปโตและอัตราดอกเบี้ยแตกต่างกันไปในแต่ละเหรียญ

8. Copy Trade – เทรดหุ้น เหรียญคริปโต และอื่นๆ โดยอัตโนมัติ

ใครที่กำลังศึกษาว่ามีเงินเย็นลงทุนอะไรดี? เราขอแนะนำ Copy Trade ซึ่งจะให้นักลงทุนคัดลอกการลงทุนจากนักลงทุนที่มีประสบการณ์ ซึ่งเหมาะสำหรับมือใหม่ที่ยังไม่รู้จะลงทุนอะไรดี แต่ก็อย่างเอาชนะตลาดด้วยกลยุทธ์การเทรด

โดยนักลงทุนจะสามารถรู้กลยุทธ์ของเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์ ประวัติการซื้อขาย และประสิทธิภาพของเทรดเดอร์ ซึ่งถ้าชอบก็สามารถลงทุนเงินจำนวนหนึ่งเพื่อคัดลอกการลงทุนของเทรดเดอร์คนนั้นได้ เมื่อใดก็ตามที่เทรดเดอร์ซื้อหรือขาย บัญชีของนักลงทุนจะซื้อหรือขายสินทรัพย์เดียวกันด้วย ซึ่งใช้ได้กับหุ้น กองทุน ETF ไปจนถึงเหรียญคริปโต

etoro copy trading

eToro ให้บริการ Copy Trade ที่ดีที่สุด ซึ่งนักลงทุนสามารถเริ่มต้นได้เพียงลงทุน 10,000 ซึ่งหากลงทุน 100,000 จะสามารถคัดลอกได้ถึง 10 เทรดเดอร์เพื่อป้องกันความเสี่ยงผ่านกลยุทธ์ต่างๆ

9. NFT – ลงทุนในงานศิลปะดิจิทัลมูลค่าสูง

NFT จะให้ความเป็นเจ้าของในสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งมักใช้ในการซื้อและขายงานศิลปะดิจิทัล แต่ยังสามารถใช้เพื่อมอบสมาชิกพิเศษในคลับเสมือนหรือเป็นเงินให้ผู้เล่นใช้ในเกม Play to Earn

NFT น่าลงทุนที่สุดบางส่วนในวันนี้ ได้แก่ Bored Ape Yacht Club, Nouns, VeeFriends และอื่นๆ ซึ่งมูลค่าของ NFT เหล่านี้ล้วนพุ่งสูงขึ้นตั้งแต่การเริ่มสร้างครั้งแรก และทำกำไรแก่นักลงทุนรายแรกๆ มหาศาล แม้โปรเจกต์ NFT ใหม่ๆ จะล้มเหลว แต่นักลงทุนที่เชี่ยวชาญก็สามารถเลือกโปรเจกต์ชั้นนำและอาจทำเงินได้เป็นจำนวนมากเมื่อความต้องการ NFT เพิ่มขึ้น

lucky block nft ลงทุนใน NFT

หนึ่งในคอลเล็กชัน NFT ที่ดีที่สุดในปี 2023 คือ Lucky Block ซึ่งเป็นเกม Play to Earn ที่เสนอการจับรางวัลรายวัน โดยนักลงทุนใน Platinum Rollers Club NFT ของ Lucky Block มีโอกาส 1 ใน 10,000 ในการชนะรางวัล $10,000 ทุกๆ วัน แม้แต่ผู้ที่ไม่ชนะก็สามารถทำเงินได้ด้วยการปล่อยกู้ NFT ของตน

ซื้อ Lucky Block NFT วันนี้ที่ Launchpad ซึ่งเป็นหนึ่งในตลาด NFT ชั้นนำ

10. สินค้าโภคภัณฑ์ – เทรดน้ำมัน ก๊าซ กาแฟ และอื่นๆ

สงสัยว่าจะลงทุนอะไรให้เงินงอกเงย? เราขอแนะนำสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น น้ำมัน ก๊าซ กาแฟ ข้าวสาลี น้ำตาล ทองคำ ทองแดง และอื่นๆ ซึ่งรวมถึงวัสดุพลังงาน โลหะมีค่า วัสดุก่อสร้าง และอาหารที่ซื้อขายกันทั่วโลก โดยทั่วไปแล้วตลาดสินค้าโภคภัณฑ์จะเป็นตลาดโลก ดังนั้นราคาของผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจึงขึ้นอยู่กับตลาดทั่วโลก

การลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์อาจไม่เหมาะกับมือใหม่ แต่ก็อาจทำกำไรสำหรับผู้ที่เข้าใจวิธีการทำงานของตลาดเหล่านี้ ซึ่งเป็นความคิดที่ดีที่จะมุ่งเน้นไปที่สินค้าโภคภัณฑ์เฉพาะอย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อให้นักลงทุนเข้าใจถึงการเคลื่อนไหวและแนวโน้มทั้งหมดของสินค้านั้นๆ แทนการซื้อขายสินค้าที่แตกต่างกัน

eToro สินค้าโภคภัณฑ์

ซึ่งการใช้โบรกเกอร์ที่เสนอ CFD สำหรับสินค้าโภคภัณฑ์ (สัญญาซื้อขายส่วนต่าง) นั้นเหมาะกับการลงทุนอะไรได้เงินเร็ว เช่น eToro ที่รองรับสินค้าพลังงานราคาถูก โลหะ และผลิตภัณฑ์อาหารยอดนิยมมากมาย โดยให้เลเวอเรจได้สูงสุด 20:1 ซึ่งเพิ่มกำลังการซื้ออย่างมากในงบ 100,000 บาท

วิธีเลือกว่ามีเงิน 1 แสนลงทุนอะไรดีที่สุด

นักลงทุนควรทราบว่าลงทุนอะไรได้เงินเร็วที่สุดสำหรับความต้องการของตน โดยเราจะอธิบายว่ามีเงิน 100,000 ลงทุนอะไรดีจากปัจจัยต่างๆ

เป้าหมายทางการเงิน

ก่อนลงทุน รักลงทุนควรคิดอย่างรอบคอบเสมอว่าเป้าหมายคืออะไร นักลงทุนบางคนอาจลงทุนไว้ใช้ยามเกษียณ บ้างก็เพื่อเก็บเงินซื้อบ้าน หรือต้องการลงทุนเป็นงานอดิเรกเพื่อเสริมรายได้

เป้าหมายทางการเงินแต่ละอย่างมีกรอบเวลาที่แตกต่างกันไป และอาจเหมาะกับการลงทุนที่มีความเสี่ยงมากหรือน้อย จึงจำเป็นที่ต้องให้เป้าหมายเหมาะสมกับกลยุทธ์การลงทุนของตน และคอยสังเกตอยู่เสมอว่าการลงทุนนั้นๆ จะทำให้เข้าใกล้เป้าหมายมากขึ้นได้อย่างไร

ความเสี่ยง vs. ผลตอบแทน

เมื่อศึกษาว่ามีเงิน 100,000 ลงทุนอะไรดี? ความเสี่ยงและผลตอบแทนก็เป็นสิ่งสำคัญที่ควรพิจารณา โดยทั่วไป หากมีผลตอบแทนมาก ความเสี่ยงก็ยิ่งสูงขึ้น ซึ่งหากถามว่าลงทุนอะไรได้เงินเร็วภายในไม่กี่เดือน ก็อาจจำเป็นต้องลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงที่อาจมีมูลค่าเป็นศูนย์นั่นเอง

ซึ่งได้แก่ เหรียญคริปโต, หุ้น, และสินค้าโภคภัณฑ์ ส่วนสินทรัพย์ความเสี่ยงต่ำ ได้แก่ กองทุน ETF และกองทุนรวมดัชนีหุ้น ซึ่งกระจายความเสี่ยงผ่านหลายๆ หุ้น

ความผันผวน

ความผันผวนคือการวัดว่าราคาของสินทรัพย์แกว่งขึ้นหรือลงมากน้อยเพียงใดในช่วงเวลาหนึ่ง สินทรัพย์ที่มีความผันผวนมากขึ้นอาจทำ All Time High ในวันเดียวและ All Time Low ในวันถัดไป ส่วนสินทรัพย์ที่มีความผันผวนต่ำจะมีราคาที่เสถียรมากกว่า

สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงมักมีความผันผวนสูงเพราะนักลงทุนอาจกระวนกระวายใจเกี่ยวกับประสิทธิภาพของสินทรัพย์นั้นๆ เช่น เหรียญคริปโต ซึ่งมีความผันผวนสูงเมื่อเทียบกับหุ้น แต่ก็สามารถเป็นข้อได้เปรียบสำหรับนักลงทุนเชิงรุกที่ต้องการสร้างจังหวะในการแกว่งขึ้นของราคานั่นเอง

การกระจายความเสี่ยง

นักลงทุนระยะยาวควรลงทุนในสินทรัพย์หลายๆ ตัวเมื่อมีงบ 100,000 โดยสร้างพอร์ตกระจายความเสี่ยงที่สมดุลระหว่างความเสี่ยงและผลตอบแทน

ข้อดีของวิธีนี้คือนักลงทุนไม่ต้องลงทุนทั้งหมดลงในสินทรัพย์เดียว อาจลงทุน 25,000 ในเหรียญคริปโตที่มีความเสี่ยงสูงและให้ผลตอบแทนสูงอย่าง Love Hate Inu และอีก 25,000 ในหุ้นที่ดีที่สุดหลายๆ ตัวในงบ 100,000 อีก 25,000 ในกองทุนดัชนี และอีก 25,000 เพื่อ Staking เหรียญคริปโต ซึ่งให้รายได้ที่มั่นคงเมื่อเวลาผ่านไป

ลงทุน 100,000 ในอะไรดี – ตัวเลือกที่ดีที่สุด?

เมื่อเลือกว่าลงทุนระยะสั้นอะไรดีในงบ 100,000 นักลงทุนควรตัดสินใจว่าจะลงทุนในกี่โปรเจกต์คริปโต ไม่ว่าจะผ่านกระดานเทรดคริปโต หรือหุ้น หรือนายหน้า ETF นักลงทุนอาจแบ่งงบ 100,000 ไปลงทุนในหลายๆ สินทรัพย์

ใครศึกษาว่ามีเงิน 100,000 ลงทุนอะไรดีในปี 2023? เราขอแนะนำ Love Hate Inu โดยโปรเจกต์นี้นำเสนอการรวมเหรียญลง vote-to-earn กับเหรียญมีมที่ปฏิวัติวงการซึ่งสามารถพิสูจน์ได้ว่าได้รับความนิยมอย่างไม่น่าเชื่อ นอกจากนี้ยังมีแผนการพัฒนาที่ยอดเยี่ยมสำหรับปีถัดๆ ไป ซึ่งสามารถทำให้กลายเป็นเหรียญคริปโตที่ต้องถือในอนาคต

ซื้อ Love Hate Inu ตอนนี้

บทสรุป

มีหลายวิธีการลงทุนในงบ 1 แสน โดยเราคิดว่าการมีเงิน 100,000 ลงทุนอะไรดีที่สุดก็คือ Love Hate Inu 

โดยโปรเจกต์เหรียญคริปโตใหม่นี้มีฟีเจอร์เฉพาะที่ช่วยให้ผู้ใช้ได้รับรางวัลจากการลงคะแนนในแบบสำรวจและให้กรอบสำหรับการลงคะแนนที่สนุกและปลอดภัยทุกประเภท ขณะนี้ Love Hate Inu อยู่ในช่วง Pre-sale สัปดาห์แรก ดังนั้นสามารถซื้อได้ในราคา 0.000085 ดอลลาร์ โดยราคานี้จะเพิ่มขึ้นในแต่ละสัปดาห์จนถึงการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนพฤษภาคม

Categories
Bitcoins Crypto News การลงทุน

มีเงิน 2 แสน ลงทุนอะไรดี ฉบับปี 2023 [ให้เงินเย็นงอกเงย!]

การมีเงินเย็น 2 แสนบาทนั้นคือโอกาสในการลงทุนในสินทรัพย์และตลาดมากมายในรูปแบบกระจายความเสี่ยง

ซึ่งตอนนี้โบรกเกอร์ออนไลน์จำนวนมากก็รองรับทุกอย่างตั้งแต่หุ้นและกองทุนดัชนีไปจนถึงคริปโตและตราสารหนี้ ซึ่งลงทุนได้ง่ายกว่าที่เคย

สำหรับมือใหม่ควรลงทุนอะไรดีนั้นเราจะมาดูว่ามีเงิน 2 แสน ลงทุนอะไรดีให้เงินงอกเงยที่สุด

จัดอันดับ 10 วิธีลงทุนอะไรดีในงบ 2 แสน 2023

นักเทรดที่พิจารณาว่ามีเงิน 2 แสน ลงทุนอะไรดี เราขอแนะนำหนึ่งในประเภทสินทรัพย์ด้านล่าง:

  1. เหรียญคริปโต Presale ที่มีศักยภาพสูงเช่น Love Hate Inu – การลงทุนเมื่อมีเงิน 2 แสนที่ดีที่สุดในปีนี้
  2. หุ้น – ลงทุนในหุ้นมูลค่าสูงและบริษัทที่กำลังโตหรือถูกประเมินมูลค่าต่ำกว่าที่ควรจะเป็น
  3. กองทุนรวมดัชนีหุ้น – กระจายความเสี่ยงทันทีในหุ้นชั้นนำ
  4. สินค้าโภคภัณฑ์ – ลงทุนในสินทรัพย์วัฏจักรเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากตลาดแบบเดิม
  5. Staking เหรียญคริปโต – รับรายได้แบบพาสซีฟจากการลงทุนในเหรียญคริปโต
  6. กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ – การลงทุนความเสี่ยงน้อยสำหรับคนไทย
  7. กองทุน ETF – ลงทุนตามสินทรัพย์และตลาดมากมายแบบค่อยเป็นค่อยไป
  8. บัญชีดอกเบี้ยคริปโต – สร้างผลตอบแทนจากการถือเหรียญคริปโต
  9. Copy Trade – เทรดตามนักลงทุนมืออาชีพ
  10. NFT – ซื้อ ถือ หรือขาย NFT

การลงทุนในโปรเจกต์เหรียญคริปโตที่มีศักยภาพสูงถือเป็นการลงทุนที่ได้เงินเร็วที่สุดกับ Meta Masters Guild กดที่ลิงค์ด้านล่างเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติม

ไปยังพรีเซลล์ Meta Masters Guild ตอนนี้

เราจะเจาะลึกสินทรัพย์ข้างตนในส่วนถัดๆ ไป เพื่อให้มือใหม่ได้รู้ว่าควรลงทุนอะไรได้เงินเร็วในงบ 2 แสนให้เหมาะกับเป้าหมายทางการเงินและความเสี่ยงที่ยอมรับได้

เจาะลึกกับเรื่องมีเงิน 2 แสน ลงทุนอะไรดี

เพื่อพิจารณาถึงการลงทุนอะไรผลตอบแทนสูงสุดด้วยงบ 2 แสนในตลาดการเงิน นักลงทุนต้องคำนึงถึงผลตอบแทนและความเสี่ยงที่รับได้ก่อน

แม้ว่าบางสินทรัพย์อาจสร้างผลตอบแทนได้มากกว่า แต่ก็มีความเสี่ยงที่สูงกว่าเช่นกัน

โดยเราได้เจาะลึกว่ามีเงิน 2 แสน ลงทุนอะไรดีใน 10 ประเภทสินทรัพย์และตลาดต่างๆ เรายังได้ทำคู่มือมีเงิน 30,000 ลงทุนอะไรดีสุดสำหรับคนมีงบน้อยกว่าอีกด้วย

1. เหรียญคริปโต Presale ที่มีศักยภาพสูงเช่น Love Hate Inu – การลงทุนเมื่อมีเงิน 2 แสนที่ดีที่สุดในปีนี้

เหรียญคริปโต Pre-sale นำเสนอหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดสำหรับนักลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงได้มากในการทำกำไรสูงในระยะเวลาอันสั้น โดยเหรียญคริปโต Pre-sale คือการที่นักลงทุนที่มีศักยภาพมีโอกาสที่จะซื้อโทเค็น เช่น Love Hate Inu ก่อนที่จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ซึ่งมักจะเกิดขึ้นในช่วงสองสามสัปดาห์ และราคาในการซื้อคริปโตนั้นมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นจนถึงวันเปิดตัวอย่างเป็นทางการ

การเข้าซื้อเหรียญคริปโตในราคา Pre-sale มักเป็นโอกาสทองในการซื้อเหรียญในราคาที่ถูกที่สุด ซึ่งคล้ายกันกับการซื้อหุ้นหรือหุ้นในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าตลาดอย่างมาก

ตัวอย่างล่าสุดของเหรียญคริปโต Pre-sale ที่ประสบความสำเร็จคือ Lucky Block โดย Pre-sale ของ Lucky Block ทำให้ผู้ซื้อในช่วงแรกๆ สามารถซื้อเหรียญได้ในราคา 0.00015 ดอลลาร์ ซึ่งหมายความว่าการลงทุน 5,000 ดอลลาร์ใน Lucky Block ในราคา Pre-sale จะได้สุทธิมากกว่า 33.3 ล้านเหรียญ ไม่นานหลังจากการ Pre-sale สิ้นสุดลง ราคาของ Lucky Block ก็จะพุ่งสูงขึ้นเมื่อนักลงทุนรายอื่นๆ เข้ามาซื้อเหรียญ

ซึ่งช่วยผลักดันราคาไปจนถึง $0.009 ซึ่งสำหรับใครก็ตามที่ซื้อโทเค็น 33.3 ล้านโทเค็น หมายความว่าพอร์ตการลงทุนของพวกเขาจะมีมูลค่าสูงถึง $300,000 ด้วยตัวเลขดังกล่าว จึงเป็นเรื่องง่ายที่จะเห็นว่าเหตุใดเหรียญคริปโต Pre-sale จึงได้รับความนิยมอย่างเหลือเชื่อ และการค้นหาเหรียญที่ดีที่สุดเป็นสิ่งสำคัญมาก

ตัวเลือกการลงทุนอันดับต้นๆ ของเรา Love Hate Inu อาจเป็น Pre-sale ที่ดีที่สุด

Love Hate Inu – การลงทุนเมื่อมีเงิน 2 แสนที่ดีที่สุดในปีนี้

Love Hate Inu เป็นหนึ่งในเหรียญคริปโต Pre-sale ที่น่าสนใจที่สุดในตอนนี้ เหรียญนี้จะมียูทิลิตี้ในโลกจริงที่ดูเหมือนว่าจะมีทุกสิ่งที่จำเป็นในการประสบความสำเร็จครั้งใหญ่

Love Hate Inu คือเหรียญมีม แต่ก็อย่าเพิ่งตกใจไป เพราะนี่เป็นหนึ่งในเหรียญมีมแรกที่มีพื้นฐานที่แข็งแกร่งเนื่องจากระบบ Blockchain สำหรับการลงคะแนนเสียง ในกรณีของระบบ vote-to-earn ของ LHINU ผู้ใช้สามารถ stake เหรียญของตนและรับโทเค็นเพิ่มเติมเมื่อเข้าร่วมการลงคะแนนออนไลน์

การลงคะแนนผ่าน Ethereum blockchain เป็นวิธีใหม่ที่น่าตื่นเต้นสำหรับแบบสำรวจที่รับประกันว่ายุติธรรม นั่นเป็นเพราะไม่มีการทำซ้ำ โกง หรือบอทด้วยการโหวตแบบ Blockchain การโหวตทั้งหมดผ่าน Love Hate Inu จะถูกตรวจสอบผ่าน Blockchain แล้วจึงนับผล ในความเป็นจริงแล้ว การลงคะแนนด้วย Blockchain นั้นสามารถป้องกันความผิดพลาดได้จนมีการเรียกร้องให้รัฐบาลนำไปใช้งานเพื่อรับรองการเลือกตั้งที่ปราศจากการฉ้อโกง

Love Hate Inu Safemoon Inu Alternative

Love Hate Inu ไม่ได้หยุดอยู่แค่เรื่องพื้นฐานเท่านั้น แต่ยังได้รวมเอาการ vote-to-earn เข้ากับความนิยมของเหรียญมีมที่ควรค่าแก่การบอกต่อ โดยความสำเร็จของเหรียญมีมมักขึ้นอยู่กับความนิยม หากเหรียญมีมเกิดไม่เป็นที่นิยมขึ้นมาหรือถูกแทนที่ด้วยสิ่งเหรียญใหม่ๆ มูลค่าก็อาจร่วงจนเหลือ 0 บาทได้ทันที

ด้วยการผสมผสานกระแสของเหรียญมีมเข้ากับระบบพื้นฐานของเหรียญ vote-to-earn ทำให้ Love Hate Inu พร้อมสำหรับความสำเร็จในระยะยาว ภายในปีนี้ ผู้ใช้จะสามารถสร้างแบบสำรวจของตนเองและรับโทเค็น LHINU โดยการมีส่วนร่วมและลงคะแนนได้

screenshot-lovehateinu.com-2023.03.10-06_29_16

อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงขั้นตอนแรกสำหรับการโหวตด้วย Love Hate Inu เป้าหมายระยะยาวสำหรับเหรียญคือการเป็นวิธีการลงคะแนนแบบ defacto ของโลก Metaverse และเมื่อพัฒนาขึ้นก็จะมีศักยภาพที่ยังไม่มีเหรียญใดทำได้มากมายจนไม่สามารถจินตนาการได้ในปี 2023 โดยสิ่งหนึ่งที่แน่นอนก็คือเทคโนโลยี Blockchain จะเป็นส่วนหนึ่งของเหรียญ ซึ่งหาก Love Hate Inu สามารถสร้างโลก Metaverse ของตนได้ ศักยภาพในการเติบโตนั้นก็แทบจะไร้ขีดจำกัด

เริ่มพรีเซลล์8 มีนาคม 2023
วิธีการซื้อETH, USDT, บัตรเครดิต/เดบิต 
เชนEthereum
ลงทุนขั้นต่ำไม่มี
ลงทุนสูงสุดไม่มี

ซื้อ Love Hate Inu ตอนนี้

2. Stocks – ลงทุนในหุ้นมูลค่าสูงและบริษัทที่กำลังโตหรือถูกประเมินมูลค่าต่ำกว่าที่ควรจะเป็น

ใครที่เลือกไม่ถูกว่ามีเงินเอาไปลงทุนอะไรดี เราก็ขอแนะนำตลาดหุ้น ซึ่งมีหุ้นหลายพันตัวที่จดทะเบียนในสหรัฐอเมริกาและอีกมากมายในตลาดหุ้นต่างประเทศ และยังมีหุ้นหลายประเภทที่นักลงทุนอาจพิจารณาเพื่อทำกำไร เช่น นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงจะอยากลงทุนในหุ้นบริษัทสตาร์ทอัพ

เช่น หุ้นมูลค่ามากคือหุ้นของบริษัทขนาดใหญ่ที่มั่นคงและมีอิทธิพลเหนืออุตสาหกรรมเป็นเวลาหลายปี ได้แก่ Coca-Cola (เครื่องดื่ม), Johnson & Johnson (การดูแลสุขภาพและเวชภัณฑ์), Goldman Sachs (ธนาคาร) และ Walmart (ค้าปลีก) ซึ่งถือว่ามีความเสี่ยงน้อยกว่าหุ้นประเภทอื่น แต่ผลตอบอาจไม่มากเท่า โปรดเรียนรู้วิธีลงทุนในหุ้นก่อน IPO เพิ่มเติม

เนื่องจากหุ้นเหล่านั้นได้เติบโตสูงสุดในตลาดของตนแล้ว ดังนั้นจึงได้แค่รอการเติบโตในอนาคตเท่านั้น ในทางกลับกัน หุ้นที่กำลังเติบโตคือหุ้นของบริษัทที่ยังอยู่ในช่วงต้น ซึ่งมีโอกาสทำกำไรและมีโอกาสเติบโตสูงกว่านั่นเอง

tesla price chart มีเงิน 2 แสน ลงทุนอะไรดี

เช่น Tesla อาจถือเป็นหุ้นที่ประสบความสำเร็จที่สุดในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งได้มีมูลค่าหุ้นเพิ่มขึ้นมากกว่า 23,000% นับตั้งแต่ขายครั้งแรกในปี 2553 (IPO) และปัจจุบัน หุ้นที่กำลังเติบโต ได้แก่ Coinbase (กระดานแลกเปลี่ยนคริปโต), Grab (แอพครบวงจรแห่งเอเชีย) และ Rivian (ผู้ผลิตรถ EV)

แม้ตลาดหุ้นจะทำกำไรได้สูงกว่าค่าเฉลี่ย แต่อย่าลืมว่าบริษัทส่วนใหญ่ในตลาดไม่ได้รับการพิสูจน์ อาจเป็นเพราะรูปแบบของธุรกิจยังไม่ได้รับการรับรองจากตลาดหรือเพียงเพราะหุ้นเติบโตยังไม่สร้างผลกำไร

อีกตลาดหุ้นหากมีเงิน 2 แสน ลงทุนอะไรดีก็คือบริษัทที่ถูกประเมินมูลค่าต่ำกว่าที่ควรจะเป็น ซึ่งเป็นหุ้นที่มีมูลค่าต่ำกว่ามูลค่าแท้จริง แม้การนิยามว่าเป็นบริษัทที่ถูกประเมินมูลค่าต่ำจะเป็นปัจเจกไปสักนิด แต่นั่นก็คือการซื้อหุ้นราคาถูกและทำกำไรเมื่อมูลค่าตลาดฟื้นตัวเท่านั้น

มีเงิน 2 แสน ลงทุนอะไรดี

หนึ่งในการลงทุนในหุ้นที่ถูกประเมินมูลค่าต่ำที่ดีที่สุดคือช่วงตลาดขาลง ซึ่งเป็นช่วงที่เศรษฐกิจโดยรวมอ่อนแอ และหุ้นส่วนใหญ่จะมีมูลค่าลดลง อีกทางคือพิจารณาหุ้นปันผลที่นักลงทุนจะได้รับเงินปันผลทุกๆ สามเดือน

เมื่อเลือกตลาดหุ้นด้านลงทุนอะไรให้เงินงอกเงยแล้ว นักเทรดต้องเปิดบัญชีกับโบรกเกอร์ออนไลน์ โดยเลือกโบรกเกอร์ที่มีค่าธรรมเนียมต่ำและรองรับหุ้นเศษส่วน เพื่อให้นักลงทุนได้ซื้อหุ้นเพียงเล็กน้อยในราคาไม่กี่บาท

ซึ่งจะทำให้กระจายความเสี่ยงในหุ้นมูลค่าสูง หุ้นที่มีโอกาสเติบโต และหุ้นที่ถูกประเมินมูลค่าต่ำได้อย่างง่ายดาย โดยที่ eToro จะรองรับหุ้นสหรัฐและหุ้นต่างประเทศหลายพันหุ้น โดยเทรดขั้นต่ำได้ที่ $10 และยังเป็นแพลตฟอร์มการซื้อขายหุ้นที่ไม่มีค่าธรรมเนียมในการซื้อและขายอีกด้วย 

เรียนรู้เพิ่มเติม: อ่านคำแนะนำเรื่องวิธีลงทุนในหุ้นงบ 5,000 ดอลลาร์ โดยไม่ต้องจ่ายค่าคอมมิชชั่นใดๆ

3. กองทุนรวมดัชนีหุ้น – กระจายความเสี่ยงทันทีในหุ้นชั้นนำ 

มือใหม่ควรลงทุนอะไรดี เราก็ขอแนะนำอีกวิธีการทำกำไรในตลาดหุ้นอย่างกองทุนรวมดัชนีหุ้น ซึ่งจะติดตามหุ้นบางส่วนในหลักทรัพย์ และไม่ต้องทำการศึกษาหรือเลือกบริษัทใดๆ ในการลงทุน

ตัวอย่างของกองทุนดัชนียอดนิยมคือ S&P 500 ซึ่งติดตามบริษัทขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ 500 แห่งแบบกระจายความเสี่ยง โดยบริษัทขนาดใหญ่จะมีเปอร์เซ็นต์ที่สูงขึ้นในพอร์ตกองทุนดัชนี และกลับกันกับบริษัทที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ราคาตลาดที่น้อยกว่า เนื่องจากบริษัทขนาดใหญ่จะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐมากกว่านั่นเอง

เช่น บริษัทที่ใหญ่ในดัชนี S&P 500 ได้แก่ Tesla, Amazon, Apple, Microsoft และ Alphabet (Google) แต่นักลงทุนสามารถจัดสรรการลงทุนเพียงครั้งเดียวให้กับ S&P 500 และทำกำไรจากบริษัทต่างๆ 500 แห่งได้ทันที โดยจะมีการปรับสมดุลทุกๆ 3 เดือน

Vanguard S&P 500

ซึ่งหมายความว่าเปอร์เซ็นต์ของแต่ละบริษัทใน S&P 500 จะถูกปรับตามการประเมินมูลค่าตลาดใหม่ ถ้าบริษัทสูญเสียมูลค่ามากเกินไป ก็อาจถูกแทนที่ด้วยหุ้นตัวอื่น และยังมีกองทุนดัชนีอื่นๆ ที่ยังคงได้รับความนิยมจากนักลงทุนในระยะยาว

เช่น NASDAQ ที่ติดตามหุ้นบริษัทที่ใหญ่ที่สุด 100 หุ้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหุ้นเทคโนโลยี ส่วน Russell 2000 จะติดตามหุ้น 2,000 ตัวที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ ที่มีมูลค่าตลาดน้อย เพื่อทำกำไรจากบริษัทต่างๆ ที่กำลังเติบโต

อีกทางเลือกหนึ่งคือกองทุนรวมดัชนีตลาดหุ้น โดยการลงทุนเพียงครั้งเดียวจะให้นักลงทุนทำกำไรจากหุ้นที่จดทะเบียนในสหรัฐทั้งหมดจากบริษัทขนาดเล็ก กลาง และใหญ่ ซึ่งเป็นการซื้อหุ้นที่ไม่ซ้ำกัน 4,000 หุ้นในแบบอ้อมๆ นั่นเอง

SPDR Dow Jones Industrial Average  ETF

มูลค่าของกองทุนจะอิงตามบริษัทของดัชนีนั้นๆ ซึ่งหมายความว่าเมื่อตลาดหุ้นมูลค่าสูงขึ้น กองทุนดัชนีก็จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเช่นกัน หุ้นใดๆ ในกองทุนดัชนีก็จะจ่ายเงินปันผลให้กับนักลงทุนทุกๆ สามเดือน

หุ้นในตลาดสำหรับกองทุนดัชนีที่สร้างรายได้ประจำคือ Dow Jones โดยบริษัท 30 แห่งมีนโยบายการจ่ายเงินปันผล ซึ่งนักลงทุนจะได้ทั้งกำไรจากการขายหุ้นและรายได้จากการลงทุนกองทุนดัชนี ซึ่งการลงทุนขั้นต่ำในกองทุนดัชนีส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่กับผู้ให้โบรกเกอร์

เช่น เมื่อลงทุนในกองทุนดัชนี Total Stock Market กับ Vanguard เงินทุนขั้นต่ำคือ $3,000 แต่เมื่อลงทุนผ่าน eToro จะมีขั้นต่ำที่ $10 และไม่มีค่าค่าคอมมิชชั่นใดๆ เมื่อซื้อและขายกองทุนบนแพลตฟอร์ม

4. สินค้าโภคภัณฑ์ – ลงทุนในสินทรัพย์วัฏจักรเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากตลาดแบบเดิม  

เมื่อก่อน สินค้าโภคภัณฑ์จะสามารถเข้าถึงได้เฉพาะนักลงทุนรายย่อยเท่านั้น เช่น แท่งและเหรียญทองคำและเงิน หรือการเทรดฟิวเจอร์สสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ซับซ้อนและไม่เหมาะกับมือใหม่

ต่อมาในปี 2022 การลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ทำได้ง่ายๆ ผ่านกองทุน ETF ซึ่งจะมีสินค้าโภคภัณฑ์ร่วมด้วย โดยสินค้าโภคภัณฑ์ยอดนิยมที่สุดในการลงทุนในกองทุน ETF คือทองคำ ซึ่งเป็นตัวเก็บมูลค่าและใช้ป้องกันความเสี่ยงเมื่อเศรษฐกิจถดถอย

เช่น หากผู้คนมองว่าเศรษฐกิจกำลังถดถอย นักลงทุนสถาบันมักจะหันไปมองทองคำ โดยเงินก็ถือว่าคล้ายคลึงกับทองคำ เพราะเป็นโอกาสในการลงทุนในตัวเก็บมูลค่าระยะยาวเพื่อป้องกันความเสี่ยง มีลงทุนหลายๆ คนจึงกำลังมองหาตลาดพลังงานเพื่อกระจายความเสี่ยงเพิ่มเติม

gold ETF มีเงิน 2 แสน ลงทุนอะไรดี

น้ำมันเป็นอีกตัวอย่างที่ดี ท่ามกลางโรคระบาดในปี 2563 น้ำมันดิบแตะระดับต่ำสุดที่ 19 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และเนื่องจากปัญหาห่วงโซ่อุปทานและสงครามในยูเครน น้ำมันยังคงมี 90-110 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หมายความว่ามูลค่าของน้ำมันเพิ่มขึ้นมากกว่า 400% ภายในปี

มีหลายวิธีในการลงทุนในสินค้าพลังงาน เช่น น้ำมัน โดยการลงทุนใน ETF ที่ติดตามหุ้นน้ำมัน เช่น ConocoPhillips, ExxonMobil, Chevron, Marathon Petroleum และ Shell ซึ่งหากราคาน้ำมันสูง บริษัทดังกล่าวก็จะสามารถสร้างกำไรได้มากขึ้น

หรือการเทรด CFD ซึ่งติดตามมูลค่าของน้ำมันแบบเรียลไทม์ที่ eToro แม้ว่าลูกค้าในสหรัฐอเมริกาจะไม่สามารถเข้าถึงตราสาร CFD ได้ แต่ถ้ามีเครื่องมือทางการเงินที่เหมาะสม นักลงทุนจะสามารถซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ได้อย่างยืดหยุ่นและง่ายดาย

crude oil futures มีเงิน 2 แสน ลงทุนอะไรดี ลงทุนอะไรผลตอบแทนสูง

เพราะกองทุน ETF สินค้าโภคภัณฑ์ หุ้น และ CFD จะสามารถขายได้ทุกเมื่อหากตลาดเปิด เว้นแต่ว่าจะลงทุนในหุ้นที่เกี่ยวข้องกับสินค้าโภคภัณฑ์ โดยปกติแล้วสินทรัพย์ประเภทนี้จะไม่สร้างรายได้ และสินค้าโภคภัณฑ์ยังเหมาะกับใครที่ถามว่าลงทุนระยะสั้นอะไรดีเพราะเป็นอุตสาหกรรมวัฏจักรนั่นเอง

เรียนรู้เพิ่มเติม: อ่านคำแนะนำเรื่องวิธีการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์

5. Staking เหรียญคริปโต – รับรายได้แบบพาสซีฟจากการลงทุนในเหรียญคริปโต  

ใครที่ต้องการสร้างรายได้แบบพาสซีฟจะรู้ว่าบัญชีธนาคารแบบดั้งเดิมนั้นแทบจะไม่ให้ผลตอบแทนมากกว่า 0.5% ต่อปี ซึ่งการฝาก $5,000 ในบัญชีออมทรัพย์ นักลงทุนจะได้รับดอกเบี้ยเพียง $25 ต่อปี เป็นเหตุผลที่นักลงทุนจำนวนมากหันมา Staking เหรียญคริปโต

การ Staking เหรียญคริปโตนั้นเป็นอีกหนึ่งการลงทุนอะไรผลตอบแทนสูง ซึ่งใช้บนเครือข่าย Blockchain ที่มีกลไก Proof-of-stake (PoS) หรือการให้นักลงทุนล็อคเหรียญคริปโตเป็นเวลาหลายวัย เพื่อรับดอกเบี้ยตอบแทน

และอัตราดอกเบี้ยยิ่งน่าสนใจเข้าไปอีกในแพลตฟอร์ม Staking อื่นๆ เช่น การฝากโทเค็น DeFi Coin (DEFC) ใน DeFi Swap นักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนสูงถึง 75% ต่อปี หรือ Quint ซึ่งเป็นระบบนิเวศแบบ Decentralized ที่มีเครื่องมือ ‘Super’ Staking

quint super staking ลงทุนอะไรให้เงินงอกเงย

นอกจากผลตอบแทนที่ได้แล้ว ผู้ที่ Staking Quint จะได้รับสลากลุ้นโชคอีกด้วย การแข่งขันล่าสุดมีโอกาสลุ้นรับนาฬิกาหรูมูลค่า 100,000 ดอลลาร์และ Bored Ape Yacht Club NFT ซึ่งมีมูลค่าหลักแสน ยิ่ง Stake มาก ก็ยิ่งได้สลากมากเท่านั้น

เมื่อจับสลาก คนชนะก็จะได้รางวัล และนักลงทุนจะได้รับเงินที่ลงทุนคืนบวกกับรางวัล Staking เรียกได้ว่าได้ลุ้นโชคจากการ Staking นั่นเอง และแม้จะไม่ถูกรางวัล ก็ยังสร้างผลตอบแทนได้

ทางด้านเงื่อนไขการ Staking ก็จะแตกต่างกันไปในแต่ละแพลตฟอร์ม บางแพลตฟอร์มจะเสนอเงื่อนไขการล็อคแบบกำหนดและแบบยืดหยุ่น โดยแบบยืดหยุ่นจะให้ถอนโทเค็นออกจาก staking pool ได้ทุกเมื่อ ซึ่งจะให้ผลตอบแทนต่อปีน้อยกว่า ส่วนแบบกำหนดตายตัวจะต้องผ่านกรอบเวลาที่เลือกไว้เสียก่อน

6. กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ – การลงทุนความเสี่ยงน้อยสำหรับคนไทย    

กองทุนสำรองเลี้ยงชีพเป็นอีกแผนการลงทุนยอดเยี่ยมเมื่อมีเงิน 2 แสน ลงทุนอะไรดี เนื่องจากเป็นที่นิยมสำหรับคนไทยที่กำลังเกษียณอายุที่เป็นพนักงาน โดยพนักงานบริษัทจะนำเงินเดือนของตนไปหักเพื่อสมทบทุนลงกองทุนของบริษัท และผู้ว่าจ้างจะสามารถสมทบเงินให้กับพนักงานในอัตรา 2-15% โดยจะแตกต่างกันไปตามนโยบายของบริษัทนั้นๆ 

พูดอย่างง่ายๆ ก็คือกองทุนสำรองเลี้ยงชีพจะนำเงินเดือนของพนักงานและเงินสมทบไปลงทุนในตลาดการเงินรูปแบบต่างๆ เพื่อสร้างรายได้ให้กับกองทุน โดยจะทำการแบ่งเงินปันผลเป็นดอกเบี้ยให้กับพนักงานที่ลงทุน เรียกได้ว่าเป็นอีกวิธีลงทุนอะไรดีความเสี่ยงน้อยที่ได้รับความนิยมที่สุด

ทั้งนี้ทั้งนั้น เงื่อนไขที่พนักงานต้องทำความเข้าใจก็คือจะสามารถถอนเงินที่ลงทุนมาใช้เมื่อเป็นเวลาจำเป็นเท่านั้น ซึ่งก็จะขึ้นอยู่กับนโยบายของบริษัทที่ลงทุนเช่นกัน แต่พนักงานจะไม่จำเป็นต้องเสียภาษีแต่อย่างใด หากไม่ถอนเงินมาใช้ก่อนกำหนด ซึ่งหากจำเป็น นักลงทุนก็สามารถทำเรื่องยื่นภาษีประจำปีได้ตามข้อกำหนดของกรมสรรพากร

7. กองทุน ETF – ลงทุนตามสินทรัพย์และตลาดมากมายแบบค่อยเป็นค่อยไป

กองทุน ETF จะติดตามมูลค่าของสินทรัพย์ เช่น ทอง และกลุ่มสินทรัพย์อย่าง S&P 500 หรือ Dow Jones ซึ่งจะได้รับการสนับสนุนโดยสินทรัพย์ดังกล่าว เช่น ETF ที่ติดตามมูลค่าของดัชนี Dow Jones จะซื้อหุ้นทั้ง 30 หุ้น

กองทุน ETF จะซื้อและถือหุ้นตามเปอร์เซ็นต์ดัชนี เช่น iShares Dow Jones ETF ที่จะแบ่ง 6.5% ในหุ้น Apple อีก 5.3% ใน Microsoft และ 2.9% ใน Amazon และยังถือ 1.8% ในหุ้น Tesla อีก 1.33% ใน Berkshire Hathaway และอีก 1.3% ใน UnitedHealth Group

เมื่อศึกษาว่ามีเงิน 2 แสน ลงทุนอะไรดีใน ETF เราก็ขอแนะนำ Dow Jones ซึ่งนักลงทุนจะได้ลงทุนใน Apple ที่ 10,000 ใน Microsoft ที่ 8,000 และใน Amazon อีก 4,000 โดยจะปรับเปอร์เซ็นต์ทุก 3 เดือน

risks of ETF Trading ลงทุนอะไรดีความเสี่ยงน้อย

Dow Jones เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งของกองทุน ETF เท่านั้น เพราะในตลาดหุ้นนั้นมีกองทุน ETF นับพันที่ติดตามมูลค่าของกองทุนรวมดัชนีหุ้น รวมถึง ETF ที่ติดตามหุ้นแต่ละประเภท เช่น หุ้นที่กำลังเติบโต หุ้นปันผล และหุ้นมูลค่าสูง

บางกองทุน ETF จะติดตามตราสารหนี้ เช่น พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรบริษัท หรือทั้งสอง ซึ่งการลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น ทองคำ เงิน และน้ำมันผ่านกองทุน ETF ก็เป็นไปได้เช่นกัน

กองทุน  ETF ส่วนใหญ่จะติดตามตลาดมากกว่าจะทำกำไรสูงกว่าตลาด ใครที่สงสัยว่าลงทุนอะไรผลตอบแทนสูงก็ควรลงทุนกองทุนรวม แทน เมื่อลงทุนโดยตรงกับโบรกเกอร์ ETF ก็มักจะเริ่มด้วยเงินหลายหมื่นบาท

Vanguard Growth ETF ลงทุนอะไรดีความเสี่ยงน้อย

แม้จะมีเงิน 2 แสน ลงทุนอะไรดี แต่ก็ไม่สมเหตุสมผลนักที่จะจัดสรรเงินทุนส่วนใหญ่ให้กับ ETF อย่างเดียว เราจึงขอแนะนำ eToro ที่ลงทุนได้ด้วยเงินที่น้อยกว่า ทั้งยังรองรับ ETF ทั้งในสหรัฐอเมริกาและต่างประเทศในราคาเพียง $10 ต่อการซื้อขาย

อย่างไรก็ตาม ETF จำนวนมากจะติดตามสินทรัพย์ที่สร้างรายได้ เช่น ETF ที่มีหุ้นปันผลจะได้รับเงินทุกๆ 3 เดือน โดยทั่วไปแล้ว ETF ที่มีพันธบัตรจะได้รับการชำระเงินคูปองเป็นรายปี ไม่ว่าจะแบบใด นักลงทุน ETF จะได้รับสิทธิ์ในส่วนแบ่งของรายได้ที่สร้าง

และด้วยราคาเชื้อเพลิงและพลังงานที่ไม่หมุนเวียนที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว นักลงทุนบางรายจึงลงทุนในคาร์บอนเครดิต ซึ่งเป็นการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์

8. บัญชีดอกเบี้ยคริปโต – สร้างผลตอบแทนจากการถือเหรียญคริปโต 

อีกวิธีสร้างรายได้จากเหรียญคริปโตคือการเปิดบัญชีดอกเบี้ยคริปโต ซึ่งมีแพลตฟอร์มจำนวนมากที่รองรับเหรียญ ผลตอบแทนต่อปี และระยะเวลาล็อคเหรียญแตกต่างกันไป เช่น Quint ที่มี ‘Super’ staking pool ซึ่งจะรวมรางวัลและสลากลุ้นโชคไว้ด้วยกัน

Crypto.com ก็เป็นกระดานเทรดคริปโตที่มีบัญชีดอกเบี้ยคริปโตมากมาย โดยมีเงื่อนไขสามแบบให้เลือก มีบัญชีแบบยืดหยุ่นที่ให้ถอนโทเค็นได้ตลอดเวลา ซึ่งเหมาะกับคนที่อยากใช้เงินเร็ว ซึ่งมีผลตอบแทนต่อปีต่ำที่สุด

crypto.com review ลงทุนอะไรผลตอบแทนสูง

และยังมีบัญชีแบบ 1 เดือนและ 3 เดือน โดยแบบสุดท้ายจะให้ผลตอบแทนสูงสุด และจะเพิ่มได้ด้วยการ Staking เหรียญ Cronos โทเค็นหลักของ Crypto.com ส่วน Stablecoin เช่น USDC ก็ให้ผลตอบแทนสูงถึง 8.5% ต่อปี

การฝากบิทคอยน์และ Ethereumจะให้ผลตอบแทน 5% และ 6% นอกจากนี้บัญชีดอกเบี้ย Crypto.com ทั้งหมดจะได้รับรางวัลเป็นรายสัปดาห์ เพื่อให้นักลงทุนสามารถลงทุนใหม่เข้าไปในบัญชีดอกเบี้ยนั้นๆ เพื่อรับประโยชน์จากการเติบโตแบบทบต้น

9. Copy Trade – เทรดตามนักลงทุนมืออาชีพ 

Copy Trade เป็นอีกตัวเลือกที่ควรพิจารณาหากมีเงิน 2 แสน ลงทุนอะไรดี ซึ่งโบรกเกอร์ออนไลน์และ eToro ล้วนรองรับ โดยนักลงทุนจะมีเทรดเดอร์นับพันให้เลือก และจะคัดลอกสถานะเทรดลงในพอร์ตผู้ใช้ eToro โดยอัตโนมัติ

ซึ่งเป็นการซื้อและขายสินทรัพย์โดยไม่ต้องทำเอง เช่น เมื่อลงทุน 2 แสนในนักเทรดหุ้นมืออาชีพบน eToro และเทรดเดอร์ตัดสินใจลงทุน 7% ในหุ้น Coca-Cola และ 9% ในหุ้น Tesla

การเทรดทั้งสองจะคัดลอกมาในพอร์ตผู้ใช้ eToro ที่มูลค่า 10,000 และ 15,000 ตามลำดับ แลกหากนักเทรดขายหุ้น Tesla เมื่อมีกำไร 10% ผู้ใช้ eToro ก็จะได้รายได้แบบพาสซีฟที่ 1,500 บาท (10% ของ 15,000) จากการเทรดครั้งนี้

etoro copy trading ลงทุนอะไรได้เงินเร็ว

ซึ่งนักลงทุนต้องศึกษาและวิเคราะห์ตลาดด้วยตัวเอง สิ่งที่สำคัญที่สุดคือนักลงทุนจะทำการเทรดด้วยเงินของตนตามปกติ ส่วนผู้ใช้ eToro จะสามารถเลือกคัดลอกการเทรดนั้นๆ ได้ การเลือกเทรดเดอร์ที่จะคัดลอกจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง

เพื่อช่วยตัดสินใจ eToro ก็เสนอชุดข้อมูลละเอียด พร้อมกับตัวกรอง เช่น การตรวจสอบผลตอบแทนรายเดือนที่เทรดเดอร์ได้ นอกจากนี้ยังสามารถประเมินสินทรัพย์และตลาดที่เทรดเดอร์ชื่นชอบ และระยะเวลาการเทรดโดยเฉลี่ย

ปัจจัยอื่นๆ ได้แก่ คะแนนความเสี่ยงของเทรดเดอร์ การขาดทุนสูงสุด และจำนวนผู้ติดตาม นักลงทุนที่ใช้เครื่องมือ Copy Trade จะสามารถเพิ่มหรือลบสินทรัพย์ได้ตามที่เห็นสมควร และไม่มีข้อผูกมัดใดๆ โดยสามารถถอนเงินออกได้ด้วยคลิกเดียว

etoro copy trading ลงทุนอะไรได้เงินเร็ว

ไม่มีการจำกัดคนที่สามารถคัดลอกได้ โดยมีเงินลงทุนขั้นต่ำที่ $200 ซึ่งการลงทุนในงบ 2 แสนจะคัดลอกนักเทรดได้ 25 คน โดยไม่มีค่าคอมมิชชั่นหรือค่าธรรมเนียมใดๆ

10. NFT – ซื้อ ถือ หรือขาย NFT

วิธีสุดท้ายสำหรับใครที่คิดว่าจะลงทุนอะไรดีความเสี่ยงน้อย เราขอแนะนำ NFT ซึ่งแม้จะอยู่ในตลาดคริปโตและ Blockchain มานานหลายปี แต่ก็เพิ่งมีกระแสเมื่อปี 2021 เท่านั้น โดยไอเดียหลักของ NFT คือการให้นักลงทุนได้เป็นเจ้าของสินค้าดิจิทัล

สมมติว่าสินค้าในโลกจริงมีเจ้าของสองคน ความเป็นเจ้าของร่วมนี้ก็คือ NFT เฉพาะสองรายการ แต่ละ NFT จะถูกจัดเก็บไว้ในโปรโตคอล Blockchain ซึ่งสามารถตรวจสอบความเป็นเจ้าของได้ไร้ความกังวล ซึ่ง NFT จะสามารถเป็นสินค้าใดก็ได้

ลองมาดูคอลเล็กชัน CryptoPunk NFT ที่ได้รับความนิยมสูง ซึ่งได้สร้าง NFT จำนวน 10,000 ชุดในปี 2017 และไม่มีการเรียกเก็บเงินนอกจากค่าธรรมเนียมเครือข่าย Blockchain และในปี 2021 และ CryptoPunk NFT หนึ่งรายการสามารถขายได้ในราคากว่า 8,000 ETH หรือประมาณ 23 ล้านดอลลาร์

NFT Launchpad

แม้การหา NFT ราคาสูงเช่น CryptoPunk NFT จะเป็นเรื่องยาก แต่ก็ถือว่ามีโอกาสสูง เพียงหา NFT ที่เหมาะสมซึ่งมีโอกาสได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นในอนาคต หากนักลงทุนทำได้ ก็อาจขาย NFT เพื่อทำกำไรได้นั่นเอง

ตลาดยอดนิยมเพื่อค้นหาคอลเล็กชันที่กำลังมาแรงคือ NFT Launchpad ซึ่งมี NFT ใหม่มากมาย และมีราคาไม่แพง โดยมี Lucky Block บน NFT Launchpad ซึ่งมีคอลเล็กชัน NFT ที่ให้รางวัลคริปโตและชิงโชครางวัลมากมาย

ยกตัวอย่างเช่น NFT ‘Bitcoin’ ที่สนับสนุนโดย Lucky Block เสนอลุ้นโชคมูลค่า $1 ล้าน โดยจ่ายเป็นโทเค็น BTC และมี NFT เพียง 25,000 รายการในคอลเล็กชันนี้ และจะมีการจับรางวัลเมื่อขายหมายเลขทั้งหมดแล้ว โดยก่อนและหลังการจับรางวัล ผู้ถือ Lucky Block NFT จะได้รับรางวัลคริปโตต่อๆ ไป

วิธีเลือกว่าจะลงทุนอะไรดีในงบ 2 แสนสำหรับคุณ

นักลงทุนที่กำลังเลือกว่าจะลงทุนอะไรดีในงบ 2 แสนจะต้องเรียนรู้เพิ่มเติม

โปรดพิจารณาประเด็นด้านล่างเมื่อเลือกการลงทุน $5,000 ที่ดีที่สุดในตลาดวันนี้

ผลตอบแทนที่ต้องการ

สิ่งแรกที่ควรคำนึงเมื่อมีเงิน 2 แสน ลงทุนอะไรดีคือประเภทของผลตอบแทนที่ต้องการ ซึ่งยิ่งมีผลตอบแทนมาก ก็ยิ่งเสี่ยงมากเท่านั้น

  • อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นข้อมูลเชิงลึก ดัชนีตลาดหุ้นสำคัญๆ เช่น S&P 500 ได้สร้างผลตอบแทนเฉลี่ยที่ 10% ต่อปี โดยมีข้อมูลย้อนหลังไปถึงปี 1926
  • ในส่วนของหุ้นบริษัท บริษัทที่มีการเติบโตอย่าง Tesla และ Apple มีกำไรมากกว่า 1,000% และ 300% ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา
  • หุ้นมูลค่าสูง เช่น Johnson & Johnson และ Coca-Cola ได้สร้างผลตอบแทนแก่นักลงทุนได้ถึง 27% และ 41% ตามลำดับ ในระยะเวลา 5 ปี

สินทรัพย์ประเภทอื่นๆ เช่น ตราสารหนี้รัฐบาลสหรัฐฯ จะให้ผลตอบแทนที่น้อยกว่ามาก แต่ก็มีความเสี่ยงน้อยกว่า

ส่วนเหรียญคริปโตถือว่ามีประสิทธิภาพที่ดีในตลาดในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา โดยบางเหรียญได้สร้างผลกำไรเป็นพันถึงล้านเปอร์เซ็นต์ แต่ก็มีความเสี่ยงเพิ่มเช่นเดียวกัน

ระดับของความเสี่ยงที่ยอมรับได้

ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าว่านักลงทุนควรพิจารณาความเสี่ยงที่พึงพอใจ โดยความเสี่ยงส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่กับสินทรัพย์และตลาดที่นักลงทุนตัดสินใจที่จะได้รับความเสี่ยง

สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงน้อยที่สุดที่ควรพิจารณาได้แก่ US Treasuries และบัญชีเงินฝาก โดยทั่วไปแล้วการลงทุนทั้งสองนี้จะสร้างผลตอบแทน 1% ถึง 3% ต่อปี ซึ่งแทบจะสู้อัตราเงินเฟ้อไม่ได้เลย

ประเภทสินทรัพย์เสี่ยงปานกลาง ได้แก่ หุ้น ซึ่งจะสามารถลดความเสี่ยงลงได้โดยการลงทุนในหุ้นที่หลากหลายผ่านกองทุนรวมดัชนี

ประเภทสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง ได้แก่ เหรียญคริปโต ตราสารหนี้ที่ออกโดยต่างประเทศจากประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ และการลงทุนทางเลือก เช่น การให้กู้ยืมแบบ Peer to Peer และ Staking

แอคทีฟหรือพาสซีฟ 

นักลงทุนจะต้องกำหนดระยะเวลาที่พวกเขาต้องการจะรักษาการลงทุนของตน

เช่น เมื่อลงทุนใน ETF กองทุนรวมดัชนี หรือเครื่องมือ Copy Trade จะเป็นการลงทุนแบบพาสซีฟ เพื่อเข้าถึงตลาดการเงินได้โดยไม่ต้องเรียนรู้ข้อมูลมากมาย

เมื่อนักลงทุนเลือกการลงทุนที่เหมาะสมแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องศึกษาหรือวิเคราะห์อะไรเพิ่มเติมอีก โดยแพลตฟอร์มที่ใช้จะตรวจสอบว่าพอร์ตโฟลิโอได้รับการปรับสมดุลและปรับเปอร์เซ็นต์เป็นประจำ

ในทางกลับกัน เมื่อลงทุนในหุ้นหรือเหรียญคริปโต โดยทั่วไปแล้วจะต้องศึกษาข้อมูลเองมากกว่า

จึงเป็นการดีที่นักลงทุนจะต้องเรียนรู้อย่างสม่ำเสมอในตลาดนั้นๆ เพื่อให้พอร์ตยังคงสอดคล้องกับวัตถุประสงค์เดิมและความเสี่ยงที่รับได้

วัตถุประสงค์ระยะสั้นหรือระยะยาว

อีกปัจจัยที่ควรพิจารณาเมื่อมีเงิน 2 แสน ลงทุนอะไรดีคือควรใช้วิธีระยะสั้นหรือระยะยาว

  • เช่น ใครที่มีเป้าหมายระยะสั้นอาจพิจารณาลงทุนในโปรเจกต์ใหม่ๆ เช่น Meta Masters Guild
  • เนื่องจากขณะนี้โปรเจกต์กำลังอยู่ในช่วง Presale
  • หลังจากนั้นโทเค็น MEMAG จะเปิดตัวในกระดานแลกเปลี่ยน ซึ่งมักจะดึงดูดความสนใจจากนักลงทุนคริปโต

โดยเหรียญคริปโตยังถูกมองว่าเป็นการลงทุนระยะยาวหรือที่เรียกว่า HODLing

ผู้ที่ซื้อโทเค็น BNB ในปี 2017 ที่ราคา 0.11 ดอลลาร์ และถือต่อไปจนกว่าสินทรัพย์ทำ All Time High ในช่วงปลายปี 2021 จะได้รับผลกำไรมากกว่า 600,000%

กองทุนดัชนีก็เป็นการลงทุนระยะยาว โดยเฉพาะกองทุนที่ติดตามตลาดดั้งเดิม เช่น S&P 500 และ Dow Jones

ใครที่คิดว่าลงทุนระยะสั้นอะไรดีอาจพิจารณาสินค้าโภคภัณฑ์ด้วย ซึ่งมีการเทรดที่เป็นวัฏจักร หมายความว่าราคาจะได้รับอิทธิพลจากปัจจัยภายนอกในวงกว้าง

เช่น ทองคำจะมีมูลค่าเพิ่มเมื่อเศรษฐกิจไม่ดี และราคาน้ำมันจะพุ่งสูงขึ้นเมื่อตลาดโลกมีความกดดันสูงขึ้น

ภาระภาษี 

ถ้ามีเงินเย็นลงทุนอะไรดี? นักลงทุนควรคำนึงถึงภาระภาษีร่วมด้วย เหตุผลก็คือสินทรัพย์แต่ละประเภทจะมีข้อดีและข้อเสียทางภาษีของตัวเอง

เช่น เมื่อลงทุนในตลาดหุ้น ภาษีจะเข้ามามีผลกับกำไรที่คาดว่าจะได้รับเท่านั้น ซึ่งหมายความว่านักลงทุนจะต้องขายเงินลงทุนในหุ้นที่มีกำไรเพื่อให้ภาระภาษีมีผลบังคับใช้

กลับกัน หุ้นและเงินปันผล ETF และตราสารหนี้จะมีภาระภาษีทันที เนื่องจากผลกำไรเข้าสู่ระบบแล้ว แม้ว่าจะมีการนำเงินทุนไปลงทุนใหม่ในภายหลังก็ตาม

ลงทุนอะไรดีในงบ 2 แสน – ตัวเลือกที่ดีที่สุด?

เมื่อมีเงิน 2 แสน ลงทุนอะไรดีนั้นจะกำหนดด้วยสินทรัพย์ เช่น ETF และกองทุนดัชนีมักจะซื้อขายที่โบรกเกอร์ออนไลน์แบบดั้งเดิม ส่วนเหรียญคริปโต เช่น บิทคอยน์ และ Ethereum จะซื้อได้ในกระดานเทรดคริปโต

โดยหนึ่งในตัวเลือกที่ดีที่สุดคือ Love Hate Inu เหรียญคริปโตออกใหม่ที่กำลังอยู่ในช่วง Pre-sale การซื้อ Love Hate Inu ในช่วงแรกๆ ของการ Pre-sale จะได้ราคาที่ต่ำกว่าราคาเปิดตัว

ซื้อ Love Hate Inu ตอนนี้

บทสรุป

นักลงทุนที่มีเงิน 2 แสน ลงทุนอะไรดีนั้นจะมีสินทรัพย์และตลาดมากมายให้เลือก ซึ่งอาจรวมถึงหุ้น, ETF, กองทุนดัชนี หรือแม้แต่สินค้าโภคภัณฑ์ เช่น ทองคำและเงิน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของนักลงทุน

ทั้งนี้ทั้งนั้น เราขอแนะนำ Love Hate Inu เป็นการลงทุนที่ดีที่สุดเมื่อมีงบ 2 แสน โดยเหรียญมีมของโปรเจกต์ใหม่/พื้นฐานยูทิลิตี้การ vote-to-earn ทำให้เป็นโปรเจกต์ที่ไม่เหมือนใครในตลาดเหรียญคริปโต ปัจจุบัน Love Hate Inu สามารถซื้อได้ในราคา Pre-sale ที่ 0.000085 ดอลลาร์ โดยราคาจะเพิ่มขึ้นในแต่ละสัปดาห์จนกว่าจะเปิดตัวในราคาสุดท้ายที่ 0.000145 ดอลลาร์ หลังจากระดมทุนได้มากกว่า 250,000 ดอลลาร์ในสองวันแรก LHINU ก็ดูเหมือนจะมีอนาคตที่สดใส

Categories
Bitcoins Crypto News การลงทุน

มีเงิน 3 แสน ลงทุนอะไรดี ฉบับปี 2023 – เปรียบเทียบแนวทางการลงทุน!

เพื่อตอบคำถามว่ามือใหม่ควรลงทุนอะไรดีก็ควรอ่านคู่มือมีเงิน 3 แสน ลงทุนอะไรดีของเราใน 10 ตลาดหลักๆ อาทิเช่น กองทุนดัชนี หุ้น เหรียญคริปโต และทองคำ 

เรายิงอธิบายอย่างละเอียดถึงสินทรัพย์ที่ทำให้เงินงอกเงยที่สุดในงบ 2 แสน โดยพิจารณาจากเป้าหมายทางการเงินและความเสี่ยงที่รับได้

จัดอันดับ 10 มีเงิน 3 แสน ลงทุนอะไรดี 2023

นักลงทุนควรพิจารณาถึงสินทรัพย์และตลาด 10 ประเภทด้านล่างเมื่อคิดว่ามีเงิน 3 แสน ลงทุนอะไรดี

  1. Love Hate Inu เหรียญคริปโต Pre-sale ที่มีศักยภาพสูง – การลงทุนเมื่อมีเงิน 3 แสนที่ดีที่สุดในปีนี้
  2. กองทุนรวมดัชนีหุ้น – ลงทุนในหุ้นหลายพันตัวผ่านการเทรดครั้งเดียว
  3. สินค้าโภคภัณฑ์ – ป้องกันความเสี่ยงด้วยทองคำ น้ำมัน และสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ
  4. Staking เหรียญคริปโต – รับดอกเบี้ยจากการฝากเหรียญคริปโตลง Staking Pool
  5. NFT – ทำกำไรจาก NFT ที่ถูกประเมินมูลค่าต่ำเกินจริง
  6. หุ้น – ซื้อและถือหุ้นสามัญ
  7. กองทุน ETF – ลงทุนในกลุ่มสินทรัพย์ผ่านกองทุนที่มีการจัดการ
  8. บัญชีดอกเบี้ยคริปโต – รับดอกเบี้ยแบบพาสซีฟจากการลงทุนในเหรียญคริปโตระยะยาว
  9. กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ – การลงทุนแบบไม่ต้องเสียภาษีสำหรับคนไทย
  10. Copy Trade – เทรดหุ้นและสินทรัพย์อื่นๆ แบบรายวันโดยไม่ต้องลงมือเอง

การลงทุนในโปรเจกต์เหรียญคริปโตศักยภาพสูง เช่น โทเค็น MEMAG ถือเป็นการลงทุนที่ผลตอบแทนสูงสุด คลิกที่ลิงค์ด้านล่างเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติม

ซื้อ Love Hate Inu ตอนนี้

การกระจายความเสี่ยงในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงและโอกาสทำกำไรต่างกันถือเป็นการลงทุนที่ดีที่สุดเมื่อเรียนรู้ว่ามีเงิน 3 แสน ลงทุนอะไรดี

เจาะลึกในเรื่องมีเงิน 3 แสน ลงทุนอะไรดี

นักลงทุนควรคำนึงถึงเป้าหมายทางการเงินและความเสี่ยงที่รับได้เมื่อพิจารณาว่าลงทุนอะไรดีที่สุด

Dollar-cost Averaging ก็ควรพิจารณาร่วมด้วย เพราะจะลงทุนน้อยกว่าแต่สม่ำเสมอ แทนการลงทุน 3 แสนในครั้งเดียว

โดยเราได้วิเคราะห์สินทรัพย์และตลาด 10 ประเภทที่อาจเป็นวิธีที่ดีที่สุดเมื่อมีเงิน 3 แสน ลงทุนอะไรดีแล้ว

1. คริปโตพรีเซลล์ศักยภาพสูงอย่าง – การลงทุนโดยรวมที่ดีที่สุดในปี 2023

การลงทุนในเหรียญคริปโต pre-sale ที่ดีที่สุด คล้ายกับการลงทุนในบริษัทก่อนที่จะเปิดตัว โดยโปรเจกต์ให้นักลงทุนได้ซื้อเหรียญคริปโตหลักในราคาที่ถูกลง และเมื่อเหรียญถูกลิสต์ลงกระดานเทรด มูลค่าของเหรียญก็จะเพิ่มขึ้น

ซื้อมีกระบวนการลงทุนที่เรียบง่าย เพียงแลกเปลี่ยนเหรียญคริปโตเดิมเช่น Ethereum เป็นโทเค็นพรีเซลล์นั้นๆ และเมื่อพิจารณาถึงพรีเซลล์คริปโตที่ผุดขึ้นมาในตลาด นักลงทุนจึงสามารถกระจายความเสี่ยงได้อย่างง่ายดาย

โดยตัวอย่างการลงทุนอะไรผลตอบแทนสูงก็คือพรีเซลล์ Tamadoge ซึ่งเปิดตัวในเดือนกันยายน 2022 ในราคา $0.01 ต่อโทเค็น แต่เมื่อพรีเซลล์สิ้นสุด TAMA ก็มีราคาเป็น $0.03

ซึ่งระดมทุนได้ 19 ล้านดอลลาร์ และ TAMA ก็ถูกลิสต์ลง OKX กระดานเทรดคริปโตยอดนิยมและทำ All Time High ที่ 0.194 ดอลลาร์ ทำให้นักลงทุนช่วงพรีเซลล์ได้รับกำไรเกือบ 2,000%

นอกจากนี้พรีเซลล์ Lucky Block ก็ระดมทุนได้มากกว่า 5 ล้านดอลลาร์ในเดือนมกราคม 2022 จากโทเค็น LBLOCK ที่มีราคาเพียง 0.00015 ดอลลาร์ และหลังจากถูกลิสต์บน PancakeSwap มูลค่าเหรียญก็ทะลุ 0.009 ดอลลาร์

ทำให้นักลงทุนรายแรกๆ สามารถทำกำไรได้กว่า 6,000% และเริ่มมีคนถามว่าเหรียญ ICO คริปโตที่ดีที่สุดคืออะไร? และลงทุนอะไรได้เงินเร็วในช่วงพรีเซลล์?

โดยเราจะเน้นไปที่ 2 โปรเจกต์ที่โดดเด่นที่กำลังเปิดขายเหรียญคริปโตหลักในช่วงพรีเซลล์และกำลังจะทำกำไรมหาศาลในปี 2023

Love Hate Inu – การลงทุนเมื่อมีเงิน 3 แสนที่ดีที่สุดในปีนี้

Love Hate Inu คือเหรียญคริปโต Pre-sale ที่น่าสนใจอย่างสูง โดยมีทั้ง utility ในโลกจริงและทุกอย่างที่จะทำให้เป็นอีกเหรียญที่ประสบความสำเร็จที่สุดแห่งปี

เรียกได้ว่า Love Hate Inu คือเหรียญมีมที่มีประโยชน์มากมาย พร้อมระบบ vote-to-earn บน Blockchain โดยผู้ใช้สามารถ stake เหรียญของตนและรับโทเค็นเพิ่มเติมเมื่อเข้าร่วมการโหวตออนไลน์

โดยในการโหวตผ่าน Ethereum blockchain จะเป็นวิธีที่น่าสนใจที่จะทำให้โพลมีความเป็นธรรมมากที่สุด เพราะจะไม่มีการโหวตซ้ำ การโกง หรือการใช้บอทโหวตบน Blockchain และแน่นอนว่าทุกโหวตที่ลงคะแนนผ่าน Love Hate Inu จะถูกนับอย่างแน่นอน และที่สำคัญ การโหวตด้วย Blockchain ยังมีการเรียกร้องให้รัฐบาลนำไปปรับใช้กับการเลือกตั้งอีกด้วย

Love Hate Inu Safemoon Inu Alternative

ไม่ใช่แค่การโหวตเท่านั้น แต่ Love Hate Inu ยังได้เอาการ vote-to-earn เข้ากระแสของเหรียญมีมที่จะเป็นการบอกต่อแบบปากต่อปากตามความนิยมของเหรียญนั้นๆ ซึ่งหากเหรียญดังกล่าวเกิดไม่เป็นที่นิยมขึ้นมาหรือถูกทดแทนด้วยเหรียญออกใหม่ ก็อาจดึงมูลค่าของเหรียญให้ร่วงลงไปได้นั่นเอง

ด้วยการผสามรวมเหรียญมีมเข้ากับฟีเจอร์แบบ vote-to-earn ของ utility token ก็อาจทำให้ Love Hate Inu ประสบความสำเร็จในระยะยาว และภายในปีนี้ ผู้ใช้จะสามารถสร้างแบบสำรวจของตนเองและรับโทเค็น LHINU จากการมีส่วนร่วมในการโหวต

screenshot-lovehateinu.com-2023.03.10-06_29_16

อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงขั้นตอนแรกสำหรับการโหวตผ่านแพลตฟอร์ม Love Hate Inu เท่านั้น โดยเป้าหมายระยะยาวจะเป็นการของโลก Metaverse เพื่อการโหวตและจะสามารถเปลี่ยนแปลงวงการเหรียญคริปโตในปี 2023 ไปตลอดกาล รวมเข้ากับการใช้เทคโนโลยี Blockchain ที่จะมาเป็นส่วนหนึ่งของแพลตฟอร์ม หาก Love Hate Inu สามารถสร้างโลก Metaverse ของตนได้ โปรเจกต์ดังกล่าวก็พร้อมที่จะเติบโตอย่างมากในอนาคตนั่นเอง

เริ่มพรีเซลล์8 มีนาคม 2023
วิธีการซื้อETH, USDT, บัตรเครดิต/เดบิต 
เชนEthereum
ลงทุนขั้นต่ำไม่มี
ลงทุนสูงสุดไม่มี

ซื้อ Love Hate Inu ตอนนี้

2. กองทุนรวมดัชนีหุ้น – ลงทุนในหุ้นหลายพันตัวผ่านการเทรดครั้งเดียว 

สำหรับใครที่คิดว่าลงทุนอะไรดีความเสี่ยงน้อย เราขอแนะนำกองทุนรวมดัชนีหุ้นซึ่งจะติดตามองตลาดหุ้น และทำกำไรจากการกระจายความเสี่ยงในหุ้นหลายๆ หุ้นจากการเทรดครั้งเดียว

โดยกองทุนรวมดัชนีหุ้นยอดนิยมคือ S&P 500 ที่จะติดตามหุ้นของบริษัทใหญ่ 500 แห่งในตลาดหุ้นหลักอย่าง  NYSE และ NASDAQ โดยหุ้นจะต้องตามตามเกณฑ์ดัชนี S&P 500 ซึ่งจะขึ้นอยู่กับมูลค่าตลาดด้วย

ด้านล่างคือ 10 หุ้นหลักของดัชนี S&P 500 ตอนนี้:

บริษัทชื่อย่อเปอร์เซ็นต์ (%)ราคา
Apple Inc.AAPL7.39$167.84
Microsoft CorporationMSFT5.94$276.08
Amazon.com Inc.AMZN3.36$133.85
Tesla IncTSLA2.14$892.99
Alphabet Inc. Class AGOOGL1.97$113.75
Alphabet Inc. Class CGOOG1.82$114.65
Berkshire Hathaway Inc. Class BBRK.B1.51$293.52
UnitedHealth Group IncorporatedUNH1.45$536.46
Johnson & JohnsonJNJ1.26$165.58
NVIDIA CorporationNVDA1.24$164.38

จากข้อมูลข้างต้น 7% ของ 500 บริษัทใน S&P 500 มีหุ้นตัวเดียวคือ Apple ส่วน Microsoft, Amazon และ Tesla ยังมีดัชนีขนาดใหญ่ที่ประมาณ 6%, 3% และ 2% ตามลำดับ

ส่วน Electronic Arts, Digital Realty Trust และ Newmont Corporation มีเพียง 0.1% ใน S&P 500

เพราะ S&P 500 มุ่งเน้นเรื่องศักยภาพในเศรษฐกิจสหรัฐ ด้านผลตอบแทน S&P 500 นั้นก็เปิดตัวมาเกือบหนึ่งศตวรรษแล้ว และสร้างกำไรต่อปีได้ประมาณ 10% อ้างอิงจากนักลงทุนที่นำเงินปันผลกลับมาลงทุนใน S&P 500

และยังมีอีกกองทุนรวมดัชนีหุ้นมากมาย เช่น กองทุนที่ติดตาม NASDAQ 100 และ Dow Jones รวมถึงตลาดต่างประเทศเช่น FTSE 100 และ China 50

อีกหนึ่งกองทุนเมื่อพิจารณาว่าลงทุนอะไรได้เงินเร็วก็คือ Total Stock Market Index ซึ่งจะให้เข้าถึงตลาดหุ้นสหรัฐทั้งหมดกว่า 4,000 หุ้นในการลงทุนครั้งเดียว

โดยจะมีหุ้นขนาดเล็ก กลาง และใหญ่และในช่วง 10 ปีที่เปิดเทรด กองทุนดังกล่าวได้สร้างผลตอบแทนกว่า 13% ต่อปี ส่วนการลงทุน กองทุนรวมบางแห่งก็สนับสนุน ETF และซื้อได้โดยตรงผ่านเว็บ

ซึ่งการลงทุนโดยตรงในกองทุนก็อาจจะต้องใช้ทุนมากขึ้น เช่น เมื่อลงทุนใน Total Stock Market Index ผ่านเว็บ Vanguard จะต้องลงทุนขั้นต่ำ $3,000

แต่เมื่อใช้โบรกเกอร์หุ้นอย่าง eToro จะลงทุนขั้นต่ำได้เพียง $10 และไม่มีค่าคอมมิชชั่นใดๆ ซื้อ ขาย หรือเก็บกองทุนลงในพอร์ต แต่อัตราส่วนค่าใช้จ่ายจะยังมีอยู่

3. สินค้าโภคภัณฑ์ – ป้องกันความเสี่ยงด้วยทองคำ น้ำมัน และสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ 

การเทรดสินค้าโภคภัณฑ์เป็นอีกตัวเลือกเมื่อมีเงิน 3 แสน ลงทุนอะไรดี ซึ่งมีมูลค่าที่ยอดเยี่ยมในช่วงโควิด เช่น น้ำมันดิบแตะระดับต่ำสุดที่ 19 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในช่วงกลางปี 2020 แต่ก็แตะระดับสูงสุดที่มากกว่า 120 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

ซึ่งเป็นความผันผวนกว่า 500% และปัจจัยที่ผลักดันราคาน้ำมัน ได้แก่ ปัญหาห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก อุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นสำหรับการเดินทางทั่วโลก และภาวะสงครามในยูเครน ซึ่งใครที่อยากทำกำไรในสินค้าโภคภัณฑ์อย่างน้ำมันจะมีหลายทางเลือก

บางที่อาจจะควรเพิ่มหุ้นน้ำมันที่ดีที่สุดลงในพอร์ต เช่น BP, Shell และ ConocoPhillips โดยมูลค่าหุ้นน้ำมันมักจะอิงตามราคาทั่วโลก เพราะจะมีผลกระทบโดยตรงต่ออัตรากำไรของแต่ละบริษัท

อีกวิธีในการเทรดราคาน้ำมันคือการใช้อนุพันธ์ทางการเงินที่ติดตามราคาสินทรัพย์แบบเรียลไทม์ผ่าน CFD, ฟิวเจอร์ส, หรือออปชัน และทองคำยังเป็นสินค้าโภคภัณฑ์อีกชนิดหนึ่งที่น่าสนใจเมื่อมีเงิน 3 แสน ลงทุนอะไรดี

ทองคำเป็นสินทรัพย์วัฏจักรและมูลค่าถูกขับเคลื่อนโดยการเมืองและเศรษฐกิจมหภาค เช่น ทองคำถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยที่นักลงทุนจะต้องการเมื่อเศรษฐกิจอ่อนแอ และยังมีศักยภาพสูงในช่วงที่ระดับเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น เพราะเป็นตัวเก็บมูลค่านั่นเอง โปรดอ่านเพิ่มเติมเรื่องการลงทุนในช่วงเงินเฟ้อ

โดยไม่มีข้อกำหนดในการซื้อหรือเก็บทองคำแท่งในการลงทุน การจะทำกำไรจากโลหะมีค่าก็คือการลงทุนผ่าน ETF ซึ่งเราจะอธิบายเพิ่มเติม โดยทองคำ ETF จะไม่ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องการจัดเก็บ ความปลอดภัย และสภาพคล่อง

แม้การลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์จะถือเป็นเรื่องลงทุนระยะสั้นอะไรดี (หรือกลาง) มากกว่า เนื่องจากมูลค่าของสินค้าโภคภัณฑ์จะอิงตามอุปสงค์และอุปทาน ซึ่งขึ้นและลงตามปัจจัยภายนอก

เราแนะนำให้อ่านบทความมีเงิน $100,000 ลงทุนอะไรดีเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติม

4. Staking เหรียญคริปโต – รับดอกเบี้ยจากการฝากเหรียญคริปโตลง Staking Pool

แพลตฟอร์ม Staking ที่ดีที่สุดเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกเมื่อมีเงิน 3 แสน ลงทุนอะไรดี และยังเหมาะกับคนที่ยังไม่มีเหรียญคริปโตในตอนนี้อีกด้วย เพราะเพียงแค่ซื้อเหรียญ นำไป Staking ในแพลตฟอร์ม และรับดอกเบี้ย

โดยอัตราดอกเบี้ยจาก Staking Pool ที่มาจากหลายปัจจัย โดยเหรียญคริปโตบางสกุลจะให้ดอกเบี้ยสูงกว่า ส่วนเหรียญที่มีมูลค่าน้อยกว่าจะให้ผลตอบแทนต่อปีสูงกว่าบิทคอยน์และ Ethereum นั่นเอง เพราะการ Staking เหรียญมูลค่าน้อยจะสูงกว่านั่นเอง

อัตราดอกเบี้ยจาก Staking Pool จะต่างกันตามระยะเวลาล็อคเหรียญ เช่น การ Staking เหรียญคริปโตบนกระดานเทรด DeFi Swap จะให้ผลตอบแทนถึง 75% ต่อปี โดยนักลงทุนจะไม่สามารถถอนได้จนกว่าระยะเวลาการล็อคจะสิ้นสุด

และยังมีระยะเวลาล็อคเหรียญที่ 30, 90 และ 180 วัน บางแพลตฟอร์มก็มีเงื่อนไขที่ยืดหยุ่น ให้นักลงทุนสามารถถอนโทเค็นของตนได้ทุกเมื่อ ซึ่งจะมีผลตอบแทนต่อปีต่ำกว่า แต่นักลงทุนหลายคนจะชอบเงื่อนไขแบบนี้

ต่อไปนี้คือตัวอย่างของการ Staking:

  • นักลงทุนฝาก 10,000 USDT ลงใน Staking Pool ซึ่งเป็น Stablecoin ที่อิงราคาตามเงินดอลลาร์
  • Staking Pool ให้ผลตอบแทน 10% ต่อปีที่ระยะเวลาล็อค 3 เดือน
  • หลังจาก 3 เดือน นักลงทุนจะได้ 10,000 USDT กลับคืน
  • และได้ผลตอบแทน 10% จากระยะเวลาล็อคเหรียญ 3 เดือน คิดเป็นดอกเบี้ย 250 USDT
  • ทำให้นักลงทุนมี 10,250 USDT จากการลงทุน 10,000 USDT

ตัวอย่างข้างต้นคือการ Staking Stablecoin ซึ่งอิงตามเงินดอลลาร์ แต่เหรียญคริปโตทั่วไปก็สามารถนำไป Stake ได้เช่นกัน (ซึ่งมูลค่าจะผันผวนได้ตลอดเวลา) โดยเมื่อโทเค็นที่นำไป Stake มีมูลค่าเพิ่มขึ้น ผลตอบแทนที่ได้ก็จะเพิ่มขึ้นเช่นกัน

Quint เป็นอีกตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับการ Staking ซึ่งจะให้นักลงทุนได้เข้าร่วมการจับของรางวัล โดยจะมีสิทธิ์ลุ้นรับนาฬิกาเรือนหรูสำหรับคนที่นำเหรียญดังกล่าวไป Stake 

เรียนรู้เพิ่มเติม: สงสัยเรื่องการลงทุนอะไรให้เงินงอกเงยจาก Super Staking? โปรดอ่านรีวิว Quint เพิ่มเติม

5. ทำกำไรจาก NFT ที่ถูกประเมินมูลค่าต่ำเกินจริง 

NFT เป็นสินทรัพย์อีกประเภทบน Blockchain ซึ่งสิ่งที่ทำให้ NFT เป็นที่นิยมก็คือการสร้างความเป็นไปได้มากมาย และยังให้ความเป็นเจ้าของในการครอบครอง NFT อีกด้วย

เป็นได้ทั้งอสังหาริมทรัพย์ ประกัน สิทธิบัตร และไอเท็มภายในเกม โดย NFT ที่ได้รับความนิยมที่สุดคือศิลปะดิจิทัล เช่น The Merge ซึ่งเป็น NFT ที่แพงที่สุดในโลก โดยขายได้กว่า $90 ล้านในช่วงปลายปี 2021

ส่วนคอลเล็กชันศิลปะ First 5000 Days NFT จาก Michael Winkelmann ที่ขายไปกว่า $69 ล้าน และ NFT ที่โด่งดังที่สุดในตอนนี้ก็คือ Bored Ape Yacht Club ซึ่งมีงานวาดรูปลิงกว่า 10,000 รายการที่ขายได้กว่า $200 ต่อรายการ ตั้งแต่เปิดตัวในปี 2021

คอลเล็กชัน Bored Ape Yacht Club เป็นกระแสในหมู่คนดังมากมาย และขายได้กว่า $1 ล้าน ซึ่งเห็นได้ชัดว่ามีโอกาสขายทำกำไรมากมายสำหรับคนที่สนใจ เพียงหาคอลเล็กชัน NFT ที่จะทำกำไร ซึ่งค้นหาได้ใน Launchpad.xyz

ตลาดสำหรับ NFT ใหม่ๆ แห่งนี้ ได้รวบรวม NFT ราคาไม่ถึง $50 และมีโปรเจกต์ NFT น่าสนใจมากมาย เช่น Lucky Block ซึ่งมอบโอกาสสุ่มรางวัลใหญ่ตั้งแต่ ทรัพย์สินมูลค่า 1 ล้านดอลลาร์ไปจนถึงตั๋ว VIP FIFA World Cup

เพียงซื้อ NFT เพื่อเข้าร่วมการจับสลาก และยังมีโอกาสได้รับรางวัลเป็นโทเค็น LBLOCK อีกด้วย ซึ่งหากไม่ชนะรางวัลใหญ่ ก็ยังได้รับรางวัลเป็นเหรียญคริปโตจากการถือครองไว้ได้นั่นเอง

6. หุ้น – ซื้อและถือหุ้นสามัญ

อีกสินทรัพย์เมื่อมีเงิน 3 แสน ลงทุนอะไรดีคือหุ้น มีตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลกที่ให้เข้าถึงบริษัทหลายหมื่นแห่งและตลาดมากมาย โดยนักลงทุนสามารถเน้นไปที่ตลาดหุ้นหลักๆ อย่าง NYSE และ NASDAQ ได้

กระดานแลกเปลี่ยนทั้งสองนี้มีหุ้นกว่า 4,000 หุ้นและมีมูลค่าตลาดหลักล้านล้านดอลลาร์ โดยสามารถกระจายความเสี่ยงได้จากการซื้อหุ้นหลายๆ ประเภท เช่น หุ้นปันผลจะเป็นบริษัทที่จะแบ่งกำไรบางส่วนให้กับนักลงทุน

สำหรับใครที่มีเงินเย็นไปลงทุนในหุ้นปันผล เราแนะนำ Coca-Cola, Dover, 3M และ Procter & Gamble ซึ่งจ่ายเงินปันผลมากว่าหกทศวรรษแล้ว และจ่ายเงินปันผลรายปีติดต่อกันกว่า 60 ปี

ส่วน ‘ราชาแห่งเงินปันผล’ คือบริษัทที่แบ่งเงินปันผลประจำปีเพิ่มขึ้นอย่างน้อยถึง 50 ปี ซึ่งให้ผลตอบแทนเมื่อราคาหุ้นเพิ่มขึ้น และเพื่อไม่ให้เป็นแบบนั้น นักลงทุนที่มีเงินเอาไปลงทุนอะไรดี เราก็ขอแนะนำหุ้นที่กำลังเติบโต หรือการลงทุนในสตาร์ทอัพ

ซึ่งเป็นบริษัทที่กำลังอยู่ในช่องเติบโต และมีแนวโน้มว่าจะมีไอเดียทางธุรกิจ หรือผลิตภัณฑ์ หรือบริการใหม่ๆ โดยอาจจะไม่ได้มีความเสี่ยงน้อย แต่จะมีโอกาสทำกำไรมากกว่า

นอกจากนี้เราขอแนะนำหุ้นของบริษัทมูลค่าสูง ซึ่งเหมาะกับการมีเงิน 3 แสน ลงทุนอะไรดี ซึ่งไม่เพียงแต่จะเป็นหุ้นของบริษัทที่มีมูลค่าตลาดสูงเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมของตนอีกด้วย

เช่น  Walmart, Microsoft, Johnson & Johnson, Mcdonald’s และ UnitedHealth โดยการสร้างพอร์ตที่สมดุลที่มีหุ้นหลากหลายประเภท เพื่อกันไม่ให้การลงทุนในหุ้นล้มเหลวในภายหลัง

และสำหรับนักลงทุนที่คิดว่ามีเงินเย็นลงทุนอะไรดี? ก็ควรคำนึงถึงหุ้นต่างประเทศ  เพราะจะช่วยกระจายความเสี่ยงและไม่ทุ่มทุนลงในเศรษฐกิจของสหรัฐฯ เกินไป โดยกระดานแลกเปลี่ยนยอดนิยมที่สุด ได้แก่ ตลาดของสหราชอาณาจักร ยุโรป และญี่ปุ่น

การกระจายความเสี่ยงนั้น นักลงทุนต้องสร้างบัญชีกับโบรกเกอร์ที่ได้รับการกำกับ โดยโบรกเกอร์จะต้องมีค่าธรรมเนียมต่ำและรองรับการซื้อหุ้นสัดส่วนที่ให้นักลงทุนไม่จำเป็นต้องซื้อหุ้นทั้งหมด

โดยเมื่อมีเงิน 3 แสน ลงทุนอะไรดี เราก็ขอแนะนำ eToro ที่ให้ลงทุนขั้นต่ำเพียง $10 ซึ่งหากหุ้นมีราคา $100 นักลงทุนจะสามารถเปิดสถานะได้ด้วยเงิน $10 และเป็นเจ้าของ 10% และไม่มีค่าคอมมิชชั่นใดๆ ในการซื้อแบบสัดส่วน

  • เรียนรู้เพิ่มเติม: อ่านคำแนะนำของเราเกี่ยวกับ:
    วิธีลงทุน $10,000 ในหุ้น
    วิธีลงทุนในหุ้นก่อน IPO

7. กองทุน ETF – ลงทุนในกลุ่มสินทรัพย์ผ่านกองทุนที่มีการจัดการ

กองทุนถือเป็นอีกหนึ่งลงทุนอะไรดีความเสี่ยงน้อยในงบ 3 แสน เพราะจะได้รับการจัดสรรจาก Vanguard และ iShares ETF สถาบันการลงทุนขนาดใหญ่ โดยกองทุน ETF ส่วนใหญ่จะติดตามกลุ่มสินทรัพย์ เช่น S&P 500 และ Total Stock Market Index

เพื่อลงทุนในกองทุนดัชนี นักลงทุนจะต้องลงทุนผ่านกองทุน ETF ซึ่งจะติดตามตลาดด้วยการซื้อสินทรัพย์นั้นๆ ตามเปอร์เซ็นต์ที่จัดสรร หมายความว่า Total Stock Market Index ETF จะซื้อและถือหุ้นกว่า 4,000 หุ้นสามัญ

โดยกองทุน ETF จะปรับเปอร์เซ็นต์ทุกไตรมาสเพื่อให้สอดคล้องตามราคาของสินทรัพย์ที่ติดตาม เพื่อให้ทำกำไรจากตลาดในแบบสัดส่วน เรามาดูตัวอย่างของ Vanguard Dividend Appreciation ETF กันเลย

โดยลงทุนในกองทุน ETF ดังกล่าว ยังลงทุนจะได้ถือครอง 289 หุ้นทางอ้อม ได้แก่ Pepsi, Visa, Microsoft, JPMorgan Chase, MasterCard และ Home Depot โดย Pepsi จะมีเปอร์เซ็นต์ในกองทุน 1.98% ส่วน Visa มี 2.76%

แปลว่าการลงทุนในงบ 3 แสนจะได้ถือหุ้น Pepsi และ Visa ที่ 198 ดอลลาร์และ 276 ดอลลาร์ตามลำดับ โดยมีการเทรดกองทุน ETF มากมายในอเมริกา ซึ่งจะติดตามตลาดแตกต่างกัน บางกองทุนจะเน้นที่หุ้น และบางกองทุนจะเน้นที่ตราสารหนี้

เช่น กองทุน Vanguard Total International Bond ETF จะให้ทำกำไรจากตราสารหนี้ 6,000 รายการในตลาดโลก รวมถึงสหรัฐอเมริกา ยุโรป ตะวันออกกลาง และตลาดเกิดใหม่ เช่น มาเลเซีย อินโดนีเซีย และไทย ซึ่งจะเหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการความเสี่ยงน้อยและมีการจ่ายเงินปันผลทุกเดือน

นอกจากนี้ ETF ยังเหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการทำกำไรจากสินค้าโภคภัณฑ์ โดยบาง ETF จะได้รับสนับสนุนโดยโลหะมีค่า เช่น กองและเงิน หมายความว่าจะสามารถลงทันได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการจัดเก็บและความปลอดภัย

อีกข้อดีคือ ETF มีค่าธรรมเนียมต่ำ แม้กองทุนจะจัดการพอร์ตในนามนักลงทุนก็ตาม โดยเฉพาะ กองทุนรวมดัชนีหุ้น ETFs ที่มีค่าใช้จ่ายเพียง 0.10% ต่อปี โดยนักลงทุนสามารถลงทุนใน ETF ได้ง่ายๆ ผ่าน eToro โดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม และให้นักลงทุนได้ลงทุนในคาร์บอนเครดิตเช่นฟิวเจอร์ส Carbon Emissions อีกด้วย

8. บัญชีดอกเบี้ยคริปโต – รับดอกเบี้ยแบบพาสซีฟจากการลงทุนในเหรียญคริปโตระยะยาว  

บัญชีดอกเบี้ยคริปโตเป็นอีกตัวเลือกการลงทุนที่ได้เงินเร็วที่สุดในงบ 3 แสน เพียงเลือกเปิดบัญชีบนแพลตฟอร์มที่ต้องการและฝากเหรียญคริปโตลงบัญชี นักลงทุนก็จะได้รับดอกเบี้ยสำหรับโทเค็นที่ล็อคเอาไว้

สมมุติว่านักลงทุนลงทุนเงิน 3 แสนลงในบัญชีดอกเบี้ยของ Crypto.com สำหรับเหรียญบิทคอยน์ นักลงทุนจะได้ผลตอบแทนที่ 5% ต่อปี ส่วนเหรียญคริปโตอื่นๆ ที่ Crypto.com รองรับจะให้ผลตอบแทนสูงกว่า ซึ่งจะขึ้นอยู่กับระยะเวลาการล็อคเหรียญด้วยเช่นกัน

ซึ่งจะเหมาะกับนักลงทุนที่อยากลงทุนในเหรียญคริปโตระยะยาวเพื่อสร้างกำไรจากการถือครองเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นช่วงที่ตลาดเป็นขาลง นักลงทุนก็จะได้รับดอกเบี้ยเช่นกัน ซึ่งสามารถนำไปซื้อเหรียญคริปโตเพิ่มผ่านแผนการลงทุนเพื่อจ่ายเงินปันผล (DRIP)

ซึ่งจะเป็นการค่อยๆ ทำกำไรในตลาดคริปโต ซึ่งการฝากเหรียญลงบัญชีดอกเบี้ยคริปโตนั้น นักลงทุนจะยังคงเป็นเจ้าของเงินทุนเองทั้งหมด ซึ่งแปลว่าหากเหรียญคริปโตมีมูลค่าเพิ่มในตลาด นักลงทุนก็จะได้กำไรจากส่วนนั้นด้วยนั่นเอง

9. กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ – การลงทุนแบบไม่ต้องเสียภาษีสำหรับคนไทย  

สำหรับใครที่คิดว่ามีเงิน 3 แสน ลงทุนอะไรดี เราก็อยากจะแนะนำให้รู้จักกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ซึ่งเป็นอีกวิธีการลงทุนยอดนิยมสำหรับคนไทยทุกคน โดยเฉพาะพนักงานบริษัทที่กำลังจะเกษียณอายุ โดยการทำงานของกองทุนดังกล่าวคือการนำเงินเดือนของพนักงานไปแบ่งลงในกองทุนบริษัท และบริษัทจะสามารถสมทบเงินของตนลงกองทุนเพิ่มอีกในอัตรา 2-15% ตามนโยบายกองทุนของบริษัทนั่นเอง

หลังจากนั้น สิ่งที่กองทุนจะทำถัดมาก็คือการนำเงินที่อยู่ในกองทุนไปลงทุนในสินทรัพย์และตลาดการเงินต่างๆ เพื่อทำรายได้ โดยจะแบ่งเงินให้กับผู้ซื้อกองทุนเป็นเงินปันผล ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ยอดเยี่ยมเมื่อศึกษาว่าลงทุนอะไรดีความเสี่ยงน้อย

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่พนักงานต้องคำนึงถึงก็คือเงื่อนไขการถอนเงินออกมาเพื่อใช้ในยามจำเป็น โดยจะขึ้นอยู่กับนโยบายของบริษัทเช่นเดียวกับกันอัตราจ่ายเงินสมทบของบริษัท ซึ่งข้อดีของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพก็คือจะไม่จำเป็นต้องเสียภาษีใดๆ หากไม่ถอนเงินออกมาใช้ก่อนกำหนด แต่หากจำเป็น นักลงทุนก็สามารถทำเรื่องยื่นภาษีได้เช่นเดียวกัน

10.  Copy Trade – เทรดหุ้นและสินทรัพย์อื่นๆ แบบรายวันโดยไม่ต้องลงมือเอง 

ใครที่อยากลงทุนโดยไม่ต้องลงมือเองอาจชอบกองทุน ETF หรือกองทุนรวม แต่การลงทุนดังกล่าวจะถูกจัดการโดยผู้บริการกองทุน ซึ่งเหมาะเหมาะกับการลงทุนระยะยาวและเน้นไปที่หุ้นและตราสารหนี้มากกว่า

แต่ Copy Trade เป็นเครื่องมือที่จะให้นักลงทุนได้เทรดแบบรายวันในตลาดการเงินโดยไม่ต้องลงมือเอง เพียงเลือกนักเทรดและคัดลอกสถานะการซื้อหรือขายลงในพอร์ตของตน เช่น eToro จะให้ผู้ใช้คัดลอกเทรดเดอร์ได้ในราคา $200 ไม่มีค่าธรรมเนียม

ตัวอย่างเช่น:

  • เช่น ผู้ใช้ eToro ลงทุน 3 แสนลงในนักเทรดฟอเร็กซ์ที่มีประสบการณ์
  • นักเทรดตัดสินใจซื้อ EUR/USD ที่ 5% โดยมีเลเวอเรจ 1:30
  • สถานะดังกล่าวจะถูกคัดลอกลงในพอร์ตของผู้ใช้ eToro ด้วยเงิน $500
  • ไม่กี่ชั่วโมงต่อไป นักเทรดขาย EUR/USD และทำกำไรได้ 10%
  • หมายความว่านักลงทุนก็จะได้กำไร 10% จากเงิน $500 ซึ่งคิดเป็น $50

มีนักเทรดที่ได้รับการรับรองมากมายบนโปรแกรม Copy Trade ของ eToro ดังนั้นต้องเลือกประเภทสินทรัพย์ที่อยากทำกำไรเสียก่อน โดยที่ eToro จะรองรับตั้งแต่หุ้น, กองทุน ETF, ดัชนี, ไปจนถึงเหรียญคริปโตและฟอเร็กซ์ โดยนักลงทุนควรคำนึงว่ามีความเสี่ยงน้อยหรือมากร่วมด้วย

ผู้ใช้ eToro ยังสามารถดูประวัติการเทรดในอดีตของนักเทรดได้ก่อนเลือกคัดลอกเพื่อเป็นข้อมูลเชิงลึก โดยนักเทรดยอดนิยมที่ถูกคัดลอกมากที่สุดคือ Juraj Gazo ซึ่งเชี่ยวชาญในด้านหุ้นและฟอเร็กซ์และทำกำไรแก่ผู้ติดตามได้กว่า 39% ในปี 2021 โดยนักเทรดคนดังกล่าวได้ทำกำไรที่ 5% และ 40% ในปี 2020 และ 2019 ตามลำดับ 

วิธีเลือกว่ามีเงิน 3 แสน ลงทุนอะไรดีที่สุด

หลังจากเราได้อธิบายถึงข้อดีข้อเสียเรื่องมีเงิน 3 แสน ลงทุนอะไรดีแล้ว เราจะบอกวิธีกระจายความเสี่ยงที่อิงตามความเสี่ยงและเป้าหมายทางการเงินของนักลงทุน

เพื่อให้นักลงทุนตัดสินใจได้ตามเป้าหมายของตนเมื่อมีเงิน 3 แสน ลงทุนอะไรดี

ผลตอบแทนและความเสี่ยงที่รับได้ 

สิ่งที่ควรคำนึงเมื่อมีเงิน 3 แสน ลงทุนอะไรดีคือการเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทน เพื่อให้ได้ผลตอบแทนสูงสุดจากการลงทุน

โดยไอเดียด้านผลตอบแทนกับความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องเข้าใจ ยิ่งให้ผลตอบแทนสูง ก็ยิ่งเสี่ยงมากนั่นเอง

  • โดยพันธบัตรสหรัฐฯ และตราสารหนี้จากยุโรปอาจเป็นวิธีที่ความเสี่ยงน้อยที่สุดในงบ 3 แสน
  • เช่น ตราสารหนี้อายุ 10 ปีจากรัฐบาลสหรัฐฯ ให้ผลตอบแทน 3.10% ต่อปี
  • แม้จะฟังดูน่าสนใจ แต่ผลตอบแทน 3% นั้นแทบจะโดนแซงหน้าโดยอัตราเงินเฟ้อระยะยาว
  • แต่รัฐบาลสหรัฐฯ  จะไม่ผิดนักชำระผลตอบแทนอย่างแน่นอน

นักลงทุนควรคำนึงถึงความเสี่ยงเมื่อลงทุนในสินทรัพย์ที่คาดเดาไม่ได้

  • เช่น ใครที่ลงทุนในหุ้นที่มีโอกาสเติบโตควรคำนึงว่ามูลค่า Coinbase ลดลงเกือบ 80% จากราคา IPO ในปี 2021
  • เช่นเดียวกับ Grab ที่เคยเป็นหุ้น IPO ศักยภาพสูงแห่งปีตอนถูกลิสต์ลง NASDAY เดือนธันวาคม 2020 ซึ่งลดลง 70% จากมูลค่าเดิม
  • ส่วนหุ้นเติบโตที่ถูกลิสต์ในปี 2010 อย่าง Tesla มีมูลค่าเพิ่มขึ้นกว่า 23,000% ตั้งแต่ IPO

นักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนสูงสุดอาจพิจารณา Presale เหรียญคริปโตเช่น MEMAG ซึ่งโทเค็นใหม่ๆ มักจะมีโอกาสทำกำไรและมีความผันผวนสูง

การลงทุนแบบพาสซีฟหรือแอคทีฟ 

เมื่อมีเงิน 3 แสน ลงทุนอะไรดี นักลงทุนควรคำนึงถึงเวลาที่ใช้ในการลงทุนด้วย

  • ซึ่งไม่เพียงแต่จะรวมถึงการศึกษาและวิเคราะห์การลงทุนที่มีประสิทธิภาพเท่านั้น แต่ยังรวมถึงขั้นตอนการปรับสมดุลให้กับพอร์ต
  • ซึ่งนับว่าเป็นส่วนสำคัญของการลงทุน เพื่อให้พอร์ตของนักลงทุนสอดคล้องกับเป้าหมายการเงินในระยะยาว

ส่วนใครที่มีเวลาและประสบการณ์จัดการพอร์ตของตนอาจพิจารณาเรื่องกลยุทธ์การลงทุน เพื่อศึกษาตลาดและเปิดสถานะซื้อและขายสินทรัพย์อย่างถูกต้อง

ส่วนใครที่ไม่มีเวลาหรือความรู้ด้านการลงทุนเอง ก็อาจใช้งานกลยุทธ์การลงทุนแบบพาสซีฟ เช่น สินทรัพย์สร้างกำไรเองอย่างกองทุน ETF, กองทุนรวมดัชนีหุ้น, หรือ Copy Trade

เป้าหมายทางการเงิน

การตั้งเป้าหมายทางการเงินก็เป็นสิ่งสำคัญในการสร้างพอร์ต

เช่น นักลงทุนอาจต้องการลงทุนเงิน 3 แสนลงในบัญชีเกษียณระยะยาว เพื่อรับผลตอบแทนเป็นรายเดือน ซึ่งเราจะแนะนำกองทุนรวมดัชนีหุ้นระยะยาวอย่าง S&P 500

ส่วนการลงทุนระยะสั้นอะไรดี โดยเฉพาะใครที่อยากเทรดด้วยตัวเอง เราก็ขอแนะนำ Presale เหรียญคริปโต, หุ้นที่เติบโตได้, และตราสารหนี้ระยะสั้น

รายได้ กำไร หรือทั้งสอง

สินทรัพย์บางกลุ่มจะสร้างรายได้แบบพาสซีฟ เช่น หุ้นปันผล เพียงถือหุ้นบริษัทที่จ่ายเงินปันผล นักลงทุนก็จะได้เงินทุกๆ 3 เดือน

นักลงทุนบางคนอาจให้ความสำคัญกับผลกำไร ทั้งเหรียญคริปโตและหุ้นที่มีโอกาสโตก็ถือว่าเหมาะ เพราะทั้งคู่อาจไม่สร้างรายได้ แต่เป้าหมายคือการเติบโต

สินทรัพย์บางกลุ่มอาจมีความสมดุลระหว่างรายได้และการเติบโต เช่น หุ้น ETF ที่จะมีมูลค่าเพิ่มเมื่อตลาดเป็นขาขึ้น และให้เงินปันผลเป็นรายไตรมาสอีกด้วย

ลงทุนอะไรดีในงบ 3 แสน – ตัวเลือกที่ดีที่สุด?

ยังสงสัยว่ามีเงิน 3 แสน ลงทุนอะไรดี?

ตัวเลือกโดยรวมที่ดีที่สุดเมื่อมีเงิน 3 แสน ลงทุนอะไรดีจะขึ้นอยู่กับเป้าหมายทางการเงินและความเสี่ยงที่รับได้ โดยการกระจายความเสี่ยงก็เป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งนักลงทุนควรลงทุนในสินทรัพย์ ตลาด และโอกาสทำกำไรหลายรูปแบบ

แล้วจะลงทุนอะไรดีความเสี่ยงน้อย? เราขอแนะนำกองทุนรวมดัชนีหุ้นและดัชนีที่จ่ายเงินปันผลสูงๆ ส่วนการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูง เราขอแนะนำเป็นหุ้นที่มีโอกาสโตและเหรียญคริปโต

หนึ่งในตัวเลือกที่ดีที่สุดก็คือ Love Hate Inu ซึ่งเป็นเหรียญคริปโตออกใหม่ที่อยู่ในช่วง Pre-sale โดยเมื่อยิ่งซื้อ Love Hate Inu ในช่วงแรกๆ มากเท่าไหร่ คุณก็จะมีโอกาสทำกำไรได้เมื่อเหรียญถูกลิสต์ลงกระดานเทรดมากขึ้นเท่านั้น

ซื้อ Love Hate Inu ตอนนี้

บทสรุป

บทความนี้ได้พูดถึงวิธีที่ดีที่สุดเมื่อมีเงิน 3 แสน ลงทุนอะไรดี โดยครอบคลุมทั้งกลุ่มสินทรัพย์และตลาด เช่น เหรียญคริปโต, กองทุนรวมดัชนีหุ้น, ทอง, หุ้น, และ Copy Trade

โดยรวม เราขอแนะนำ Love Hate Inu ที่ปัจจุบันมีราคา Pre-sale อยู่ที่ 0.000085 ดอลลาร์ โดยราคาจะเพิ่มขึ้นในแต่ละรอบทุกสัปดาห์จนไปสุดที่ 0.000145 ดอลลาร์ หลังจากระดมทุนได้มากกว่า 250,000 ดอลลาร์ในเวลาเพียงสองวันแรก LHINU ก็ดูเหมือนจะมีอนาคตที่สดใสรออยู่

Categories
Bitcoins การลงทุน

วิธีลงทุนใน Blockchain ในปี 2023 [เหมาะสำหรับมือใหม่!] 

Blockchain นั้นได้รับการยอมรับว่าเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่เข้ามาปฏิวัติทุกวงการ ซึ่งมักถูกจัดอยู่ในอันดับต้นๆ ในรายการสำหรับนักลงทุนที่ต้องการสร้างผลกำไรในอุตสาหกรรมที่จะรองรับในอนาคต

หากคุณสงสัยว่าจะลงทุนในเทคโนโลยี blockchain อย่างไรในฐานะมือใหม่ เราก็จะมาเจาะกับลึก 11 วิธีลงทุนใน Blockchain ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ซึ่งเป็นทางเลือกแก่นักลงทุนทุกระดับประสบการณ์และความเสี่ยงที่พร้อมรับได้

ลงทุน Blockchain – วิธียอดนิยม

  • เข้าร่วมพรีเซลล์เหรียญคริปโตอย่าง IMPT – เข้าร่วมแพลตฟอร์มชดเชยคาร์บอนเพื่อสู้กับภาวะโลกร้อน
  • ลงทุนใน Utility Token อย่าง Tamadoge — ลงทุนในเกมคริปโต play to earn ที่น่าตื่นตาตื่นใจมากที่สุด 
  • เก็งกำไรในหุ้น Blockchain — ถือหุ้นในบริษัทที่ใช้ blockchain
  • เล่นเกม Blockchain — มีส่วนร่วมในระบบเกม play to earn
  • ลงทุนใน NFT — ใช้ประโยชน์จากตลาด NFT เพื่อลงทุนในคอลเล็กชันที่มีโอกาสเติบโต
  • Stake เหรียญคริปโต — ช่วยให้ blockchain ปลอดภัยและรับรางวัล
  • รับดอกเบี้ยจากการถือเหรียญคริปโต — ใช้ประโยชน์จากบัญชีออมทรัพย์คริปโต
  • มีส่วนร่วมในการ Yield Farming — รับผลตอบแทนจากเหรียญคริปโตที่ไม่ได้ใช้งาน
  • เริ่มขุดเหรียญคริปโต — รับรางวัลด้วยการช่วยรักษาความปลอดภัยของเหรียญคริปโต
  • มีส่วนร่วมในเหรียญ IDO —  ลงทุนโปรเจกต์ตั้งแน่เนิ่นๆที่มีราคาถูกมาก
  • เป็นผู้ช่วยบริหารสภาพคล่อง — สร้างสภาพคล่องให้กับ Decentralized Exchange 

ไปยัง IMPT ตอนนี้

เจาะลึกกับวิธีลงทุนใน Blockchain ที่ดีที่สุด

เราได้คัดสรรสิบวิธีลงทุนใน Blockchain ที่ดีที่สุด ในแง่ของผลตอบแทนที่เป็นไปได้ ความง่ายในการเข้าถึง และความปลอด

มาเริ่มกันเลย!

1. เข้าร่วมพรีเซลล์เหรียญคริปโต

นี่เป็นพรีเซลล์การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลในช่วงเริ่มต้นก่อนถูกลิสในกระดานแลกเปลี่ยน ซึ่งนักลงทุนจะได้รับประโยชน์จากปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นและโมเมนตัมราคาที่สูงขึ้น

หนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดคือการเข้าร่วมพรีเซลล์ IMPT โปรเจกต์ชดเชยคาร์บอนบน Ethereum blockchain ซึ่งส่งเสริมการลงทุนที่ยั่งยืนโดยให้ผู้เข้าร่วมซื้อและเผาคาร์บอนเครดิตทิ้ง เพื่อลดก๊าซคาร์บอนในชั้นบรรยากาศลง

บนแพลตฟอร์ม IMPT คาร์บอนเครดิตเป็น NFT ที่สามารถซื้อและขายได้ ด้วยโทเค็นหลักอย่าง IMPT ธุรกรรมคาร์บอนเครดิตจะถูกบันทึกไว้ในบัญชีแยกประเภทแบบกระจายอำนาจ ซึ่งให้ความโปร่งใสมากขึ้นและตรวจสอบย้อนหลังโทเค็นเหล่านี้ได้ ดังนั้นการเผา NFT ทิ้งนี้จะช่วยลดจำนวนลงโดยปราศจากการฉ้อโกง

ประกอบกับบริษัทพันธมิตรที่ต้องการเชื่อมโยงกับโครงการด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนที่ในภาคอุตสาหกรรมหรือการขนส่ง โดยธุรกิจและแบรนด์ต่างๆ จะจัดสรรเปอร์เซ็นต์ของกำไรจากการขายและแจกจ่ายให้กับผู้ที่ซื้อสินค้าของตนผ่านทางแพลตฟอร์มการช้อปปิ้งของ IMPT ผู้ซื้อจะได้รับรางวัลเป็นโทเค็น IMPT ซึ่งสามารถใช้ซื้อคาร์บอนเครดิต NFT ได้

ด้วยการเผา NFT ทิ้ง แพลตฟอร์มจะให้รางวัลเป็น NFT ใหม่ซึ่งสามารถซื้อขายได้ โดย NFT ที่ได้มาจะมีความเป็นเจ้าของร่วมกันระหว่างผู้เผาคาร์บอนเครดิต NFT และศิลปินผู้ออกแบบ NFT นั้นๆ

ด้วยจำนวนโทเค็นรวม 3 พันล้านเหรียญ ปัจจุบันมีเหรียญ 600 ล้านเหรียญในช่วงพรีเซลล์รอบแรก โดย IMPT ได้ขายโทเค็นแล้วมากกว่า 221 ล้านโทเค็นภายใน 10 วัน โดยสามารถซื้อโทเค็นได้ในราคาเพียง $0.018 ต่อโทเค็น

ผู้อ่านที่สนใจสามารถเข้าร่วมกลุ่ม IMPT Telegram เพื่อติดตามข่าวสารและการพัฒนาของโปรเจกต์ที่ส่งเสริมแนวทางการลงทุนที่ยั่งยืน

ซื้อ IMPT ตอนนี้

2. ลงทุนใน Utility Token

เหรียญคริปโตส่วนใหญ่ได้รับการออกแบบมาสำหรับฟังก์ชันเฉพาะหรือการใช้งาน ซึ่งเรียกว่า Utility Token

Utility Token ที่มีศักยภาพจะมีราคาที่ดีที่สุดในระยะยาว อย่างเช่นโปรเจกต์เหรียญ AI เนื่องจากมักจะดึงดูดผู้ซื้อที่ต้องการได้รับประโยชน์จาก utility นั้นๆ ส่วนเหรียญที่มี utility น้อยหรือไม่มีเลยก็มักจะขาดมูลค่าที่แท้จริง

โดยโปรเจกต์ blockchain ที่ดีที่สุดในการลงทุน cryptocurrency คือโปรเจกต์ที่ให้ utility และคุณค่าที่แท้จริงแก่ผู้ใช้ ซึ่งมักวัดได้จากจำนวนผู้ใช้งาน ผลกระทบในโลกจริง กระแสรายได้ กรณีการใช้งาน และฟีเจอร์อื่นๆ 

Battle Infinity เป็นเกมและ utility token ที่เพิ่งเปิดตัวซึ่งระดมทุนได้มากกว่า 5 ล้านดอลลาร์ในช่วงพรีเซลล์ในเวลาเพียง 2 เดือน

ขนาด ขอบเขตของระบบนิเวศ จำนวนสมาชิก และงบประมาณการพัฒนา สามารถใช้เป็นตัวบ่งชี้ถึงศักยภาพโทเค็นได้ สิ่งเหล่านี้สามารถกำหนดได้โดยการศึกษาเบื่องต้น เช่น การอ่านเอกสารที่เกี่ยวข้อง การประเมินประสิทธิภาพของสื่อสังคมออนไลน์ และการตรวจสอบกำหนดการกระจายโทเค็น (tokenomics)

Tamadoge เป็นตัวอย่างเหรียญคริปโตมาใหม่ในช่วงพรีเซลล์ โดยเอกสารข้อมูลก็ให้รายละเอียดของ tamaverse และแผนการพัฒนาที่ชัดเจน ซึ่งแสดงให้คอมมิวนิตี้ได้รู้อนาคตของโปรเจกต์ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เช่น การลิสลงกระดานเทรด CEX ในไตรมาสที่ 4 ปี 2022 และการการสร้างพันธมิตร metaverse มากมายในช่วงต้นปี 2023

ทั้งยังเป็นตัวชี้วัดความสำเร็จซึ่งใช้เพื่อติดตามประสิทธิภาพและคาดการณ์ได้ง่ายขึ้นว่าโทเค็นจะเป็นอย่างไรต่อ นอกจากนี้ tokenomics ยังโปร่งใสอีกด้วย โดยจะไม่มีการปลดล็อกโทเค็นเองและจำนวนเหรียญที่มากพอที่จะสนับสนุนการพัฒนาในระยะยาว

โดยได้ระดมทุนไปกว่า $19 ล้าน ซึ่งเป็นที่ชัดเจนว่านักลงทุนกำลังให้ความสนใจ

ซื้อ Tamadoge ตอนนี้

3. เก็งกำไรในหุ้น Blockchain

คุณไม่จำเป็นต้องถือเหรียญคริปโตเพื่อทำกำไร แต่คุณสามารถถือหุ้นในบริษัท blockchain ได้ เช่น หุ้นผู้ผลิตฮาร์ดแวร์การขุด, ผู้ประมวลผลการชำระเงิน, กระดานเทรดคริปโต, บริษัท NFT, และตลาดตราสารอนุพันธ์

ตลาด blockchain นั้นมีโอกาสอันไร้ขีดจำกัดในการลงทุนในบริษัทต่างๆ ที่ช่วยขยายวงการ ผลักดันขอบเขต และสนับสนุนกลุ่มประชากรผู้ใช้ใหม่ๆ บริษัทต่างๆ เช่น NVIDIA Corporation และ Advanced Micro Devices, Inc. (สองผู้บุกเบิกการ์ดจอ) เป็นหุ้นที่มีประสิทธิภาพดีที่สุดตลอดกาล

วิธีลงทุนใน Blockchain ง่ายกว่าที่คุณคิด โดยแพลตฟอร์มการลงทุนยอดนิยมอย่าง eToro ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้เข้าถึงหุ้น สกุลเงินดิจิตอล สินค้าโภคภัณฑ์ และสกุลเงินทั้งหมด

ในฐานะที่เป็นแพลตฟอร์มการเทรดที่ครอบคลุมที่สุดในปัจจุบัน eToro ให้คุณซื้อ ขาย และเทรดหุ้นยอดนิยมหลากหลายประเภท รวมถึงหุ้น blockchain เช่น Coinbase (COIN), NVIDIA Corporation (NVDA), CME Group (CME), และ Block Inc. (SQ)

โดยมีข้อกำหนดการซื้อขายหุ้นขั้นต่ำเพียง $10 และให้คุณเป็นเจ้าของและซื้อขายหุ้นสัดส่วนในบริษัทหลายร้อยแห่งแบบไร้ค่าคอมมิชชั่น

กำลังสงสัยว่าวิธีที่ดีที่สุดในการลงทุนด้วยเงิน $250,000 ได้แก่? ที่ eToro คุณสามารถลงทุนในหุ้น สกุลเงินดิจิทัล และสินทรัพย์ยอดนิยมอื่นๆ ด้วยการลงทุนแบบแบ่งสัดส่วน

ไปยัง eToro ตอนนี้

78% ของบัญชีนักลงทุนรายย่อยสูญเสียเงินเมื่อซื้อขาย CFD กับ eToro

4. เล่นเกม Blockchain

เกม blockchain เพิ่งกลายเป็นหนึ่งในแอพพลิเคชั่นเทคโนโลยี blockchain ที่มีศักยภาพมากที่สุด 

ซึ่งให้ประโยชน์ที่ไม่เหมือนใครด้วยเทคโนโลยี blockchain แก่เหล่าเกมเมอร์กว่า 2.69 พันล้านรายทั่วโลก พร้อมปลดล็อกโอกาสใหม่ๆ และแหล่งรายได้สำหรับทั้งผู้พัฒนาและผู้เล่นเกม

สองปีที่ผ่านมา ความนิยมของเกม play to earn เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเป็นช่องทางใหม่ที่ช่วยให้ผู้เล่นได้รับรางวัลเป็นเหรียญคริปโตสำหรับความสำเร็จและความคืบหน้าภายในเกม 

เพราะเกม blockchain ให้ผู้เล่นได้เป็นเจ้าของไอเท็มในเกมอย่างแท้จริงและสร้างรายได้ภายในเกม จึงถือได้ว่าเป็นวิวัฒนาการจากรูปแบบเกมมาตรฐาน ปัจจุบันมีเกม play to earn มากกว่า 1,000 เกมในแพลตฟอร์ม blockchain ยอดนิยมหลายแห่ง

ปัจจุบัน BNB Chain เป็น blockchain ที่ดีที่สุดสำหรับการเล่นเกม เนื่องจากราคาถูก เข้าถึงได้ และเให้บริการของเกม blockchain ส่วนใหญ่ ซึ่งบางเกมก็มีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างรวดเร็วในอีกไม่ช้า และเกม Blockchain ที่น่าลงทุนที่สุดบางเกมก็ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นเท่านั้น

รวมถึงเกม Battle Infinity ยอดนิยมที่เป็นเกมกีฬาแฟนตาซี NFT เกมแรกของโลกที่มีการรวม metaverse อย่างเต็มรูปแบบ ทั้งยังมีเกมแข่งขัน NFT มากมายที่ให้รางวัลแก่ผู้เล่นเมื่อทำภารกิจสำเร็จ และถือได้ว่าเป็นหนึ่งในเกม blockchain ที่ดีที่สุดเพื่อรับเหรียญคริปโตอย่างง่ายดาย

โทเค็น IBAT เปิดให้ซื้อขายบนกระดานเทรดยอดนิยมอย่าง PancakeSwap DEX และ LBank แล้ว 

เกม Tamadoge ก็ได้รับความสนใจอย่างมากในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เพราะมีรูปแบบ play to earn ที่ไม่เหมือนใคร โดยทีมงาน Tamadoge กำลังสร้างโลก ‘tamaverse’ ของเกมสไตล์อาร์เคดทั้งหมด ซึ่งจะมอบรางวัล Tamadoge ที่จับต้องได้และโทเค็น 

รากฐานและแผนการพัฒนาที่มั่นคงของแพลตฟอร์ม ทำให้เป็นตัวเลือกยอดเยี่ยมสำหรับผู้ที่ต้องการได้รับประโยชน์จากการเติบโตของเกม metaverse และ blockchain 

ไปยัง Battle Infinity ตอนนี้

5. ลงทุนใน NFT

NFT ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากศักยภาพของโทเค็นได้รับการยอมรับและดึงดูดมากขึ้นจากผู้สร้างแบรนด์และโปรเจกต์รุ่นบุกเบิก

NFT นั้นทั้งสร้างสรรค์และมีประโยชน์ ทำให้เป็นองค์ประกอบหลักในพอร์ตการลงทุนของเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์หลายคนอย่างไม่ต้องสงสัย 

ในปี 2021 มีคอลเล็กชัน NFT ที่ได้รับความนิยมสูงสุด ได้แก่ CryptoPunks, NBA Top Shot และ Bored Apes ที่ประสบความสำเร็จอย่างเหลือเชื่อ ส่งผลให้นักลงทุนรายแรกๆ ได้รับผลกำไรอันน่าทึ่ง

และตามคาด นักลงทุนรายแรกก็ได้ทำกำไรเป็นกอบเป็นกำจากการลงทุน NFT เนื่องจากการเข้าร่วมโปรเจกต์ในช่วงต้นก็มีโอกาสซื้อ NFT ที่พวกเขาชื่นชอบในราคาที่ถูกที่สุด 

Lucky Block เป็นแพลตฟอร์มการแข่งขัน NFT ยอดนิยม ที่กำลังเปิดตัวคอลเล็กชัน NFT แรกอย่าง Platinum Rollers Club NFT เพื่อให้เข้าร่วมการแข่งขันระดับแพลทินัมของ Lucky Block ได้ฟรี ทำให้ขายได้อย่างรวดเร็ว

คุณยังสามารถลงทุนผ่านตลาด NFT เช่น Crypto.com ซึ่งเหมาะสำหรับมือใหม่เนื่องจากรองรับคอลเล็กชัน NFT ยอดนิยมและได้ให้บริการเปิดตัว NFT ที่เป็นที่ต้องการมากที่สุดอีกด้วย

ไปยัง Lucky Block ตอนนี้

สินทรัพย์คริปโตมีความผันผวนสูงและเป็นการลงทุนที่ไม่มีการกำกับดูแล

6. Stake เหรียญคริปโต

เหรียญคริปโตจำนวนมากได้รับการรักษาความปลอดภัยจากเหรียญ proof of stake (POS) 

ซึ่งหมายความว่าผู้ใช้ staking หรือมอบสิทธิ์สินทรัพย์ของตนให้กับนักตรวจสอบ ซึ่งจะถูกสุ่มเลือกให้เข้าร่วมในการดำเนินการบน blockchain และกระบวนการตรวจสอบธุรกรรม ทำให้ blockchain ทำงานได้อย่างราบรื่น

และเพื่อตอบแทน ผู้ใช้จะได้รับรางวัลเป็นโทเค็น โดยผลตอบแทนต่อปี (APY) ที่แน่นอนอาจแตกต่างกันไประหว่างผู้ให้บริการ staking และ blockchain แต่โดยทั่วไปแล้ว คุณสามารถคาดหวังที่จะได้รับ 4-10% สำหรับเหรียญ staking ส่วนใหญ่ (ต่อรางวัล staking) โดยจะจ่ายเป็นเหรียญที่ใช้ staking เพื่อช่วยให้คุณสร้างผลกำไรได้มากขึ้น

สินทรัพย์บางประเภทก็ให้ผลตอบแทนการ staking สูงขึ้น ซึ่งรวมถึง DeFi Coin ซึ่งในขณะที่เขียน เหรียญให้ APY สูงถึง 75% เมื่อเลือกเงื่อนไขการ staking ที่ 365 วัน

ส่วนใหญ่ คุณสามารถ staking โทเค็นของคุณได้โดยตรงจากกระเป๋าเงินดิจิทัลดั้งเดิม เช่น การใช้กระเป๋าเงิน Daedelus สำหรับ Cardano (ADA) หรือ Avalanche (AVAX) แต่ก็อาจจะค่อนข้างยุ่งย่าง

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ผู้ให้บริการ staking หลายรายได้มีเพิ่มขึ้นเพื่อช่วยลดความซับซ้อนของกระบวนการ และในบางกรณีก็มอบผลตอบแทนมากขึ้นโดยใช้การผสานรวมและบริการ DeFi ที่ยอดเยี่ยมมากมาย 

บางแพลตฟอร์มอย่าง Quint ยังมีกลุ่มรางวัลของตัวเองด้วย ดังนั้นอย่าลืมตรวจสอบว่าแพลตฟอร์มสินทรัพย์ในพอร์ตโฟลิโอของคุณมีสิ่งเดียวกันนี้หรือไม่

เริ่ม Staking เหรียญคริปโตบน Quint

7. รับดอกเบี้ยจากการถือเหรียญคริปโต

นี่คือวิธีลงทุนใน Blockchain ที่เหมาะ หากคุณต้องการถือเหรียญคริปโตไว้ในระยะยาว 

บัญชีเงินออมทรัพย์คริปโตให้คุณฝากเหรียญคริปโตของคุณเพื่อแลกกับผลตอบแทนที่โปร่งใสและเชื่อถือได้ ซึ่งส่วนใหญ่จะจ่ายเป็นเหรียญเดียวกับที่คุณฝาก เช่น ฝาก ETH ก็ให้ผลตอบแทน ETH มากกว่า และถ้าฝาก USDC ก็ให้ผลตอบแทน USDC มากกว่า

โดยทั่วไปบัญชีดังกล่าวจะคล้ายกับบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ของธนาคารส่วนใหญ่ คุณต้องฝากเงินเพื่อแลกกับอัตราดอกเบี้ยที่โปร่งใส ซึ่งคุณอาจต้องฝากเงินตามระยะเวลาที่กำหนดเพื่อรับดอกเบี้ยหรือรับอัตราผลประโยชน์ที่สูงขึ้น

โดยทั่วไปแล้วแพลตฟอร์มเหล่านี้จะถูกควบคุมโดยสมบูรณ์ หลังจากคุณฝากเงินแล้ว ก็เหลือแค่รอจนกว่าคุณจะได้รับดอกเบี้ย

โดยทั่วไปแล้วแพลตฟอร์มเหล่านี้จะใช้ประโยชน์จากเงินฝากของคุณเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ทางธุรกิจเพื่อรับผลตอบแทน ซึ่งส่วนใหญ่จะมอบต่อให้แก่คุณ อาจรวมถึงการอำนวยความสะดวกในการกู้ยืมเงินที่มีหลักประกัน การสร้างสภาพคล่อง การกำหนดตลาด การซื้อขายที่มีความผันผวน และกระแสรายได้อื่นๆ มากมาย

ผู้ให้บริการ staking และการออมคริปโตหลายรายมีฟีเจอร์การทบต้นอัตโนมัติ ช่วยให้ผลตอบแทนของคุณเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดย Quint เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการดังกล่าว

โปรดพิจารณาแพลตฟอร์มต่างๆ เพื่อหาราคาและผู้ให้บริการที่ดีที่สุด โดยเงื่อนไขและข้อกำหนดนี้สามารถเปลี่ยนแปลงได้เป็นประจำ!

ไปยัง Quint ตอนนี้

8. มีส่วนร่วมในการ Yield Farming

Yield Farming ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นจากนักลงทุนคริปโตในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากศักยภาพในการให้ผลตอบแทนที่น่าประทับใจ

Yield Farming ให้คุณสามารถ staking เหรียญคริปโตมากมายเพื่อแลกกับรางวัล ซึ่งอาจแตกต่างกันสูงในวิธีดำเนินการ ตั้งแต่ Yield Farming แบบทั่วไปใน PancakeSwap ไปจนถึงตัวเลือกยอดนิยมเช่น Quint

ผู้เริ่มต้นที่ที่กำลังหาวิธีลงทุนใน Blockchain เป็นครั้งแรก Yield Farming เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เนื่องจากใช้งานง่ายและแสดงผลตอบแทนที่คาดอย่างชัดเจน

Yield Farming ส่วนใหญ่จ่ายผลตอบแทนเป็นเหรียญคริปโต แต่ Quint กำลังเริ่มเปลี่ยนการให้ผลตอบแทนด้วยการจับฉลาก ซึ่งให้ผู้ใช้สามารถ staking โทเค็น QUINT เพื่อเข้าร่วม pool ผลตอบแทนต่างๆ

รวมถึง pool ทั่วไปที่จ่ายรางวัลอัตราผลตอบแทนต่อปีที่ 15% APY (ไม่รวมการทบต้น) เช่นเดียวกับ luxury pool ที่ให้ผู้ใช้สามารถเข้าร่วมการจับฉลากเพื่อรับรางวัลสุดหรู โดยรางวัลปัจจุบันคือ Bored Ape Yacht Club NFT ในระดับหายาก

หลังจากมอบนาฬิกา Hublot Big Band Integral ไปแล้ว 2 เรือน และ Quintessential Pools ใหม่ที่จะเปิดตัวในเร็วๆ นี้ Quint จึงคุ้มค่าแก่การทดลองใช้งาน

ไปยัง Quint ตอนนี้

9. เริ่มขุดเหรียญคริปโต

การขุดเหรียญคริปโตยังคงเป็นหนึ่งในวิธีลงทุนใน Blockchain ยอดนิยม อย่างเหรียญคริปโตน่าขุดในบทความนี้

การขุดเหรียญคริปโตหรือ “Proof-of-Work” นั้นต้องการเครือข่าย decentralized ของคอมพิวเตอร์เฉพาะทางที่เรียกว่านักขุดเพื่อถอดสมการคริปโตที่ซับซ้อน (เรียกว่า hash puzzle) โดยนักขุดคนแรกที่แก้สมการได้จะสามารถประมวลผลชุดธุรกรรมนอกเหนือจาก blockchain เพื่อรับรางวัลไปเรื่อยๆ

ถ้ารางวัลมีมูลค่าและต้นทุนต่ำ การขุดเหรียญคริปโตก็สามารถทำกำไรได้อย่างไม่น่าเชื่อ 

คุณจะต้องพิจารณาปัจจัยต่างๆ เพื่อให้รู้ว่าการขุดสามารถทำกำไรให้คุณได้หรือไม่:

  1. ค่าจัดซื้อฮาร์ดแวร์และค่าบำรุงรักษา
  2. การแข่งขัน
  3. รางวัลโดยประมาณต่ออัตราการขุด

ในประเทศที่มีค่าไฟฟ้าสูง การขุดมักจะไม่ทำกำไร แต่ถ้ามีค่าไฟฟ้าถูก หรือสามารถดำเนินการขุดมูลค่าสูงได้ การขุดเหรียญคริปโตก็ยังคงทำกำไรได้ในปี 2022

หากสงสัยว่าลงทุน bitcoin ดีไหม? ปัจจุบัน Bitcoin เป็นเหรียญคริปโต blockchain ที่ดีที่สุดสำหรับนักขุดมือใหม่ เนื่องจากมีเครื่องขุด Bitcoin ASIC ให้เลือกมากมาย ทั้งยังมีตัวเลือกสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการบำรุงรักษาฮาร์ดแวร์การขุดของตนเอง รวมถึงบริการขุดบนคลาวด์ เช่น ECOS และเกม play to earn เช่น Nova MiningVerse

เริ่มขุดเหรียญคริปโตตอนนี้

10. มีส่วนร่วมในเหรียญ IDO

เหรียญคริปโต IDO เป็นระบบการระดมทุนแบบใหม่ซึ่งช่วยให้คนทั่วไป สามารถซื้อโทเค็นในโปรเจกต์ใหม่ได้ในราคาแสนถูกก่อนถูกลิสลงกระดานเทรด

โปรเจกต์มาใหม่ที่มีศักยภาพสามารถขายโทเค็นให้กับชุมชนผ่านกระดานเทรด DEX ซึ่งมักมีอุปสรรคน้อยหรือแทบไม่มีเลย ทำให้ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมได้

ส่วนใหญ่ โปรเจกต์จะถูกเลือกโดยพันธมิตร IDO อย่างกระดานเทรด DEX เช่น PancakeSwap หรือ Launchpad เฉพาะสำหรับเหรียญ IDO เช่น DAO Maker โดยแพลตฟอร์มเหล่านี้จะทำการตรวจสอบพื้นฐานและวิเคราะห์ความเสี่ยงอย่างครอบคลุมก่อนที่จะเปิดระดมทุน IDO เพื่อเป็นวิธีลงทุนใน Blockchain ที่ดีที่สุดแก่คอมมิวนิตี้

โปรเจกต์ Tamadoge เปิดระดมทุน IDO ผ่านเว็บไซต์

เจาะลึกกับเหรียญ IDO ยอดนิยมในบทความเหรียญคริปโต IDO ที่ดีที่สุดในปี 2022

เหรียญคริปโต IDO เป็นวิธีลงทุนใน Blockchain ที่ยอดเยี่ยมสำหรับมือใหม่ โดยเหรียญ IDO ศักยภาพสูง ได้แก่ My Neighbor Alice (ALICE), XCAD Network (XCAD) และล่าสุดอย่าง Battle Infinity

อ่านเพิ่มเติมวิธีการลงทุนด้วยเงิน $40,000 ในปี 2022

11. เป็นผู้ช่วยบริหารสภาพคล่อง

ในช่วงสองปีที่ผ่านมา การเงิน DeFi ได้รับความนิยมอย่างมาก และขณะนี้ก็มีแอพและแพลตฟอร์ม DeFi หลายร้อยแห่งบน blockchain

หลายแพลตฟอร์มเหล่านี้ให้ผู้ใช้เป็นผู้ที่ช่วยบริหารสภาพคล่อง และรับรางวัลจากการทำเช่นนั้น 

ผู้ที่ช่วยบริหารสภาพคล่องจะสร้างสภาพคล่องให้กับแพลตฟอร์มหรือโปรโตคอล โดยจะถูกใช้เพื่ออำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมของแพลตฟอร์ม และผู้ที่ช่วยบริหารสภาพคล่องจะได้รับส่วนแบกจากรายได้ของแพลตฟอร์มเป็นการตอบแทน

Decentralized Exchange ยอดนิยม เช่น Uniswap, PancakeSwap และ DeFi Swap ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเพิ่มสภาพคล่องให้กับ pool ต่างๆ โดยจะได้รับค่าธรรมเนียมจากการทำธุรกรรมบนกระดานเทรด

เมื่อเร็วๆ นี้เราได้กล่าวถึงกระดานซื้อขาย DeFi ที่ดีที่สุด คลิกที่นี่เพื่ออ่านเพิ่มเติม!

เนื่องจากค่าธรรมเนียมการซื้อขาย DEX เริ่มต้นที่ 0.1% ขึ้นไป บางครั้งก็มีปริมาณการซื้อขายมาก จึงเป็นเรื่องง่ายที่ค่าธรรมเนียมการซื้อขาย (และผลตอบแทน) สามารถเพิ่มขึ้นได้อย่างรวดเร็ว

โปรดพิจารณาภาพรวมของกระดานเทรด DEX ก่อนตัดสินใจ กระดานเทรดยอดนิยมที่มีฟีเจอร์พร้อมตัวเลือกส่วนแบ่งรายได้ที่ดีมักส่งเสริมถึงการเป็นระบบนิเวศ DeFi ที่ยอดเยี่ยม ซึ่งดีต่อ blockchain และผู้ที่ช่วยบริหารสภาพคล่องนั้นๆ

Blockchain เป็นการลงทุนที่ดีหรือไม่?

เช่นเดียวกับการลงทุนทั้งหมด คุณต้องศึกษาและสอบทานเทคโนโลยีก่อนตัดสินใจเลือกวิธีลงทุนใน Blockchain เพราะไม่ใช่ว่าทุกโปรเจกต์นั้นจะดีไปเสียหมด

ไม่ว่าคุณจะกำลังมองหาวิธีการลงทุนในเหรียญคริปโตเกมที่ดีที่สุด, utility token, yield farming, การขุด, Web 3.0 หรืออย่างอื่น ผลตอบแทนก็มักจะขึ้นอยู่กับว่าคุณจัดการความเสี่ยงได้ดีและเลือกลงทุนอย่างถูกต้องเพียงใด

โดยกลยุทธ์ที่จะช่วยให้คุณนำหน้าตลาด ได้แก่:

1. ติดตามการลงทุน

ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้ชนะรายแรกเสมอไป ด้วยการติดตาม ‘การลงทุน’ คุณก็มักจะมองเห็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมก่อนผู้อื่น ในทำนองเดียวกัน ปริมาณที่เพิ่มขึ้นและตัวบ่งชี้อื่นๆ สามารถบ่งบอกถึงศักยภาพได้ อย่างการติดตามแพลตฟอร์มพูดคุยอย่าง Pantip ในวิธีการลงทุนตาม Pantip 

2. ซื้อสินทรัพย์ที่ถูกประเมินค่าต่ำ

บางครั้งสินทรัพย์ที่มีศักยภาพมักมีมูลค่าสูงเกินไป ให้จับตาดูสินทรัพย์ศักยภาพสูงที่ถูกประเมินค่าต่ำแทน เพราะมีอัตราความเสี่ยงต่อผลตอบแทนที่น่าดึงดูดใจสูงขึ้น และมีศักยภาพในการเติบโตมากขึ้นนั่นเอง

3. พิจารณาระยะเวลาการลงทุนทั้งหมด

หลายคนเข้าใจผิดว่าการลงทุนระยะยาวเป็นหนทางเดียวที่จะทำกำไร ความจริงก็คือพอร์ตการลงทุนที่มีความสมดุลโดยทั่วไปจะประกอบด้วยสถานะระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว

วิธีลงทุนใน Blockchain – เหรียญ Dash 2 Trade

ขั้นตอนที่ 1 – ติดตั้งกระเป๋าเงินคริปโต

สิ่งแรกที่นักลงทุนต้องทำคือติดตั้ง Crypto Wallet ที่รองรับโทเค็น ERC20 โดยเราแนะนำให้ใช้ MetaMask เนื่องจากใช้งานง่ายบนคอมพิวเตอร์ และสามารถดาวน์โหลดได้บนอุปกรณ์ iOS และ Android

ไปที่เว็บไซต์ของ MetaMask แล้วคลิก ‘Download‘ จากนั้น เลือกระบบปฏิบัติการที่คุณใช้ ทำตามคำแนะนำเพื่อดาวน์โหลดและเปิดใช้งานกระเป๋าเงิน

ขั้นตอนที่ 2 – ซื้อ ETH /USDT

ถัดไป นักลงทุนจะต้องซื้อ ETH/USDTเพื่อใช้ซื้อโทเค็น D2T ได้ โดยทั้งเหรียญสามารถซื้อได้จากหลายๆ กระดานเทรดคริปโต เมื่อซื้อแล้วจึงโอนเหรียญไปยังกระเป๋าเงินที่สร้างขึ้นในขั้นตอนที่ 1

หรือนักลงทุนสามารถซื้อ ETH ได้โดยตรงผ่านเว็บไซต์ Dash 2 Trade โดยใช้บัตรเครดิต/บัตรเดบิต หรือการโอนเงินผ่านธนาคาร ฟีเจอร์นี้ให้บริการผ่าน Transak Dash 2 Trade ซึ่งเป็นพันธมิตรที่ช่วยให้การแลกเปลี่ยนแบบ FIAT-to-crypto สะดวกรวดเร็วมากขึ้น

ขั้นตอนที่ 3 – เชื่อมต่อกระเป๋าเงินกับแดชบอร์ดการขายพรีเซล 

ไปที่เว็บไซต์ Dash 2 Trade และคลิกปุ่ม ‘Connect Wallet’ จะมีข้อความปรากฏขึ้น เพื่อให้นักลงทุนเลือกผู้ให้บริการกระเป๋าเงิน จากนั้นทำตามคำแนะนำบนหน้าจอเพื่อเชื่อมต่อ crypto wallet กับแดชบอร์ดพรีเซลล์

ขั้นตอนที่ 4 – ซื้อโทเค็น Dash 2 Trade (D2T)

ให้เลือก ETH หรือ USDT ในหน้าต่างคำสั่งที่ปรากฏขึ้น และกรอกจำนวนเงินลงทุนที่ต้องการ โดยต้องซื้อ Dash 2 Trade อย่างน้อย 1,000 D2T ตรวจสอบข้อมูลอีกรอบ และปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้ให้บริการกระเป๋าเงินเพื่อยืนยันการทำธุรกรรม

ขั้นตอนที่ 5 – รับโทเค็น

เมื่อพรีเซลล์ Dash 2 Trade สิ้นสุด โทเค็นก็จะถูกสร้างขึ้น โดยนักลงทุนสามารถขอรับโทเค็น D2T ได้ที่หน้าแรกของเว็ปไซต์ Dash 2 Trade และคลิกปุ่ม ‘Claim’

ซื้อ Dash 2 Trade ตอนนี้

บทสรุป

อุตสาหกรรม blockchain มาไกลมากนับจากช่วงแรกๆ แม้จะเคยเป็นเทคโนโลยีที่ไม่สามารถเข้าถึงได้และค่อนข้างยุ่งยาก แต่ปัจจุบันก็กลายเป็นระบบนิเวศที่เฟื่องฟูทรัพย์สิน ผลิตภัณฑ์ และบริการ ซึ่งทุกคนสามารถเข้าถึงได้จริงอย่างง่ายดาย

เราได้กล่าวถึงวิธีที่ดีที่สุดในการทำผลกำไรจากอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโตนี้ โดยเราขอแนะนำ IMPT ด้วยกระแสความนิยมและจุดประสงค์ของโปรเจกต์นั้นทำให้น่าลงทุนโดยไม่ต้องคิดอะไรมากมาย

หลังจากระดมทุนได้กว่า 12.5 ล้านดอลลาร์จากการพรีเซลล์ โดยราคาของ IMPT จะค่อยๆ เพิ่มขึ้นในแต่ละรอบของการพรีเซลล์ จาก $0.018 สู่ 0.023 ดอลลาร์ในรอบถัดไป