Categories
Bitcoins Crypto News คู่มือ DeFi สำหรับมือใหม่ คู่มือคริปโต

โครงการ DAO crypto ที่ดีที่สุด 2023 – DAO Crypto คืออะไร? [แนะนำ!]

DAO คือ องค์กรอิสระแบบกระจายอำนาจ ย่อมาจาก Decentralized Autonomous Organization ถือว่าเป็นหนึ่งในแนวคิดที่น่าตื่นเต้นที่สุดที่เกิดขึ้นในตลาดคริปโตเคอเรนซี่ องค์กรนี้ไม่ได้ถูกควบคุมหรือได้รับอิทธิพลใดๆจากส่วนกลาง แต่ถูกควบคุมโดยสมาชิกในชุมชนแทน ซึ่งนักลงทุนสามารถที่จะมีสิทธิลงคะแนนเพื่อกำหนดทิศทางในโครงการได้

บทความนี้จะกล่าวถึง โครงการ DAO crypto ที่ดีที่สุด จากหลายๆ โครงการที่มีอยู่ในขณะนี้ ก่อนที่จะเน้นว่าโครงการเหล่านี้ทำงานอย่างไร และเหตุใดที่นักลงทุนส่วนใหญ่สนใจที่จะมีส่วนร่วมกับโครงการนี้

โครงการ DAO crypto ที่ดีที่สุดสำหรับปี 2023

ลิสด้านล่างนี้เป็นโครงการ DAO crypto ที่ดีที่สุด 7 โครงการในปีนี้ ซึ่งได้มาจากการรวบรวมข้อมูลและจากการวิเคราะห์มาแล้ว:

  1. RobotEra – โครงการ DAO crypto ที่ดีที่สุด น่าลงทุนในปี 2023
  2. Calvaria – โครงการ P2E และ F2P GameFi พร้อมระบบ DAO
  3. IMPT – เหรียญคริปโต DAO ช่วยแก้ปัญหาภาวะโลกร้อน
  4. Tamadoge – โครงการ DAO Metaverse ที่กำลังมาแรง
  5. Battle Infinity – โครงการ DAO ใหม่ในปี 2023
  6. Lucky Block (LBLOCK) –โครงการ DAO ชั้นนำปี 2023
  7. DeFi Coin (DEFC) –โครงการ DAO ใหม่มาพร้อมกับศักยภาพการเพิ่มรายได้แบบ Passive

ลงทุนในโครงการ DAO crypto ที่ดีที่สุดตอนนี้เลย

เจาะลึกโครงการ DAO crypto ชั้นนำ

หลายๆ คริปโตเคอเรนซี่ที่มีมูลค่าต่ำกว่าที่ควรจะเป็น ถูกจัดประเภทอยู่ในหมวดหมู่ของโครงการ DAO crypto เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจการทำงานของโครงการเหล่านี้ บทความนี้จะพาคุณมาเจาะลึกและศึกษาโครงการ DAO crypto ตามที่ระบุไว้ด้านบน:

1. RobotEra – โครงการ DAO crypto ที่ดีที่สุด น่าลงทุนในปี 2023

RobotEra

โปรเจ็กต์ DAO ที่ดีที่สุดที่เราแนะนำอันดับต้น ๆ ที่ควรลงทุนในปี 2023  คือ RobotEra ซึ่งเป็นระบบนิเวศที่อิงตาม metaverse ที่ให้แหล่งรายได้ที่หลากหลายแก่ผู้เล่น

RobotEra ตั้งเป้าที่จะเป็นโครงการเกมเมตาเวิร์สแบบ Sandbox โดยมีโทเค็น TARO เป็นสกุลเงินดิจิทัลหลัก เนื่องจากเป็นโทเค็น ERC-20 ทำให้ให้นักลงทุนสามารถเข้าถึง RobotEra DAO และทรัพยากรอื่น ๆ บนเมตาเวิร์สได้

robotera 1

ปัจจุบัน TARO สามารถซื้อได้ในระหว่างรอบแรกของการขายพรีเซลสามรอบและสร้างขึ้นบน Ethereum blockchain เป็นโทเค็น ERC-20 ที่มีอุปทานคงที่ 1.8 พันล้าน

สามารถใช้โทเค็นในตลาด RobotEra เพื่อซื้อ Robot NFT ซึ่งทำให้เป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ สำหรับเกม NFT ที่ดีที่สุด

Robot NFTs คืออวาตาร์ 3 มิติในเกมของผู้ใช้ที่มีอยู่ใน ‘Taro Planet’ – โลก metaverse เสมือนจริงของ RobotEra ผู้เล่นยังสามารถซื้อที่ดินใน 7 ทวีปภายใน Taro Planet ซึ่งสร้างเป็น NFT

เอกสารข้อมูลของ RobotEra ระบุว่าในที่สุดแพลตฟอร์มจะเปิดตัวองค์กรอิสระแบบกระจายอำนาจ ซึ่งสามารถเข้าถึงได้โดยการ staking โทเค็น TARO

DAO จะให้สิทธิ์ในการออกเสียงและตัดสินใจในการควบคุมด้านต่างๆ ของดาวทาโร เนื่องจาก Robots ในเกมถูกแบ่งออกเป็นฝ่ายต่างๆ – สมาชิก DAO สามารถลงคะแนนเสียงและแนะนำกลยุทธ์การใช้งานสำหรับกลุ่มเฉพาะของตนได้

ผู้เล่นยังสามารถ stakeโทเค็น TARO ของพวกเขาและใช้มันเพื่อซื้อที่ดิน metaverse ซึ่งสามารถสร้างและสร้างรายได้ในหลากหลายวิธี รวมถึงโดยการขุดหาทรัพยากร การเรียกเก็บเงินค่าเข้าชมงานกิจกรรมและคอนเสิร์ต และการขายพื้นที่ป้ายโฆษณาให้กับผู้ลงโฆษณา

$85K TARO

ในการเข้าร่วมโครงการ DAO ใหม่นี้ นักลงทุนสามารถซื้อ TARO ได้ตั้งแต่ช่วงพรีเซล – ขั้นตอนพรีเซลแรกที่กำลังดำเนินอยู่กำลังขายโทเค็นจำนวน 90 ล้านโทเค็นในราคา 0.02 ดอลลาร์

ราคาของ TARO จะเพิ่มขึ้นตามความคืบหน้าของแต่ละรอบ โดยมีโทเค็นรอบที่ 2 ขายในราคา $0.025 และรอบที่สามและรอบสุดท้ายในราคา $0.032 – เพิ่มขึ้น 60%

จะมีระดมทุนสูงสุดอยู่ที่ 6.93 ล้านดอลลาร์สำหรับโทเค็นพรีเซล 270 ล้านรายการ (ซึ่งคิดเป็น 15% ของอุปทานสูงสุด) และไม่มีระยะเวลา vesting

ผู้อ่านที่สนใจสามารถเข้าร่วม RobotEra Telegram Channel เพื่อติดตามการพัฒนาของโครงการ

พรีเซลเริ่มต้นไตรมาส 4 2022
วิธีชำระเงินPurchase MethodsETH, USDT
เชนEthereum
ลงทุนขั้นต่ำ1,000 TARO
ลงทุนสูงสุดN/A

ซื้อ RobotEra ช่วงพรีเซลตอนนี้

2. Calvaria – โครงการ P2E และ F2P GameFi พร้อมระบบ DAO

Calvaria เป็นโปรเจกต์ GameFi ใหม่ที่นำเสนอทั้งเวอร์ชันเล่นเพื่อรับรายได้ (P2E) และเล่นฟรี (F2P) ของเกมชั้นนำ เช่นเดียวกับการนำระบบ DAO เข้ามาใช้สำหรับปัญหาด้านการกำกับดูแล

ขณะนี้โครงการอยู่ในรอบที่ 4 ของการขายพรีเซลโดยมีเงินลงทุนเกือบ 2 ล้านดอลลาร์และโทเค็น RIA ขายในราคา 0.025 ดอลลาร์ – ในรอบที่ 10 และรอบสุดท้าย RIA จะขายในราคา 0.055 ดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มขึ้น 120% จากราคาปัจจุบัน

calvaria splash

Calvaria ต้องการผลักดันให้เกมเมอร์ทั่วไปและเกมทั่วไปหันมาใช้บล็อกเชนด้วยการแก้ปัญหาหลักสองประการของ Duels of Eternity – ค่าใช้จ่ายสูงในการเริ่มต้นเล่นเกมและการขาดความรู้เรื่องบล็อกเชน

โดยจะทำเช่นนั้นโดยเสนอเกมเวอร์ชันฟรีโดยสมบูรณ์ โดยที่ผู้เล่นจะไม่ได้รับโทเค็นสำหรับการชนะและไม่ได้เป็นเจ้าของ NFT เหมือนในเวอร์ชัน P2E

อย่างไรก็ตาม Calvaria เชื่อว่าตัวเกมจะเพียงพอที่จะดึงดูดผู้เล่น เวอร์ชัน F2P จะมีตัวติดตามที่มองเห็นได้เพื่อแสดงผู้เล่นจำนวนมากที่สามารถได้รับในเวอร์ชัน P2E เช่นเดียวกับภารกิจที่จำลองขึ้นเพื่อสอนผู้เล่นเกี่ยวกับบล็อกเชน

Duels of Eternity เป็นเกมกลยุทธ์การต่อสู้ด้วยการ์ดที่มีฉากเป็นชีวิตหลังความตาย ซึ่งผู้เล่นจะต้องเข้าร่วมกับหนึ่งในสามกลุ่มที่มีลักษณะและจุดแข็งที่แตกต่างกัน

จากนั้นพวกเขาจะจัดเด็คของตนและใช้ความรู้ ทักษะ และทรัพย์สินในเกมอื่นๆ เช่น การอัปเกรดหรือบูสเตอร์ เพื่อชนะการแข่งขันแบบหนึ่งต่อหนึ่ง

แตกต่างจากคู่แข่งที่ใกล้เคียงที่สุด เกมนี้เป็นแบบ 3 มิติและพร้อมใช้งานบนมือถือ และยังมีโหมดแคมเปญสำหรับผู้เล่นคนเดียว

Calvaria ซึ่งมีทีมงานที่ผ่านการตรวจสอบและรับรอง KYC เรียบร้อยแล้ว เช่น Fortnite หรือ Apex Legends เพื่อให้แน่ใจว่าเกมจะเติบโตในระยะยาว

ในช่วงพรีเซลล์ นักลงทุนสามารถซื้อโทเค็น RIA เพื่อทำการ stake และเป็นส่วนหนึ่งของ DAO อีกโทเค็น eRIA จะใช้ในการแจกจ่ายรางวัลสำหรับการแข่งขันเดี่ยวและทัวร์นาเมนต์ขนาดใหญ่

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดอ่านเอกสารทางข้อมูลของ Calvaria หรือเข้าร่วมกลุ่ม Telegram

ภาพรวม Calvaria Presale

จะมีโทเค็น 300 ล้านรายการสำหรับการขายล่วงหน้า (30% ของอุปทาน) นี่คือรายละเอียดทั้งหมดของขั้นตอนการขายล่วงหน้าของ Calvaria:

อุปทานทั้งหมด: 1 พันล้าน RIA

ขายพรีเซล: 300 ล้าน RIA

รอบที่ 11 USDT = 100 RIAราคา: $0.01
รอบที่ 21 USDT = 66.67 RIAราคา: $0.015
รอบที่ 31 USDT = 50 RIAราคา: $0.02
รอบที่ 41 USDT = 40 RIAราคา: $0.025
รอบที่ 51 USDT = 33.33 RIAราคา: $0.03
รอบที่ 61 USDT = 28.57 RIAราคา: $0.035
รอบที่ 71 USDT = 25 RIAราคา: $0.04
รอบที่ 81 USDT = 22.22 RIAราคา: $0.045
รอบที่ 91 USDT = 20 RIAราคา: $0.05
รอบที่ 101 USDT = 18.18 RIAราคา: $0.055

ไปยัง Calvaria ตอนนี้

3. IMPT – เหรียญคริปโต DAO ช่วยแก้ปัญหาภาวะโลกร้อน

IMPT เป็นแพลตฟอร์มชดเชยคาร์บอนที่เชื่อมโยงแบรนด์ต่างๆ กับบุคคลและธุรกิจที่ต้องการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ โครงการนี้ต้องการสร้างผลกระทบในวงกว้างและได้ทำงานอย่างหนักเพื่อดึงแบรนด์ชั้นนำนับพันที่อยู่เบื้องหลัง

IMPT

โครงการชดเชยคาร์บอนที่ดีที่สุดนี้ได้ร่วมมือกับแบรนด์ดังของโลกกว่า 10,000 แบรนด์เพื่อช่วยเหลือผู้ใช้ในการชดเชยผลกระทบคาร์บอนจากการช้อปปิ้ง โดยเปอร์เซ็นต์ของอัตรากำไรที่นำมาให้โครงการจะถูกกำหนดโดยแต่ละแบรนด์ อัตรากำไรจะถูกเก็บไว้ในโทเค็น IMPT ในบัญชีของผู้ใช้จนกว่าผู้ใช้จะมีโทเค็น IMPT เพียงพอที่จะซื้อคาร์บอนเครดิต

ตลาดคาร์บอน IMPT ยังให้ผู้ใช้ซื้อคาร์บอนเครดิตได้โดยตรง ผู้ใช้สามารถเลือกวิธีการอนุรักษ์ ธรรมชาติได้กว่านับร้อยวิธีที่ได้รับการตรวจสอบแล้วบนแพลตฟอร์ม ผู้ใช้สามารถเลือกที่จะขาย เลิกใช้คาร์บอนเครดิต หรือจะเก็บคาร์บอนเครดิตไว้เป็นการลงทุน และยังมีโอกาสได้รับของสะสม NFT ที่ไม่ซ้ำใครหลังจากใช้คาร์บอนเครดิต

IMPT มีการซื้อขายอยู่ที่ $0.0180 ในการพรีเซลล์ครั้งแรก ทำให้เป็นเหรียญราคาไม่ถึงบาทที่ดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย

เชนEthereum
มาตรฐานโปรโตคอลERC-20
ราคาโทเค็น$0.0180
สิ้นสุดการขาย25 พฤศจิกายน (ครั้งที่ 1)
การให้สิทธิ์ปลดล็อกอีเว้นท์การสร้างโทเค็น
ทีมDenis Creighton (CEO), Mike English (CTO), Hugh Phelan (CLO)

ซื้อ IMPT ตอนนี้

4. Tamadoge – โครงการ DAO Metaverse ที่กำลังมาแรง

โครงการคริปโตเคอเรนซี่ที่กำลังมาแรงนี้ ซึ่งได้รับการเสนอว่าเป็นอีกหนึ่งรายการจากคอมมูนิตี้ของ Doge ก็คือ Tamadoge – สกุลเงินดิจิทัลหลักของ Tamaverse อย่างไรก็ตาม ในขณะที่เหรียญคริปโตอย่างเช่น Dogecoin ได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากมีบุคคลที่มีชื่อเสียงทั่วโลกสนับสนุนผ่านโซเชียลมีเดีย Tamadoge ให้ประโยชน์หลายอย่างบนแพลตฟอร์ม play-to-earn (P2E) ซึ่งเป็นโครงการคริปโตแบบเล่นเพื่อหารายได้บนบล็อคเชน

โดยที่ผู้เล่นแข่งขันกันบนแพลตฟอร์ม P2E นี้เพื่อสร้างรายได้จริงจากเงินรางวัลรวม – ซึ่งได้รับรางวัลเป็นโทเค็น TAMA ผู้เล่นจะมีโอกาสได้รับรางวัลในเกมได้โดยการซื้อสัตว์เลี้ยง ผสมพันธุ์ และซื้อขายสุนัข หรือที่รู้จักในชื่อสัตว์เลี้ยง Tamadoge ซึ่งสร้างเป็น NFT ผ่านสัญญาอัจฉริยะ ซึ่งมีลักษณะเฉพาะ จุดเด่น และจุดอ่อนต่างๆ เป้าหมายของเกมนี้คือการสร้างสัตว์เลี้ยงและเข้าร่วมการแข่งขันเพื่อรับคะแนนบนกระดานผู้นำรายเดือน

tamadoge DAO crypto

สัตว์เลี้ยง Tamadoge สามารถซื้อได้จากร้านค้า Tama  ซึ่งผู้เล่นยังสามารถซื้อไอเท็มอื่นๆได้ด้วยโทเค็น เช่น อาหารสัตว์เลี้ยงTamadoge แตกต่างจาก altcoins อื่นๆตรงที่ Tamadoge ตั้งเป้าที่จะเป็นสินทรัพย์ที่มีอุปทานลดลงเมื่อเวลาโดยผ่านไป โดยให้อุปทานโทเค็นสูงสุด 2 พันล้านโทเค็น โดยอุปทานของ TAMA จะลดลง เพราะว่า 5% ของเหรียญ Tamadoge ที่ใช้ไปทั้งหมดจะถูกเผาทิ้งตลอดเวลา

นี่เป็นเหตุผลที่อาจทำให้ TAMA มีมูลค่าเพิ่มขึ้นในระยะยาว เนื่องจากผู้ใช้สามารถเสนอราคาซื้อสินทรัพย์ที่มีอยู่อย่างจำกัดที่มีการใช้งานได้หลากหลาย ปัจจุบัน  50% ของโทเค็นทั้งหมด ได้ขายหมดแล้วในช่วงพรีเซล และระดมทุนไปกว่า 19 ล้านดอลล่าร์ จากนักลงทุนกว่าหมื่นราย และทีมพัฒนาวางแผนที่จะสำรอง 20% ของโทเค็นทั้งหมดสำหรับกระดานเทรดทั้งแบบ decentralized และ centralized ที่ได้รับความนิยม ซึ่งทำให้สินทรัพย์มีความเป็นสากลและสามารถเข้าถึงได้ง่าย

ส่วนที่เหลืออีก 30% จะถูกปล่อยออกมาอีกทีในอีก 10 ปีจากการขุด ตามแผนงานของทีม Tamadoge คาดว่าจะเปิดตัวแอป Augmented-Reality (AR) ซึ่งจะมีลักษณะเป็น P2E เหมือนกับแพลตฟอร์มบนเว็บในปัจจุบันทุกประการ

CoinSniper และ Solid Proof ได้ตรวจสอบ Tamadoge แล้ว ที่สุดท้ายจะกลายเป็นเกม Metaverse ในเร็วๆ นี้ 

การลงทุนขั้นต่ำ1,000 TAMA (∼$10 + ค่าธรรมเนียม)
การลงทุนสูงสุดN/A
วิธีการสั่งซื้อETH, USDT, เดบิต / บัตรเครดิต (ผ่าน Transak)
เชนEthereum
สิ้นสุดการขายเบต้า2 กันยายน 2022
สิ้นสุดการพรีเซลสิ้นสุดแล้ว

ไปยัง Tamadoge ตอนนี้

5. Battle Infinity – โครงการ DAO crypto ที่ดีที่สุดสำหรับปี 2023

เราขอแนะนำ Battle Infinity ซึ่งเป็นโครงการ DAO crypto ที่ดีที่สุดอีกโครงการหนึ่งในปี 2023 Battle Infinity เป็นแพลตฟอร์มที่ผสานระหว่างเกม Play-to-Earn (P2E) เข้ากับเทคโนโลยี Web 3.0 และมีการพัฒนาเกมบน metaverse (Battle Arena) โดยใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน Battle Infinity เป็นแพลตฟอร์มแบบ decentralized ที่ให้ผู้ใช้สามารถใช้เล่น สร้างรายได้ และสร้างไอเท็มในสภาพแวดล้อมเสมือนจริง

ในสนามแข่ง Battle Infinity ผู้ใช้สามารถเข้าร่วมเกม P2E 6 รูปแบบ หนึ่งในนั้นคือ IBAT Battle Games ที่ให้ผู้เข้าร่วมสามารถเข้าถึงเกม NFT หลายเกมและเล่นเพื่อรับรางวัลได้ เหรียญ IBAT ทำหน้าที่เป็นโทเค็นใช้งานต่างๆของแพลตฟอร์ม metaverse ผู้เล่นจำเป็นต้อง stake IBAT จำนวนหนึ่งเพื่อเข้าร่วม Battle Stake ให้ผู้เล่นสามารถสร้างรายได้ หรือสร้าง NFT ขึ้นมา รวมถึงแปลงเป็นรางวัล IBAT ได้อีกด้วย

Battle Infinity DAO crypto

เพื่อให้เกิดสภาพคล่องบนแพลตฟอร์ม 10% ของโทเค็นที่ stakeจะถูกใช้เป็นค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม โดย 50% จะถูกโอนไปยัง liquidity pools ซึ่งใช้เพื่อมอบรางวัลให้กับผู้เข้าร่วมเกม และเพื่อใช้แปลงเหรียญ IBAT และเหรียญคริปโตอื่น ๆ โดยผู้เล่นสามารถรับดอกเบี้ยจากการมอบสภาพคล่องให้กับ liquidity pool ได้

โทเค็น IBAT ถูกสร้างขึ้นบน Binance Smart Chain และกำลังเตรียมพร้อมสำหรับการปรับใช้สัญญาอัจฉริยะที่พัฒนาแล้ว ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนพัฒนาระยะ 3 ผู้ใช้สามารถติดตาม Battle Infinity ที่ Telegram Group เพื่อติดตามข่าวสารล่าสุดเกี่ยวกับการพัฒนาและการอัปเดตใหม่ๆ ทั้งหมดเกี่ยวกับโครงการ metaverse ใหม่นี้

ในช่วงพรีเซล IBAT ขายหมดอย่างรวมเร็ว โดยใช้เวลาไม่ถึงเดือน ซึ่งนักลงทุนที่สนใจสามารถซื้อ IBAT ได้แล้ววันนี้บน PancakeSwap 

ไปยัง Battle Infinity ตอนนี้

6. Lucky Block (LBLOCK) – โครงการ DAO crypto ชั้นนำปี 2023

Lucky Block เป็นโครงการ DAO crypto ชั้นนำ Lucky Block ได้รับชื่อเสียงว่าเป็นหนึ่งในคริปโตเคอเรนซี่ที่น่าสนใจที่สุดในปีนี้ เนื่องจากแพลตฟอร์มมีการนำเสนอการเล่นเกมคริปโตที่ไม่เหมือนใคร โดยแพลตฟอร์ม Lucky Block จะให้ผู้ใช้สามารถเข้าร่วมการจับรางวัลทุกวันเพื่อลุ้นรางวัลแจ็กพอตที่มีมูลค่าสูงหลายล้านดอลลาร์

Lucky Block สร้างขึ้นบน Binance Smart Chain (BSC) แบบ decentralized ทั้งหมด เพื่อให้มั่นใจได้เลยว่ารางวัลทั้งหมดจะถูกแจกจ่ายเป็น LBLOCK ซึ่งเป็นโทเค็นหลักของ Lucky Block ผู้ชนะจะได้รับรางวัลทันที นอกจากนี้ เนื่องจากสลากจับรางวัลก็คือ LBLOCK เลยไม่จำเป็นต้องใช้สกุลเงินทั่วไปแต่อย่างใด

lucky block DAO crypto

แม้ว่า Lucky Block จะมีการตั้งทีมพัฒนาขึ้น แต่แพลตฟอร์มยังมีความคล้ายคลึงกับหลายๆ โครงการ DAO crypto อื่นๆ เช่น การอนุญาตให้สมาชิกในชุมชนเป็นส่วนหนึ่งของโครงการได้ ซึ่งทำได้ผ่าน กลุ่ม Telegram ของ Lucky Block ซึ่งขณะนี้มีสมาชิกมากกว่า 47,000 คน นอกจากนี้ยังมี Lucky Block subreddit โดยเฉพาะ ซึ่งในสมาชิกมีทีมผู้พัฒนาระบบคอยดูแลอยู่

การออกรางวัลครั้งแรกของ Lucky Block เกิดขึ้นในวันที่ 31 พฤษภาคม 2022 โดยมีเงินรางวัลและแจ็คพอตรวมทั้งสิ้น 2 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยแบ่งครึ่งนึง1 ล้านดอลลาร์ให้กับการจับรางวัลหลัก นักลงทุนที่ซื้อ Lucky Block NFT จะได้จับรางวัลแยกต่างหากเพื่อเพิ่มโอกาสในการถูกรางวัลอีก 1 ล้านดอลลาร์อีกด้วย

เนื่องจาก Lucky Block ดำเนินการในลักษณะแบบ decentralized  ผู้ชนะจะได้รับเลือกผ่านบริการ VRF ของ Chainlink และสมาชิกในชุมชนจะได้รับการบริการอย่างโปร่งใส

lucky block เหรียญ dao

สุดท้ายนี้ การเปิดตัวเกมของ Lucky Block จะเป็นจุดเริ่มต้นของการแจกจ่ายรางวัลให้กับผู้ถือ LBLOCK เพราะว่า 10% ของแจ็คพอตแต่ละรายการจะถูกแจกจ่ายให้กับนักลงทุนที่ถือ LBLOCK ในกระเป๋าเงินคริปโต จากที่กล่าวมา Lucky Block ถือว่าอยู่ในอันดับต้น ๆ ของโครงการ DAO crypto ในปี 2023

ไปที่ Lucky Block ตอนนี้

สินทรัพย์ดิจิทัลเป็นผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ไม่มีการควบคุมซึ่งมีความเสี่ยงสูง

7. DeFi Coin (DEFC) – โครงการ DAO crypto ใหม่ที่มีศักยภาพในการสร้างรายได้แบบพาสซีฟ

DeFi Coin เปิดตัวในช่วงกลางปี ​​2022 หลังจากการเปิดตัวของ DeFi Swap ที่รอคอยมานาน DeFi Swap คือการแพลตฟอร์มแบบ decentralized (DEX) ที่มีสร้างบน BNB Chain ให้ผู้ใช้สลับโทเค็น BEP-20 และสร้างผลตอบแทนผ่านการ stakingและการทำฟาร์มเพื่อให้ได้รับผลตอบแทน

DEFC มีบทบาทสำคัญในระบบนิเวศ DeFi Swap และสามารถใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนเมื่อมีการสลับโทเค็น เนื่องจาก DeFi Swap ทำงานเหมือนกับ DAO ที่นักลงทุนจึงสามารถ stake DEFC และรับดอกเบี้ยได้ โดยให้ผลตอบแทนสูงถึง 75% ต่อปีเมื่อล็อคเหรียญอยู่ในระบบเป็นระยะเวลา 365 วัน อย่างไรก็ตาม ยังมี ‘Tier’ เพิ่มเติมสำหรับนักลงทุนที่ต้องการความยืดหยุ่นมากขึ้น และผลตอบแทนยังคงสูงกว่าค่าเฉลี่ย

defi coin crypto dao

อีกเหตุผลหนึ่งที่ DeFi Coin กลายเป็นหนึ่งในเหรียญ DEX ที่ดีที่สุด ก็คือผู้ถือโทเค็นจะสามารถสร้างกระแสรายได้แบบ พาสซีฟ ผ่านกลไก ‘รางวัลคงที่’ ของโครงการ รางวัลเหล่านี้ได้มาจากการเก็บภาษีธุรกรรม 10% ทุกครั้งที่นักลงทุนซื้อหรือขายเหรียญ DeFi  ทั้งรายได้แบบพาสซีฟและผลตอบแทนสูงทำให้มั่นใจได้ว่าเหรียญ DeFi เป็นหนึ่งในโครงการ DAO crypto ที่ดีที่สุดที่จะเปิดตัวในปีนี้

ซื้อเหรียญ DeFi ตอนนี้

สินทรัพย์ดิจิทัลเป็นผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ไม่มีการควบคุมซึ่งมีความเสี่ยงสูง

DAO Crypto คืออะไร?

DAO Crypto คือ ‘องค์กรอัตโนมัติแบบ decentralized’ – ที่สร้างขึ้นบนบล็อคเชนซึ่งการควบคุมจะถูกกระจายทั่วถึงสมาชิกทุกคนมากกว่าเฉพาะบุคคลหรือทีมใดทีมหนึ่ง องค์กรเหล่านี้แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับบริษัทต่างๆ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะอยู่ภายใต้การควบคุมของประธานและทีมผู้บริหาร

เนื่องจากการควบคุมถูกกระจายออกไป สมาชิกในชุมชนของเครือข่ายจึงเข้าใจถึงวิธีการทำงานขององค์กรอย่างแท้จริง การกำกับดูแลมักจะได้รับการจัดการผ่านกลไกการลงคะแนนเสียง เนื่องจาก DAO crypto จะมีโทเค็นหลักที่ทำให้ผู้ถือสามารถ ‘stake’ ในองค์กร ซึ่งคะแนนเสียงในการโหวตจะขึ้นอยู่กับการจัดสรรเงินทุน การพัฒนาเครือข่าย และการตัดสินใจทางการตลาด

นอกจากนี้ยังมีข้อดีอีกหลายประการในการดำเนินงานแบบ DAO เนื่องจากมีความโปร่งใสซึ่งเป็นหนึ่งในข้อดีหลัก ผู้ที่ลงทุนในคริปโตเคอเรนซี่จะรู้ว่าความโปร่งใสเป็นเรื่องที่มีความสำคัญอย่างมากเนื่องจากโครงการคริปโตจำนวนมากได้เกิดขึ้นมาด้วยความตั้งใจที่ไม่ดี อย่างไรก็ตาม ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นภายใน DAO นั้นเปิดเผยต่อสาธารณะ และไม่มีใครคนใดคนหนึ่งมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจได้

DAO crypto คืออะไร

นอกจากนี้ DAO ยังช่วยสร้างคอมมูนิตี้ของผู้คนที่มีความคิดเหมือนกันมารวมตัวกันเพื่อเป้าหมายเดียวกันได้ ทุกคนสามารถซื้อโทเค็นและมีส่วนร่วมในการกำกับดูแลได้อย่างไร้พรมแดน ด้วยเหตุนี้ แอป DeFi ที่ดีที่สุดจำนวนมากจึงถูกจัดโครงสร้างเป็น DAO เพื่อใช้ประโยชน์จากสิทธิประโยชน์เหล่านี้ 

โครงการ DAO Crypto ทำงานอย่างไร

แล้วองค์กรเหล่านี้ทำงานอย่างไร? ตามที่กล่าวไว้ข้างต้น เนื่องจากทิศทางของโครงการถูกกำหนดโดยทั้งคอมมูนิตี้ แทนที่จะเป็นคนใดคนหนึ่ง การลงคะแนนจึงมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อน DAO crypto ไปข้างหน้า DAO สร้างขึ้นโดยใช้  smart contract  เพื่อให้มั่นใจว่าองค์กรยังคงมีการดำเนินงานแบบกระจายอำนาจ หรือ Decentralized Autonomous organization

การทำงานของ DAO ที่อาจแตกต่างกันไป แม้ว่าส่วนใหญ่จะอนุญาตให้ผู้ถือโทเค็นโหวตข้อเสนอที่เสนอโดยสมาชิกคอมมูนิตี้  DAO บางแห่งจะให้ความสำคัญกับการโหวตของนักลงทุนที่มีโทเค็นจำนวนมาก ซึ่งมีทั้งข้อดีบวกและข้อเสีย แต่การที่ทุกคนมีโอกาสในการมีส่วนร่วม กระบวนการเปลี่ยนแปลงภายในองค์กรจึงอาจใช้เวลานาน

ในแง่ของเงินทุน มักใช้โทเค็นหลักของ DAO ที่สามารถซื้อโดยคอมมูนิตี้เพื่อการลงทุนในวงกว้าง ตัวอย่างเช่น แม้ว่าหลายคนเลือกที่จะซื้อ Aave เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน แต่บางคนอาจต้องการลงทุนในโทเค็นเพื่อการเก็งกำไร ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด เหรียญ DAO จะได้รับรายได้จากการขายโทเค็นเหล่านี้ มาช่วยเติมเงินคลัง เพื่อนำเงินเหล่านั้นมาพัฒนาได้

อัปเดต – eToro เปิดตัวพอร์ตโฟลิโอ DAO วันที่ 1 มิถุนายน 2022 ครอบคลุมเหรียญ DeFi จำนวนมากที่เราระบุไว้ข้างต้นและอื่นๆ เช่น 0x (ZRX)

DAO Crypto เหรียญ dao

ไปที่ eToro

สินทรัพย์ดิจิทัลเป็นผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ไม่มีการควบคุมซึ่งมีความเสี่ยงสูง

เหตุผลที่ควรลงทุนในโครงการ DAO crypto ?

โครงการ DAO crypto ได้รับความสนใจอย่างมากจากสื่อกระแสหลัก โดยมีสื่อที่มีชื่อเสียง เช่น The New York Times ได้ตีพิมพ์บทความเกี่ยวกับองค์กรเหล่านี้ เนื่องจากความนิยมที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก DAO crypto จึงกลายเป็นเป้าหมายของนักลงทุนที่ต้องการเก็งกำไร

ด้วยเหตุนี้ ตามด้านล่างจึงเป็นเหตุผลหลักที่ผู้คนเลือกลงทุนในโครงการ เหรียญ dao ที่ดีที่สุด:

ผลจากการกำกับดูแล

เหตุผลหลักอย่างเห็นได้ชัดของผู้ที่ลงทุนในโครงการเหล่านี้คือการกำกับดูแลโครงการ ซึ่งไม่สามารถทำได้ในโครงการแบบ centralized เนื่องจากทีมพัฒนาจะเป็นผู้ควบคุมสิ่งเหล่านี้ ซึ่งแม้ว่าคอมมูนิตี้จะสามารถนำเสนอความคิดเห็นได้ แต่ก็ไม่มีการรับประกันว่าความคิดเห็นนั้นจะถูกปฏิบัติตาม

นี่ไม่ใช่การดำเนินงานในลักษณะของ DAO crypto เนื่องจากสมาชิกในคอมมูนิตี้สามารถยื่นข้อเสนอได้ตลอดเวลาและมีการเสนอให้ลงคะแนนเสียง หากการเสนอถูกโหวตลง จะถือว่าเป็นสิ่งที่ดี เนื่องจากเป็นการเน้นย้ำว่าสมาชิกในคอมมูนิตี้ส่วนใหญ่มีความคิดเห็นเหมือนกัน จะได้ไม่ต้องการให้ข้อสงสัยในการเปลี่ยนแปลง

ดำเนินงานแบบกระจายอำนาจอย่างสมบูรณ์

เหมือนกับ แพลตฟอร์ม DeFi ที่ดีที่สุด DAO มีการดำเนินงานแบบกระจายอำนาจอย่างสมบูรณ์และมีแนวโน้มที่จะดำเนินการผ่านการใช้ smart contract ซึ่ง  สัญญาอัจฉริยะเหล่านี้ไม่ต้องใช้คนกลางและไม่ต้องได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานต่างๆ ก็ทำงานให้เสร็จสมบูรณ์ได้โดยอัตโนมัติ

การทำงานแบบ decentralized มีประโยชน์มากมาย เช่น ความโปร่งใส ซึ่งลด (หรือขจัด) โอกาสที่การฉ้อโกงที่อาจเกิดขึ้นได้ โครงการ DAO crypto ไม่ได้รับอิทธิพลจากรัฐบาลหรือหน่วยงานกลาง ดังนั้นจึงรักษาความสมบูรณ์ไว้ได้ มันเหมือนกับโอเพ่นซอร์สของคริปโต

การเข้าถึง DeFi

การดำเนินงานส่วนใหญ่ของโครงการ DAO crypto อยู่ในส่วนของDeFi ซึ่งทำให้มีโอกาสในการสร้างผลกำไร จากข้อมูลของ Yahoo Finance ตลาด DeFi มีมูลค่าเกินกว่า 100 พันล้านดอลลาร์ในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 ซึ่งมีการเติบโตขึ้น 47% จากปีที่แล้ว

แนวโน้มการเติบโตนี้ไม่มีแนวโน้มว่าจะจบลง เนื่องจากนักลงทุนหลายคนเริ่มเบื่อหน่ายตัวเลือกการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนต่ำจากสถาบันการเงิน อย่างเช่น การฝากเงินกับธนาคารแบบเดิม

ซึ่งการแลกเปลี่ยนโทเค็น,  staking และ liquidity pools นี่เป็นเพียงบริการบางส่วนที่จัดทำโดย DAO crypto ที่ทำงานภายใต้ DeFi โดยมีนักลงทุนเพิ่มเข้ามาอย่างสม่ำเสมอ ด้วยเหตุนี้ เราจึงเห็นแนวโน้มที่จะเห็นนักลงทุนจำนวนมากขนย้ายเงินลงทุนของพวกเขามายังพื้นที่ของตลาดนี้ ซึ่งทำให้ เหรียญ dao เป็นโอกาสในการลงทุนที่น่าดึงดูดมาก

โครงการ DAO crypto ที่ดีที่สุด  – บทสรุป

โดยสรุป บทความนี้ได้กล่าวถึงอย่างละเอียดเกี่ยวกับโครงการ DAO crypto ที่ดีที่สุดที่มีอยู่ในปัจจุบัน ศึกษาว่าเหตุผลใดที่โครงการเหล่านี้ถึงได้รับความนิยมและแผนของโครงการที่ได้กำหนดไว้ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าและในปีต่อ ๆ ไป

เราได้รวมโปรเจกต์คริปโตมาใหม่ล่าสุดรวมถึง RobotEra ซึ่งเป็นเกม metaverse ที่กำลังจะมาถึงซึ่งมีโทเค็นหลัก TARO ใช้เพื่อควบคุมเศรษฐกิจในเกม

ด้วย TARO ผู้ใช้สามารถเข้าถึง DAO หรือองค์กรอิสระที่กระจายอำนาจของ RobotEra และสามารถสร้างรายได้แบบพาสซีฟและรับรางวัล – ปัจจุบัน TARO พร้อมให้ซื้อในช่วงแรกของการขายล่วงหน้าในราคา $0.02

RobotEra – เกม Metaverse สุดปังมาใหม่!

คะแนน

  • สนับสนุนโดย LBank Labs
  • ซื้อ แลกเปลี่ยน และพัฒนาที่ดิน NFT
  • ทีมงานมืออาชีพ Doxxed
  • โทเค็น TARO เปิดตัวขายพรีเซลแล้ว – robotera.io
RobotEra

ไปยัง ROBOTERA

Categories
Bitcoins Crypto News คู่มือ DeFi สำหรับมือใหม่ คู่มือคริปโต

DeFi Yield Farming คืออะไร? ฉบับปี 2023 [เข้าใจง่าย!]

อุตสาหกรรมการเงินแบบกระจายอำนาจ (DeFi) เป็นแหล่งรวมของวิธีการสร้างผลตอบแทนที่น่าดึงดูดใจใหม่ๆ จากการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลของตัวเองได้

นอกเหนือจาก staking และบัญชีดอกเบี้ยแล้ว คุณน่าจะต้องพิจารณาถึง DeFi Yield Farming ว่าเป็นอีกวิธีที่จะทำให้โทเค็นคริปโตสามารถสร้างรายได้ให้กับคุณ

ในคู่มือสำหรับผู้เริ่มต้นนี้เราจะอธิบายทุกสิ่งที่ควรรู้ว่า DeFi Yield Farming คืออะไร DeFi Yield Farming ที่ไหนดี รวมถึงสอนเกี่ยวกับ Yield Farming ทำเงินได้เท่าไหร่ Yield Farming VS Staking ต่างกันยังไง และความเสี่ยง DeFi Farming ที่คุณต้องพิจารณา

รายการแพลตฟอร์ม DeFi Yield Farming ที่ดีที่สุดในปี 2023 

เพื่อให้ได้ผลตอบแทนสูงสุดจาก DeFi Yield Farming ก่อนอื่นคุณต้องเลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะสมเสียก่อน

รายการแพลตฟอร์ม DeFi Yield Farming ที่ดีที่สุดในปี 2023  ได้แก่

  • DeFi Swap – แพลตฟอร์ม DeFi Yield Farming โดยรวมที่ดีที่สุดในปี 2023 
  • Aqru – บัญชีดอกเบี้ยคริปโตที่ให้ผลตอบแทนจากการออมที่ยืดหยุ่น

ไปยังแพลตฟอร์ม DeFi Yield Farming ที่ดีที่สุด

แพลตฟอร์ม DeFi Yield Farming แต่ละแห่งจะแตกต่างกันไปในแง่ของผลตอบแทน เหรียญที่รองรับ และความปลอดภัย ดังนั้นโปรดอ่านรีวิวแพลตฟอร์มของเราเพิ่มเติม

DeFi Farming คืออะไร? 

DeFi Farming หรือการฟาร์มเหรียญ คือเครื่องมือในแพลตฟอร์ม DeFi ที่ให้คุณสร้างดอกเบี้ยจากสินทรัพย์ดิจิทัลที่ไม่ได้ใช้งานของตัวเอง ซึ่งคล้ายกับแพลตฟอร์ม staking เหรียญคริปโตหรือบัญชีดอกเบี้ย เพราะวัตถุประสงค์หลักของคุณคือการสร้างผลตอบแทนต่อปี (APY) ในระดับสูงจากโทเค็นที่คุณเป็นเจ้าของ

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้การฟาร์มเหรียญแตกต่างกันก็คือคุณจะต้องฝากโทเค็นคริปโตที่เป็นคู่เหรียญที่อยู่ในกระดานเทรด DEX เช่น สมมติว่าคุณสนใจที่จะได้รับผลตอบแทน 20% จากคู่เหรียญ ETH/USDT คุณก็ต้องฝากโทเค็นมูลค่ารวมที่เท่ากันกับ Ethereum (ETH) และ Tether (USDT) เพื่อให้ได้อัตรา APY ที่สูงสุด

Yield Farming คือ yield farming คืออะไร DeFi Farming คือ

ตัวอย่างเช่น คุณต้องฝาก ETH และ USDT ให้มีมูลค่า $1,000 เท่ากัน และในการทำเช่นนั้น ก็จะทำให้กระดานเทรดที่คุณฝากสามารถสร้างสภาพคล่องที่เพียงพอแก่ผู้ใช้ได้ กล่าวอีกนัยหนึ่งคือผู้ใช้จะสามารถสลับเหรียญระหว่าง ETH เป็น USDT ได้ทันทีและมีค่าสเปรดต่ำ ซึ่งก็ใช้สัญญาอัจฉริยะที่ดำเนินการแลกเปลี่ยนอัตโนมัตินั่นเอง

  • ตอนนี้ถ้าผู้ใช้เลือกที่จะสลับโทเค็นเป็นคู่เหรียญที่คุณได้สร้างสภาพคล่องไว้ก็จะมีการเก็บค่าธรรมเนียม
  • และคุณก็จะได้รับส่วนแบ่งของค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บไปนั่นเอง
  • ตัวอย่างเช่น สมมติว่าถ้าฝากเงิน $2,000  และคุณเป็นเจ้าของ 2% ของกองสภาพคล่อง (liquidity pool) คู่เหรียญ ETH/USDT 
  • หากวันแรก pool ได้เก็บค่าธรรมเนียมไป $500 คุณก็จะได้รับค่าคอมมิชชั่น $10

แม้แพลตฟอร์ม DeFi Yield Farming จะสามารถสร้าง passive income และให้ผลตอบแทนสูง แต่ก็มีความเสี่ยงตามมาด้วยเช่นกัน

หลักๆ ก็คือ DeFi Farming มีความเสี่ยงจากการด้อยค่า (impairment risk) ซึ่งหมายถึงต้นทุนค่าเสียโอกาสในการฝากเงินเข้า yield farming pool และยังมีความเสี่ยงของกระดานเทรด DEX เช่นเดียวกับสัญญาอัจฉริยะที่อาจทำงานผิดพลาดได้

Yield Farming DeFi ทำงานยังไง? 

บริการในแพลตฟอร์ม Yield Farming DeFi อาจจะดูยุ่งยากไปบ้างในตอนแรก และด้วยเหตุนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญที่คุณจะต้องเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าอะไรทำงานอย่างไรก่อนเริ่มลงทุน

เราจะอธิบายรายละเอียดว่า DeFi Farming คืออะไรและทุกอย่างที่คุณจำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับการฟาร์มเหรียญ

คู่เหรียญ Yield Farming

อย่างแรกและสำคัญที่สุดที่เราได้กล่าวไว้ข้างต้นว่า yield farming นั้นจะต้องมีการฝากสองโทเค็นเสมอ เนื่องจากคุณกำลังสร้างสภาพคล่องให้กับคู่เหรียญนั้นๆ

  • ตัวอย่างเช่น สมมติว่ากระดานเทรด DEX ที่คุณเลือกสามารถให้คุณฝากโทเค็นที่ถูกลิสบน Binance Smart Chain
  • โดยคู่เหรียญที่มีการเทรดมากที่สุดบนแพลตฟอร์มก็คือ DEFC/BNB
  • ซึ่งหมายความว่าคุณต้องมีเหรียญ DeFi Coin (DEFC) และ Binance (BNB) เท่ากัน

อธิบายอย่างละเอียด:

  • สมมติว่า 1 BNB เท่ากับ 1,000 DEFC
  • ดังนั้น คุณจึงต้องฝาก 3 BNB และ 3,000 DEFC

โดย BNB และ DeFi Coin ที่ฝากไว้จะไม่เพิ่มหรือลดมูลค่าใดๆ ซึ่งเราจะอธิบายเพิ่มเติมในบทความ

กล่าวคือ DeFi Coin อาจมีมูลค่าเพิ่มขึ้น 10% ในขณะที่ BNB อาจลดลง 5% และนี่ก็คือความเสี่ยงจากการด้อยค่านั่นเอง

ผลตอบแทนต่อปี DeFi

สิ่งถัดไปที่ต้องเข้าใจคือผลตอบแทนต่อปี (APY) สิ่งนี้ช่วยให้คุณรู้ว่าคุณจะทำเงินได้มากเพียงใดจากการสร้างสภาพคล่องของคู่เหรียญ Yield Farming DeFi ต่างๆ

ตัวอย่างเช่น ถ้าอัตรา APY อยู่ที่ 10% และคุณฝากเงินเหรียญคริปโตมูลค่า 1,000 ดอลลาร์ คุณก็จะได้ผลตอบแทน 100 ดอลลาร์ แต่ผลตอบแทนของคุณจะถูกจ่ายเป็นโทเค็นคริปโต

DeFi Yield Farming ยังไง

ดังนั้น หากคุณฝาก 1,000 ETH ที่ APY 10% คุณก็จะได้รับ 100 ETH

และที่สำคัญที่สุด สินทรัพย์ดิจิทัลที่คุณจะได้รับอาจไม่ใช่คู่โทเค็นที่คุณฝากไว้ใน liquidity pool 

  • ตัวอย่างเช่น เมื่อฝากใน PancakeSwap รางวัลของคุณอาจจะถูกจ่ายเป็น CAKE ซึ่งเป็นโทเค็นหลักแพลตฟอร์ม 
  • เมื่อใช้ Binance Earn คุณก็มักจะได้เหรียญ BNB
  • และเมื่อใช้ DeFi Swap ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม DeFi Yield Farming โดยรวมที่ดีที่สุด รางวัลของคุณจะถูกจ่ายเป็น DEFC

ด้วยเหตุนี้ คุณต้องคำนึงถึงมูลค่าตลาดของโทเค็นที่เกี่ยวข้องด้วย ท้ายที่สุด มูลค่าของโทเค็นจะเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ซึ่งอาจเป็นทั้งประโยชน์หรือผลเสียต่อการลงทุนของคุณ

DeFi Yield Farming ให้ผลตอบแทนยังไง?

หนึ่งในคำถามที่มือใหม่ DeFi ถามมากที่สุดก็คือแพลตฟอร์ม yield farming ให้ดอกเบี้ยยังไง? เพราะผลตอบแทนไม่ได้สร้างมาจากอากาศอย่างแน่นอน

  • ดังที่ได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ เมื่อคุณให้กู้โทเค็นใน farming pool ก็จะทำให้กระดานเทรดมีสภาพคล่องเพียงพอ
  • หมายความว่าเทรดเดอร์สามารถใช้กระดานเทรดเพื่อแลกเปลี่ยนโทเค็นแบบ decentralized
  • และในการทำเช่นนั้น เทรดเดอร์จะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเล็กน้อยสำหรับการแลกเปลี่ยนในแต่ละธุรกรรม

โดยผลตอบแทนก็จะขึ้นอยู่กับสองปัจจัยหลักคือ:

  • ส่วนแบ่งที่คุณมีใน liquidity pool
  • และกระดานเทรดเก็บค่าธรรมเนียมได้เท่าไหร่

เพื่ออธิบายเพิ่มเติม เราจะยกตัวอย่างง่ายๆ:

  • สมมติว่าคุณสร้างสภาพคล่องให้กับคู่เหรียญ BNB/BUSD
  • คุณฝากโทเค็นทั้งสองเหรียญมูลค่า 1,000 ดอลลาร์ ดังนั้นค่าใช้จ่ายทั้งหมดจะเท่ากับเงินดิจิทัลมูลค่า 2,000 ดอลลาร์
  • โดยรวมแล้ว liquidity pool บนแพลตฟอร์ม DeFi ที่คุณเลือกมีสภาพคล่องที่มูลค่า $200,000
  • ซึ่งหมายความว่าส่วนแบ่งใน liquidity pool นี้ก็คือ 1%

ตอนนี้เรารู้แล้วว่าส่วนแบ่งของคุณใน farming pool คือเท่าไหร่ เราก็จะสามารถคำนวณค่าธรรมเนียมที่คุณได้รับ:

  • ในช่วงหนึ่งปี liquidity pool ของ BNB/BUSD เก็บค่าธรรมเนียมการซื้อขายที่ 120,000 ดอลลาร์
  • ซึ่งหมายความว่าส่วนแบ่ง 1% รวมค่าธรรมเนียมการซื้อขายที่เก็บได้ก็จะคิดเป็น $1,200
  • ถ้าลงทุน $2,000 ก็จะให้ผลตอบแทนถึง 66%

อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่ต้องจำคือรางวัลของคุณจะจ่ายเป็นโทเค็นคริปโต ดังนั้น มูลค่าเงินของโทเค็นที่คุณได้รับจะขึ้นอยู่กับราคาในตลาด

แน่นอนว่าอีกหนึ่งวิธีในการรับมือกับความเสี่ยงจากความผันผวนของ DeFi Yield Farming คือการเลือกใช้คู่เหรียญที่มีมูลค่าคงที่ (stablecoin) แต่ก็อย่างที่เราเห็นล่าสุดว่าราคา TerraUSD ร่วงลง แม้เป็น stablecoin ก็ใช่ว่าจะไม่มีความเสี่ยง

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ yield farming เราแนะนำให้คุณทำความเข้าใจว่า Yield Farming VS Staking คืออะไร

DeFi Yield Farming ทำกำไรได้หรือไม่? 

DeFi Yield Farming อาจเป็นวิธีที่สร้างผลกำไรได้สูงจากเหรียญคริปโตที่ไม่ได้ใช้งานของคุณ อย่างไรก็ตาม มีปัจจัยหลายอย่างที่จะเป็นตัวกำหนดว่าการฟาร์มเหรียญนั้นทำกำไรยังไง

แม้ว่าแพลตฟอร์ม DeFi Yield Farming ชั้นนำจะให้อัตรา APY เป็นผลตอบแทน แต่ก็ไม่มีการรับประกันว่าจะทำกำไรได้ อย่างไรก็ตาม คุณก็มักจะพบว่าคู่เหรียญที่มีสภาพคล่องมากที่สุดจะให้ดอกเบี้ยน้อยที่สุด

Yield Farming สอน

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดก็คือ BNB/BUSD บน Binance Smart Chain หรือ ETH/USDT บนเครือข่าย Ethereum แต่ถ้าหากคุณตัดสินใจที่จะเพิ่มสภาพคล่องให้กับโทเค็นใหม่และไร้สภาพคล่อง คุณอาจจะสามารถคาดหวังอัตราผลตอบแทนที่สูงขึ้นได้

แต่สุดท้ายแล้วก็เป็นเรื่องของความเสี่ยงและผลตอบแทน นั่นก็เพราะคุณจะสามารถทำกำไรได้หรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากผลขาดทุนจากการด้อยค่า (impairment loss)

ผลขาดทุนจากการด้อยค่าใน DeFi

แพลตฟอร์ม DeFi Farming บางแห่งจะบอกว่าการฟาร์มเหรียญมีผลขาดทุนจากการด้อยค่าอย่างชัดเจนนัก แต่จะเน้นไปที่การโฆษณาถึงผลตอบแทนที่คุณจะได้รับแทน

ผลขาดทุนจากการด้อยค่าหมายถึงความแตกต่างด้านลบระหว่างผลตอบแทนที่คุณได้รับจาก yield farming กับผลตอบแทนที่คุณอาจทำได้ถ้าถือเหรียญเอาไว้เฉยๆ

  • ตัวอย่างเช่น สมมติว่าคุณฝาก ETH และ USDT มูลค่า $500 ลงใน farming pool ซึ่งหมายความว่า ณ ตอนที่ฝากเงิน คุณมีเหรียญคริปโตมูลค่า $1,000
  • หากเป็นโลกในอุดมคติ มูลค่าครึ่งๆ ที่ฝากนี้จะอยู่เท่าเดิมตลอดไป
  • อย่างไรก็ตาม เนื่องจากกลไกของตลาด liquidity pool นั้นไม่มีวันสมดุล เพราะว่าคู่เหรียญใดสักคู่จะมีค่ามากกว่าอีกคู่นั่นเอง
  • เมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้นก็จะกระทบต่อผลตอบแทนของคุณ

ส่งผลให้ได้ผลตอบแทนที่คุณได้รับต่ำกว่าการแค่ถือโทเค็นของตัวเองเอาไว้เฉยๆ

DeFi Yield Farmingถือโทเค็นไว้ในกระเป๋าเงิน
วันที่ 1 (วันที่ฝาก)มูลค่ารวมของคู่เหรียญ: $2,000มูลค่ารวมของคู่เหรียญ: $2,000
วันที่ 30 (วันที่ถอน)มูลค่ารวมของคู่เหรียญ: $2,000มูลค่ารวมของคู่เหรียญ: $2,000

ตารางข้างต้นเป็นตัวอย่างง่ายๆ ของผลขาดทุนจากการด้อยค่า ‘วันที่ 1’ ชี้ว่าเมื่อโทเค็นถูกฝากเข้า farming pool ก็จะมีมูลค่ารวม 2,000 ดอลลาร์

‘วันที่ 30’ แสดงให้เราเห็นว่ามูลค่ารวมของโทเค็นที่เราฝากเข้า farming pool ตอนนี้มีมูลค่า $2,500

แต่ถ้าถือโทเค็นไว้ในกระเป๋าเงินส่วนตัว คู่เหรียญก็จะมีมูลค่า 2,800 ดอลลาร์ ซึ่งขาดทุนที่ 300 ดอลลาร์ โดยทั่วไปเราจะเรียกสิ่งนี้ว่าเป็นมูลค่าที่สูญเสียโอกาสไปชั่วคราว (impermanent loss) เนื่องจากมูลค่าโทเค็น DeFi ของคุณยังคงสามารถคืนสภาพได้เมื่อเวลาผ่านไปนั่นเอง

อัตราผลตอบแทนจาก DeFi Yield Farming

ตามที่ระบุไว้ในบทความ อัตราดอกเบี้ยและ APY จะแตกต่างกันไปตามปัจจัยหลายข้อ

ได้แก่:

  • แพลตฟอร์ม DeFi เพราะบางแพลตฟอร์มก็ให้ผลตอบแทนดีกว่าที่อื่น
  • โทเค็นที่คุณฝากเข้า pool เนื่องจากสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีสภาพคล่องน้อยกว่าจะให้ผลตอบแทนสูงกว่า
  • ไม่ว่าคุณจะเลือกใช้โทเค็นคริปโตทั่วไปหรือเหรียญที่มีมูลค่าคงที่

ในท้ายที่สุด อัตราผลตอบแทนต่อปี DeFi Yield Farming อาจแตกต่างกันตั้งแต่สองสามเปอร์เซ็นต์ถึงเกิน 100% แต่โปรดจำไว้ว่ายิ่งให้ผลตอบแทนสูงเท่าไร คุณก็ยิ่งเสี่ยงมากขึ้นเท่านั้น

เหรียญ​ DeFi Yield Farming ที่ดีที่สุดคืออะไร? 

การเลือกเหรียญ DeFi ที่ดีที่สุดเพื่อ yield farming นั้นมีหลายสิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณา

ได้แก่:

  • มูลค่าตลาดของโทเค็นตั้งแต่เมื่อคุณฝากจนถึงวันที่คุณถอนเหรียญออก เพราะหากมูลค่าของโทเค็นเพิ่มขึ้น คุณจะได้รับกำไรเพิ่มเติมจากการฟาร์มเหรียญ
  • ผลตอบแทนจากคู่เหรียญที่คุณต้องการสร้างสภาพคล่อง
  • เครือข่าย blockchain ของเหรียญ
  • แพลตฟอร์ม DeFi Yield Farming ที่รองรับเหรียญ

หากพิจารณาถึงปัจจัยที่กล่าวไปทั้งหมดแล้ว เราขอแนะนำเหรียญ DeFi โดยรวมที่ดีที่สุดดังนี้:

DeFi Coin (DEFC) – เหรียญ DeFi โดยรวมที่ดีที่สุดน่าฟาร์ม

DeFi Coin (DEFC) เป็นหัวใจของระบบการเงินแบบกระจายอำนาจ ซึ่งได้รับการสนับสนุนโดยกระดานเทรด DeFi Swap DEX ที่กำลังมาแรงเพื่อสร้างโอกาสในการสร้างรายได้อย่างเต็มรูปแบบ และหากคุณกังวลว่าจะฟาร์มเหรียญที่ไหนดี? ที่ DeFi Swap จะให้ผลตอบแทนสูงแก่คุณอย่างแน่นอน 

defi coin ราคา

โดย DeFi Coin จะให้รางวัลแก่ผู้ถือเหรียญในระยะยาวและไม่เป็นผลดีต่อนักเก็งกำไรระยะสั้นในตลาดเนื่องจากต้องเสียภาษีจากการเทรดเหรียญ DeFi Coin ที่ 10% โดยครึ่งหนึ่งของภาษีนี้จะนำไปให้ผู้ถือ DeFi Coin ซึ่งหมายความว่านอกเหนือจากดอกเบี้ยของ yield farming แล้ว คุณก็ยังได้ส่วนแบ่งจากภาษีในระดับสูงอีกด้วย

BNB (BNB) – เหรียญ DeFi ยอดนิยมที่น่าฟาร์มบน Binance Smart Chain

BNB หรือ Binance Coin เป็นโทเค็นหลักของระบบนิเวศ Binance ซึ่งมีทั้งกระดานเทรดชั้นนำและ Binance Smart Chain

แพลตฟอร์มยังรองรับโทเค็นมากมายที่เป็นคู่เหรียญ BNB ซึ่งหมายความว่าถ้าถือโทเค็น BNB เอาไว้ก็จะเป็นโอกาสในการ yield farming นั่นเอง 

Tether (USDT) – Stablecoin ที่มีสภาพคล่องและซื้อขายมากที่สุดในการ Yield Farming

Tether อยู่บน Ethereum blockchain และเป็น stablecoin ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในแง่ของปริมาณและสภาพคล่อง ดังที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า USDT เป็นเหรียญที่มีมูลค่าคงที่สำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการความปลอดภัยจากตลาดที่มีความผันผวนสูง

หากคุณตัดสินใจที่จะ stake เหรียญบนเครือข่าย Ethereum คุณจะต้องฟาร์มเหรียญคู่กับ Tether ซึ่งจะเหมาะกับผู้ที่ต้องการลดความเสี่ยงจากความผันผวนให้ได้มากที่สุดนั่นเอง

รีวิวแพลตฟอร์ม DeFi Yield Farming ที่ดีที่สุด 

หากกังวลว่าจะใช้บริการจากแพลตฟอร์ม DeFi Farming ที่ไหนดี เราขอแนะนำแพลตฟอร์มดังนี้

แพลตฟอร์มที่ดีที่สุดควรมีชื่อเสียงในด้านความปลอดภัยและมีเหรียญที่รองรับให้เลือกมากมาย และแน่นอนว่าคุณจะต้องเลือกใช้แพลตฟอร์มที่ให้ผลตอบแทนสูงและถอนเงินได้อย่างรวดเร็ว

โดยเราจะแนะนำคุณว่าควร Yield Farming ที่ไหนดีเพื่อสร้างผลกำไรจากเหรียญคริปโตที่ไม่ได้ใช้งาน

1.Defi Swap – แพลตฟอร์ม DeFi Yield Farming โดยรวมที่ดีที่สุดในปี 2023 

DeFi Swap yield farming ที่ไหนดี defi farming ที่ไหนดี

DeFi Swap เป็นแพลตฟอร์มโดยรวมที่ดีที่สุดในการสร้างรายได้ด้วยวิธีลงทุนใน DeFi วันนี้ นี่คือแพลตฟอร์ม decentralized ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถใช้บริการทั้งหมดโดยไม่ต้องสร้างบัญชี ไม่จำเป็นต้องอัปโหลดเอกสาร KYC หรือแม้แต่ระบุชื่อของคุณเอง

เพียงแค่ต้องเชื่อมต่อกระเป๋าเงินของคุณกับเว็บไซต์ DeFi Swap ด้วยการไปยัง Deficoins.io เท่านั้น ซึ่งคุณจะสามารถเริ่มต้น yield farming ได้ทันที โดยโปรโตคอล DeFi Swap จะทำงานบน Binance Smart Chain และคุณจะสามารถเข้าถึง farming pools ได้หลากหลาย

เมื่อคุณเลือก pool และฝากโทเค็นตามจำนวนที่ต้องการแล้ว คุณจะมีสิทธิ์ได้รับส่วนแบ่งค่าธรรมเนียมการซื้อขายใดๆ จากคู่เหรียญดังกล่าว ซึ่งสิ่งนี้ช่วยให้คุณสร้าง passive income ตราบใดที่โทเค็นของคุณถูกฝากเอาไว้

defi swap yield farming ที่ไหนดี defi farming ที่ไหนดี

หากคุณยังไม่แน่ใจว่าจะ stake เหรียญที่ไหนดี เราขอแนะนำให้ลองใช้ DeFi Swap เพราะมีเครื่องมือ staking ที่ยอดเยี่ยม โดยเมื่อ staking โทเค็น DeFi Coin (เหรียญหลักของแพลตฟอร์ม) คุณจะได้รับ APY สูงถึง 75% ซึ่งเป็นระยะเวลาการ staking ที่ 365 วัน โดยผลตอบแทนจะแตกต่างกันไปตามระยะเวลาที่เลือก

นอกจากนี้ DeFi Swap ยังให้คุณแลกเปลี่ยนโทเค็นเป็นโทเค็นอื่นได้ทันที สิ่งนี้ทำให้คุณไม่ต้องใช้กระดานเทรด CEX ซึ่งอาจทั้งยุ่งยากและทำงานช้า นอกจากนี้ DeFi Swap ก็กำลังจะเปิดตัวเปิดตัวแอพมือถือ iOS และ Android รวมถึง NFT marketplace อีกด้วย

ข้อดี

  • แพลตฟอร์ม DeFi ที่ดีที่สุดโดยรวมในตลาด
  • ให้ผลตอบแทนสูง
  • รองรับ yield farming และ staking
  • 100% decentralized ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสัญญาอัจฉริยะ
  • กำลังจะมีตลาด NFT และแอพมือถือ
  • ขับเคลื่อนด้วย DeFi Coin

ข้อเสีย

  • ยังไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้างแบบแพลตฟอร์ม DeFi อื่นๆ

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ DeFi Swap

สินทรัพย์คริปโตมีความผันผวนสูงและเป็นการลงทุนที่ไม่มีการกำกับดูแล 

2. Aqru – บัญชีดอกเบี้ยคริปโตที่ให้ผลตอบแทนจากการออมที่ยืดหยุ่น

Aqru เป็นแพลตฟอร์ม DeFi ชั้นนำที่มีบัญชีดอกเบี้ยคริปโตที่ยืดหยุ่น ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถได้รับประโยชน์จากการเติบโตของ DeFi โดยไม่มีผลขาดทุนจากการด้อยค่า เพียงแค่ฝากโทเค็นลงในบัญชีที่คุณเลือก รับดอกเบี้ยทุกวัน และถอนได้ฟรีตลอดเวลา

ซึ่งทำได้ในเหรียญ Bitcoin, Ethereum หรือเหรียญมูลค่าคงที่ USDC และยังมี Maple Finance ที่ระยะเวลาล็อก 90 วัน แต่เหรียญคริปโตอื่นๆ จะไม่มีข้อกำหนดตายตัว

อีกสิ่งหนึ่งที่เราชอบเกี่ยวกับ Aqru ก็คือเป็นแพลตฟอร์ม DeFi ที่รองรับสกุลเงินทั่วไป (fiat) ซึ่งหมายความว่าหากคุณไม่ได้ถือโทเค็นเอาไว้ คุณก็สามารถฝากเงินเข้าบัญชี Aqru ได้ด้วยบัตรเดบิต/เครดิต หรือการโอนเงินผ่านธนาคาร

Aqru yield farming ที่ไหนดี defi farming ที่ไหนดี

จากนั้นคุณสามารถเลือกที่จะแปลงสกุลเงิน USD, EUR หรือ GBP เป็นโทเค็นที่ Aqru รองรับ และหากคุณต้องการถอนเงินสกุล fiat ก็จะไม่มีค่าธรรมเนียมใดๆ แต่ถ้าถอนเหรียญคริปโตก็จะมีค่าธรรมเนียม $20 เป็นโทเค็นที่ถอน

จากที่กล่าวมานั้นจะไม่มีการคิดค่าคอมมิชชั่นจากดอกเบี้ยที่โทเค็นของคุณสร้างขึ้น แต่ APY ที่คุณเห็นก็คืออัตราที่คุณจะได้รับจริงๆ หากคุณสนใจ Aqru ก็สามารถเปิดบัญชีได้ภายในไม่กี่นาที

โดยอัตรา APY อาจผันผวนขึ้นอยู่กับสภาวะตลาด โปรดไปยัง Aqru เพื่อดูอัตราดอกเบี้ยล่าสุด และคุณก็สามารถเข้าถึงแพลตฟอร์มผ่านเบราว์เซอร์คอมพิวเตอร์หรือแอพมือถือบน iOS และ Android ได้เช่นกัน

ข้อดี

  • รับ BTC, ETH, USDC หรือ Maple Finance
  • ไม่มีระยะเวลาล็อกหรือข้อจำกัด
  • ฝากเงินขั้นต่ำ ($100)
  • ถอนเงินสกุล fiat ฟรี

ข้อเสีย

  • ค่อนข้างใหม่ในตลาด
  • ค่าธรรมเนียมถอนเหรียญคริปโต $2

ไปยัง AQRU ตอนนี้

สินทรัพย์คริปโตมีความผันผวนสูงและเป็นการลงทุนที่ไม่มีการกำกับดูแล 

ภาษีจาก DeFi Yield Farming

การเก็บภาษีในตลาดสกุลเงินดิจิทัลแบบดั้งเดิมนั้นค่อนข้างชัดเจนอยู่แล้ว กล่าวคือหากคุณซื้อโทเค็นและขายมันโดยมีกำไรก็จะมีภาษีตามเขตอำนาจศาลที่คุณอยู่

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าการเก็บภาษีจาก DeFi Yield Farming จะยังไม่ชัดเจนนัก นอกจากนี้ กฎหมายภาษีจะขึ้นอยู่กับประเทศที่คุณอยู่ ภาษีที่อยู่อาศัย รายได้ต่อปี และตัวชี้วัดหลักอื่นๆ

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เห็นได้ทั่วไปก็คือดอกเบี้ยใดๆ ที่คุณสร้างจาก DeFi Yield Farming จะเป็นภาษีเงินได้ ซึ่งน่าจะขึ้นอยู่กับรายได้เพียงอย่างเดียว

  • ตัวอย่างเช่น สมมติว่าคุณฝาก 1 ETH และ 2,000 USDT ไว้ใน farming pool
  • สามเดือนหลังจากฟาร์มเหรียญ คุณจะได้สร้างดอกเบี้ย 10% จากการถือเหรียญเอาไว้
  • ซึ่งหมายความว่าคุณจะได้รับดอกเบี้ย 0.1 ETH และ 200 USDT ซึ่งตามทฤษฎีแล้วจะต้องเสียภาษีเงินได้

อย่างไรก็ตาม เราขอแนะนำให้คุณปรึกษาผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการรับรองเกี่ยวกับเรื่องการเก็บภาษี DeFi

DeFi Yield Farming ปลอดภัยหรือไม่?

บริการ DeFi Yield Farming เปิดโอกาสให้คุณได้รับดอกเบี้ยมากกว่าที่คุณจะได้จากการฝากเงินไว้ในธนาคาร แต่ก็หมายความว่าคุณต้องรับความเสี่ยงเพิ่ม

ก่อนที่คุณจะลงทุนใน DeFi Yield Farming อย่าลืมพิจารณาความเสี่ยงที่เราระบุไว้ ดังนี้:

ความเสี่ยงของผลขาดทุนจากการด้อยค่า

ความเสี่ยงของผลขาดทุนจากการด้อยค่าคือต้นทุนค่าเสียโอกาสหากคุณสร้างรายได้ได้น้อยจาก yield farming pool กว่าผลตอบแทนที่คุณอาจได้รับถ้าถือเหรียญเอาไว้เฉยๆ

ตัวอย่างเช่น หากคุณทำกำไรได้ $300 จาก yield farming แต่โทเค็นมีมูลค่าเพิ่มขึ้น $500 ในช่วงเวลาเดียวกันก็จะทำให้ผลขาดทุนจากการด้อยค่าเป็น $200

ความผันผวนและความเสี่ยงของราคา

คุณต้องคำนึงถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับความผันผวนและราคาในตลาดด้วย นอกเสียจากว่าคุณจะฟาร์มเหรียญ stablecoin เนื่องจากเหรียญคริปโตจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นและลดลงได้ตลอดเวลา

ซึ่งหมายความว่าในขณะที่โทเค็นของคุณถูกล็อกไว้ใน farming pool มูลค่าตลาดของโทเค็นก็อาจลดลง หากเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นก็จะมีโอกาสที่คุณจะเสียเงินนั่นเอง

  • ตัวอย่างเช่น สมมติว่าคุณฝาก BNB มูลค่า $500 ต่อโทเค็นลงใน farming pool
  • สามเดือนถัดมา คุณได้สร้างดอกเบี้ย 5%
  • แต่มูลค่า BNB ก็ได้ลดลง 20% 
  • ดังนั้นแม้ว่าคุณจะได้รับดอกเบี้ย 5% แต่พอร์ตการลงทุน BNB โดยรวมของคุณจะมีมูลค่าต่ำกว่าเดิม

นี่คือเหตุผลที่คุณต้องพิจารณาถึงความน่าเชื่อถือของโทเค็นที่คุณต้องการฟาร์ม กล่าวอีกนัยหนึ่งคือแม้โทเค็นที่มีมูลค่าตลาดสูงอาจจะมีความผันผวนน้อย แต่โปรเจกต์ใหม่ๆ นั้นมีความเสี่ยงกว่ามากนั่นเอง

ความเสี่ยงของแพลตฟอร์ม

คุณต้องพิจารณาถึงความเสี่ยงของแพลตฟอร์ม DeFi ด้วย เนื่องจากสิ่งสำคัญที่สุดในการสร้างผลตอบแทนก็คือคุณต้องฝากเหรียญลงใน liquidity pool ของแพลตฟอร์ม

และในการทำเช่นนั้น คุณจะต้องเชื่อมั่นว่าแพลตฟอร์มนั้นน่าเชื่อถือ เพราะหากคุณฝากเงินลงในแพลตฟอร์ม DeFi ที่น่าสงสัย โทเค็นของคุณอาจถูกขโมยไปได้

ความเสี่ยงของสัญญาอัจฉริยะ

สัญญาอัจฉริยะนั้นจะไม่สามารถถูกเปลี่ยนแปลงได้ ซึ่งหมายความว่าเมื่อสัญญาอัจฉริยะได้ดำเนินการธุรกรรม yield farming ของคุณแล้ว ก็จะไม่สามารถถูกแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขใดๆ ได้

อย่างไรก็ตาม เรามักได้ยินว่าสัญญาอัจฉริยะนั้นถูกออกแบบมาไม่ดีนัก หากเป็นเช่นนี้และมีคนพบข้อบกพร่องในสัญญาอัจฉริยะ พวกเขาอาจขโมยโทเค็นของคุณจากระยะไกลได้นั่นเอง

บทสรุป

โดยสรุป แพลตฟอร์ม DeFi Yield Farming จะให้โอกาสคุณในการสร้าง APY ในอัตราสูงจากเหรียญคริปโตของคุณ หากเป็นเช่นนี้ทำไมไม่นำเหรียญคริปโตที่ไม่ได้ใช้งานของคุณไปสร้างรายได้จากการฟาร์มเหรียญล่ะ?

หากคุณต้องการให้การสร้างกำไรจากการลงทุนของคุณ ให้พิจารณาเริ่มต้นใช้ DeFi Swap ตอนนี้ เพราะไม่เพียงแต่จะเป็นแพลตฟอร์ม DEX เท่านั้น แต่ยังมีเครื่องมือ yield farming และ staking ที่ให้ผลตอบแทนสูง และคุณสามารถสลับโทเค็นได้ทันทีเพียงคลิกเดียว

นอกจากนี้ DeFi Swap ไม่ต้องการข้อมูลส่วนตัวจากคุณ แต่คุณสามารถเชื่อมต่อกระเป๋าเงินกับแพลตฟอร์มเพื่อเริ่มสร้างผลตอบแทนจากโทเค็นของคุณได้ทันที

DeFi Swap DeFi Yield Farming yield farming ที่ไหนดี defi farming ที่ไหนดี

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ DeFi Swap

สินทรัพย์คริปโตมีความผันผวนสูงและเป็นการลงทุนที่ไม่มีการกำกับดูแล 

Categories
Bitcoins Crypto News คู่มือ DeFi สำหรับมือใหม่ คู่มือคริปโต

วิธีลงทุนใน DeFi 2023 – คู่มือสำหรับมือใหม่ [เข้าใจง่าย!]

Defi หรือระบบการเงินแบบไร้ศูนย์กลางเป็นอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ระบบนิเวศของ DeFi มีมูลค่าถึง 100 พันล้านดอลลาร์ในช่วงกลางปี 2021 เป็นครั้งแรก โครงการ DeFi ต่างๆ ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นเมื่อเทียบกับระบบการเงินแบบดั้งเดิม (TradFi) และอยู่ระหว่างช่วงราคาตกต่ำในปี 2021 ดังนั้นตอนนี้อาจเป็นช่วงเวลาที่ดีในการลงทุนใน DeFi

เราจะมาอธิบายวิธีลงทุนใน DeFi ด้วยวิธีต่างๆ เช่น บัญชีดอกเบี้ย การ staking การ Farming สินเชื่อที่มีเลเวอเรจ และอื่นๆ

วิธีลงทุนใน DeFi ยอดนิยม

หากคุณกำลังเรียนรู้วิธีลงทุนใน DeFi เป็นครั้งแรก นี่คือวิธีบางส่วนที่เราแนะนำ:

  1. ลงทุนใน DeFi Coin (DEFC) – โครงการ DeFi ที่มีการประเมินมูลค่าต่ำกว่าความเป็นจริงในปี 2023
  2. DeFi Staking – สร้างผลตอบแทนโดยการล็อคโทเค็นของคุณ
  3. บัญชีออมทรัพย์ DeFi – รับดอกเบี้ยผ่านบัญชีออมทรัพย์ DeFi
  4. DeFi Yield Farming – รับส่วนแบ่งค่าธรรมเนียมการซื้อขายโดยการให้สภาพคล่อง
  5. ลงทุนในหุ้น DeFi – ทำกำไรจาก DeFi ผ่านตลาดหุ้น
  6. สินเชื่อ DeFi ที่ปลอดภัย – ใช้ประโยชน์จากการลงทุน Crypto ของคุณ 50%
  7. รับวอลเลต DeFi – จัดเก็บโทเค็นและรับดอกเบี้ยผ่านวอลเลต DeFi
  8. ลงทุนใน DeFi Smart Portfolio – พอร์ตการลงทุนใน DeFi ที่สร้างไว้ล่วงหน้าและบริหารจัดการในนามของคุณ
  9. ถือ Stablecoin – รับผลตอบแทนจาก DeFi โดยไม่มีความผันผวน
  10. ลงทุนใน NFT – เพิ่ม NFT ไปยังพอร์ตลงทุนของคุณผ่านตลาดซื้อขาย DeFi

 ผลิตภัณฑ์การลงทุน DeFi ข้างต้นมีลักษณะที่แตกต่างกันในแง่ของความเสี่ยงและผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) เราจะมาอธิบายถึงวิธีการลงทุนใน DeFi เหล่านี้กัน

 เจาะลึกวิธีที่ดีที่สุดในการลงทุนใน DeFi

ทุกการลงทุน DeFi มีความเสี่ยง และวิธีที่คุณเลือกจะเป็นตัวกำหนดประเภทของผลตอบแทนที่คุณจะได้รับ และกำหนดว่าคุณจำเป็นต้องล็อกเหรียญคริปโตของคุณตามจำนวนวันที่กำหนดอย่างไร

หากคุณอยากลงทุนใน DeFi เพื่อเพิ่มผลกำไรที่เป็นไปได้สูงสุด ลองพิจารณาวิธีใดวิธีหนึ่งจาก 10 วิธีที่อธิบายไว้ด้านล่างนี้

 1.ลงทุนใน DeFi Coin – โครงการ DeFi ที่มีการประเมินมูลค่าต่ำกว่าความเป็นจริงในปี 2023

วิธีที่ง่ายและเป็นที่นิยมในการลงทุนในระบบการเงินแบบไร้ศูนย์กลางคือการซื้อเหรียญ DeFi ที่ดีที่สุดให้กับพอร์ตของคุณ ซึ่งหมายความว่าคุณจะลงทุนในโครงการ DeFi โดยถือสกุลเงินดิจิทัลหลัก

เหรียญ DeFi ที่คุณซื้อจะถูกลิสท์บนกระดานซื้อขาย โดยที่บางแห่งเสนอพอร์ตการลงทุนใน DeFi ตามความต้องการเพื่อเป็นการลงทุนในทรัพย์สินคริปโต DeFi ซึ่งเราจะมาอธิบายเพิ่มเติม

ตาม CoinMarketCap ขณะนี้มีเหรียญ DeFi มากกว่า 540 เหรียญที่คุณสามารถซื้อได้ ดังนั้นคุณจะต้องศึกษาข้อมูลเหรียญแต่ละเหรียญเพื่อเลือกเหรียญที่เหมาะสมสำหรับพอร์ตการลงทุนของคุณ

ราคา defi coin วิธีลงทุนใน DeFi

หนึ่งในโครงการที่มีมูลค่าต่ำกว่าความเป็นจริงในปัจจุบันคือ DeFi Coin (DEFC) ซึ่งเปิดตัวในปี 2564 และเป็นเหรียญหลักของกระดาน DeFi Swap ซึ่งเป็นกระดานแลกเปลี่ยนแบบไร้ศูนย์กลางซึ่งมีแอปพลิเคชันและเครื่องมือแบบไร้ศูนย์กลาง (dApps) ที่หลากหลาย

ตัวอย่างเช่น DeFi Swap ให้ผู้ใช้ซื้อและขายโทเค็นดิจิทัลโดยไม่ต้องใช้กระดานแลกเปลี่ยนแบบรวมศูนย์ แพลตฟอร์มนี้ยังให้บริการStaking และการ Farming ที่ให้ผลตอบแทนดอกเบี้ยสูง DeFi Coin นั้นสร้างขึ้นบน Binance Smart Chain และมีระบบการจัดเก็บภาษีที่เป็นนวัตกรรมใหม่ซึ่งจะมีการเก็บค่าปรับนักเก็งกำไรในตลาดระยะสั้น

สัญญาอัจฉริยะจะเป็นตัวกำหนดการจัดเก็บภาษีคำสั่งซื้อขายที่ 10% ตัวอย่างเช่น หากคุณขาย DeFi Coin มูลค่า 5,000 ดอลลาร์ในตลาดเปิด จะต้องเสียภาษี 500 ดอลลาร์ ทำให้คุณเหลือ 4,500 ดอลลาร์ โดยเงิน 500 ดอลลาร์นี้จะถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน และต่อมาจะถูกแจกจ่ายระหว่างผู้ถือโทเค็นและกองทุนสภาพคล่องของ DeFi Coin ด้วยเหตุนี้ นักลงทุนระยะยาวจึงได้รับผลตอบแทนที่ดีกว่า

ลงทุนใน DeFi Coin ตอนนี้

การลงทุนในคริปโตนั้นไม่มีการกำกับดูแล และมีความผันผวนสูง เงินทุนของคุณมีความเสี่ยง 

2. DeFi Staking – สร้างผลตอบแทนโดยการล็อคเหรียญของคุณ

อีกวิธียอดนิยมคือการใช้แพลตฟอร์มที่รองรับการ Staking เหรียญคริปโต แนวคิดหลักของวิธีการลงทุนใน DeFi วิธีนี้คือคุณจะต้อง “ล็อค” เหรียญของคุณในช่วงระยะเวลาหนึ่ง และคุณจะได้รับดอกเบี้ยจากเหรียญที่คุณได้ฝากไว้ การ Staking DeFi จึงเป็นวิธีการง่ายๆ ในการปล่อยให้เหรียญของคุณทำงานสร้างผลกำไรแทนคุณ

มีสองวิธีที่คุณสามารถสร้างกำไรจากการ staking ขั้นแรก คุณสามารถ stake เหรียญของคุณบนบล็อคเชนแบบ PoS (Proof-of-Stake) เช่น Solana หรือ Cardano โดยเหรียญจะถูกล็อคในบล็อคเชนนั้น และถูกนำไปใช้เพื่อตรวจสอบธุรกรรมในภายหลัง แต่ถ้าคุณใช้ PoS blockchain โดยตรง คุณจะไม่ได้ผลตอบแทนสูงสุดเท่าที่ควร

กระดานแลกเปลี่ยน defi - defi swap

คุณควรใช้แพลตฟอร์มในการ staking ต่างๆ ที่มีชื่อเสียงที่ดี และมี APY (อัตราผลตอบแทนต่อปี) ที่สูง โดยหนึ่งในแพลตฟอร์มการเงินแบบไร้ศูนย์กลางที่ดีที่สุดสำหรับจุดประสงค์นี้คือ DeFi Swap

คุณสามารถ stake DeFi Coin ของแพลตฟอร์มและรับผลตอบแทนสูงถึง 75% ในระยะเวลาล็อค 1 ปี หากระยะเวลานี้นานเกินไปสำหรับคุณ ทาง DeFi Swap ยังเมีเงื่อนไขการล็อคแบบ 1, 3 และ 6 เดือนด้วยผลตอบแทนที่ต่ำกว่า โดยแพลตฟอร์มแห่งนี้ไม่มีข้อบังคับในการลงทะเบียนบัญชี ไม่ต้องให้ข้อมูลส่วนบุคคลใดๆ หรืออัปโหลดเอกสาร KYC เมื่อใช้ DeFi Swap เพื่อ staking

ลงทุนใน DeFi Staking ตอนนี้

การลงทุนในคริปโตนั้นไม่มีการกำกับดูแล และมีความผันผวนสูง เงินทุนของคุณมีความเสี่ยง

3. บัญชีออมทรัพย์ DeFi – รับดอกเบี้ยผ่านบัญชีออมทรัพย์ DeFi

คุณสามารถฝากเหรียญคริปโตที่ไม่ได้ใช้งานของคุณเข้าไปในบัญชีออมทรัพย์คริปโต และรับดอกเบี้ย เหมือนกับบัญชีออมทรัพย์แบบดั้งเดิมที่จ่ายดอกเบี้ยเงินฝากเป็นสกุล USD หรือ EUR

บัญชีออมทรัพย์ DeFi นั้นให้ผลตอบแทนสูง ต่างจากบัญชีเงินฝากในสกุล USD และ EUR แบบดั้งเดิม โดยจะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น แพลตฟอร์ม DeFi ที่ใช้ เหรียญที่คุณต้องการฝาก และหากคุณเลือกฝากแบบล็อคตามระยะเวลา บัญชี DeFi บางบัญชียังจ่ายค่าตอบแทนในอัตราที่สูงกว่าเดิมเมื่อคุณล็อคเหรียญดั้งเดิมของแพลตฟอร์มนั้นๆ

aqru

Aqru เป็นผู้ให้บริการบัญชีดอกเบี้ยคริปโตที่สะดวกสบาย โดยทางแพลตฟอร์มเพิ่งลดผลตอบแทนลงในช่วงเดือนพฤษภาคม 2022 หลังจากที่เกิดภาวะราคาตกต่ำ  ผลตอบแทน DeFi อาจได้รับผลกระทบจากการเคลื่อนไหวของตลาด แต่ไม่มีเงื่อนไขการล็อคเหรียญ เงินที่ฝากมีความยืดหยุ่นและนักลงทุนสามารถถอนได้ตลอดเวลาจนกว่าอัตราผลตอบแทนจะฟื้นตัวตามที่ต้องการ

ผู้ที่ใช้ Aqru จะได้รับดอกเบี้ยเงินฝากเข้าบัญชีของตนทุกวัน ซึ่งจะทบต้นเมื่อยอดคงเหลือเพิ่มขึ้น

Aqru รองรับเหรียญ Bitcoin, Ethereum และ Stablecoin USD Coin (USDC) สามารถเปิดบัญชีกับ Aqru ได้อย่างรวดเร็ว และหากคุณไม่มีเหรียญคริปโตใดๆ อยู่ คุณสามารถฝากเงินแบบดั้งเดิมผ่านการโอนเงินผ่านธนาคารหรือบัตรเดบิต/เครดิตได้ ลองไปที่ Aqru.io เพื่อตรวจสอบอัตราผลตอบแทนต่อปีล่าสุด

ลงทุนในบัญชีออมทรัพย์ DeFi ตอนนี้

การลงทุนในคริปโตนั้นไม่มีการกำกับดูแล และมีความผันผวนสูง เงินทุนของคุณมีความเสี่ยง 

4. DeFi Yield Farming – รับส่วนแบ่งจากค่าธรรมเนียมการซื้อขายโดยการจัดหาสภาพคล่อง

วิธี Yield Farming นี้มีกระบวนการค่อนข้างคล้ายกับการ staking โดยคุณจะต้องนำเหรียญคริปโตมาฝากที่กระดานซื้อขาย แต่สิ่งหลักที่แตกต่างคือคุณจะเป็นผู้ให้สภาพคล่องแก่กระดานแลกเปลี่ยน

เนื่องจากสภาพคล่องช่วยให้ผู้ซื้อและผู้ขายสามารถซื้อขายได้โดยไม่ต้องมีบุคคลที่สาม คุณจึงต้องจัดเตรียมเหรียญสำหรับคู่การซื้อขายเฉพาะเอาไว้ ตัวอย่างเช่น สมมติว่าคุณต้องการเพิ่มสภาพคล่องให้กับ CAKE/BNB หมายความว่าคุณจะต้องฝากเหรียญ Pancakeswap (CAKE) และ BNB ในปริมาณที่เท่ากัน

สมมติว่าคุณฝากเหรียญ BNB มูลค่า 1,000 ดอลลาร์ คุณจะต้องฝากเหรียญ CAKE มูลค่า 1,000 ดอลลาร์ด้วย การทำเช่นนี้จะช่วยให้ผู้คนสามารถแลกเปลี่ยน BNB เป็น CAKE ได้แบบไร้ศูนย์กลาง และในทางกลับกัน ผู้ซื้อและผู้ขายแต่ละรายที่ใช้กองทุนสภาพคล่องจะต้องชำระค่าธรรมเนียมการซื้อขายในภายหลัง

Yield Farming DeFi กำไรไหม

ในเมื่อคุณมีส่วนในการฝากเงินที่เพิ่มสภาพคล่องให้กับกองทุน คุณจึงมีสิทธิได้รับส่วนแบ่งค่าธรรมเนียมการซื้อขายใดๆ ที่เรียกเก็บ ตัวอย่างเช่น สมมติว่าคุณฝากเงิน $2,000 ในเหรียญคริปโต โดยแบ่งเท่าๆ กันระหว่าง CAKE และ BNB และโดยรวมแล้ว กอง CAKE/BNB มีสภาพคล่อง $20,000 หมายความว่าส่วนแบ่งของคุณในกองคือ 10%

ดังนั้น หากกลุ่มเก็บค่าธรรมเนียมการซื้อขายได้ $200 ในวันแรก ส่วนแบ่งของคุณจะมีมูลค่า $20 หากคุณกำลังมองหาสที่ที่ดีที่สุดในการลงทุนในกอง farming DeFi ลองใช้ DeFi Swap ที่เราได้แนะนำไปก่อนหน้านี้ โดยแพลตฟอร์มแห่งนี้ให้ผลตอบแทนดอกเบี้ยสูงสำหรับทั้งการ farming และการ staking ในสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรกับผู้ใช้และเชื่อถือได้

ลงทุนใน DeFi Yield Farming ตอนนี้

การลงทุนในคริปโตนั้นไม่มีการกำกับดูแล และมีความผันผวนสูง เงินทุนของคุณมีความเสี่ยง

5. ลงทุนในหุ้น DeFi – ทำกำไรจาก DeFi ผ่านตลาดหุ้น

ตอนนี้คุณสามารถเข้าถึงอุตสาหกรรม DeFi ผ่านตลาดหุ้นแบบดั้งเดิมได้ผ่านการลงทุนในหุ้นที่มีส่วนหรือรูปแบบที่เกี่ยวข้องกับการเติบโตของระบบการเงินแบบไร้ศูนย์กลาง

คุณเพียงแค่ต้องเปิดบัญชีกับนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ที่มีการกำกับดูแล และซื้อหุ้นในจำนวนที่คุณเลือก โดยหนึ่งในแพลตฟอร์มการซื้อขายที่ดีที่สุดสำหรับจุดประสงค์นี้คือ eToro

ลงทุนในหุ้น defi ผ่าน etoro

เนื่องจากคุณสามารถลงทุนในหุ้น DeFi ได้ด้วยการฝากเงินขั้นต่ำเพียง 10 ดอลลาร์ นอกจากนี้ 10 ดอลลาร์ยังเป็นจำนวนเงินขั้นต่ำในการซื้อขายหุ้น เนื่องจาก eToro รองรับหุ้นแบบแบ่งส่วน และไม่ว่าหุ้น DeFi ที่คุณเลือกจะมีการลิสท์อยู่ในตลาดซื้อขายในสหรัฐอเมริกาหรือตลาดซื้อขายระหว่างประเทศ eToro จะไม่เรียกเก็บค่าคอมมิชชั่นการซื้อขายใดๆ จากคุณ

ลงทุนในหุ้น DeFi ตอนนี้

การลงทุนในคริปโตนั้นไม่มีการกำกับดูแล และมีความผันผวนสูง เงินทุนของคุณมีความเสี่ยง

6. สินเชื่อ DeFi ที่ปลอดภัย – ใช้ประโยชน์จากการลงทุน Crypto ของคุณ 50%

ส่วนหลักของการลงทุน DeFi คือสินเชื่อคริปโต ซึ่งต่างจากเงินกู้ทั่วไปตรงที่คุณไม่ต้องไปผ่านธนาคารหรือสถาบันการเงิน คุณสามารถรับเงินกู้ผ่านแพลตฟอร์ม DeFi ชั้นนำได้ ซึ่งหมายความว่าไม่มีบุคคลที่สาม และคุณสามารถกู้สินเชื่อ DeFi ได้ทันทีโดยไม่จำเป็นต้องตรวจสอบเครดิตหรือเอกสารใดๆ

เนื่องจากในการรับเงินกู้ DeFi สิ่งที่คุณต้องทำคือฝากหลักประกันในรูปแบบของเหรียญคริปโต ตัวอย่างเช่น สมมติว่าคุณฝาก Ethereum มูลค่า 5,000 ดอลลาร์ไว้ในไซต์สินเชื่อ DeFi ที่มี LTV 50%

เว็บกู้คริปโตที่ดีที่สุด

หมายความว่าคุณสามารถยืมเงินได้มากถึง 50% ของมูลค่าหลักประกันของคุณ นั่นคือ 2,500 ดอลลาร์ จากนั้น คุณสามารถนำเงินก้อนนี้ไปใช้ลงทุนในโครงการ DeFi อื่นๆ เช่น เหรียญคริปโต หุ้น หรือการ farming ที่ให้ผลตอบแทน นอกจากนี้ คุณยังคงเป็นเจ้าของ Ethereum มูลค่า 5,000 ดอลลาร์ที่คุณฝากไว้เต็มจำนวนเหมือนเดิม

หากมูลค่าของ Ethereum เพิ่มขึ้นในขณะที่ถูกล็อคเป็นหลักประกัน คุณก็จะยังคงได้รับผลตอบแทน ด้วยเหตุนี้ สินเชื่อคริปโตจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดวิธีหนึ่งในการระดมทุนเมื่อลงทุนใน DeFi ในแง่ของแพลตฟอร์ม เราแนะนำ Crypto.com ซึ่งรองรับสินทรัพย์ดิจิทัลมากมายด้วยอัตรา LTV ที่สูงถึง 50% ควบคู่ไปกับอัตราดอกเบี้ยที่น่าพอใจ

ลงทุนในสินเชื่อ DeFi ตอนนี้

การลงทุนในคริปโตนั้นไม่มีการกำกับดูแล และมีความผันผวนสูง เงินทุนของคุณมีความเสี่ยง

7. รับวอลเลต DeFi – จัดเก็บโทเค็นและรับดอกเบี้ยผ่านวอลเลต DeFi

หากคุณกำลังมองหาการลงทุนใน Defi ระยะยาว คุณต้องมีวอลเลต DeFi ที่เหมาะสมเพื่อจัดเก็บเหรียญคริปโตของคุณ โดยวอลเลตส่วนตัว (non-custodial wallet) นั้นช่วยให้มั่นใจได้ว่าคุณเป็นบุคคลเดียวที่สามารถเข้าถึงไพรเวทคีย์ของคุณได้

เราพบว่า Crypto.com มีวอลเลต DeFi ที่ดีที่สุดในตลาด วอลเลตของ Crypto.com ไม่เพียงแต่มีสถานที่จัดเก็บที่ปลอดภัยเท่านั้น แต่คุณสามารถเข้าถึงบริการ DeFi ได้หลากหลายอีกด้วย

defi wallet ที่ดีที่สุด

คุณจะสามารถส่งและรับเหรียญ DeFi ได้โดยคลิปปุ่มเดียว และไม่ต้องได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานบุคคลที่สาม คุณยังสามารถรับดอกเบี้ยจากเหรียญ DeFi มากกว่า 35 เหรียญได้โดยไม่จำเป็นต้องล็อคเหรียญของคุณ ควบคู่ไปกับการเข้าถึงเครื่องมือในการ staking โดยตรง คุณสามารถดาวน์โหลดแอปวอลเลต Crypto.com DeFi สำหรับ iOS และ Android ได้ฟรี

รับวอลเลต DeFi ตอนนี้

การลงทุนในคริปโตนั้นไม่มีการกำกับดูแล และมีความผันผวนสูง เงินทุนของคุณมีความเสี่ยง 

8. ลงทุนใน DeFi Smart Portfolio – พอร์ตการลงทุนใน DeFi ที่สร้างไว้ล่วงหน้าและบริหารจัดการในนามของคุณ

หากคุณเป็นมือใหม่ที่ไม่มีประสบการณ์เลย หนึ่งในตัวเลือกที่ดีที่สุดคือการลงทุนในพอร์ตการลงทุนอัจฉริยะสำหรับ Defi ที่ eToro นำเสนอ

การลงทุนในพอร์ตการลงทุนอัจฉริยะบนแพลตฟอร์ม eToro ช่วยให้คุณเข้าถึง DeFi ได้โดยไม่ต้องเลือกสินทรัพย์หรือตลาดของคุณเอง เนื่องจากในการเทรด คุณจะได้ลงทุนในพอร์ตการลงทุนสำเร็จรูปที่เน้นไปที่เหรียญ DeFi ชั้นนำต่างๆ

etoro defi smart portfolio

ซึ่งรวมถึงเหรียญอย่าง Compound, Yearn.finance และ Decentraland ไปจนถึง Basic Attention Token, Maker และ Chainlink พอร์ตของคุณจะได้รับการจัดการและดูแลโดยทีม eToro ในนามของคุณ ซึ่งหมายความว่าเหรียญ DeFi ภายในพอร์ตของคุณจะได้รับการปรับสมดุลเป็นประจำ

การลงทุนขั้นต่ำในพอร์ตการลงทุนอัจฉริยะบน eToro คือ 500 ดอลลาร์ และไม่มีค่าบำรุงรักษาต่อเนื่อง คุณสามารถถอนเงินจากการลงทุนของคุณได้ตลอดเวลา รวมถึงเพิ่มหรือถอดสินทรัพย์ในพอร์ตของคุณได้ด้วยการคลิกเพียงปุ่มเดียว

ลงทุนใน DeFi Smart Portfolio ตอนนี้

การลงทุนในคริปโตนั้นไม่มีการกำกับดูแล และมีความผันผวนสูง เงินทุนของคุณมีความเสี่ยง

9. ถือ Stablecoins – รับผลตอบแทนจาก DeFi โดยไม่มีความผันผวน

ปัญหาหลักอย่างหนึ่งที่นักลงทุนที่ไม่มีประสบการณ์ต้องเจอใน DeFi ก็คือระดับความผันผวนอาจสูงมาก และหากมูลค่าของเหรียญที่เกี่ยวข้องลดลงอย่างมาก คุณก็อาจจะต้องสูญเสียเงิน

นี่เป็นเหตุผลที่การลงทุนใน stablecoin เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ การเปิดบัญชีดอกเบี้ย DeFi ที่รองรับ stablecoin คุณจะได้รับผลประโยชน์จากผลตอบแทนระดับสูงโดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับความผันผวนของราคา เพราะว่า Stablecoin นั้นเชื่อมโยงกับสกุลเงินทั่วไป เช่น ดอลลาร์สหรัฐหรือยูโร ตัวอย่างเช่น USD Coin จะมีมูลค่า $1 เสมอ

Stablecoins นั้นก็มีความเสี่ยงอยู่บ้าง ดังที่เราเห็นในกรณีของ Terra USD ล่าสุด สำหรับผู้ที่ไม่รู้ Terra USD ได้สูญเสียการตรึงราคากับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ และราคาเหรียญได้ร่วงแตะระดับต่ำสุดที่ 0.20 ดอลลาร์ แต่หากเรามุ่งเน้นไปที่ Stablecoin ที่มั่นคง เช่น DAI หรือ USD Coin คุณจะได้รับอัตราดอกเบี้ยที่น่าดึงดูดใจสูงถึง 12% ที่แพลตฟอร์มชั้นนำ Aqru และไม่จำเป็นต้องล็อคเหรียญของคุณแต่อย่างใด

ลงทุนในบัญชี Stablecoin DeFi ตอนนี้

การลงทุนในคริปโตนั้นไม่มีการกำกับดูแล และมีความผันผวนสูง เงินทุนของคุณมีความเสี่ยง 

10. ลงทุนใน NFT – เพิ่ม NFT ไปยังพอร์ตลงทุนของคุณผ่านตลาดซื้อขาย DeFi

NFT คือโทเค็นดิจิทัลที่ไม่ซ้ำกันซึ่งสามารถพิสูจน์ความเป็นเจ้าของสิ่งต่างๆ ได้ โดยอาจเป็นอะไรก็ได้ตั้งแต่บ้านหรือเพลงประกอบ ไปจนถึงคอลเลคชันงานศิลปะ และ NFT เป็นหนึ่งในกลุ่มอุตสาหกรรม DeFi ที่เติบโตเร็วที่สุด

เมื่อคุณซื้อ NFT และเพิ่มลงในวอลเลตของคุณ คุณจะเป็นคนเดียวที่สามารถเข้าถึงสิ่งของที่คุณซื้อมาได้ นอกจากนี้ เมื่อใช้วอลเลต DeFi คุณจะยังคงสามารถควบคุมไพรเวทคีย์ของคุณได้อย่างสมบูรณ์ และหนึ่งในการลงทุน NFT ที่ดีที่สุดในตลาดขณะนี้คือการลงทุนใน Lucky Block

แพลตฟอร์มเกมคริปโตนี้ได้มีการเปิดตัว NFT กว่า 10,000 ชิ้น ผ่านตลาด NFT แต่ละรายการมีมูลค่าเทียบเท่า WBNB ที่ 1,500 ดอลลาร์ และคุณจะมีสิทธิ์จับรางวัลคริปโตรายวันตลอดชีพ หากหมายเลขที่ออกเป็นหมายเลข NFT ของคุณ คุณจะได้รับเงินรางวัลแจ็กพอต 2% และเมื่อขายคอลเลกชัน Lucky Block NFT แล้ว คุณยังมีตัวเลือกในการซื้อเหรียญคริปโตอื่นๆ ในตลาดออนไลน์อีกด้วย

ลงทุนใน Lucky Block NFT ตอนนี้

การลงทุนในคริปโตนั้นไม่มีการกำกับดูแล และมีความผันผวนสูง เงินทุนของคุณมีความเสี่ยง

DeFi เป็นการลงทุนที่ดีหรือไม่

เทคโนโลยีคริปโตเคอร์เรนซีและบล็อคเชนนั้นคาดว่าจะมาปฏิวัติอุตสาหกรรมและภาคส่วนต่างๆ รวมถึงตลาดบริการทางการเงินแบบดั้งเดิม

  • ในอนาคต บริการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน สินเชื่อ ข้อตกลงนายหน้า ประกันภัย และอื่นๆ จะสามารถทำได้โดยไม่ต้องใช้ผู้ให้กู้หรือธนาคารแบบดั้งเดิม
  • และบริการเหล่านี้สามารถทำได้ในลักษณะไร้ศูนย์กลางผ่านผู้ให้บริการ DeFi
  • ในด้านการลงทุน เราสามารถรับดอกเบี้ยจากเงินทุนผ่านบัญชีออมทรัพย์คริปโต การทำ Yield Farming การ Staking และอื่นๆ
  • คุณยังสามารถกู้เหรียญคริปโตได้ทันทีโดยไม่ต้องตรวจสอบเครดิตหรือเอกสาร

DeFi สามารถเป็นตัวแทนของพอร์ตการลงทุนที่มีศักยภาพสูง คุณสามารถลงทุนใน DeFi ผ่านช่องทางและแพลตฟอร์มยอดนิยมมากมาย มีผลิตภัณฑ์ DeFi มากมายที่ช่วยให้คุณได้รับดอกเบี้ย ซึ่งแต่ละผลิตภัณฑ์มีความเสี่ยงและผลตอบแทนที่แตกต่างกัน

การล่มสลายของเหรียญ Terra (LUNA) ในเดือนพฤษภาคม 2022 และการปรับฐานของบิตคอยน์ต่ำกว่า 30,000 ดอลลาร์ ทำให้มูลค่าตลาดของคริปโตและ DeFi ลดลง ทำให้นี่เป็นช่วงเวลาที่ดีในการลงทุนในราคาที่ต่ำ

จะลงทุนใน DeFi ได้ที่ไหน?

หากคุณต้องการลงทุนใน DeFi เราพบว่า DeFi Swap เป็นแพลตฟอร์มโดยรวมที่ดีที่สุดในการเข้าถึง Defi ในลักษณะที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้

DeFi Swap – แพลตฟอร์มการลงทุนใน DeFi ที่ดีที่สุดโดยรวมสำหรับปี 2023

DeFi Swap เป็นแพลตฟอร์มที่สร้างขึ้นบน Binance Smart Chain จึงสามารถทำธุรกรรมได้อย่างรวดเร็วและด้วยต้นทุนต่ำ รวมถึงคุณจะสามารถเข้าถึงเครื่องมือการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงได้หลากหลาย

  • ขั้นแรก คุณอาจใช้ฟีเจอร์ Farming เหรียญคริปโต ซึ่งช่วยให้คุณสามารถจัดหาสภาพคล่องสำหรับการแลกเปลี่ยนแบบไร้ศูนย์กลาง
  • โดยในแต่ละธุรกรรม คุณจะได้รับส่วนแบ่งค่าธรรมเนียมการซื้อขาย
  • คุณยังมีโอกาสรับผลตอบแทนต่อปีสูงถึง 75% ผ่านฟังก์ชั่นการ Staking DeFi Swap
  • มีตัวเลือกระยะเวลาการล็อค 4 ตัวเลือกคือ 30, 90, 180 และ 365 วัน

คุณยังสามารถใช้ DeFi Swap เพื่อเปลี่ยนเหรียญหนึ่งเป็นเหรียญอื่นได้ทันที โดยไม่ต้องใช้กระดานแลกเปลี่ยนคริปโต

บนแพลตฟอร์ม DeFi Swap ธุรกรรมทุกอย่างจะดำเนินการผ่านสัญญาอัจฉริยะที่ตรวจสอบแล้วและไม่เปลี่ยนแปลง หากคุณเลือกใช้เครื่องมือการ Farming หรือเครื่องมือการ Staking เหรียญของคุณจะถูกส่งคืนไปยังวอลเลตของคุณโดยอัตโนมัติเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาล็อคที่เกี่ยวข้อง

เราแนะนำ DeFi Swap เพราะมีการผูกกับ DeFi Coin ที่ให้ผลตอบแทนแก่ผู้ถือครองระยะยาวด้วยส่วนแบ่ง 50% ของภาษีที่เรียกเก็บจากคำสั่งขาย และจัมีแอปมือถือสำหรับ iOS และ Android รวมถึงพื้นที่สำหรับ NFT ที่จะให้บริการในปี 2022

ข้อดี

  • เป็นแพลตฟอร์ม DeFi ที่ดีที่สุดในตลาดโดยรวม
  • ให้ผลตอบแทนสูง
  • หนึ่งในแอป DeFi ที่ดีที่สุดในตลาด
  • รองรับการ Farming เหรียญคริปโตและการจัดหาสภาพคล่อง
  • ไร้ศูนย์กลาง 100% – แพลตฟอร์มได้รับการสนับสนุนโดยสมาร์ทคอนแทร็ค
  • ตลาด NFT และแอปมือถือจะมีให้บริการในเร็วๆ นี้
  • มีการผูกกับ DeFi Coin เหรียญคริปโตที่มีการเติบโตสูงสุด

ข้อควรพิจารณา

  • ยังไม่เป็นที่ยอมรับเท่าแพลตฟอร์ม DeFi อื่นๆ

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ DeFi Swap

การลงทุนในคริปโตนั้นไม่มีการกำกับดูแล และมีความผันผวนสูง เงินทุนของคุณมีความเสี่ยง 

บทสรุป

บทความนี้ครอบคลุมวิธีการลงทุนใน Defi บางส่วน แต่ก็ยังมีวิธีอื่นๆ อีกมากมาย

วิธีที่ดีที่สุดโดยรวมในการลงทุนใน Defi คือการเพิ่มโทเค็น DeFi ลงในพอร์ตลงทุนของคุณ เราแนะนำ DeFi Coin (DEFC) ซึ่งผูกกับ DeFi Swap แพลตฟอร์มแบบกระจายอำนาจ คุณสามารถซื้อ DeFi Coin ได้ในราคาเริ่มต้นที่ต่ำในปัจจุบันจาก DeFi Swap, Bitmart หรือ Pancakeswap

ไปยังเว็บไซต์ DeFi Coin

การลงทุนในคริปโตนั้นไม่มีการกำกับดูแล และมีความผันผวนสูง เงินทุนของคุณมีความเสี่ยง

Categories
Bitcoins Crypto News คู่มือ DeFi สำหรับมือใหม่ คู่มือคริปโต

5 แพลตฟอร์ม DeFi Staking ที่ดีที่สุด 2023 – วิธีการ Stake เหรียญ DeFi

ระบบการเงินไร้ศูนย์กลาง หรือ Decentralized finance (DeFi) เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในโลกคริปโตเคอเรนซี่ โดย DeFi สามารถทำทุกอย่างได้เหมือนระบบการเงินแบบดั้งเดิม เพียงแต่ใช้คริปโตเคอเรนซี่ คุณจึงสามารถให้กู้ ปล่อยกู้ และแม้กระทั่งรับดอกเบี้ยผ่านการ Stake เหรียญของคุณได้

ในบทความนี้ เราจะอธิบายทุกสิ่งที่คุณจำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับวิธีการ Stake เหรียญ DeFi เพื่อรับดอกเบี้ย คุณควร Staking ที่ไหน stake เหรียญอะไรดี พร้อมทั้งบอกข้อดีและความเสี่ยงของการ Staking และแนะนำ 5 แพลตฟอร์ม DeFi Staking ที่ดีที่สุดในปัจจุบัน

5 แพลตฟอร์ม Defi Staking ที่ดีที่สุดในปี 2023

เราได้ตรวจสอบแพลตฟอร์ม DeFi Staking จำนวนมาก ซึ่งนักลงทุนหลายคนอาจมีคำถามว่าจะ stake เหรียญที่ไหนดี และต่อไปนี้คือ 5 แพลตฟอร์ม DeFi Staking ที่ดีที่สุดที่เราอยากแนะนำ:

  1. DeFi Swap – แพลตฟอร์ม DeFi Staking โดยรวมที่ดีที่สุด
  2. Aqru – รับผลตอบแทนต่อปีสูงถึง 12% จาก Stablecoin
  3. PrimeXBT – แพลตฟอร์มยอดนิยมที่คิดค่าธรรมเนียมต่ำ
  4. Nexo – รับดอกเบี้ยโบนัส 2% เมื่อคุณได้รับดอกเบี้ยใน NEXO
  5. Youhodlr – Stake สินทรัพย์หลากหลายรูปแบบได้ในแพลตฟอร์มเดียว

Stake เหรียญ DeFi ที่ DeFi Swap

คริปโตเป็นผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ไม่มีการควบคุมซึ่งมีความผันผวนสูง เงินทุนของคุณมีความเสี่ยง

แนะนำ 5 แพลตฟอร์มสำหรับ DeFi Staking ยอดนิยม

สำหรับนักลงทุนต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมว่าจะทำ defi staking ที่ไหนดี เราจะอธิบายว่าทำไมแต่ละแพลตฟอร์มเหล่านี้จึงมีความโดดเด่น ข้อดีของการ staking และเหตุใดคุณจึงควรพิจารณาใช้แพลตฟอร์มเหล่านี้เพื่อ Stake เหรียญคริปโตของคุณ

1. DeFi Swap – แพลตฟอร์ม DeFi Staking โดยรวมที่ดีที่สุด

DeFi Swap คือแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตใหม่ล่าสุดและเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์ม DeFi Staking ที่ดีที่สุดในขณะนี้ เป้าหมายของแพลตฟอร์มคือการเป็นศูนย์รวมที่ครบวงจรสำหรับระบบการเงินแบบไร้ศูนย์กลาง ตัวกระดานเทรดนั้นมีการกระจายอำนาจอย่างสมบูรณ์และมีเหรียญ DeFi Coin (DEFC) เป็นเหรียญหลักของแพลตฟอร์ม

ใน DeFi Swap ผู้ถือเหรียญสามารถ Stake DeFi Coin และรับดอกเบี้ยสูงถึง 75% ต่อปี ทำให้นี่เป็นหนึ่งในอัตราดอกเบี้ย DeFi ที่ดีที่สุดในตลาด โดยไม่มีการจำกัดว่าคุณสามารถ Stake เหรียญได้มากน้อยเพียงใด คุณสามารถซื้อ DeFi Coin ได้ผ่าน DeFi Swap โดยการแลกเปลี่ยนกับเหรียญคริปโตยอดนิยมต่างๆ

DeFi Swap defi staking ที่ไหนดี stake เหรียญที่ไหนดี Staking ที่ไหน

ปัจจุบัน DeFi Swap มีระยะเวลาล็อคเหรียญ 4 ช่วง: โดยการล็อคเหรียญ 30 วันจะได้รับ APY 30%, 90 วันรับ 45%, 180 วันรับ 60% และ 360 วันรับ 75% ระยะเวลาการล็อคเหรียญนั้นค่อนข้างนานเมื่อเทียบกับแพลตฟอร์มสำหรับการ Staking อื่นๆ แต่ก็หาอัตราดอกเบี้ยที่สูงเช่นนี้ได้ยากเช่นกัน และ DeFi Coin ยังเป็นเหรียญที่มีศักยภาพ หลังจากเปิดตัว DeFi Swap มูลค่าของเหรียญก็เพิ่มขึ้นกว่า 500%

อีกเหตุผลหนึ่งที่น่าสนใจในการล็อคเหรียญ DeFi Coin และรับดอกเบี้ย คือ DeFi Swap เรียกเก็บค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม 10% ทุกครั้งที่มีคนขาย DEFC ซึ่งค่าธรรมเนียมดังกล่าวออกแบบมาเพื่อกระตุ้นให้มีการลงทุนระยะยาวใน DeFi Coin และค่าธรรมเนียมทั้งหมดที่ได้รับจากการขายจะถูกแจกจ่ายเป็นรางวัลให้กับผู้ถือเหรียญปัจจุบัน

ข้อดี

  • อัตราดอกเบี้ยต่อปีสูงถึง 75%
  • เลือกช่วงเวลาล็อคเหรียญได้ 4 ช่วง
  • DeFi Coin มีมูลค่าเพิ่มขึ้น 500% หลังจากเปิดตัวแพลตฟอร์ม
  • มีค่าธรรมเนียมการขายที่ส่งเสริมการถือเหรียญระยะยาว

ข้อเสีย

  • รับเฉพาะเหรียญ DeFi Coin สำหรับการ Staking
  • ไม่มีแอปมือถือให้ใช้งาน

Stake เหรียญ DeFi ที่ DeFi Swap

คริปโตเป็นผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ไม่มีการควบคุมซึ่งมีความผันผวนสูง เงินทุนของคุณมีความเสี่ยง

2. Aqru – รับผลตอบแทนต่อปีสูงถึง 12% จาก Stablecoin

Aqru เป็นอีกหนึ่งแพลตฟอร์ม DeFi ที่ดีที่สุดในปี 2023 และทำให้การเริ่มต้นรับดอกเบี้ยเป็นเรื่องง่าย บนแพลตฟอร์มนี้ คุณไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของเหรียญคริปโตเพื่อการ Staking โดย Aqru รับการฝากเงินด้วยบัตรเครดิต บัตรเดบิต และการโอนเงินผ่านธนาคาร นอกเหนือจากการโอนเหรียญคริปโต หากคุณฝากเงินแบบดั้งเดิม Aqru จะแลกเปลี่ยนเงินของคุณเป็นเหรียญคริปโตที่คุณต้องการ Stake โดยอัตโนมัติ

ปัจจุบันแพลตฟอร์มแห่งนี้ให้บริการ Staking เหรียญคริปโต 5 เหรียญคือ Bitcoin, Ethereum, USD Coin, Tether และ DAI คุณจะได้รับผลตอบแทนต่อปี 12% จากเหรียญ Stablecoin 3 เหรียญ และ 7% สำหรับ Bitcoin หรือ Ethereum

Aqru defi staking

ที่สำคัญ บัญชีดอกเบี้ยคริปโตของ Aqru นั้นไม่มีการล็อคเหรียญ ดังนั้นคุณจึงสามารถเปลี่ยนพอร์ตลงทุนของคุณระหว่างเหรียญคริปโต 5 เหรียญเหล่านี้หรือถอนเงินของคุณได้ตลอดเวลา นอกจากนี้ Aqru ยังจ่ายดอกเบี้ยทุกวัน ซึ่งเป็นการช่วยเร่งอัตราทบต้นผลตอบแทนจากการ Stake ของคุณ

Aqru ไม่คิดค่าธรรมเนียมในการถอนเงินแบบดั้งเดิม และมีค่าธรรมเนียมเล็กน้อยสำหรับการถอนเหรียญคริปโต การถอนจะใช้เวลาประมาณ 24 ชั่วโมง ตอนนี้ เมื่อคุณสมัครใช้งาน Aqru แพลตฟอร์มจะให้ 10 USDT เป็นโบนัสแก่คุณสำหรับการทดลองใช้แพลตฟอร์ม และให้โบนัส 75 USDT สำหรับผู้ที่บอกต่อและชักชวนคนอื่นให้มาใช้แพลตฟอร์มแห่งนี้

ดูบทความแนะนำ Aqru ของเราสำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม

ข้อดี

  • ผลตอบแทน APY 12% จากเหรียญ USDT, USDC และ DAI
  • รับชำระเงินด้วยสกุลเงินดั้งเดิม
  • ไม่มีการล็อคเหรียญ
  • ไม่มีค่าธรรมเนียมการถอนเงินแบบดั้งเดิม

ข้อเสีย

  • มีตัวเลือกเหรียญในการ Stake ที่จำกัด

Stake เหรียญ DeFi ที่ Aqru

คริปโตเป็นผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ไม่มีการควบคุมซึ่งมีความผันผวนสูง เงินทุนของคุณมีความเสี่ยง

3. PrimeXBT – แพลตฟอร์ม DeFi ยอดนิยมที่คิดค่าธรรมเนียมต่ำ

PrimeXBT เป็นแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตที่ให้บริการใน 152 ประเทศ โดมีเหรียญคริปโตหลากหลายรูปเช่นเหรียญหลักๆ อย่าง Bitcoin หรือ Ethereum และที่สำคัญคือมีข้อกำหนดด้านการฝากเงินขั้นต่ำเพียง 0.01 บิทคอยน์ และค่าธรรมเนียมในการเทรดเริ่มต้นที่ต่ำที่สุดที่เพียง 0.0001% เท่านั้น

PrimeXBT มีตัวช่วยในการเทรดที่น่าสนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องมือพื้นฐานอย่างเลเวอเรจบิทคอยน์ แผนภูมิราคาสกุลเงินคริปโต รวมถึงฟังก์ชันคัดลอกการเทรด ที่สำคัญคือมีแอป DeFi ให้ดาวน์โหลดบนระบบ iOS และ Android อีกด้วย

PrimeXBT  defi staking ที่ไหนดี

ข้อดี

  • ค่าธรรมเนียมต่ำ
  • ไม่ต้องยืนยัน KYC

ข้อเสีย

  • ไม่เปิดให้บริการในบางประเทศ

Stake เหรียญ DeFi ที่ PrimeXBT

คริปโตเป็นผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ไม่มีการควบคุมซึ่งมีความผันผวนสูง เงินทุนของคุณมีความเสี่ยง

4. Nexo – รับดอกเบี้ยโบนัส 2% เมื่อคุณได้รับดอกเบี้ยใน NEXO

nexo stake เหรียญที่ไหนดี

Nexo เป็นแพลตฟอร์มสำหรับการ Staking และการกู้ยืมคริปโตชั้นนำที่มอบสิทธิพิเศษที่ยอดเยี่ยมโดยอิงอิงกับเหรียญ NEXO ซึ่งเป็นเหรียญหลักของแพลตฟอร์ม โดยระบบความภักดีของแพลตฟอร์มแห่งนี้มี 4 ระดับ ซึ่งขึ้นอยู่กับจำนวนเหรียญ NEXO ที่คุณถือครองอยู่ในพอร์ตลงทุนของคุณ โดยหากต้องการไปถึงระดับแพลตตินัม ยอดการถือครองเหรียญอย่างน้อย 10% ในบัญชีของคุณจะต้องเป็นเหรียญ NEXO

นักลงทุนที่มีบัญชีระดับแพลตตินัมจะได้รับอัตราดอกเบี้ยต่อปีสูงถึง 10% สำหรับ stablecoin และ 7% สำหรับเหรียญคริปโตอื่นๆ นอกจากนี้ หากคุณเลือกรับการจ่ายดอกเบี้ยเป็นเหรียญ NEXO แทนที่จะเป็นเหรียญที่คุณ Staking คุณจะได้รับดอกเบี้ยโบนัสอีก 2%

Nexo stake เหรียญที่ไหนดี

Nexo ไม่กำหนดให้คุณต้องล็อคเหรียญของคุณเมื่อทำการ Staking และจ่ายดอกเบี้ยทั้งหมดทุกวัน ดังนั้น Nexo จึงมอบศักยภาพในการทบต้นที่ยืดหยุ่นและความสามารถในการปรับเปลี่ยนเหรียญได้อย่างรวดเร็วเมื่อสภาวะตลาดเปลี่ยนแปลง

Nexo เปิดให้ Staking คริปโตเคอเรนซี่ที่หลากหลาย รวมถึง Bitcoin, Ethereum, Litecoin, Ripple, EOS, Solana, BNB, Avalanche, Terra และอีกมากมาย คุณยังสามารถกู้ยืมเหรียญโดยเทียบกับมูลค่าของเหรียญที่คุณ Stake ไว้ ทำให้แพลตฟอร์มนี้เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการหารายได้พร้อมรับโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนมากขึ้น

ข้อดี

  • ผลตอบแทนต่อปีสูงถึง 10% สำหรับ Stablecoin
  • รับดอกเบี้ยโบนัส 2% หากเลือกรับผลตอบแทนเป็นเหรียญ NEXO
  • สามารถ Stake เหรียญคริปโตได้หลากหลาย
  • จ่ายดอกเบี้ยทุกวัน

ข้อเสีย

  • ต้องถือเหรียญ NEXO เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่ดีที่สุด
  • ระบบ loyalty อาจเป็นเรื่องยุ่งยาก

Stake เหรียญ DeFi ที่ Nexo

คริปโตเป็นผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ไม่มีการควบคุมซึ่งมีความผันผวนสูง เงินทุนของคุณมีความเสี่ยง

5. Youhodlr – Stake สินทรัพย์หลากหลายรูปแบบได้ในแพลตฟอร์มเดียว

YouHodler เป็นแพลตฟอร์มของสวิสที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2017 โดยมีจุดประสงค์เพื่อทำให้การ Staking DeFi เป็นเรื่องง่ายและเข้าถึงได้ โดยมีผู้ใช้มากกว่า 150,000 รายทั่วโลกที่ได้รับผลตอบแทนจาก YouHodler 

แพลตฟอร์มแห่งนี้เน้นไปที่การลงทุนระยะยาว จึงมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดีที่สุด ด้วยเทคโนโลยี Ledger Vault ในตัว นักลงทุนสามารถเลือกตัวเลือกการดูแลทรัพย์สินที่หลากหลายเพื่อเพิ่มการป้องกันให้กับบัญชีของตน นอกจากนี้ YouHodler ยังเป็นเจ้าของประกันการป้องกันอาชญากรรม ซึ่งคุ้มครองทรัพย์สินมูลค่าสูงถึง 150 ล้านดอลลาร์

Youhodlr Staking ที่ไหนดี Stake เหรียญ

นอกเหนือจากการเสนอการกู้ยืมแล้ว นักลงทุนยังสามารถได้รับดอกเบี้ยจากการถือครองคริปโตได้สูงถึง 15% และยังสามารถรับดอกเบี้ยจากสินทรัพย์ต่างๆ ได้มากกว่า 50 รายการ แต่อัตราดอกเบี้ยจะแตกต่างกันไป

ดอกเบี้ยจะทบต้นและจ่ายเป็นรายสัปดาห์ และนักลงทุนสามารถถอนเหรียญของตนได้ทุกเมื่อหรือเก็บไว้ได้นานเท่าที่ต้องการ

YouHodler เป็นแพลตฟอร์มขนาดเล็กแต่ทรงพลัง และยังเติบโตอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์ม Staking DeFi ที่ดีที่สุดในตลาดและมีศักยภาพอย่างมาก

ข้อดี

  • มีการรักษาความปลอดภัยที่ดีเยี่ยม
  • ผลตอบแทนที่มีเสถียรภาพที่ดี
  • มีทรัพย์สินมากมายให้เลือก
  • กระบวนการต่างๆ เข้าใจง่าย

ข้อเสีย

  • ไม่มีสถิติให้ดู
  • อัตราดอกเบี้ยของสินทรัพย์ต่างๆ แตกต่างกันค่อนข้างมาก

Stake เหรียญ DeFi ที่ YouHodler

คริปโตเป็นผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ไม่มีการควบคุมซึ่งมีความผันผวนสูง เงินทุนของคุณมีความเสี่ยง

เปรียบเทียบแพลตฟอร์ม DeFi Staking ที่ดีที่สุด

แพลตฟอร์ม DeFi Stakingเหรียญที่สามารถ Stakingอัตราผลตอบแทนสูงสุด
DeFi SwapDEFC75%
AqruBTC, ETH, USDC, USDT, DAIBTC/ETH: 7%Stablecoin: 12%
PrimeXBTETH, USDT และ USDC7.33%
NexoBTC, ETH, LTC, XRP, EOS, XLM, BCH, USDT, USDC, TUSD, DAI, USDP, UST, LINK, TRX, PAXG, BNB, DOT, DOGE, ADA, MATIC, AXS, SOL, AVAX, LUNA, FTM, ATOM, KSM, NEAR, APE, NEXOคริปโตเคอเรนซี่: 7%Stablecoin: 10%
YouHodler50+BTC/ETH: 6.8% / 6.5%Stablecoin: 12.3%

กระบวนการ DeFi Staking ทำงานอย่างไร

DeFi Staking เป็นการล็อคเหรียญของคุณไว้กับบล็อคเชนเป็นระยะเวลาหนึ่ง เมื่อคุณล็อคเหรียญของคุณกับบล็อคเชน ทางผู้ใช้บล็อคเชน (ซึ่งเรียกว่าผู้ตรวจสอบความถูกต้อง) จะสามารถใช้เหรียญของคุณเพื่อตรวจสอบธุรกรรมใหม่ๆบนบล็อคเชนนั้นได้

เมื่อธุรกรรมใหม่ได้รับการตรวจสอบแล้ว บล็อคเชนจะปล่อยเหรียญใหม่ เหรียญใหม่เหล่านี้บางส่วนจะมอบให้ผู้ตรวจสอบความถูกต้องเพื่อเป็นรางวัลสำหรับการทำงานของพวกเขา และบางส่วนก็มอบให้ผู้ Stake เป็นการจ่ายดอกเบี้ยสำหรับการให้ยืมเหรียญเพื่อให้กระบวนการทั้งหมดดำเนินไปได้

ดังนั้น DeFi Staking จึงเป็นวิธีการสร้างรายได้จากคริปโตเคอเรนซี่ที่คุณมีอยู่แล้ว โดยทำให้เหรียญคริปโตของคุณทำงานให้คุณ สร้างรายได้ที่มั่นคงโดยที่คุณไม่ต้องขายเหรียญของคุณ ซึ่งมักเรียกกันว่าการทำ DeFi Yield Farming

เคยสงสัยหรือไม่ว่าการทำ Yield Farming vs Staking แตกต่างกันอย่างไร

สำหรับคนที่ยังไม่รู้ว่าการ stake เหรียญคืออะไร นี่คือวิธีการลงทุนที่คุณต้อง Stake เหรียญของคุณอย่างน้อยหนึ่งวันเพื่อเริ่มรับดอกเบี้ย หากคุณเลือกแพลตฟอร์มหรือตัวเลือกในการ Stake ที่ช่วยให้การ Stake มีความยืดหยุ่น คุณจะสามารถถอนเหรียญของคุณได้ทุกเมื่อ นี่เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับเหรียญที่มีความผันผวน เนื่องจากคุณอาจต้องการถอนเหรียญออกจากการ Stake และสลับไปใช้เหรียญอื่น

หากคุณเลือกที่จะทำการล็อคเหรียญ เหรียญของคุณจะถูกล็อคไว้ตลอดระยะเวลาที่เลือกก่อนที่จะได้รับดอกเบี้ย ซึ่งโดยทั่วไป ยิ่งคุณล็อคเหรียญเป็นเวลานานเท่าไร อัตราดอกเบี้ยก็ยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น แต่พึงระลึกไว้เสมอว่าคุณก็จะรับความเสี่ยงที่มากขึ้นหากราคาเหรียญของคุณลดลงในขณะที่กำลัง Stake เอาไว้

ดอกเบี้ยจากการ Stake สามารถจ่ายเป็นรายวัน รายสัปดาห์ หรือรายเดือน ซึ่งโดยทั่วไป การจ่ายดอกเบี้ยรายวันจะดีที่สุดสำหรับนักลงทุนคริปโต เนื่องจากคุณสามารถเอาดอกเบี้ยที่ได้รับไป Stake ต่อได้ ดังนั้นจำนวนเงินที่คุณ Stake และผลตอบแทนที่เป็นไปได้จึงมีการทบต้นทุกวัน

แพลตฟอร์ม DeFi Staking ใดมีอัตราผลตอบแทนดีที่สุด?

แพลตฟอร์ม DeFi Staking ที่ดีที่สุดไม่เพียงแต่มีเหรียญที่หลากหลายให้เลือก Stake เท่านั้น แต่ยังมีอัตราดอกเบี้ยที่สูงอีกด้วย ตัวเลือกอันดับต้นๆ ของเราคือ DeFi Swap ที่ให้อัตราดอกเบี้ยต่อปีเริ่มต้นที่ 30% และสูงถึง 75% เมื่อคุณ Stake DeFi Coin (เหรียญหลักของแพลตฟอร์ม DeFi Swap)

อัตราดอกเบี้ยจากการ Staking จะแตกต่างกันไปตามปัจจัยต่างๆ อันดับแรกคือเหรียญที่คุณ Stake โดยเหรียญที่มีความต้องการในการตรวจสอบที่สูง มักจะเสนออัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่า คุณยังสามารถค้นหาอัตราดอกเบี้ยที่แตกต่างกันสำหรับเหรียญเดียวกันบนแพลตฟอร์มต่างๆ ได้

อัตราดอกเบี้ยจากการ Stake ยังขึ้นอยู่กับว่าคุณเลือกระยะเวลาการ Stake ที่ยืดหยุ่นหรือระยะเวลาการล็อคเหรียญที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ยิ่งระยะเวลาล็อคเหรียญนานขึ้น อัตราดอกเบี้ยที่คุณจะได้รับก็สูงขึ้นด้วย

โปรดทราบว่าการทำ DeFi Staking นั้นมีความเสี่ยง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณเลือกช่วงเวลาล็อคเหรียญและใช้เหรียญที่มีความผันผวน หากมูลค่าของเหรียญที่คุณ Stake ลดลงในช่วงระยะเวลาที่คุณ Staking ก็อาจทำให้คุณขาดทุนได้แม้ว่าจะได้รับดอกเบี้ย ในทางกลับกัน ก็มีโอกาสที่เหรียญของคุณจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจทำให้คุณได้รับเงินมากขึ้น

มีเหรียญ DeFi ใดบ้างที่สามารถนำไป Staking ได้

มีเหรียญ DeFi ให้เลือก Staking แตกต่างกันไปในแต่ละแพลตฟอร์ม

โดยทั่วไป แพลตฟอร์มการ Staking ส่วนใหญ่จะเปิดให้คุณ Staking เหรียญที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย เช่น Bitcoin และ Ethereum คุณยังสามารถ Stake Stablecoin เช่น USD Coin และ Tether ได้อีกด้วย 

ในทางกลับกัน บางแพลตฟอร์ม เช่น DeFi Swap จะเน้นที่เหรียญเฉพาะ ตัวอย่างเช่น ที่ DeFi Swap เหรียญเดียวที่สามารถ Stake ได้คือ DeFi Coin แม้ว่าคุณจะไม่มีอิสระมากพอที่จะสร้างพอร์ตการลงทุนด้วยแพลตฟอร์มแบบนี้ แต่คุณก็สามารถรับอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นได้ ปัจจุบัน DeFi Swap เสนอดอกเบี้ยต่อปีสูงถึง 75% สำหรับ DeFi Coin

โปรดทราบว่าอัตราดอกเบี้ยจากการ Staking จะแตกต่างกันไปตามเหรียญต่างๆ เหรียญบางเหรียญจะจ่ายดอกเบี้ยเพียงไม่กี่เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่บางเหรียญจะจ่ายในอัตราเลขสองหลักหรือสามหลัก นอกจากนี้ การมีเงื่อนไขการ Staking ที่ยืดหยุ่นหรือเงื่อนไขการล็อคเหรียญจะแตกต่างกันไปในแต่ละแพลตฟอร์ม

สำหรับนักลงทุนที่กำลังพิจารณาว่าจะ stake เหรียญอะไรดี นี่คือบางส่วนของเหรียญ Staking ที่ดีที่สุด ในปัจจุบัน:

– DeFi Coin

– Bitcoin

– Ethereum

– USD Coin

– Tether

– DAI

– Avalanche

– Polygon

– Solana

– Terra

– PAX Gold

– Chainlink

– Polkadot

– Tron

– EOS

วิธีการ Stake เหรียญ DeFi Coin

พร้อมที่จะเริ่มรับดอกเบี้ยด้วยการ Stake เหรียญ DeFi Coin แล้วหรือยัง? เราจะแสดงวิธีเริ่มต้นใช้งาน DeFi Swap ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม DeFi Staking ที่ดีที่สุดโดยรวมในปี 2023

ขั้นตอนที่ 1: เชื่อมต่อกระเป๋าเงินคริปโตของคุณ

ไปที่แพลตฟอร์ม DeFi Swap และคลิกเชื่อมต่อกับกระเป๋าเงินเพื่อเริ่มต้น หากคุณใช้กระเป๋าเงินอื่นที่ไม่ใช่ MetaMask ให้เลือก Wallet Connect จากนั้นใช้รหัส QR เพื่อเชื่อมต่อกระเป๋าเงินของคุณกับ DeFi Swap โดย DeFi Swap รองรับกระเป๋าเงินดิจิตอลที่หลากหลาย รวมถึง Tokenary, Infinity Wallet, Wallet 3, SecuX, Ambire, Keyring Pro, Ledger และ KryptoGO

เชื่อมต่อ DeFi Swap Stake เหรียญ วิธีการ stake เหรียญ

ขั้นตอนที่ 2: แลกเป็นเหรียญ DeFi Coin

เมื่อคุณเชื่อมต่อกระเป๋าเงินของคุณแล้ว คุณสามารถแลกเหรียญที่คุณมีเป็น DeFi Coin ได้ เพียงป้อนเหรียญที่คุณต้องการแลกเปลี่ยนและจำนวนที่คุณต้องการแลกเปลี่ยน จากนั้นคลิกแลกเปลี่ยน

Defi Swap

ขั้นตอนที่ 3: Stake เหรียญ DeFi Coin

เมื่อคุณมี DeFi Coin แล้ว ให้ไปที่หน้า Farm บนแพลตฟอร์มของ DeFi Swap ใส่จำนวน DeFi Coin ที่คุณต้องการ Stake และเลือกช่วงเวลาล็อคเหรียญของคุณ เมื่อคุณพร้อม ให้คลิกที่ Stake เพื่อ Stake DeFi Coin ของคุณ

Stake DeFi Coin Stake เหรียญ วิธีการ stake เหรียญ

การทำ Defi Staking ต้องเสียภาษีหรือไม่?

กำไรที่ได้จากการ Stake เหรียญ DeFi จะถูกหักภาษี กรมสรรพากรไม่ได้ออกคำแนะนำที่ชัดเจนเกี่ยวกับวิธีการรายงานรายได้จากการ Staking แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านบัญชีส่วนใหญ่แนะนำให้ปฏิบัติเช่นเดียวกับที่คุณทำกับรายได้ดอกเบี้ยประเภทอื่น ดังนั้น กำไรจากการ Staking จึงถูกรายงานเป็นรายได้ปกติมากกว่ากำไรจากการขายหลักทรัพย์

Defi Staking ปลอดภัยหรือไม่?

นักลงทุนอาจมีคำถามว่าการ defi staking ดีไหม หรือปลอดภัยหรือไม่ เช่นเดียวกับแง่มุมอื่นๆ ของคริปโตเคอเรนซี่ ในการทำ DeFi Staking ความเสี่ยงที่ต้องพิจารณาคือเมื่อคุณ Stake เหรียญ DeFi เท่ากับว่าคุณสละสิทธิ์การเป็นเจ้าของเหรียญเหล่านั้นไป หากแพลตฟอร์ม Staking ของคุณถูกแฮ็กหรือเหรียญของคุณสูญหาย คุณอาจไม่สามารถขอความช่วยเหลือได้ แพลตฟอร์ม Staking บางแห่งมีนโยบายรับประกันเพื่อปกป้องผู้ใช้จากการขาดทุนประเภทนี้ แต่ไม่มีการรับรองเสมอไป

อีกสิ่งหนึ่งที่ควรคำนึงถึงเมื่อทำการ DeFi Staking คือราคาของเหรียญนั้นสามารถเปลี่ยนแปลงได้ในช่วงที่คุณทำการ Stake เหรียญของคุณ หากมูลค่าของเหรียญที่คุณ Stake ลดลง คุณก็อาจขาดทุน แม้จะได้รับดอกเบี้ยจากการ Staking ก็ตาม

บทสรุป

แพลตฟอร์ม DeFi Staking ที่ดีที่สุดช่วยให้คุณสามารถนำเหรียญของคุณมาทำงานแทนคุณและรับดอกเบี้ย หลายแพลตฟอร์มเสนออัตราดอกเบี้ยเป็นตัวเลขสองหลักซึ่งสูงกว่าบัญชีออมทรัพย์แบบดั้งเดิม

หากคุณสนใจที่จะ Staking วันนี้ ลองใช้ DeFi Swap ที่คุณสามารถรับอัตราดอกเบี้ยต่อปีสูงถึง 75% โดยการ Stake เหรียญ DeFi Coin เชื่อมต่อกระเป๋าเงินของคุณวันนี้เพื่อเริ่มรับดอกเบี้ยได้เลย!

DeFi Swap แพลตฟอร์ม defi staking ที่ดีที่สุด defi staking ที่ไหนดี stake เหรียญที่ไหนดี

Stake เหรียญ DeFi ที่ DeFi Swap

คริปโตเป็นผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ไม่มีการควบคุมซึ่งมีความผันผวนสูง เงินทุนของคุณมีความเสี่ยง

Categories
Bitcoins Crypto News คู่มือคริปโต รับดอกเบี้ยคริปโต

จัดอันดับ 8 เหรียญ Staking ที่ดีที่สุด 2023 เพื่อผลกำไรที่สูง [แนะนำ!]

การ Stake เหรียญจะช่วยมอบผลกำไรจากเหรียญคริปโตได้โดยไม่จำเป็นต้องขาย โดยคุณสามารถนำเหรียญคริปโตเคอเรนซี่ที่ไม่ได้ใช้งานไปสร้างรายได้แบบพาสซีฟและยังเป็นเจ้าของเหรียญในเวลาเดียวกัน

คู่มือนี้จะอธิบายถึงเหรียญ Staking ที่ดีที่สุดในปี 2023 โดยเราจะพูดถึงข้อดีของการ Staking อย่างละเอียดและกระดานเทรดที่ดีที่สุดในตลาดตอนนี้

เหรียญ Staking ที่ดีที่สุดในปี 2023

มีเหรียญคริปโตมากมายที่คุณสามารถใช้เพื่อสร้างรายได้จากการ Stake

โดยเมื่อพิจารณาถึงอัตราดอกเบี้ยและสถานการณ์ของตลาดในตอนนี้แล้ว เราคิดว่าเหรียญ Staking ที่ดีที่สุดในปีนี้ ได้แก่

  1. AiDoge – เหรียญ Staking ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ใหม่ล่าสุดให้รางวัลเป็นโทเค็นทุกวัน ผู้ถือโทเค็น AiDoge ยังได้รับประโยชน์จากสิทธิพิเศษและสิทธิ์ในการออกเสียงด้วยการ staking ระยะยาว
  2. Love Hate Inu – เหรียญ Staking ที่ไม่ซ้ำใครที่ใช้สำหรับการลงคะแนนออนไลน์ด้วย Crypto
  3. Ecoterra – เหรียญ Green Crypto ยอดนิยมพร้อมผลประโยชน์ในการ staking ระยะยาว 
  4. RobotEra – โทเค็นใหม่พร้อมผลประโยชน์การ staking และรางวัล P2E
  5. Battle Infinity – เหรียญ Staking ที่ดีที่สุดใน Metaverse
  6. Lucky Block – เหรียญ Staking ที่ดีที่สุดที่มาพร้อมรางวัลประจำวัน
  7. Quint – เหรียญ Staking โดยรวมที่ดีที่สุด
  8. Ethereum – เหรียญ Staking ยอดนิยมสำหรับนักลงทุนระยะยาว

ไปยัง AiDoge ตอนนี้

สินทรัพย์คริปโตมีความผันผวนสูงและเป็นการลงทุนที่ไม่มีการกำกับดูแล 

คุณจะเจอคำตอบว่าทำไมรายการด้านบนคือเหรียญ Staking ที่ดีที่สุด และคุณจะเข้าใจวิธีทำเงินจากคริปโตเคอเรนซี่มากขึ้น

นอกจากนี้ เราจะแสดงวิธีซื้อเหรียญคริปโตและเริ่ม Stake เหรียญโดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมแพงๆ

เจาะลึกกับเหรียญ Staking ที่ดีที่สุด

เหรียญ Staking ที่ดีที่สุดก็คือเหรียญที่มอบผลตอบแทนได้สูง ซึ่งรายได้ที่คุณจะได้รับนั้นจะขึ้นอยู่กับว่าคุณเลือกแพลตฟอร์มใดและกำหนดระยะเวลาเท่าไหร่ในการ Stake เหรียญ

เราจึงวิเคราะห์เหรียญ Staking ที่ดีที่สุดในปี 2023 ไว้ด้านล่าง

1. AiDoge – เหรียญ Staking โดยรวมดีที่สุด ที่มอบสิทธิพิเศษที่ไม่ซ้ำใครและรางวัลรายวัน

Logo for AiDoge

อันดับหนึ่งในรายการเหรียญ Staking ที่ดีที่สุดของเราคือ AiDoge โดยทาง AiDoge เป็นโครงการมีมที่ไม่เหมือนใครซึ่งใช้ประโยชน์จากพลังอันเหลือเชื่อของปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อมอบระบบนิเวศที่ผู้ใช้สามารถรับรางวัลซ้ำ ๆ ทุกวัน

ฟีเจอร์หลักของระบบนิเวศ AiDoge คือ “ตัวสร้างมีม” ที่บุกเบิก เครื่องมือสร้างมีมนี้ใช้การเตือนแบบข้อความเหมือนกับ ChatGPT ทำให้ผู้ใช้สร้างภาพตลกได้ในไม่กี่วินาที ตัวอย่างเช่น บางคนอาจต้องการสร้างมีมเกี่ยวกับการพูดจาโผงผางบน Twitter ล่าสุดของ Elon Musk และ AiDoge สามารถทำให้สิ่งนั้นเกิดขึ้นได้ทันที

ไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์การแก้ไขภาพมาก่อนด้วย AiDoge ซึ่งหมายความว่าทุกคนสามารถเข้าถึงเครื่องมือสร้างมีมได้ อย่างไรก็ตาม ตามที่ระบุไว้ในเอกสารข้อมูลของ AiDoge ผู้ใช้ที่สนใจจะต้องซื้อและใช้โทเค็น $Ai เพื่อรับเครดิต ซึ่งจากนั้นจะใช้เป็นค่าใช้จ่ายสำหรับการสร้างมีม

AiDoge crypto

ผู้ถือ $Ai ยังสามารถทำการ stake โทเค็นของตนเพื่อรับรางวัลได้ทุกวัน ซึ่งสัมพันธ์กับจำนวนโทเค็นที่เดิมพัน ไม่เพียงเท่านั้น stakers ยังจะได้รับสิทธิพิเศษ เช่น การเข้าถึงเทมเพลตมีมแบบจำกัดเวลา และแม้แต่สิทธิ์ในการลงคะแนนสำหรับข้อเสนอด้านการกำกับดูแล

คุณสมบัติการ staking นี้เชื่อมโยงกับการตั้งค่า “ผนังสาธารณะ” ของ AiDoge ซึ่งมีการจัดแสดงมีมที่สร้างโดยผู้ใช้ทั้งหมด ผู้สร้างมีมที่ได้รับความนิยมสูงสุดจะได้รับรางวัลโทเค็นเพิ่มเติมทุกสิ้นเดือน ซึ่งเป็นการจูงใจผู้ใช้ให้สร้างภาพตลกขบขันเป็นประจำ

แม้ว่าคุณสมบัติทั้งหมดนี้ฟังดูน่าตื่นเต้น แต่สิ่งสำคัญคือต้องทราบว่า AiDoge ยังอยู่ในช่วงพรีเซลล์ ดังนั้นจึงมีการเปลี่ยนแปลงมากมาย และศักยภาพของโครงการมีแนวโน้มที่จะผันผวนมากกว่าเหรียญที่ “เปิดตัวมาซักพักแล้ว”

AiDoge crypto roadmap

ต้องบอกว่าทีมของ AiDoge กำลังเปิดให้ลงทุนในโทเค็น $Ai ในราคาพิเศษเพื่อชดเชยความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น นักลงทุนรายแรกสามารถซื้อโทเค็น AiDoge ได้ในราคาถูกเมื่อเทียบกับราคาเมื่อลิสเหรียญในช่วงท้ายๆของแผนงาน สามารถซื้อ $AI โดยใช้ ETH, BNB, USDT หรือบัตรเครดิต/เดบิต

ด้วยศักยภาพอันมหาศาลของคริปโตที่เน้น AI กระแสโฆษณาจึงค่อยๆ เติบโตขึ้นรอบๆ โครงการ AiDoge นักลงทุนที่สนใจสามารถติดตามความคืบหน้าของโครงการได้โดยเข้าร่วมช่องทางอย่างเป็นทางการของ Telegram

เพดานเงินทุน$14,900,000
โทเค็นทั้งหมด1 ล้านล้าน
โทเค็นในช่วงพรีเซลล์500 พันล้าน
Blockchainเครือข่าย Ethereum
ประเภทโทเค็นERC-20
ซื้อขั้นต่ำ100 โทเค็น
ซื้อด้วยUSDT, ETH, BNB, บัตรเครดิต

ไปยัง AiDoge Presale

2. Love Hate Inu – เหรียญ Staking โดยรวมที่ดีที่สุดสำหรับการลงคะแนนออนไลน์ด้วยเหรียญคริปโต

Love Hate Inu Logo

เหรียญ Staking โดยรวมที่ดีที่สุดสำหรับปี 2023 คือ $LHINU ซึ่งเป็นเหรียญคริปโตหลักของ Love Hate Inu แพลตฟอร์มvote-to-earn โดยสมาชิกจะสามารถ stake โทเค็น $LHINU เพื่อเข้าถึงการลงคะแนนบนแพลตฟอร์มนี้และรับรางวัล ขณะนี้ ในรอบแรกของการพรีเซลล์ $LHINU พร้อมให้ซื้อในราคาที่ถูกที่สุด 

Love Hate Inu เป็นแพลตฟอร์มการลงคะแนนออนไลน์ที่ใช้เหรียญคริปโตเป็นครั้งแรก ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้ลงคะแนนในประเด็นระดับโลกและสังคม ความบันเทิง และการเมือง

Love Hate Inu price

หากต้องการเข้าร่วมแบบสำรวจความคิดเห็นผ่านอินเทอร์เฟซผู้ใช้ คุณต้อง stake โทเค็น $LHINU แพลตฟอร์มนี้ยังใช้กลไกการ stake แบบเรียลไทม์เพื่อให้ไม่เกิดการสแปมหรือการฉ้อฉลในกระบวนการลงคะแนน 

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เราสามารถรับรางวัล $LHINU ได้เพียงแค่โหวตบนแพลตฟอร์ม อ้างอิงจากเอกสารข้อมูล Love Hate Inu ผู้ใช้สามารถโฮสต์แบบสำรวจของตนเองได้ โดยผู้สร้างแบบสำรวจจะต้องแจกจ่ายโทเค็นให้กับผู้เข้าร่วม 

มีจำนวนทั้งหมด 100 พันล้านเหรียญ LHINU โทเค็น ซึ่ง 90% ได้รับการจัดสรรสำหรับการพรีเซลล์ โดยมีแปดรอบพรีเซลล์ ซึ่งแต่ละรอบจะจัดสรร 11.25 พันล้านโทเค็น โทเค็นที่เหลืออีก 10,000 ล้านโทเค็นถูกสงวนไว้สำหรับการลิสลงกระดานแลกเปลี่ยนในเร็วๆ นี้ 

ปัจจุบันนักลงทุนสามารถซื้อ $LHINUในช่วงพรีเซลล์รอบแรกในราคา 0.000085 ดอลลาร์ต่อโทเค็น ในรอบสุดท้าย ราคาจะเพิ่มขึ้นเป็น 0.000145 ดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มขึ้น 70.5% ในเวลาไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์นับตั้งแต่เปิดพรีเซลล์ Love Hate Inu ระดมทุนได้แล้วกว่า 514,000 ดอลลาร์ 

เพดานเงินทุนสูงสุดสำหรับพรีเซลล์ตั้งไว้ที่ 10.068 ล้านดอลลาร์ หลังจากสิ้นสุดการพรีเซลล์ Love Hate Inu จะถูกลิสในกระดานแลกเปลี่ยนภายในไตรมาสที่ 2 ปี 2023 ผู้อ่านที่สนใจสามารถเข้าร่วม Love Hate Inu Telegram เพื่อติดตามข่าวสารล่าสุดเกี่ยวกับการพัฒนาใหม่ๆ 

เริ่มพรีเซลล์8 มีนาคม 2023
วิธีการซื้อETH, USDT, บัตรเครดิต
เชนEthereum
เพดานเงินทุน$10,068,750
ลงทุนขั้นต่ำ10 LHINU 
ลงทุนสูงสุดไม่ระบุ

ไปยังLove Hate Inu Presale

3. Ecoterra – เหรียญ Green Crypto ยอดนิยมพร้อมกับผลตอบแทน staking ในระยะยาว

Ecoterra logo

Ecoterra มีเป้าหมายที่จะควบคุมพลังของบล็อกเชนเพื่อช่วยให้บุคคลและองค์กรต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

แอป Recycle2Earn ยุคใหม่ของแพลตฟอร์มให้รางวัลแก่ผู้ใช้ผ่านโทเค็นของแพลตฟอร์ม ($ECOTERRA) สามารถใช้โทเค็นเหล่านี้เพื่อวัตถุประสงค์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การสนับสนุนโครงการพลังงานหมุนเวียน การมีส่วนร่วมในกิจกรรมทำความสะอาดชุมชน หรือเพียงแค่ถือหรือทำการ staking โทเค็นเท่านั้น

แอปเชื่อมโยงกับโปรไฟล์ผู้ใช้ที่ติดตามพฤติกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ในช่วงพรีเซลเริ่มต้น นักลงทุนสามารถซื้อ $ECOTERRA ในราคาพรีเซลที่ $0.004 USDT ต่อโทเค็นในหน้าพรีเซล วิธีการชำระเงินที่ยอมรับ ได้แก่ บัตรเครดิตและ ETH/USDT

Ecoterra Presale Page

แอป Recycle2Earn สร้างความแตกต่างด้วยการให้ $ECOTERRA แก่ผู้ใช้เป็นรางวัลสำหรับกิจกรรมการรีไซเคิล โทเค็นเหล่านี้สามารถลงทุนหรือใช้สำหรับโครงการริเริ่มที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น โครงการรีไซเคิลและการผลิตพลังงานทางเลือก

นอกจากนี้ โปรเจ็กต์ยังติดตามการมีส่วนร่วมทางระบบนิเวศของผู้ใช้แต่ละคนในโปรไฟล์ของพวกเขา ธุรกิจต่างๆ สามารถสร้าง “โปรไฟล์ที่ติดตามผลกระทบได้” เพื่อลดผลกระทบด้านลบของกระบวนการผลิตโดยการจัดหาวัสดุจากผู้ใช้ปลายทางผ่านแพ็คเกจผลกระทบ กลยุทธ์นี้ส่งเสริมความโปร่งใสและการทำงานร่วมกันเพื่ออนาคตที่ยั่งยืนยิ่งขึ้น

Ecoterra

Ecoterra เน้นความสำคัญของตลาดหลักสำหรับวัสดุรีไซเคิลและการชดเชยคาร์บอน ผู้ใช้สามารถลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ได้โดยการบริจาคโทเค็น Ecoterra ให้กับโครงการลดคาร์บอนทั่วโลกที่ได้รับอนุมัติ ดังที่ระบุไว้ในเอกสารข้อมูลของ Ecoterra ตลาดวัสดุรีไซเคิลช่วยอำนวยความสะดวกในการจัดหา ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างหน่วยงานรีไซเคิล และทำให้การลงทุนทางธุรกิจที่เกี่ยวข้องง่ายขึ้น

หลากหลายอุตสาหกรรม เช่น สินค้าอุปโภคบริโภค เทคโนโลยี เครื่องแต่งกาย และการแพทย์สามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากโซลูชันอเนกประสงค์นี้ ด้วยความเข้ากันได้กับ RVM ทั่วโลก Recycle2Earn สามารถส่งผลกระทบต่อผู้คนหลายร้อยล้านคน ผู้ใช้ที่มีศักยภาพได้รับเชิญให้เข้าร่วมกลุ่ม Ecoterra Telegram เพื่อรับการอัปเดตและข้อมูลล่าสุด

เพดานเงินทุน$6,700,000
โทเค็นทั้งหมด2,000,000,000
โทเค็นในช่วงพรีเซลล์1,000,000,000
Blockchainเครือข่าย Ethereum
ประเภทโทเค็นERC-20
ซื้อขั้นต่ำ$10
ซื้อด้วยUSDT, ETH, Bank Card

ไปยัง Ecoterra ตอนนี้

4. RobotEra – เหรียญ Staking โดยรวมดีที่สุดที่เพิ่งเปิดตัวขายพรีเซล

RobotEra เหรียญ Staking ที่ดีที่สุด

RobotEra เป็นโปรเจกต์คริปโตเคอเรนซี่ที่ใช้ metaverse ซึ่งนำเสนอระบบนิเวศเสมือนจริงที่เต็มไปด้วยโปรโตคอลที่ใช้ NFT และโอกาสในการสร้างรายได้ในเกมรวมถึงการ staking

โครงการมีกรณีการใช้งานที่หลากหลาย เช่น สิทธิ์ในการออกเสียงเพื่อควบคุมแพลตฟอร์ม ที่ดิน metaverse และการสร้างและการซื้อขาย NFT และอื่นๆ – RobotEra เพิ่งเปิดตัวการขายโทเค็น TARO ช่วงพรีเซลที่กำลังลดราคาอยู่ที่ $0.02

ขณะนี้ TARO กำลังจัดจำหน่ายผ่านรอบการขายพรีเซล 3 รอบ – โดย 270 ล้านเหรียญจะได้รับการจัดสรรเพื่อพยายามระดมทุน 6.93 ล้านดอลลาร์ – โดยโทเค็นจะเพิ่มราคาเป็น 0.025 ดอลลาร์ในรอบที่ 2 และ 0.032 ดอลลาร์ในรอบที่ 3

TARO สร้างขึ้นบน Ethereum blockchain เป็นโทเค็น ERC-20 ที่แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการ staking ที่หลากหลาย ตัวอย่างเช่น นักลงทุนสามารถรับรายได้แบบพาสซีฟโดยการ stake เหรียญ TARO เพื่อมีโอกาสได้รับ APY สูง (อัตราผลตอบแทนต่อปี)

RobotEra ซึ่งเป็นโครงการ LBank Labs ยังให้ผู้ใช้ stake TARO เพื่อเข้าถึงองค์กรปกครองตนเองแบบกระจายอำนาจ (DAO) ด้วย RobotEra DAO ช่วยให้ผู้ใช้สามารถทำการตัดสินใจที่สำคัญเพื่อตัดสินอนาคตของแพลตฟอร์ม

ใน metaverse นั้น RobotEra กำหนดให้ผู้เล่นอยู่ในรูปของ Robots ซึ่งเป็นตัวละครที่สร้างเป็น NFT ที่สามารถซื้อ แลกเปลี่ยน สร้างและสำรวจระบบนิเวศเสมือนจริงที่เรียกว่า ‘Taro Planet’ และได้รับการขนานนามว่าเกมคริปโตที่ดีที่สุดเลยทีเดียว

ด้วย TARO ผู้เล่นสามารถเข้าถึงตลาดและซื้อที่ดิน metaverse ที่สามารถสร้างรายได้ผ่านการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน การเรียกเก็บเงินค่าเข้าชมสำหรับตั๋วเข้างานและขายพื้นที่ป้ายโฆษณาให้กับผู้ลงโฆษณา

ผู้เล่นยังสามารถอัปเกรดและปรับแต่ง NFT ของหุ่นยนต์คู่หู ซึ่งสามารถขายในตลาดเปิดหรือขุดดินเพื่อหาทรัพยากรและแร่ธาตุต่างๆได้

RobotEra เหรียญ Staking ที่ดีที่สุด

ไม่จำเป็นต้องมีความรู้ด้านการเขียนโค้ดเพื่อเล่นเกมหรือสร้างสิ่งต่างๆบน Taro ด้วย RobotEra ที่มีเครื่องมือสร้างในเกมแบบกำหนดเอง

ในความเป็นจริง ผู้ก่อตั้ง RobotEra ที่ได้รับการตรวจสอบ และได้รับการยืนยันจาก KYC ยังเชื่อว่ากรณีการใช้งานใหม่และกระแสการสร้างรายได้จะได้รับการพัฒนาเมื่อเวลาผ่านไป โดยมีข้อจำกัดเล็กน้อยเกี่ยวกับสิ่งที่สามารถสร้างได้ และผู้เล่นมีอิสระในการกำหนดโลกตามที่เห็นสมควร .

ต้องการซื้อ TARO และเข้าร่วมระบบนิเวศที่กำลังจะมาถึงนี้หรือไม่? การขายพรีเซลของโทเค็น TARO อยู่ในรอบแรกโดยราคาจะเพิ่มขึ้น 60% จากระดับปัจจุบันในรอบสุดท้าย

อ่านเอกสารข้อมูลของ RobotEra และเข้าร่วม Telegram ของโครงการนี้เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติม

พรีเซลเริ่มต้นไตรมาส 4 2022
วิธีชำระเงินPurchase MethodsETH, USDT
เชนEthereum
ลงทุนขั้นต่ำ1,000 TARO
ลงทุนสูงสุดN/A

ซื้อ RobotEra ช่วงพรีเซลตอนนี้

5. Battle Infinity – เหรียญ Staking ที่ดีที่สุดของ Metaverse

Battle Infinity เป็นแพลตฟอร์ม Decentralized ที่ใช้เทคโนโลยี Blockchain ในการสร้างโลกที่ผสมผสานโปรโตคอลแบบ Play to Earn และฟีเจอร์มากมาย

โปรเจกต์หลักของตัวเกมก็คือ Battle Arena ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม Metaverse ที่ให้ผู้ใช้สามารถเข้าร่วมและมีโอกาสรับรางวัลจาก 6 เกม P2E สุดพิเศษ และเนื่องจาก GameFi และผลิตภัณฑ์แบบ Metaverse นั้นส่งเสริมให้ผู้ใช้สามารถรับเงินจากการเล่น ซึ่งระบบนิเวศของเกมใช้โทเค็น IBAT เป็นหลัก

Battle Infinity เหรียญ Staking ที่ดีที่สุด

โทเค็น IBAT ถูกสร้างบน Binance Smart Chain (BSC) และเป็นโปรโตคอล BEP – 20 ที่สามารถได้รับจากแพลตฟอร์ม P2E มากมาย ได้แก่ IBAT Premier League (ลีกกีฬาแฟนตาซี IBAT) และยังสามารถแลกเปลี่ยนกับเหรียญคริปโตยอดนิยมได้บน Battle Swap DEX นอกจากนี้ IBAT Battle Stake ยังเป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ในการ Stake เหรียญเพื่อรับรางวัลอีกด้วย

Battle Stake เป็นแพลตฟอร์ม Staking ของตัวเกมที่ให้ผู้ใช้ล็อคโทเค็น IBAT เพื่อแลกเป็นดอกเบี้ย เช่น ฟีเจอร์ Solo Staking จะให้ผู้ใช้ Stake โทเค็น IBAT โดยตรงเพื่อรับอัตราผลตอบแทนต่อปีหลังสิ้นสุดระยะเวลาล็อคเหรียญ และฟีเจอร์ Duo Staking ที่ให้ผู้ใช้ Stake โทเค็น IBAT และคริปโตอื่นๆ แบบคู่เพื่อรับดอกเบี้ยได้

ผู้ใช้ที่สนใจสามารถเข้าร่วมกลุ่ม Telegram ของ Battle Infinity เพื่อติดตามการพัฒนาและข่าวสารล่าสุด

ลงทุนขั้นต่ำ0.1 BNB
ลงทุนสูงสุด500 BNB
เชนBinance Smart Chain
เริ่มพรีเซลล์11 กรกฎาคม 2022
สิ้นสุดพรีเซลล์10 ตุลาคม 2022

ไปยัง Battle Infinity ตอนนี้

สินทรัพย์คริปโตมีความผันผวนสูงและเป็นการลงทุนที่ไม่มีการกำกับดูแล

6. Lucky Block – เหรียญ Staking ที่ดีที่สุดที่มาพร้อมรางวัลประจำวัน

Lucky Block นั้นมีฟีเจอร์ที่ค่อนข้างใหม่ในตลาดเหรียญคริปโต แม้จะไม่ได้เป็นเหรียญ Staking โดยตรง แต่ก็เป็นเหรียญที่รอการทำกำไร (จึงมีความเหมือนกันในแง่นี้) ยิ่งคุณถือโทเค็น Lucky Block ไว้มากเท่าไหร่ คุณก็จะมีโอกาสชนะและรับรางวัลมากขึ้นเท่านั้น

Lucky Block ทำงานบนสัญญาอัจฉริยะ ซึ่งจะรับประกันเรื่องการสุ่ม ความน่าเชื่อถือ และความโปร่งใสของแนวเกมการจับสลากได้ นอกจากนี้ จากแจกจ่ายของรางวัลก็จะทำผ่านสัญญาอัจฉริยะเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่เกิดความผิดพลาดในการแจกของรางวัลขึ้น โดย Lucky Block จะมาเจาะตลาดเกมออนไลน์ ซึ่งเราคาดว่าตัวเกมจะเติบโตอย่างมากในตลาดการจับรางวัล

Lucky Block Stake เหรียญ staking เหรียญไหนดี

Lucky Block เปิดตัวเมื่อต้นปี 2022 และมีราคาเพิ่มขึ้นกว่า 6,000% โดยตัวเหรียญทำงานบน Binance Smart Chain และสามารถเทรดได้ใน Pancakeswap DEX โดยคุณสามารถ Stake คู่เหรียญ LBLOCK/WBNB เพื่อสร้างสภาพคล่องและรับผลตอบแทนต่อปี 19% 

โดยตัว Lucky Block ก็คือแพลตฟอร์มแจกโทเค็นที่เปิดให้ผู้ถือโทเค็นทุกคนได้ส่วนแบ่ง 10% ของการจับสลากแบบรายวัน โดยผู้ถือ LBLOCK จะต้องเชื่อมแอพของตัวเกมทุกวันเพื่อรับรางวัล

รางวัลแจ็คพอตนั้นได้มาจากการขายสลากจับรางวัลและภาษี 12% จากเหรียญ LBLOCK บนกระดานเทรด DEX ต่างๆ โดยจากข่าวประชาสัมพันธ์ Lucky Block คาดว่าอัตราตอบแทนต่อปีจะสูงถึง 19.2% สำหรับผู้ถือโทเค็นไว้อย่างน้อยหนึ่งปี จึงทำให้เป็นหนึ่งในเหรียญรอผลกำไรที่ควรพิจารณาเอาไว้

โดยสรุป เหรียญ LBLOCK นั้นยังอยู่ในช่วงต้นและมีโอกาสมีมูลค่าเพิ่มสูง

คำเตือน: ระวังมิจฉาชีพที่อ้างว่าสามารถ Stake เหรียญ Lucky Block ได้ เนื่องจากแพลตฟอร์มยังไม่สามารถ Stake ได้ในตอนนี้

ซื้อ Lucky Block ตอนนี้

สินทรัพย์คริปโตมีความผันผวนสูงและเป็นการลงทุนที่ไม่มีการกำกับดูแล 

7. Quint – เหรียญ Staking โดยรวมที่ดีที่สุด

Quint โดดเด่นขึ้นมาจากการเป็นเหรียญ Staking โดยรวมที่ดีที่สุดในปี 2023 ซึ่งสามารถทำในสิ่งที่โทเค็นอื่นๆ ทำไม่ได้ เช่น มีรางวัลให้จริงๆ นอกเหนือจากดอกเบี้ยคริปโตจากการ Staking โดยทีมงาน Quint มีกองรางวัล 2 ชุดที่เรียกว่า Super-Staking Pools

กองรางวัลชุดแรกก็คือ Luxury Raffle Pools เมื่อผู้ใช้ Stake โทเค็น QUINT ลงในกองนี้ ผู้ใช้จะได้เข้าร่วมการจับสลากสุดหรู ซึ่งรวมถึงห้องพักในโรงแรมหรู แพ็คเกจท่องเที่ยว รถยนต์ราคาแพง และอื่นๆ

Quint เหรียญ Staking ที่ดีที่สุด

อีกชุดหนึ่งก็คือ Quintessential Pools ซึ่งจะรับประกันการมอบของรางวัลเป็น Airdrops NFT โดย NFT ดังกล่าวจะเป็นห้องในโรงแรม ตั๋วเครื่องบิน ประสบการณ์นั่งรถซูเปอร์คาร์ และอีกมากมาย รางวัลใน Quintessential Pools จะหมุนเวียนกัน แต่ผู้ถือโทเค็นจะมีโอกาสได้รางวัลสุดหรูอยู่เสมอ

นอกจากโทเค็น Quint และกองรางวัลการ Stake แล้ว Quint ยังมี NFT มากมาย โดยการถือโทเค็น Quint และ NFT จะมอบสิทธิ์แก่ผู้ใช้ในการเข้าถึง Metaverse Arts Club ของทางแพลตฟอร์ม ซึ่งเป็นโซเชียลคลับที่ผู้ใช้สามารถเพลิดเพลินกับคนที่ชอบไลฟ์สไตล์สุดหรูหราเหมือนกันนั่นเอง

Quint เปิดให้แลกกับเหรียญ BNB ผ่านกระดานเทรด PancakeSwap DEX โดยเหรียญมีค่าธรรมเนียมธุรกรรมที่ 10% แม้อาจจะฟังดูแพงไปหน่อย แต่เงินที่ได้จากการทำธุรกรรมจะถูกใช้ในการพัฒนาเกมคริปโต Play to Earn บนแพลตฟอร์ม ซึ่งจะเปิดให้ผู้ถือโทเค็น Quint เข้าใช้งานได้ในอนาคต

ไปยัง Quint ตอนนี้

สินทรัพย์คริปโตมีความผันผวนสูงและเป็นการลงทุนที่ไม่มีการกำกับดูแล

8. Ethereum – เหรียญ Staking ยอดนิยมสำหรับนักลงทุนระยะยาว

ระบบนิเวศของ Ethereum นั้นเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดดและดึงดูดการลงทุนจากทั้งนักพัฒนาและนักลงทุน อย่างไรก็ตาม เหรียญมูลค่าตลาดใหญ่เป็นอันดับสองนี้ก็ใช้งานกลไกการขุด (PoS) ซึ่งหมายความว่าในการตรวจสอบการทำธุรกรรม คอมพิวเตอร์จะต้องทำงานผ่านขั้นตอนที่ซับซ้อนซึ่งต้องใช้พลังงานและเวลามหาศาล

แต่ด้วยการอัพเกรดล่าสุด Ethereum ก็ได้เปลี่ยนไปใช้กลไกการ Stake เหรียญ (PoS) ซึ่งทำให้ ETH กลายเป็นหนึ่งในเหรียญ Staking ที่ดีที่สุดในการสร้างรายได้แบบพาสซีฟ โดยในการเริ่ม Staking เหรียญ Ethereum ด้วยตนเองนั้นต้องใช้เหรียญค่อนข้างมาก (ต้อง Stake เหรียญขั้นต่ำที่ 32 ETH)

กราฟราคา ethereum เหรียญ Staking ยอดนิยมสำหรับนักลงทุนระยะยาว

โดยวิธีที่ง่ายที่สุดก็คือต้องถือเหรียญ Ethereum ไว้ในกอง Staking ซึ่งหมายความว่าคุณจะต้องปล่อยกู้โทเค็นให้แก่ผู้ตรวจสอบในการใช้งาน ซึ่งหมายความว่าคุณจะไม่จำเป็นต้อง Stake เหรียญ ETH จำนวนมากๆ โดยแพลตฟอร์มที่คุณเลือก Staking และระยะเวลาการล็อคเหรียญก็จะให้ผลตอบแทนแตกต่างกันไป

ซื้อ Ethereum บน eToro ตอนนี้

สินทรัพย์คริปโตมีความผันผวนสูงและเป็นการลงทุนที่ไม่มีการกำกับดูแล 

Stake เหรียญที่ไหนดี

มีแพลตฟอร์มมากมายที่ให้คุณสร้างรายได้แบบพาสซีฟจากการ Stake เหรียญยอดนิยมดังกล่าว

เพื่อไม่ให้เสียเวลา เราได้พิจารณาแพลตฟอร์ม Staking เหรียญคริปโตยอดนิยมไว้แล้ว ซึ่งทั้งใช้งานง่ายและมีค่าธรรมเนียมในการ Stake เหรียญคริปโตต่ำอีกด้วย

1. AQRU – แพลตฟอร์ม Staking โดยรวมที่ดีที่สุด

หากคุณเพิ่งรู้จักกลไกการ Staking เหรียญคริปโต AQRU อาจจะดึงดูดใจคุณได้ด้วยหน้าตาการใช้งานที่เรียบง่ายและตรงไปตรงมา โดยแพลตฟอร์มปล่อยสินเชื่อชั้นนำนี้เป็นมิตรต่อผู้ใช้งานในการสร้างรายได้แบบพาสซีฟจากสินทรัพย์ดิจิทัลของคุณ

โดยคุณไม่จำเป็นต้องเข้าใจเทคนิคหรือคำศัพท์เฉพาะใดๆ  โดย AQRU มีแอพคลิปโตบนมือถือให้บริการ ซึ่งช่วยคุณซื้อและ Stake เหรียญได้แม้ไม่อยู่บ้าน AQRU ยังให้ดอกเบี้ย 7% ต่อปีจากเหรียญ Ethereum ซึ่งเป็นหนึ่งในโทเค็นที่ดีที่สุดที่เราได้พูดถึงไป

นอกจากนี้ AQRU ยังรองรับบัญชีดอกเบี้ยคริปโตที่มอบผลตอบแทนเหมือน APY โดยคุณสามารถรับได้ถึง 12% ต่อปีสำหรับเหรียญที่มีมูลค่าคงที่ เช่น Tether, USD Coin และ Dai ซึ่งนับว่าเป็นอัตราที่สูงมากๆ

aqru แพลตฟอร์ม Staking โดยรวมที่ดีที่สุด

AQRU ยังมอบผลตอบแทนสูงแก่ผู้ใช้โดยการปล่อยสินเชื่อสินทรัพย์ดิจิทัลแก่ผู้กู้ แต่ก็หลังจากได้ตรวจสอบทรัพยากรและสินทรัพย์ของผู้กู้อย่างถี่ถ้วนแล้วเท่านั้น โดยคุณสามารถติดตามผลตอบแทนของคุณได้ในหน้าหลักของ AQRU และรับดอกเบี้ยเป็นรายวัน

หากพูดถึงการถอนเงิน คุณก็สามารถเลือกได้ว่าจะถอนเป็นเหรียญคริปโตหรือสกุลเงินทั่วไป และสิ่งที่ยอดเยี่ยมสำหรับ AQRU ก็คือจะไม่มีระยะเวลาการล็อคใดๆ ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถถอนเหรียญคริปโตได้ทุกเมื่อหากต้องการ

อย่างไรก็ตาม คุณก็ควรทราบถึงเงื่อนไขบางข้อ ข้อแรก คุณจะต้องฝากเงินขั้นต่ำ $100 เพื่อเปิดบัญชี ข้อสอง แม้จะไม่มีค่าธรรมเนียมในการฝาก แต่คุณจะต้องจ่าย $20 เมื่อทำการถอนเงิน และในตอนนี้ AQRU รองรับเพียงแค่ 5 เหรียญคริปโตเท่านั้น 

เหรียญ Staking ที่มีBitcoin, Ethereum, Tether, USD Coin และ Dai
รางวัล Staking ของเหรียญคริปโตBTC และ ETH – 7%เหรียญที่มีมูลค่าคงที่ (USDT, USDC, DAI) – 12%
จำนวนการ Staking ต่ำสุดและสูงสุดขั้นต่ำ $100 (หรือเทียบเท่า) และไม่มีจำนวนสูงสุด
ระยะเวลาการล็อคถอนได้ตลอดเวลา
ระยะเวลาในการจ่ายดอกเบี้ยรายวัน

ข้อดี

  • อัตราดอกเบี้ยสูง
  • สร้างรายได้แบบพาสซีฟผ่านเหรียญที่มีมูลค่าคงที่และคริปโต
  • ถอนเงินได้เป็นเหรียญคริปโตและสกุลเงินทั่วไป

ข้อเสีย

  • รองรับเหรียญคริปโตเพียง 5 เหรียญ

สมัคร AQRU ตอนนี้

สินทรัพย์คริปโตมีความผันผวนสูงและเป็นการลงทุนที่ไม่มีการกำกับดูแล

2. eToro – แพลตฟอร์ม Staking เหรียญคริปโต พร้อมค่าธรรมเนียมแสนถูก

eToro เป็นหนึ่งในโบรกเกอร์เหรียญคริปโตยอดนิยมในตลาด ด้วยผู้ใช้งานกว่า 20 ล้านคน eToro นั้นได้รับการกำกับดูแลโดยหลายหน่วยงาน ได้แก่ FCA, CySEC, ASIC, และ ก.ล.ต. นอกจากนี้ eToro ยังเข้าถึงง่ายและเป็นมิตรต่อนักลงทุนทุกระดับ

eToro นั้นใช้งานง่ายและเปิดให้คุณเข้าซื้อเหรียญ Staking ที่ดีที่สุดที่เราได้กล่าวไป eToro ยังรองรับเหรียญ Staking 3 รายการ ได้แก่ Cardano, Ethereum และ Tron โดยอัตราดอกเบี้ยที่คุณได้รับนั้นขึ้นอยู่กับ eToro Club ที่คุณเป็นสมาชิก ซึ่งถูกกำหนดโดยหุ้นที่คุณถือไว้บนแพลตฟอร์ม

เช่น สมาชิกระดับ Diamond และ Platinum+ จะมีสิทธิ์ได้รับผลตอบแทนจากการ Stake ถึง 90% ต่อเดือน ผู้ใช้ระดับ Silver, Gold, และ Platinum จะได้รับ 85% ส่วนผู้ใช้เริ่มต้นของ eToro ก็จะอยู่ในระดับ Bronze ซึ่งจะได้รับผลตอบแทน 75% ต่อเดือน

etoro แพลตฟอร์ม Staking

eToro นั้นมอบรางวัลอย่างสูงเมื่อทำการ Stake บนแพลตฟอร์ม แม้เหรียญ Staking จะมีไม่มากในตอนนี้ แต่คุณสามารถซื้อคริปโตได้หลายสิบเหรียญที่ eToro นอกจากนั้น แพลตฟอร์มยังมี Crypto Wallet ในตัวให้คุณเก็บสินทรัพย์ดิจิทัลได้ฟรีๆ

เมื่อคุณต้องการขายเหรียญคริปโต eToro ก็คิดค่าธรรมเนียมในราคาแสนถูก ส่วนการซื้อเหรียญคริปโต คุณก็สามารถฝากเงินเข้าไปในบัญชี eToro ด้วยการโอนเงินผ่านธนาคาร บัตรเครดิต/เดบิต หรือ e-wallet ได้

ที่สำคัญ เมื่อคุณฝากเงินเข้าบัญชีด้วยสกุลเงินดอลลาร์ eToro จะไม่คิดค่าธรรมเนียมการฝากใดๆ นอกจากเหรียญคริปโตแล้ว eToro ยังเป็นโบรกเกอร์ที่ให้คุณได้ลงทุนในหุ้น, กองทุน ETF, สินค้าค้าโภคภัณฑ์, และ Forex ได้อีกด้วย ทั้งยังมีแอพบนมือถือที่ใช้งานง่ายเช่นกัน

เหรียญ Staking ที่มีCardano, Tron, Ethereum
รางวัล Staking ของเหรียญคริปโตเริ่มต้นที่ 75% และแตกต่างไปตาม eToro Club ที่คุณเป็นสมาชิก
จำนวนการ Staking ต่ำสุดและสูงสุดการลงทุนจะให้ผลตอบแทนอย่างน้อย $1 เป็นรางวัลจากการ Stake
ระยะเวลาการล็อคไม่มีระยะเวลา แต่ควรถือสถานะซื้อไว้อย่างน้อย 9 วันสำหรับ Cardano และ 7 วันสำหรับ Tron
ระยะเวลาในการจ่ายดอกเบี้ยรายเดือน

[/su_table]

ข้อดี

  • ได้รับการกำกับดูแลโดย FCA, CySEC, ASIC, และ ก.ล.ต.
  • รองรับเหรียญคริปโตเกือบ 60 รายการ
  • ฝากขั้นต่ำเพียง $10
  • มีกระเป๋าเงินคริปโตฟรีๆ

ข้อเสีย

  • มีเพียง 3 เหรียญคริปโตที่สามารถ Stake ได้

ไปยัง eToro ตอนนี้

สินทรัพย์คริปโตมีความผันผวนสูงและเป็นการลงทุนที่ไม่มีการกำกับดูแล 

การ Staking เหรียญคืออะไร?

การ Staking เหรียญ คือกระบวนการ Stake เหรียญ (PoS) ของบล็อกเชนต่างๆ ที่ให้คุณได้รับรางวัลเป็นเหรียญคริปโต ซึ่งคุณสามารถทำได้โดยเปิด Node ของตน หรือจะฝากเหรียญคริปโตเอาไว้ในกระดานเทรดที่รองรับการ Staking

การใช้กลยุทธ์การ Staking เหรียญคริปโตที่ไม่ได้ใช้งานนั้นจะมอบดอกเบี้ยให้คุณแทนที่จะถือเหรียญคริปโตเอาไว้เฉยๆ ในกระเป๋าเงินคริปโตจนกว่าคุณจะพร้อมขาย

นี่คือตัวอย่างวิธีการรับรางวัลจากการ Staking แบบย่อ

  • สมมติว่าคุณต้องการ Stake เหรียญ Ethereum
  • โดยแพลตฟอร์ม Stake ที่คุณเลือกจะมอบผลตอบแทนต่อปีของเหรียญ Ethereum ที่ 10%
  • คุณตัดสินใจ Stake เหรียญ ETH มูลค่า $1,000 เป็นเวลา 6 เดือน
  • ซึ่งหมายความว่าภายใน 1 ปี คุณจะได้รับผลตอบแทน $100 เป็นรางวัล
  • ซึ่งจะคิดเป็น $50 ในระยะเวลา 6 เดือน

โปรดจำไว้ว่าผลตอบแทนจะถูกจ่ายเป็นโทเค็น ETH โดยมูลค่าของเหรียญ Ethereum นั้นอาจจะเพิ่มขึ้นระหว่างการ Staking ซึ่งแปลว่าจะผลตอบแทนจะสูงขึ้นนั่นเอง

การ Staking นั้นเป็นวิธีในการสร้างรายได้แบบพาสซีฟง่ายๆ โดยเฉพาะอัตราดอกเบี้ยตอบแทนที่ค่อนข้างสูงของเหรียญคริปโต

ประโยชน์ของการ Staking เหรียญคริปโต

เมื่อคุณได้อ่านมาถึงตรงนี้ คุณจะเข้าใจว่าการ Stake เหรียญนั้นมีประโยชน์อย่างมาก เพื่อให้คุณเข้าใจมากขึ้น เราจะอธิบายประโยชน์ของการ Staking ดังนี้:

  • การ Stake เหรียญคริปโตนั้นจะมอบผลตอบแทนจากเหรียญคริปโตแทนที่จะถือไว้เฉยๆ  ไว้ในกระเป๋าคริปโต
  • นอกจากนี้ คุณยังได้เก็บเหรียญคริปโตเอาไว้ในระหว่างการสร้างผลตอบแทนได้
  • นักลงทุนหลายคนเลือกการ Stake เหรียญเพื่อลดความเสี่ยงเมื่อมูลค่าของเหรียญลดลง

ในอีกแง่หนึ่ง เมื่อคุณ Stake เหรียญคริปโต คุณก็จะได้รับผลตอบแทนไม่ว่ามูลค่าเหรียญจะเหลือเท่าไหร่ นอกจากนี้ หากคุณไม่ได้ล็อคเหรียญเอาไว้ คุณก็สามารถถอนเหรียญออกเพื่อนำไปขายได้ตลอดเวลา

วิธีการเลือกเหรียญ Staking ที่ดีที่สุดสำหรับคุณ

หากถามว่าจะ Staking เหรียญคริปโตไหนดีนั้นก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับผลตอบแทนต่อปีเพียงอย่างเดียว

หากคุณกังวลว่าจะ Staking เหรียญไหนดีนั้น คุณจะต้องพิจารณาถึงปัจจัยดังนี้

ระยะเวลาการล็อคเหรียญ

หนึ่งในปัจจัยที่ควรคำนึงถึงเป็นอันดับแรกๆ ก็อาจจะเป็นระยะเวลาการ Staking เพื่อรับผลตอบแทน

วิธีที่ดีที่สุดก็คือการเลือกแผนที่มีความยืดหยุ่นที่ให้คุณสามารถเข้าถึงเหรียญคริปโตได้ตลอดเวลา

แม้แผนแบบตายตัวจะให้ผลตอบแทนต่อปีในระดับสูง แต่การล็อคเหรียญเอาไว้อาจทำให้คุณเสียโอกาสในตลาดได้นั่นเอง

จำนวนเหรียญที่มีจำกัด

เหรียญคริปโตที่มีจำนวนจำกัดจะทำให้มีอุปสงค์มากขึ้นในตลาด ซึ่งอาจเป็นประโยชน์สำหรับการหาเหรียญ Staking ที่ดีที่สุด โดยเฉพาะมีโอกาสที่มูลค่าของโทเค็นสูงขึ้น

ตามหลักอุปสงค์อุปทานขั้นพื้นฐาน หากเหรียญคริปโตมีจำนวนจำกัด อุปสงค์ก็จะเพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้ราคาเพิ่มขึ้นและจะให้รางวัลการ Staking สูงขึ้นนั่นเอง

นอกจากเหรียญ Staking ที่ดีที่สุดที่กล่าวไป สินทรัพย์อย่าง Chainlink, Algorand และ Uniswap ก็มีจำนวนจำกัดเช่นกัน

ประโยชน์ของเหรียญ

ดังที่กล่าวไปข้างต้น คุณจะได้ประโยชน์หากมูลค่าของเหรียญ Staking เพิ่มขึ้น ซึ่งแปลว่าคุณสามารถทำการศึกษาว่าเหรียญคริปโตใดที่มีโอกาสในการเติบโตในอนาคต

หากเหรียญคริปโตดังกล่าวมีประโยชน์การใช้งานในโลกจริงก็อาจจะทำให้เหรียญมีมูลค่าเพิ่มขึ้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าได้

ด้วยเหตุนี้ เหรียญคริปโตนั้นๆ ก็จะมีอุปสงค์และมีมูลค่าเพิ่มขึ้นนั่นเอง

ด้วยวิธีนี้ แม้ผลตอบแทนต่อปีจะต่ำ แต่คุณก็ยังสามารถทำกำไรได้จากการขายเหรียญนั่นเอง

วิธีการ Stake เหรียญบน AQRU

แม้จะมีหลายแพลตฟอร์มที่รองรับเหรียญ Staking ที่ดีที่สุด แต่กระบวนการซื้อเหรียญนั้นๆ ก็อาจจะยุ่งยากไปบ้าง โดยเฉพาะกับนักลงทุนมือใหม่

เพื่อคลายข้อกังวล เราจะมาแนะนำวิธีการซื้อเหรียญ Staking ผ่านแพลตฟอร์มใช้ง่ายอย่าง AQRU

ขั้นตอนที่ 1: สร้างบัญชี

เพื่อเริ่มรับดอกเบี้ยจากเหรียญ Staking ที่ดีที่สุดที่ AQRU คุณจะต้องสร้างบัญชีก่อน โดยไปที่เว็บไซต์ AQRU และกดปุ่ม “Sign Up”

สร้างบัญชี aqru

ตามภาพด้านบน คุณจะต้องกรอกอีเมลและตั้งรหัสผ่าน

จากนั้นคุณสามารถกดปุ่ม “Create Account” เพื่อไปยังขั้นตอนถัดไป

ขั้นตอนที่ 2: ยืนยันตัวตน

AQRU ให้ความสำคัญกับเรื่องความปลอดภัยอย่างมาก ซึ่งหมายความว่าคุณจะต้องยืนยันตัวตนก่อนจะเข้าถึงเหรียญ Staking ที่ดีที่สุด

แม้กระบวนการอาจดูยุ่งยาก แต่คุณเพียงต้องใช้สิ่งต่อไปนี้:

  • บัตรประจำตัวที่ทางราชการออกให้
  • บิลค่าสาธารณูปโภคหรือใบแจ้งยอดธนาคาร

AQRU มีขั้นตอนแบบอัตโนมัติ ซึ่งคุณจะได้รับการยืนยันภายในไม่กี่นาที 

ขั้นตอนที่ 3: ฝากเงิน

คุณจะต้องฝากเงินในบัญชี AQRU ซึ่งสามารถฝากได้ทั้งสกุลเงินทั่วไป เช่น ดอลลาร์สหรัฐ ปอนด์อังกฤษ หรือยูโร ด้วยการโอนเงินผ่านธนาคารหรือการใช้บัตรเครดิต/เดบิต

ซึ่งจะไม่มีการเก็บค่าธรรมเนียมการฝากใดๆ

นอกจากนี้ หากคุณมีเหรียญที่รองรับอยู่แล้ว คุณก็สามารถโอนเหรียญคริปโตได้ทันที โดยตอนนี้ AQRU รองรับการฝาก Bitcoin (BTC), Ethereum (ETH), Tether (USDT), USD Coin (USDC) และ Dai (DAI) 

ขั้นตอนที่ 4: เข้าถึงเหรียญ Staking

เมื่อคุณเพิ่มเงินเข้าบัญชีแล้ว คุณก็สามารถซื้อเหรียญ Staking ที่ดีที่สุดที่คุณสนใจได้ โดย AQRU จะแสดงตัวเลือกการลงทุนต่างๆ และเปอร์เซ็นต์ของผลตอบแทนที่จะได้รับอีกด้วย

สมมุติว่าคุณต้องการซื้อ Ethereum และรับผลตอบแทนจากเหรียญ ETH ของคุณ

คุณเพียงแค่เลือกเหรียญ Ethereum และเลือกจำนวนที่ต้องการลงทุน หลังจากยืนยันการซื้อแล้ว ที่หน้าหลักของ AQRU จะแสดงดอกเบี้ยที่คุณได้รับแบบเรียลไทม์ 

AQRU ให้คุณสามารถสะสมรายได้แบบพาสซีฟได้จากเหรียญ Staking ที่ดีที่สุดโดยไม่ต้องลงแรงอะไรมากมาย

บทสรุป

การ Staking เหรียญคริปโตนั้นทำให้คุณสร้างรายได้แบบพาสซีฟได้โดยไม่ต้องขายเหรียญ

คู่มือนี้ได้อธิบายถึงบรรดาเหรียญ Staking ที่ดีที่สุดในปี 2023 และกระดานเทรดที่คุณควรพิจารณา

หนึ่งในเหรียญที่ดีที่สุดที่อยากแนะนำคือเหรียญ cryptocurrency meme – AiDoge ใหม่นี้จะช่วยให้นักลงทุนสามารถสร้างภาพขึ้นมาอย่างสนุกสนานได้ในไม่กี่วินาทีโดยใช้กลไกที่ขับเคลื่อนด้วย AI นอกจากนี้ โทเค็นหลัก $Ai ยังสามารถใช้ stake เพื่อรับรางวัลรายวันและเข้าถึงสิทธิพิเศษเฉพาะ เช่น เทมเพลตมีมพิเศษและสิทธิ์การลงคะแนนเสียงในการกำกับดูแล

Categories
Bitcoins Crypto News คู่มือคริปโต รับดอกเบี้ยคริปโต

“บัญชีดอกเบี้ยคริปโต” ที่ดีที่สุด 2023 – วิธีรับดอกเบี้ยออมเหรียญคริปโต 

นักลงทุนคริปโตมือใหม่จำนวนมากอาจไม่ทราบว่าสามารถได้รับดอกเบี้ยจากการออมเหรียญคริปโต ได้เช่นเดียวกับบัญชีธนาคาร แต่จะแตกต่างจากบัญชีธนาคารทั่วไปตรงที่คุณสามารถเข้าถึงผลตอบแทนที่น่าสนใจกว่าอย่างเห็นได้ชัด

ในบทความสำหรับมือใหม่นี้เราจะพูดถึงบัญชีดอกเบี้ยคริปโตที่ดีที่สุด ในแง่ของชื่อเสียง, โทเค็นที่รองรับ, ผลตอบแทนต่อปี, เงื่อนไขการล็อก, และอื่น ๆ

รายชื่อบัญชีดอกเบี้ยคริปโตที่ดีที่สุดแห่งปี 2023

4 แพลตฟอร์มด้านล่างนี้เป็นผู้ให้บริการบัญชีดอกเบี้ย Crypto โดยรวมที่ดีที่สุดแห่งปี 2023

  1. OKX – กระดานแลกเปลี่ยนที่ให้ผลตอบแทนต่อปีถึง 300% จากเหรียญคริปโตยอดนิยม
  2. Battle Infinity – Stake IBAT เพื่อรับผลตอบแทนต่อปี 25%
  3. DeFi Swap – บัญชีดอกเบี้ยคริปโตที่ให้ผลตอบแทนต่อปีสูงถึง 75%
  4. Aqru – บัญชีดอกเบี้ยคริปโตโดยรวมที่ดีที่สุดสำหรับนักลงทุน
  5. Nexo – บัญชีดอกเบี้ยคริปโตยอดนิยมที่มีค่าธรรมเนียมต่ำ
  6. YouHodler – บัญชีดอกเบี้ยคริปโตระดับโลก พร้อมให้ดอกเบี้ยทบต้นจากการออมคริปโต

ไปยังบัญชีดอกเบี้ยคริปโตที่ดีที่สุด

อ่านรีวิวของเราเกี่ยวกับบัญชีดอกเบี้ยคริปโตได้ด้านล่าง

รีวิวแพลตฟอร์มบัญชีดอกเบี้ยคริปโตยอดนิยม

ทำเงินจากคริปโตเคอเรนซี่อย่างไร? บัญชีดอกเบี้ยคริปโตที่ดีที่สุดในตลาดนั้นมีปัจจัยหลักๆ หลายประการที่ไม่ควรมองข้าม สิ่งนี้ไม่เพียงแต่รวมถึงความปลอดภัยของเงินทุนของคุณเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเหรียญและผลตอบแทนอีกด้วย 

โดยวิธีที่ดีที่สุดโดยรวมในการฝากคริปโตได้ดอกเบี้ย ในปัจจุบันก็คือการใช้งานผู้ให้บริการทั้ง 6 ที่เราได้รีวิวไว้ด้านล่าง

1. OKX – กระดานแลกเปลี่ยนที่ให้ผลตอบแทนต่อปีถึง 300% จากเหรียญคริปโตยอดนิยม

OKX เป็นแพลตฟอร์มบัญชีดอกเบี้ยคริปโตยอดนิยม ที่มีเครื่องมือการซื้อขายขั้นสูงและค่าธรรมเนียมการซื้อเหรียญคริปโตที่ต่ำ OKX ยังมีตัวเลือกมากมายสำหรับการรับดอกเบี้ยจากสกุลเงินดิจิทัล

OKX มีบัญชีออมทรัพย์คริปโตที่ให้ผลตอบแทนต่อปีถึง 300% ทั้งยังรองรับเหรียญนับร้อยและโดยจะจ่ายดอกเบี้ยเป็นรายชั่วโมงเพื่อเริ่มทบต้นได้อย่างรวดเร็ว

OKX บัญชีดอกเบี้ยคริปโต บัญชีดอกเบี้ย Crypto

OKX สามารถ staking เหรียญคริปโตยอดนิยมมากมาย ซึ่งให้อัตราผลตอบแทนต่อถึง 12%  และเหรียญทั้งหมดจะถูกล็อกเป็นเวลา 90 วัน

พร้อมมีข้อเสนอพิเศษ ซึ่งมีเวลาจำกัดสำหรับนักลงทุนในการ staking เป็นระยะเวลาหลายวันและรับอัตราดอกเบี้ยที่สูง เช่น บางข้อเสนออาจให้ผลตอบแทนที่  500% สำหรับการ staking Bitcoin เป็นเวลา 5 วัน

OKX ยังมี crypto wallet บนมือถือเพื่อให้ง่ายต่อการจัดเก็บเหรียญอย่างปลอดภัยเมื่อไม่ได้นำเหรียญไป stake บนกระดานแลกเปลี่ยน

อัตราผลตอบแทนต่อปีจากเหรียญคริปโต1%-300%
ข้อจำกัดในการฝากเงินต่ำสุดและสูงสุดไม่ระบุ
ระยะเวลาการล็อกยืดหยุ่นหรือ 90 วัน
รางวัลเพิ่มเติมไม่ระบุ
ระยะเวลาในการจ่ายดอกเบี้ยรายชั่วโมง

รับดอกเบี้ยคริปโตจาก OKX ตอนนี้

สินทรัพย์คริปโตมีความผันผวนสูงและเป็นการลงทุนที่ไม่มีการกำกับดูแล 

2. Battle Infinity – Stake IBAT เพื่อรับผลตอบแทนต่อปี 25%

Battle Infinity เป็นหนึ่งในพรีเซลล์ที่ดีที่สุดแห่งปีด้วยเหรียญ IBAT และมีเหรียญ ICO บน Pancakeswap ตอนนี้ staking pools สำหรับ IBAT เปิดให้ใช้งานบนแพลตฟอร์ม Battle Infinity และให้ผลตอบแทนต่อปีสูงถึง 25%

พร้อมความยืดหยุ่นที่จะให้ถอนเหรียญได้ตลอดเวลา มีผลตอบแทนต่อปี 12% และสามารถนำรางวัลที่ได้จากการ staking ไปลงทุนใหม่ สำหรับนักลงทุนที่ต้องการล็อกเหรียญเพื่ออัตราผลตอบแทนที่สูงขึ้น ระยะเวลาล็อกเหรียญคือ 30, 90, 180 หรือ 360 วัน โดยจะให้ผลตอบแทนต่อปีตั้งแต่ 14% ถึง 25%

Battle Infinity Staking Stake IBAT ดอกเบี้ยคริปโต

Battle Infinity จะให้ผู้เล่นได้เข้าถึงเกมต่างๆ เช่น IBAT Premier League ซึ่งเป็นเกมกีฬาแฟนตาซีที่ play to earn โดยทีมพัฒนา Battle Infinity ผู้เล่นยังสามารถเข้าถึงมินิเกมที่ถูกสร้างโดยนักพัฒนาภายนอก ส่งผลให้ระบบนิเวศของเกมมีความหลากแหละและเพิ่มพูนประสบการณ์การเล่นได้อย่างต่อเนื่อง

IBAT เป็นหัวใจหลักของระบบนิเวศนี้ นอกเหนือจากการใช้เพื่อรับดอกเบี้ยแล้ว IBAT ยังแจกจ่ายเป็นรางวัลให้กับผู้เล่นที่เข้าร่วม IBAT Premier League และสามารถใช้ซื้อสินค้าเสมือนได้ที่ตลาด Battle Infinity

นักลงทุน IBAT สามารถ staking IBAT ผ่านกระเป๋าเงิน Metamask หรือกระเป๋าเงินใด ๆ ที่ WalletConnect รองรับ โดยการ staking IBAT จะอยู่บน Binance Smart Chain

อัตราผลตอบแทนต่อปีจากเหรียญคริปโตIBAT – 12%-25%
ข้อจำกัดในการฝากเงินต่ำสุดและสูงสุดไม่ระบุ
ระยะเวลาการล็อกตั้งแต่ไม่มีระยะเวลาไปจนถึง 360 วัน
รางวัลเพิ่มเติมไม่ระบุ
ระยะเวลาในการจ่ายดอกเบี้ยรับได้ด้วยตนเอง

รับดอกเบี้ยคริปโตจาก Battle Infinity ตอนนี้

สินทรัพย์คริปโตมีความผันผวนสูงและเป็นการลงทุนที่ไม่มีการกำกับดูแล 

3. DeFi Swap – บัญชีดอกเบี้ยคริปโตที่ให้ผลตอบแทนต่อปีสูงถึง 75%

DeFi Swap คือ decentralized exchange ใหม่ล่าสุดบน Binance Smart Chain ซึ่งสามารถแลกเปลี่ยนโทเค็น, staking, และ yield farming โดย DeFi Swap ขับเคลื่อนโดย DeFi Coin (DEFC) ซึ่งเป็นโทเค็น BEP-20 ที่ได้สร้างผลตอบแทนมหาศาลเมื่อกระดานเทรดเปิดตัว

ในฐานะหนึ่งในกระดานซื้อขาย DeFi ที่ดีที่สุด DeFi Swap นั้นง่ายในการสร้างผลตอบแทนจากการถือเหรียญคริปโตที่ไม่ได้ใช้งาน นักลงทุนสามารถสร้างกระแสรายได้ที่มั่นคงผ่าน liquidity pool ของ DeFi Swap โดยจะใช้ liquidity pool แทนคำสั่งซื้อแบบดั้งเดิม การแลกเปลี่ยนจึงมีราคาถูกลง

Defi Swap ออมเหรียญคริปโต ออมคริปโต ฝากคริปโตได้ดอกเบี้ย

ผลตอบแทนต่อปีจาก DeFi Swap จะขึ้นอยู่กับระดับที่คุณเลือก โดยปัจจุบันมีสี่ระดับ:

  • Bronze: ล็อก 30 วัน ผลตอบแทนต่อปี 30%
  • Silver: ล็อก 90 วัน ผลตอบแทนต่อปี 45%
  • Gold: ล็อก 180 วัน ผลตอบแทนต่อปี 60%
  • Platinum: ล็อก 365 วัน ผลตอบแทนต่อปี 75%

ผลตอบแทนดังกล่าวทำให้ DeFi Swap เป็นหนึ่งในแอพ DeFi ที่ดีที่สุด ในด้านผลตอบแทน โดยคุณสามารถเชื่อม crypto wallet ที่เข้ากันได้กับ BSC ได้อย่างง่ายดายในเวลาเพียงไม่กี่นาที ปัจจุบัน DeFi Swap รองรับ MetaMask และ WalletConnect ซึ่งทั้งสองเป็นผู้ให้บริการกระเป๋าเงินยอดนิยม

DeFi Swap จะเพิ่มข้อมูลการสัมมนาผ่านเว็บและข้อมูลตลาดแบบเรียลไทม์ และคุณสามารถถือ DEFC ไว้ในกระเป๋าเงินเพื่อสร้างรายได้เพิ่มเติม และทำให้คุณได้รับส่วนแบ่งจากระบบภาษีในตัวของโทเค็นอีกด้วย

อัตราผลตอบแทนต่อปีจากเหรียญคริปโตDeFi Coin 30%-75%
ข้อจำกัดในการฝากเงินต่ำสุดและสูงสุดขั้นต่ำ – ไม่มีสูงสุด – ไม่มี
ระยะเวลาการล็อก30, 90, 180 หรือ 365 วัน
ความปลอดภัยและกฎระเบียบกระดานเทรด DEX
รางวัลเพิ่มเติมผู้ถือโทเค็นจะได้รับค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมจากการซื้อขาย DeFi Coin
ระยะเวลาในการจ่ายดอกเบี้ยรายเดือน

รับดอกเบี้ยคริปโตจาก DeFi Swap ตอนนี้

สินทรัพย์คริปโตมีความผันผวนสูงและเป็นการลงทุนที่ไม่มีการกำกับดูแล

4. Aqru – บัญชีดอกเบี้ยคริปโตโดยรวมที่ดีที่สุดสำหรับนักลงทุน

หากคุณกำลังมองหาบัญชีดอกเบี้ยคริปโตเพื่อสร้างรายได้จากตลาดเหรียญคริปโต เราขอแนะนำ Aqru ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มคริปโต yield farming ที่ให้คุณได้รับผลตอบแทนที่น่าดึงดูดใจสูงถึง 7% จากเหรียญที่มีมูลค่าคงที่ และถ้าคุณถือ Bitcoin หรือ Ethereum ที่ Aqru ก็จะจ่ายผลตอบแทนให้คุณที่ 1% ต่อปี

บัญชีออมทรัพย์คริปโตทั้งหมดบน Aqru นั้นมีความยืดหยุ่น ให้สามารถถอนเหรียญได้ตลอดเวลา Aqru สามารถให้ผลตอบแทนต่อปีที่น่าสนใจได้จากบัญชีดอกเบี้ยคริปโตของแพลตฟอร์ม เพราะเหรียญคริปโตของคุณจะใช้ในการปล่อยกู้นั่นเอง

Aqru ฝากคริปโตได้ดอกเบี้ย

ผู้ที่กู้เหรียญคริปโตบน Aqru จะต้องจ่ายอัตราดอกเบี้ยเพิ่ม Aqru ยังมีแอพมือถือที่ใช้งานง่ายบนมือถือและรองรับการฝากในสกุลเงินทั่วไปอีกด้วย โปรดอ่านบทความธนาคารคริปโตที่ดีที่สุดเพื่อเป็นข้อมูลเพิ่มเติม

อ่านรีวิว Aqru ของเราเพื่อศึกษาเพิ่มเติม

อัตราผลตอบแทนต่อปีจากเหรียญคริปโต· เหรียญที่มีมูลค่าคงที่ (USDC, USDC Maple) – สูงถึง 7%· เหรียญคริปโตทั่วไป (BTC, ETH) – 1%
ข้อจำกัดในการฝากเงินต่ำสุดและสูงสุดขั้นต่ำ 100 ยูโร (110.80 ปอนด์) ไม่มีขั้นสูงสุด
ระยะเวลาการล็อกไม่มีระยะเวลาล็อก ถอนเงินได้ตลอดเวลา
ความปลอดภัยและกฎระเบียบ·  ควบคุมโดยสาธารณรัฐลิทัวเนีย·  ผู้ให้บริการสินทรัพย์เสมือนภายใต้กฎหมายลิทัวเนีย
รางวัลเพิ่มเติมไม่ระบุ
ระยะเวลาในการจ่ายดอกเบี้ยรายวัน

รับดอกเบี้ยคริปโตจาก Aqru ตอนนี้

สินทรัพย์คริปโตมีความผันผวนสูงและเป็นการลงทุนที่ไม่มีการกำกับดูแล 

5. Nexo – บัญชีดอกเบี้ยคริปโตยอดนิยมที่มีค่าธรรมเนียมต่ำ

Nexo เป็นบัญชีบัญชีดอกเบี้ยคริปโตยอดนิยมที่รองรับโทเค็นมากมายและให้ผลตอบแทนสูง ให้คุณได้รับดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นจากการ stake โทเค็นหลัก เช่น Bitcoin จะให้ผลตอบแทนที่ 6% ต่อปี โดยไม่ต้อง staking

Nexo จะให้ผลตอบแทนต่อปีถึง 8% จากการ staking ส่วนเหรียญอื่นๆ จะได้ 9/11% จาก ATOM, 14/16% จาก MATIC, 16/18% จาก FTM ส่วนผลตอบแทนจาก stablecoins จะแตกต่างกันไป ซึ่งสูงกว่าเมื่อเทียบกับอัตราผลตอบแทนโดยเฉลี่ยในตลาด และจะไม่มีระยะเวลาล็อกโทเค็นใดๆ

Nexo บัญชีดอกเบี้ย Crypto ออมเหรียญคริปโต

คุณยังสามารถถอนโทเค็นออกจาก Nexo ได้อย่างง่ายในปุ่มเดียว แพลตฟอร์มยังมีผลิตภัณฑ์และบริการอื่นๆ ได้แก่ การ์ด Nexo ที่สามารถนำไปใช้จ่ายได้ในชีวิตประจำวัน Nexo ยังสามารถใช้ในการแลกเปลี่ยนระหว่างคู่เหรียญคริปโตได้กว่า 200 สกุล และเข้าถึงเลเวอเรจได้สูงสุดถึง 3 เท่า

แม้แพลตฟอร์มคริปโตอื่นๆ เช่น Celsius และ Finblox จะระงับการถอนเงินออก พร้อมกันกับความผิดพลาดของตลาดคริปโตและปัญหาเกี่ยวกับ Three Arrows Capital ซึ่งเป็นนักลงทุนใน Finblox แต่ Nexo ก็ยังให้บริการผู้ใช้ต่อไป 

อัตราผลตอบแทนต่อปีจากเหรียญคริปโตสูงถึง 36% สำหรับบางเหรียญ
ข้อจำกัดในการฝากเงินต่ำสุดและสูงสุดแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสินทรัพย์ (เช่น 0.001 BTC, 0.01 ETH เป็นต้น)
ระยะเวลาการล็อกระยะเวลาล็อกแบบยืดหยุ่นหรือแบบหนึ่งเดือน
ความปลอดภัยและกฎระเบียบลงทะเบียนกับ FinCENใบอนุญาตผู้ส่งเงินในรัฐต่างๆ ของสหรัฐอเมริกา
รางวัลเพิ่มเติมอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นหากคุณเลือกรับผลตอบแทนเป็น NEXO
ระยะเวลาในการจ่ายดอกเบี้ยรายวัน

รับดอกเบี้ยคริปโตจาก Nexo ตอนนี้

สินทรัพย์คริปโตมีความผันผวนสูงและเป็นการลงทุนที่ไม่มีการกำกับดูแล

6. YouHodler – บัญชีดอกเบี้ยคริปโตระดับโลก พร้อมให้ดอกเบี้ยทบต้นจากการออมคริปโต

YouHodler จะมาปฏิวัติวงการสินเชื่อและดอกเบี้ยดิจิตอล ที่มีทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินและ blockchain โดยเฉพาะ ซึ่งได้เติบโตและมีผู้ใช้งานมากกว่า 150,000 รายทั่วโลก

YouHodler มุ่งเน้นไปที่ความปลอดภัยของผู้ใช้เป็นอย่างยิ่ง โดยจะเก็บโทเค็นของผู้ใช้ไว้ใน crypto wallet และ cold wallet เพื่อให้สินทรัพย์ปลอดภัยยิ่งขึ้น นอกจากนี้ YouHodler ยังได้รวมเอาเทคโนโลยี Ledger Vault ไว้ในแพลตฟอร์ม ทำให้ผู้ใช้ทุกคนสามารถเลือกใช้งานตัวเลือกการดูแลขั้นสูงต่างๆ ได้ตามต้องการ

YouHodler บัญชีดอกเบี้ยคริปโต

พร้อมอัตราดอกเบี้ยที่ยอดเยี่ยม โดยผู้ใช้มีโอกาสได้รับดอกเบี้ยทบต้นสูงถึง 15% จากการจัดเก็บสินทรัพย์เอาไว้บน YouHodler แพลตฟอร์มยังรองรับสินทรัพย์ดิจิทัลมากกว่า 50 รายการและ Stablecoin ที่สำคัญทั้งหมด (USDT, USDC, TUSD, HUSD, PAX, DAI, EURS) ซึ่งไม่มีแพลตฟอร์มใดเทียบได้ ให้ผู้ใช้มีโอกาสในการได้รับดอกเบี้ยจากการกระจายความเสี่ยงลงในพอร์ตการลงทุนนั่นเอง

YouHodler เป็นตัวเลือกในการฝากคริปโตได้ดอกเบี้ยที่ยอดเยี่ยม ด้วยสินทรัพย์ที่แพลตฟอร์มรองรับมากมาย ประกอบกับอัตราดอกเบี้ยสูง และทีมงานที่มุ่งมั่น ทำหมดนี้รวมกันทำให้ YouHodler เป็นหนึ่งในบัญชีดอกเบี้ยคริปโตที่ดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย

อัตราผลตอบแทนต่อปีจากเหรียญคริปโตเหรียญที่มีมูลค่าคงที่ – สูงถึง 12.3%เหรียญคริปโตเคอเรนซี่ – สูงถึง 6.8%
ข้อจำกัดในการฝากเงินต่ำสุดและสูงสุดขั้นต่ำ – $100สูงสุด – ไม่มี
ระยะเวลาการล็อก30, 90, 180 หรือ 365 วัน (ถอนได้ตลอดเวลา)
ความปลอดภัยและกฎระเบียบกระดานเทรด DEX
รางวัลเพิ่มเติมไม่ระบุ
ระยะเวลาในการจ่ายดอกเบี้ยรายสัปดาห์

รับดอกเบี้ยคริปโตจาก YouHodler ตอนนี้

สินทรัพย์คริปโตมีความผันผวนสูงและเป็นการลงทุนที่ไม่มีการกำกับดูแล

เปรียบเทียบบัญชีดอกเบี้ย Crypto ที่ดีที่สุด

สำหรับภาพรวมโดยย่อของ 6 บัญชีดอกเบี้ย Crypto ที่เราได้รีวิวไปก่อนหน้า ก็อยู่ในตารางเปรียบเทียบด้านล่าง

ดอกเบี้ยจาก BTCดอกเบี้ยจาก Stablecoinsเงื่อนไขการล็อก
OKX5%10%ยืดหยุ่นหรือ 90 วัน
Battle Infinityไม่ระบุ (สูงสุด 25% สำหรับ IBAT)ไม่ระบุยืดหยุ่นหรือ 30, 90, 180, 360 วัน
DeFi Coinไม่ระบุ (สูงสุด 75% สำหรับ DEFC)ไม่ระบุ30, 90, 180, 365 วัน
Aqru1%สูงถึง 7%ยืดหยุ่น
Nexoสูงถึง 8%สูงถึง 20%ยืดหยุ่น
YouHodler6.8%สูงถึง 12.3%ยืดหยุ่น

ตัวเลขในตารางดังกล่าวนั้นถูกต้องในขณะที่เขียนเท่านั้น

ดอกเบี้ยคริปโตทำงานอย่างไร?

เมื่อคุณลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล คุณจะทำกำไรได้ก็ต่อเมื่อมูลค่าของโทเค็นเพิ่มขึ้นและขายออกไป อย่างไรก็ตาม แนวทางการลงทุนใหม่ทั้งหมดได้มีเพิ่มขึ้นตลาด blockchain ในรูปแบบของบัญชีดอกเบี้ยคริปโต

ซึ่งเหมือนกับบัญชีธนาคารแบบดั้งเดิม ถ้าออมเหรียญคริปโต คุณก็จะได้รับอัตราดอกเบี้ย และ บัญชีดอกเบี้ยคริปโตบางบัญชีนั้นมาพร้อมกับเงื่อนไขการล็อกเหรียญ และยังมีนโยบายการถอนที่ยืดหยุ่นอีกด้วย

ดอกเบี้ยคริปโตทำงานอย่างไร? ฝากคริปโตได้ดอกเบี้ย

เหรียญคริปโตที่คุณฝากและผู้ให้บริการจะเป็นตัวกำหนดว่าคุณจะได้รับดอกเบี้ยเท่าใด ด้วยเหตุนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องศึกษาเพื่อเลือกบัญชีดอกเบี้ยคริปโตที่ดีที่สุดนั่นเอง

โดยสิ่งสำคัญคือคุณต้องเข้าใจว่าแพลตฟอร์มจะสามารถจ่ายดอกเบี้ยให้กับคุณจากประเภทสินทรัพย์ดิจิทัลที่สร้างผลกำไรจากการลงทุนเท่านั้นได้อย่างไร

บัญชีดอกเบี้ยคริปโตจ่ายดอกเบี้ยอย่างไร?

ผู้ให้บริการบัญชีดอกเบี้ยคริปโตสามารถจ่ายดอกเบี้ยจากโทเค็นดิจิทัลที่ไม่ได้ใช้งานของคุณผ่านรูปแบบของเงินกู้ส่วนกลาง พูดง่ายๆ ก็คือเมื่อคุณออมคริปโตลงในแพลตฟอร์ม ผู้ให้บริการจะใช้เงินของคุณปล่อยกู้ให้กับผู้ที่ต้องการยืมนั่นเอง

มาดูตัวอย่างเบื้องต้นของวิธีการทำงานกัน:

  • คุณฝาก Bitcoin มูลค่า $1,000 เข้าบัญชีดอกเบี้ยคริปโต
  • ผู้ให้บริการที่คุณเลือกให้ผลตอบแทนที่ 5% สำหรับระยะเวลาการล็อก 3 เดือน ดังนั้น คุณจะไม่สามารถถอนโทเค็นได้จนกว่าจะสิ้นสุดเงื่อนไขดังกล่าว
  • เงิน $1,000 ที่คุณฝากจะถูกนำไปใช้ในการปล่อยกู้ สมมติว่าผู้ที่ยืมเงินไปต้องจ่ายดอกเบี้ย 7% ต่อปี
  • สามเดือนผ่านไป คุณจะได้รับ $1,000 เป็นเหรียญ Bitcoin คืน
  • นอกจากนี้คุณยังได้รับดอกเบี้ยที่ 5% ซึ่งคิดเป็นเงิน 12.50 ดอลลาร์ในระยะเวลาการล็อกที่ 3 เดือน

จากตัวอย่าง ปัจจัยอย่างแรกและสำคัญที่สุดคือเราได้สมมติระยะเวลาล็อกที่ 3 เดือน แต่ผู้ให้บริการบัญชีดอกเบี้ยคริปโตที่ดีที่สุดนั้นจะมีเงื่อนไขที่หลากหลาย หลายแพลตฟอร์มมีบัญชีที่ยืดหยุ่นจะอนุญาตให้คุณถอนโทเค็นของคุณได้ตลอดเวลา

คุณจะสังเกตได้ว่าเนื่องจากผู้ที่กู้ยืมเงินไปเป็นผู้จ่ายดอกเบี้ย สิ่งนี้จึงมีความเสี่ยงในตัวมันเอง เพราะหากผู้ใช้จำนวนมากบนแพลตฟอร์มใดแพลตฟอร์มหนึ่งได้ผิดนัดชำระหนี้เหรียญคริปโต สิ่งนี้ก็อาจส่งผลให้คุณได้รับเงินคืนน้อยกว่าที่คุณลงทุนไปในตอนแรกนั่นเอง

แพลตฟอร์มที่มีอัตราดอกเบี้ยคริปโตที่สูงที่สุดคืออะไร?

ในขณะที่แพลตฟอร์มหนึ่งอาจเสนอผลตอบแทนต่อปีมากกว่าจากเหรียญ Bitcoin แต่อัตราดอกเบี้ยจากเหรียญ Ethereum ก็อาจไม่น่าสนใจเท่าไหร่

และด้วยเหตุนี้การเลือกเงื่อนไขที่ดีที่สุดสำหรับความเสี่ยงของคุณจึงเป็นเรื่องสำคัญ

  • อย่างไรก็ตาม เพื่อให้คุณเข้าใจว่ามีเงื่อนไขใดบ้าง ยกตัวอย่างเช่น มีผลตอบแทนสูงสุด 7% สำหรับเงินฝาก stablecoin และ 1% สำหรับ Bitcoin และ Ethereum
  • Coinbase นั้นให้อัตราผลตอบแทนต่อปีสำหรับเหรียญ stablecoin ที่ดีที่สุดแค่เพียง 2% ซึ่งจ่ายด้วยโทเค็น DAI
  • และที่ BlockFi คุณจะได้รับผลตอบแทนจาก Bitcoin และ Ethereum สูงสุดที่ 4.5% และ 5% ตามลำดับ

สิ่งที่ควรคำนึงถึงอีกข้อเมื่อค้นหาอัตราดอกเบี้ยคริปโตที่สูงที่สุดคือผลตอบแทนที่สูงขึ้นก็อาจเป็นผลที่มาจากเงื่อนไขที่ไม่เอื้ออำนวย

เช่น หากต้องการเพิ่มอัตราดอกเบี้ยที่ Crypto.com ให้ได้สูงสุด คุณไม่เพียงแต่จะต้องล็อกโทเค็นของคุณเป็นเวลา 90 วัน แต่คุณจะต้อง stake โทเค็นหลักของแพลตฟอร์มด้วย นั่นคือ CRO นี่คือประเด็นทั้งหมดที่ต้องคำนึงก่อนเริ่มลงทุน

คุณรู้หรือไม่ว่าคุณสามารถรับ Bitcoin ฟรีโดยไม่ต้องเสี่ยงกับการออมเหรียญคริปโตในตลาดที่ผันผวน? อ่านคู่มือวิธีรับ Bitcoin ฟรีของเราเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติม

เหรียญคริปโตที่ให้คุณรับดอกเบี้ยได้คืออะไร?

คุณสามารถรับดอกเบี้ยได้จากเหรียญคริปโตแทบทุกสกุล เพราะมันขึ้นอยู่กับแพลตฟอร์มว่ารองรับเหรียญคริปโตไหนบ้าง จากที่กล่าวมา บัญชีดอกเบี้ยคริปโตส่วนใหญ่จะมุ่งเน้นไปที่เหรียญคริปโตมูลค่าตลาดสูง เช่น Bitcoin, Ethereum, และ Cardano

หากคุณกำลังจะ stake สกุลเงินดิจิทัลที่มีสภาพคล่องน้อยซึ่งมีมูลค่าตามราคาตลาดที่น้อยกว่า Binance ก็น่าจะเป็นแพลตฟอร์มที่ดีที่สุดสำหรับจุดประสงค์ดังกล่าว

  • หากคุณกำลังมองหาผลตอบแทนสูงสุดโดยมีความผันผวนน้อยที่สุด ก็ไม่มีอะไรเทียบได้กับเหรียญที่มีมูลค่าคงที่ (stablecoins)
  • เนื่องจากบางแพลตฟอร์มเสนอผลตอบแทนต่อปีสูงถึง 7% สำหรับเหรียญที่มีมูลค่าคงที่อย่าง USDC
  • ด้วยเหตุนี้คุณจึงไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับราคาโทเค็นที่ผันผวนตลอดเวลาจากเหรียญคริปโตที่มีมูลค่าคงที่

แต่เมื่อเลือกรับดอกเบี้ยจากเหรียญคริปโตทั่วไป เช่น Bitcoin หรือ Ethereum ก็จะมีความเสี่ยงเสมอที่โทเค็นจะมีมูลค่าลดลง หากสิ่งนี้เกิดขึ้น คุณก็อาจได้ดอกเบี้ยน้อยลงจากบัญชีดอกเบี้ยคริปโตนั้นๆ นั่นเอง

ดอกเบี้ยทบต้นคริปโตคืออะไร?

ไม่ว่าจะเป็นหุ้น พันธบัตร หรืออสังหาริมทรัพย์ สินทรัพย์ที่สร้างรายได้จะทำให้พอร์ตการลงทุนของคุณเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว

นี่เป็นเพราะผลกระทบจากดอกเบี้ยทบต้น โดยการนำเงินปันผล หรือรายได้ค่าเช่ารายเดือนไปลงทุนใหม่ในสินทรัพย์อื่นๆ โดยตราสารที่คุณเพิ่งซื้อก็จะเริ่มสร้างผลตอบแทนได้เช่นกัน

และด้วยเหตุนี้คุณจะ ‘ได้รับดอกเบี้ยจากดอกเบี้ย’ และข่าวดีคือดอกเบี้ยทบต้นก็สามารถทำได้ผ่านบัญชีดอกเบี้ยคริปโตเช่นกัน

crypto compound interest ดอกเบี้ยทบต้นคริปโต

ซึ่งหมายความว่าทุกครั้งที่คุณได้รับผลตอบแทน ซึ่งมักจะเป็นแบบรายวัน คุณก็จะสามารถนำเงินไปลงทุนซ้ำในบัญชีที่มีดอกเบี้ยได้ตามลำดับ

และนั่นจะช่วยขยายเงินทุนคริปโตของคุณได้

ตัวอย่างเช่น:

  • สมมติว่าคุณลงทุน $1,000 ในบัญชีออมทรัพย์คริปโตที่จ่าย 10% ต่อปี
  • เมื่อพ้นปีแรก คุณจะได้รับดอกเบี้ย $100
  • หากคุณเลือกที่จะถอนเงิน $100 นี้ ยอดคงเหลือของคุณจะเปลี่ยนกลับเป็น $1,000 และในปีถัดไป คุณจะได้รับดอกเบี้ย $100 อีกครั้ง โดยสมมติว่าผลตอบแทนต่อปียังคงอยู่ที่ 10%
  • แต่หากคุณนำเงิน $100 กลับมาลงทุนในบัญชีดอกเบี้ยคริปโต ในปีถัดไปนั้นก็จะให้ผลตอบแทนการจ่ายดอกเบี้ยที่ $110
  • เนื่องจากยอดเงินรวม $1,100 ที่ผลตอบแทนต่อปี 10% ก็จะให้ผลตอบแทนที่ $110
  • จากนั้น หากคุณนำดอกเบี้ยไปลงทุนซ้ำอีกครั้ง ยอดเงินใหม่ของคุณจะอยู่ที่ 1,210 ดอลลาร์ หมายความว่าที่ผลตอบแทน 10% การจ่ายดอกเบี้ยในปีถัดไปจะอยู่ที่ 121 ดอลลาร์นั่นเอง

จากตัวอย่าง ทุกครั้งที่คุณลงทุนดอกเบี้ยคริปโตของคุณลงในบัญชีออมทรัพย์อีกครั้ง ผลตอบแทนของคุณก็จะเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ

รับดอกเบี้ยจากเหรียญคริปโตอย่างไร?

ตอนนี้เราจะแสดงวิธีการรับดอกเบี้ยจากเหรียญคริปโตบนแพลตฟอร์มยอดนิยมอย่าง Quint

ขั้นตอนที่ 1: ไปยัง Quint

ในการ stake โทเค็นกับ Quint ผู้ใช้จะต้องมีเหรียญคริปโต QUINT ก่อน โดยวิธีที่ดีที่สุดในการซื้อ Quint คือไปยังเว็บไซต์ Quint แล้วคลิก ‘Buy on Pancakeswap’

Quint

ขั้นตอนที่ 2: ซื้อ QUINT

เมื่อเข้าสู่ PancakeSwap แล้ว ให้เชื่อมต่อ crypto wallet เข้ากับแพลตฟอร์ม ป้อนจำนวนโทเค็น QUINT เพื่อซื้อโดยใช้ BNB ให้เสร็จสมบูรณ์

ซื้อ Quint บน Pancakeswap

ขั้นตอนที่ 3: เชื่อมต่อกับ Quint

กลับไปที่เว็บไซต์ Quint แล้วคลิก ‘Staking’ จากนั้นเลือก staking pool เพื่อเข้าร่วมและคลิก ‘Connect Wallet’

Quint Super Staking

ขั้นตอนที่ 4: เริ่ม Stake QUINT

เลือกจำนวน QUINT ที่คุณต้องการ stake จากนั้นคลิก ‘Stake’ เมื่อถึงเวลารับดอกเบี้ยที่ได้รับและลงทุนอีกครั้ง เพียงคลิกปุ่ม ‘Harvest’ เพื่อโอนเงินกลับไปยัง crypto wallet

Stake Crypto บน Quint

ดอกเบี้ยคริปโตถูกหักภาษีหรือไม่?

คุณอาจทราบแล้วว่าเขตอำนาจศาลหลายแห่งเก็บภาษีผลกำไรจากการซื้อขายในสกุลเงินดิจิตอลเช่นเดียวกับสินทรัพย์อื่นๆ ที่สร้างผลกำไรได้จากการลงทุน

แล้วดอกเบี้ยคริปโตล่ะ?

สิ่งนี้จะขึ้นอยู่กับเขตอำนาจศาลที่คุณอาศัยในด้านภาษี เนื่องจากเป็นระบบที่ยังไม่ได้รับการยอมรับโดยทั่วไป

จากที่กล่าวมา หากเขตอำนาจศาลที่คุณอาศัยเก็บภาษีจากรายได้ที่คุณทำได้ผ่านบัญชีดอกเบี้ยคริปโต ก็อาจจะเป็นไปในลักษณะเดียวกับรายได้จากเงินปันผล

แต่ขอย้ำอีกครั้งว่าคุณต้องขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีที่มีคุณสมบัติเหมาะสม

บัญชีดอกเบี้ยคริปโตปลอดภัยหรือไม่?

ในส่วนนี้ของบทความของเราอาจมีความสำคัญที่สุด เพราะเราจะอธิบายถึงการใช้งานบัญชีดอกเบี้ย Crypto ในแง่ของความปลอดภัย

โดยในบัญชีออมทรัพย์ส่วนใหญ่มีความเสี่ยงหลักๆ ที่ต้องพิจารณา ได้แก่:

  • ความเสี่ยงจากแพลตฟอร์มบัญชีดอกเบี้ยคริปโต
  • ความเสี่ยงจากผู้กู้จำนวนมากที่ไม่ชำระหนี้
  • ความเสี่ยงจากมูลค่าตลาดที่ลดลง

โดยเราจะวิเคราะห์ความเสี่ยงข้างต้นอย่างละเอียดในส่วนด้านล่าง

ความเสี่ยงจากแพลตฟอร์ม

เมื่อคุณออมคริปโตเข้าบัญชีดอกเบี้ยคริปโต คุณก็กำลังใช้ผู้ให้บริการแบบ centralized ซึ่งหมายความว่าคุณได้ไว้วางใจให้แพลตฟอร์มดังกล่าวปฏิบัติตามหน้าที่

ซึ่งรวมถึงการรักษาการลงทุนเหรียญคริปโตเคอเรนซี่ของคุณให้ปลอดภัยและห่างไกลจากเงื้อมมือของแฮ็กเกอร์ และจ่ายอัตราดอกเบี้ยตรงเวลาและตามจำนวนที่ตกลงกันไว้

ไม่มีการรับประกันว่าข้อตกลงข้างต้นจะถูกดำเนินการโดยแพลตฟอร์ม ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่คุณจะต้องศึกษาข้อมูลผู้ให้บริการนั้นๆ อย่างถี่ถ้วนก่อนเปิดบัญชีดอกเบี้ยคริปโต

ความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้

ผู้ให้บริการบัญชีดอกเบี้ยคริปโตสามารถจ่ายดอกเบี้ยให้คุณได้เนื่องจากโทเค็นที่คุณฝากจะถูกใช้เพื่อนำไปปล่อยกู้ และก็มักจะมีความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้ตามมา

  • หากมีผู้กู้จำนวนน้อยที่ผิดนัดชำระหนี้ สิ่งนี้ก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาหลัก
  • อย่างไรก็ตาม หากมีการผิดนัดชำระจำนวนมากบนแพลตฟอร์มเดียว สิ่งนี้ก็อาจเป็นปัญหาได้
  • มีแพลตฟอร์มการให้กู้ยืมแบบ peer to peer จำนวนมากที่ล่มสลายลงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนสูญเสียเงินบางส่วนหรือทั้งหมดไป

บัญชีดอกเบี้ย Crypto ที่ดีที่สุดที่เราแนะนำนั้นมีการป้องกันหรือหลักทรัพย์ค้ำประกัน ซึ่งหมายความว่าหากบุคคลต้องการยืมเงินบนแพลตฟอร์ม พวกเขาจะต้องวางหลักทรัพย์ค้ำประกันเป็นเหรียญคริปโต

ซึ่งหมายความว่าในกรณีที่บุคคลผิดนัดชำระในสัญญาเงินกู้ แพลตฟอร์มก็จะขายหลักทรัพย์ดังกล่าวเพื่อให้นักลงทุนได้รับเงินคืนนั่นเอง

ความเสี่ยงจากมูลตลาดที่ลดลง

แพลตฟอร์มบัญชีดอกเบี้ย crypto ที่ดีที่สุดต้องการหลักทรัพย์ค้ำประกันขั้นต่ำเพื่ออำนวยความสะดวกในการขอสินเชื่อ อย่างไรก็ตาม หลักประกันนี้น่าจะไม่เพียงพอในกรณีที่ตลาดคริปโตล่มสลาย

หากแพลตฟอร์มจำเป็นต้องขายหลักประกันจำนวนมากตอนที่ราคาในตลาดลดลงอย่างมาก ก็หมายความว่าจะได้รับเงินคืนน้อยกว่ามากเมื่อเทียบกับจำนวนเงินต้นเดิม ณ เวลาที่กู้นั่นเอง

บทสรุป

บัญชีดอกเบี้ยคริปโตนั้นไม่เพียงแต่ให้คุณสามารถลงทุนในเหรียญคริปโตที่คุณชื่นชอบ โดยหวังว่ามูลค่าของโทเค็นจะเพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปเท่านั้น แต่คุณยังสามารถได้รับดอกเบี้ยอย่างสม่ำเสมอจากการถือเหรียญเอาไว้อีกด้วย

บัญชีดอกเบี้ยคริปโตจะให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจกว่าบัญชีธนาคารมาก โดยส่วนใหญ่จะเป็นผลตอบแทนต่อปีกว่า 10% แต่คุณจำเป็นต้องพิจารณาถึงความเสี่ยง เนื่องจากไม่มีการรับประกันผลตอบแทน

หากต้องการเริ่มต้นด้วยบัญชีดอกเบี้ยคริปโตที่ดีที่สุดแห่งปี 2023 ให้พิจารณา OKX ซึ่งเชื่อถือได้ ให้ผลตอบแทนสูง มีความยืดหยุ่น และใช้งานง่าย

OKX

รับดอกเบี้ยคริปโตจาก OKX ตอนนี้

สินทรัพย์คริปโตมีความผันผวนสูงและเป็นการลงทุนที่ไม่มีการกำกับดูแล 

Categories
Bitcoins Crypto News คู่มือคริปโต รับดอกเบี้ยคริปโต

แพลตฟอร์ม DeFi Lending ที่ดีที่สุด 2023 

การเงินแบบกระจายอำนาจหรือ Decentralized finance เรียกง่ายๆ ว่า DeFi ช่วยให้คนทั่วไปสามารถเข้าถึงบริการด้านการลงทุนและสินเชื่อแบบดั้งเดิมโดยไม่จำเป็นต้องผ่านหน่วยงานส่วนกลาง เช่น ธนาคาร

ตอนนี้คุณสามารถ ‘เป็นนายธนาคาร’ ได้ด้วยตนเอง โดยแพลตฟอร์ม DeFi ยอดนิยมให้คุณสามารถปล่อยกู้สินทรัพย์ดิจิทัลที่ไม่ได้ใช้งานเพื่อแลกกับอัตราดอกเบี้ยที่น่าสนใจ

ในคู่มือนี้เราจะเปรียบเทียบแพลตฟอร์ม DeFi Lending ที่ดีที่สุดในตลาดวันนี้ โดยจะเน้นไปที่เหรียญที่รองรับ, อัตราดอกเบี้ย, ผลตอบแทนต่อปี (APY), เงื่อนไข, การบริการลูกค้า, และความใช้งานง่าย

แพลตฟอร์ม DeFi Lending ที่ดีที่สุด 2023 

ก่อนอ่านรีวิวของเราเกี่ยวกับแพลตฟอร์ม DeFi Crypto Lending ที่ดีที่สุดในตลาด เราขอแนะนำแพลตฟอร์มอย่างคร่าวๆ ดังนี้

  • DeFi Swap – แพลตฟอร์ม DeFi Lending โดยรวมที่ดีที่สุด 2023 
  • Aqru – ปล่อยกู้โทเค็น Bitcoin และ Ethereum ของคุณเพื่อรับผลตอบแทน 7% ต่อปี
  • Nexo – รับผลตอบสูงถึง 17% จากโทเค็น Stablecoin
  • YouHodler – แพลตฟอร์ม Crypto Lending ระดับโลก
  • Crypto.com – มีบัญชี Crypto Lending ให้เลือกมากมาย
  • Binance – แพลตฟอร์ม DeFi Lending ที่ดีที่สุดที่มีเหรียญมูลค่าตลาดต่ำ

ไปยังแพลตฟอร์ม DeFi Lending ที่ดีที่สุดตอนนี้

มีปัจจัยมากมายที่ต้องพิจารณาในการเลือกแพลตฟอร์ม DeFi Lending ที่ดีที่สุดที่ตรงตามความต้องการของคุณ ดังนั้นโปรดอ่านการรีวิวอย่างละเอียดก่อนดำเนินการต่อ

แพลตฟอร์ม DeFi Lending ที่ดีที่สุด 2023 

โดยการ DeFi Lending ข้อดีก็คือคุณจะมีโอกาสที่จะสร้างอัตราดอกเบี้ยที่สูงได้จากการปล่อยกู้เหรียญคริปโตของคุณ

ซึ่งสามารถทำได้โดยการฝากโทเค็นของคุณลงในแพลตฟอร์ม DeFi Lending ยอดนิยม อย่างไรก็ตาม คุณจะต้องพิจารณาปัจจัยสำคัญๆ เกี่ยวกับผลตอบแทนต่อปี, เงื่อนไขการล็อก, ความปลอดภัย, และค่าธรรมเนียมก่อนที่จะเลือกใช้งานแพลตฟอร์ม

เพื่อช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูล ด้านล่างนี้จะเป็นการรีวิวเกี่ยวกับแพลตฟอร์มแพลตฟอร์ม DeFi Lending ที่ดีที่สุดแห่งปี 2023 

1. DeFi Swap – แพลตฟอร์ม DeFi Lending โดยรวมที่ดีที่สุด 2023

DeFi Swap แพลตฟอร์มที่เพิ่งเปิดตัวนี้เป็นกระดานเทรด DEX ที่ให้ผู้ใช้สามารถซื้อและขายเหรียญคริปโตได้โดยไม่ต้องใช้ตัวกลางบุคคลที่สาม ช่วยให้คุณสร้างผลตอบแทนต่อปีได้สูงจากโทเค็นที่ไม่ได้ใช้งานของคุณ แพลตฟอร์มยังมี DeFi Yield Farming ซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยที่หลากหลายขึ้นอยู่กับโทเค็นที่คุณต้องการปล่อยกู้อีกด้วย

DeFi Swap จะให้คุณเลือกเงื่อนไขช่วงเวลาการล็อกที่คุณต้องการ ตัวอย่างเช่น หากคุณปล่อยกู้โทเค็นหลักของแพลตฟอร์มอย่าง DeFi Coin คุณก็จะได้ผลตอบแทนที่ 30% ในระยะเวลา 30 วัน

หากเลือกใช้ระยะเวลาล็อกสูงสุดที่ 365 วัน ผลตอบแทนของคุณจะเพิ่มขึ้นเป็น 75% นอกจากนี้ยังมีระยะ 90 วัน (45%) และ 180 วัน (60%) โดย DeFi Swap ก็จะคืนเงินต้นของคุณพร้อมกับดอกเบี้ยเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาการล็อกเหรียญ

อีกเครื่องมือปล่อยกู้คือตัวเลือกในการสร้างสภาพคล่องแก่กระดานเทรด DeFi Swap ซึ่งคุณจะได้รับส่วนแบ่งจากค่าธรรมเนียมจากการซื้อขายใดๆ ในแพลตฟอร์ม โดยดำเนินการผ่านสัญญาอัจฉริยะที่โปร่งใสและไม่สามารถถูกดัดแปลงได้

ซึ่งสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ทางการเงินแบบกระจายอำนาจในตลาด โดยแพลตฟอร์มจะไม่สามารถอ้างว่าเป็นผู้สนับสนุน DeFi ได้ ถ้าหากได้รับการสนับสนุนจากผู้ให้บริการ centralized และเพื่อเริ่มต้นใช้งานกับ DeFi Swap คุณจะต้องเชื่อมต่อกระเป๋าเงินของคุณเข้ากับเว็บไซต์ DeFi Swap เสียก่อน

DeFi Swap รองรับ MetaMask WalletConnect รวมถึง Trust Wallet โดย DeFi Swap กำลังวางแผนที่จะเปิดตัวแอพมือถือ iOS/Android และ NFT Marketplace ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

ข้อดี

  • แพลตฟอร์ม DeFi Lending โดยรวมที่ดีที่สุดในตลาด
  • ให้ผลตอบแทนสูง
  • หนึ่งในแอพ DeFi ที่ดีที่สุดในตลาด
  • รองรับ crypto yield farming และการเป็นผู้สร้างสภาพคล่อง
  • 100% decentralized ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสัญญาอัจฉริยะ
  • กำลังจะมีตลาด NFT และแอพมือถือ
  • ขับเคลื่อนด้วย DeFi Coin
  • ผลตอบแทนต่อปีสูงเมื่อถือ DEFC ทำให้เป็นแพลตฟอร์ม DeFi Staking ที่ดีที่สุด

ข้อเสีย

  • ยังไม่เป็นที่ยอมรับเท่าแพลตฟอร์มสินเชื่อ DeFi อื่นๆ

ไปยัง DeFi Swap ตอนนี้

สินทรัพย์คริปโตมีความผันผวนสูงและเป็นการลงทุนที่ไม่มีการกำกับดูแล 

2. Aqru – ปล่อยกู้โทเค็น Bitcoin และ Ethereum ของคุณเพื่อรับผลตอบแทน 7% ต่อปี

Aqru เป็นแพลตฟอร์ม DeFi Lending อันดับต้นๆ ที่ให้คุณรับดอกเบี้ยจากโทเค็นคริปโตที่ไม่ได้ใช้งานของคุณ โดยการเปิดบัญชีออมทรัพย์คริปโต กับผู้ให้บริการรายนี้ คุณจะได้รับดอกเบี้ยจากการฝาก Bitcoin และ Ethereum

คุณจะได้รับผลตอบแทนต่อปีที่น่าสนใจยิ่งขึ้นหากคุณฝากเหรียญที่มีมูลค่าคงที่ที่รองรับ โดยบัญชีดอกเบี้ยคริปโตคริปโตบน Aqru จะไม่มีเงื่อนไขการล็อกเหรียญ ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถเลือกถอนเงินได้ทุกเมื่อที่คุณต้องการ

Aqru ยังเป็นแพลตฟอร์ม DeFi Lending ที่ดีที่สุดในตลาด เนื่องจากจะแบ่งจ่ายดอกเบี้ยในทุกๆ 24 ชั่วโมง ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถลงทุนซ้ำได้ทันทีในบัญชีเดิมเพื่อรับประโยชน์จากการลงทุนแบบทบต้นได้

คุณสามารถติดตามว่าโทเค็นของคุณสร้างดอกเบี้ยได้มากน้อยแค่ไหน โดยวิธีที่ง่ายที่สุดคือการดาวน์โหลดแอพ Aqru ลงในโทรศัพท์มือถือของคุณ ซึ่งได้รับการออกแบบอย่างดีในอุปกรณ์ iOS และ Android ซึ่งทั้งแอพและเว็บไซต์ Aqru นั้นใช้งานง่ายอย่างมาก

โดยคุณสามารถฝากเงิน GBP, USD หรือ EUR เข้าบัญชีของคุณด้วยบัตรเดบิต/เครดิตหรือการโอนเงินผ่านธนาคาร จากนั้นแปลงเงินสดเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่รองรับ

ซึ่งไม่มีค่าธรรมเนียมในการถอนเงินออกจาก Aqru แต่จะมีค่าธรรมเนียม $20 ในการถอนเงินเหรียญคริปโต และสุดท้ายนี้จะไม่มีค่าคอมมิชชั่นที่ถูกหักออกจากดอกเบี้ยที่คุณจะได้รับที่ Aqru

ข้อดี

  • รับผลตอบแทน 7% จากการฝาก Bitcoin และ Ethereum
  • ฝากเหรียญที่มีมูลค่าคงที่เพื่อรับผลตอบแทน 12%
  • ไม่มีระยะเวลาการล็อกหรือข้อจำกัด
  • ฝากเงินขั้นต่ำ $100
  • ถอนเงินสกุลทั่วไปฟรี

ข้อเสีย

  • ค่อนข้างใหม่ในตลาด
  • ค่าธรรมเนียมถอนสกุลเงินคริปโต $20 

ไปยัง AQRU ตอนนี้

สินทรัพย์คริปโตมีความผันผวนสูงและเป็นการลงทุนที่ไม่มีการกำกับดูแล 

3. Nexo – รับผลตอบสูงถึง 17% จากโทเค็น Stablecoin

Nexo อาจเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์ม DeFi Lending ที่ดีที่สุดสำหรับผู้ที่ต้องการสร้างดอกเบี้ยจากเหรียญที่มีมูลค่าคงที่ ซึ่งให้อัตราดอกเบี้ยสูงถึง 17% สำหรับโทเค็น UST และเหรียญที่มีมูลค่าคงที่อื่นๆ เช่น Tether และ True USD จะจ่ายอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าที่ 12%

ดอกเบี้ยบน Nexo จะถูกจ่ายเป็นเหรียญคริปโตทั่วไป การฝากเหรียญ Axie Infinity คุณก็จะได้รับอัตราดอกเบี้ยสูงถึง 36% อย่างไรก็ตาม โดยอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวจะขึ้นอยู่กับการได้รับดอกเบี้ยของคุณจากเหรียญ NEXO ซึ่งเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลหลักของแพลตฟอร์ม

มิฉะนั้นอัตราดอกเบี้ยของคุณจะลดลงเล็กน้อย Nexo ยังให้คุณกู้ยืมได้ตั้งแต่ 50 ถึง 2 ล้านดอลลาร์ในสกุลเงินทั่วไปหรือคริปโต ด้วยการฝาก Bitcoin เพื่อค้ำประกัน คุณก็จะสามารถเข้าถึงสินเชื่อต่อมูลค่าที่ 50% โดยไม่มีการตรวจสอบเครดิต ด้วยเหตุนี้สินเชื่อ Nexo จึงได้รับการอนุมัติทันที โดยโทเค็นอื่นๆ จะต้องการอัตราการค้ำประกันที่สูงขึ้น

ข้อดี

  • ดอกเบี้ย 17% สำหรับ stablecoins
  • บัญชียืดหยุ่น

ข้อเสีย

  • ต้อง stake เหรียญ NEXO เพื่อรับอัตราผลตอบแทนต่อปีสูงสุด
  • อัตราผลตอบแทนต่อปีเปลี่ยนแปลงเป็นประจำ

ไปยัง Nexo ตอนนี้

สินทรัพย์คริปโตมีความผันผวนสูงและเป็นการลงทุนที่ไม่มีการกำกับดูแล

4. YouHodler – แพลตฟอร์ม Crypto Lending ระดับโลก

จากการเติบโตของตลาดคริปโต จึงมีผู้คนมากมายที่กำลังมองหาแพลตฟอร์ม Crypto Lending ที่ดีที่สุด แพลตฟอร์มจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ YouHodler ถูกออกแบบมาอย่างดี มีอัตราตอบแทนเยี่ยม และเป็นนวัตกรรมใหม่

YouHodler คือกระดานเทรดที่ปลอดภัย ซึ่งมีผู้ใช้มากกว่า 150,000 รายทั่วโลก โดยได้รวมเทคโนโลยี Ledger Vault เพื่อให้ลูกค้ามีตัวเลือกมากมาย นอกจากนี้ยังมี ‘การยืนยันตัวตนแบบ 3-factor authentication’ ที่เป็นเอกลักษณ์ของแพลตฟอร์ม ซึ่งช่วยให้นักลงทุนที่มีเงินมากกว่า $10,000 สามารถระงับการถอนเหรียญคริปโตเพื่อเพิ่มระดับการป้องกันได้

การกู้ยืมใน YouHodler นั้นเรียบง่ายและเข้าใจง่าย โดยผู้ใช้สามารถเลือกเงื่อนไขการคืนทุนได้ตั้งแต่ 30 ถึง 365 วัน ซึ่งอัตราส่วนการให้สินเชื่อ (สินเชื่อต่อหลักประกัน) จะอยู่ในช่วงตั้งแต่ 90% ถึง 50% ตามเงื่อนไขการคืนทุน นอกจากนี้ YouHodler ยังสนับสนุนสินเชื่อโดยใช้เหรียญคริปโต 50 อันดับแรก ซึ่งหมายความว่าจะมีตัวเลือกการค้ำประกันมากมาย

ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไม YouHodler ถึงได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว พร้อมมีอินเทอร์เฟซที่เข้าใจง่าย และมีข้อกำหนดที่ชัดเจน ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจถ้าหากจะทำการยืมกับ YouHodler

ข้อดี

  • การยืนยันตัวตนแบบ 3-Factor authentication
  • เงื่อนไขการล็อกเหรียญที่ยืดหยุ่นมากมาย
  • ใช้งานง่าย
  • โครงสร้างค่าธรรมเนียมที่โปร่งใส

ข้อเสีย

  • มีฐานผู้ใช้น้อย

ปล่อยกู้เหรียญคริปโตกับ YouHodler ตอนนี้

สินทรัพย์คริปโตมีความผันผวนสูงและเป็นการลงทุนที่ไม่มีการกำกับดูแล

5. Crypto.com – มีบัญชี Crypto Lending ให้เลือกมากมาย

Crypto.com มีบริการที่หลากหลาย ได้แก่ กระดานเทรดคริปโต, บัญชีรับดอกเบี้ย, กระเป๋าเงิน DeFi, เงินกู้, บัตรเครดิต และอื่นๆ ทำให้เป็นแพลตฟอร์มแบบครบวงจรสำหรับทุกสิ่งใน DeFi

คุณสามารถรับดอกเบี้ยจากสินทรัพย์คริปโตที่แตกต่างกันมากมาย โดยอัตราผลตอบแทนต่อปีจะแตกต่างไปตามโทเค็น รวมถึงระยะเวลาการล็อกที่คุณเลือกเอง ทั้งแบบยืดหยุ่นหรือระยะการล็อกที่หนึ่งหรือสามเดือน

ยิ่งคุณล็อกเหรียญไว้นานเท่าไหร่ก็ยิ่งมีรายได้มากขึ้นเท่านั้น Crypto.com ยังให้คุณเพิ่มอัตราดอกเบี้ยของคุณด้วยการ staking เหรียญหลักอย่าง CRO เช่นเดียวกับ DeFi Coin ซึ่งเป็นเหรียญหลักในกระดานแลกเปลี่ยน DeFi Swap

ผลตอบแทนต่อปีที่ Crypto.com สูงสุดคือ 14.5 และไร้ไม่มีข้อจำกัด คุณจึงสามารถเพิ่มรายได้ที่ด้วยเครื่องมือปล่อยกู้ของแพลตฟอร์มได้สูงสุด Crypto.com ยังให้คุณกู้ยืมเหรียญได้อีกด้วย

คุณสามารถรับเงินกู้คริปโตได้ทันทีโดยเพิ่มสินเชื่อต่อมูลค่าเพียง 50% ดังนั้น หากคุณฝาก Ethereum มูลค่า $500 คุณจะสามารถยืมสินทรัพย์มูลค่า $250 ได้ ช่วยให้คุณเข้าถึงเงินทุนโดยไม่ต้องขายเหรียญคริปโต

Crypto.com มีโทเค็นดิจิทัลมากกว่า 250 สกุล คุณจะต้องจ่ายเพียง 0.40% ต่อสไลด์เพื่อซื้อและขายโทเค็นที่นี่ แม้จะมีอัตราที่ต่ำเมื่อคุณซื้อขายเหรียญที่มีปริมาณการซื้อขายสูงหรือ staking CRO คุณก็สามารถเข้าถึงบริการและฟีเจอร์ทั้งหมดได้ที่ Crypto.com

ข้อดี

  • รับดอกเบี้ยสูงถึง 14.5% จากบัญชีออมทรัพย์คริปโต
  • มีความยืดหยุ่นของระยะเวลาล็อกโทเค็น
  • มีชื่อเสียงที่ดี
  • มีบริการเทรดและสินเชื่อ
  • ใช้จ่ายดอกเบี้ยด้วยบัตรเครดิต Crypto.com

ข้อเสีย

  • แอพอื่นให้ APY สำหรับ Bitcoin มากกว่า
  • ต้อง Stake เหรียญ CRO เพื่อให้ได้ผลตอบแทนสูงสุด

ไปยัง Crypto.com ตอนนี้

6. Binance – แพลตฟอร์ม DeFi Lending ที่ดีที่สุดที่มีเหรียญมูลค่าตลาดต่ำ

อีกหนึ่งแพลตฟอร์ม DeFi Lendingi ที่ดีที่สุดของเราคือ Binance ซึ่งเป็นกระดานแลกเปลี่ยนคริปโตชั้นนำ ซึ่งมีตลาดการซื้อขายมากกว่า 1,000 แห่งและผู้ใช้เกือบ 100 ล้านราย

คุณสามารถใช้ Binance ในการปล่อยกู้ DeFi ได้ ทั้งยังมีบัญชีดอกเบี้ยคริปโตซึ่งให้ผลตอบแทนที่ดีที่สุดในตลาดสำหรับเหรียญที่มีมูลค่าตลาดกลางหรือต่ำ ซึ่งนับเป็นการสร้างสภาพคล่องนั่นเอง

เช่น หากคุณสร้างสภาพคล่องกับ LUNA/BNB คุณจะได้รับผลตอบแทนสูงถึง 161% ต่อปี ส่วน BSW/USDT ให้ที่ 133% หากคุณสนใจผลตอบแทนสูงที่ Binance คุณก็สามารถเหรียญคริปโตดังกล่าวได้โดยตรงบนกระดานเทรด ซึ่งรองรับกว่า 600 เหรียญ

การเปิดบัญชีที่ Binance ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที โดยคุณสามารถฝากเงินด้วยบัตรเดบิต/เครดิต ซึ่งค่าธรรมเนียมจะแตกต่างกันไปตามประเทศที่คุณอยู่ Binance รองรับการฝากเหรียญคริปโตด้วย โดยแอพ Binance มีให้บริการบมือถือซึ่งเป็นทั้งกระดานเทรดแหละกระเป๋าเงิน

ข้อดี

  • ให้ผลตอบแทนสูงในที่มีมูลค่าตลาดกลางและต่ำ
  • มีเงื่อนไขแบบยืดหยุ่นและแบบล็อกเหรียญ

ข้อเสีย

  • อัตราดอกเบี้ยมักจะถูกจำกัด
  • อาจมีผลตอบแทนเกินจริง
  • ผลตอบแทนเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา

ไปยัง Binance ตอนนี้

สินทรัพย์คริปโตมีความผันผวนสูงและเป็นการลงทุนที่ไม่มีการกำกับดูแล 

เปรียบเทียบแพลตฟอร์ม DeFi Lending ที่ดีที่สุด

ตารางเปรียบเทียบด้านล่างจะเน้นฟีเจอร์หลักและข้อเสนอของ 4 แพลตฟอร์ม DeFi Lending ที่เรารีวิวไว้ด้านบน

ผลตอบแทนต่อปีที่ดีที่สุดผลตอบแทนต่อปีที่ดีที่สุดสำหรับ Stablecoinข้อกำหนดต้อง Staking เพื่ออัตราผลตอบแทนที่สูงที่สุด?
DeFi Swap75%โปรดติดตาม30 วันถึง 1 ปีไม่ต้อง
YouHodler6.8%12.3%บัญชียืดหยุ่น – ไม่จำกัดไม่ต้อง
Crypto.com14.50%10%ยืดหยุ่น – 3 เดือนต้อง
Nexo36%17%คงที่และยืดหยุ่นต้อง
Crypto.com14.50%10%ยยืดหยุ่นหรือ 3 เดือนต้อง
Binanceสูงถึง 100%19%+เงื่อนไขมากมายไม่ต้อง

สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ต้องจำไว้เมื่อเลือกแพลตฟอร์ม DeFi Lending ที่ดีที่สุดคือต้องแน่ใจว่าคุณมีความเข้าใจอย่างครบถ้วนและชัดเจนเกี่ยวกับข้อกำหนดและเงื่อนไข

คุณควรตรวจสอบว่าผลตอบแทนต่อปีสามารถเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบหรือไม่ นอกจากนี้คุณยังต้องพิจารณาถึงปัจจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับค่าธรรมเนียมและข้อจำกัดต่างๆ ด้วยเช่นกัน

DeFi Lending ทำงานอย่างไร?

จุดประสงค์หลักของ Crypto Lending คือการเชื่อมโยงนักลงทุน (ผู้ปล่อยกู้) และผู้กู้แบบเพียร์ทูเพียร์ ซึ่งหมายความว่าคนทั่วไปจะสามารถกู้ยืมเหรียญได้ ดังนั้นจึงไม่มีข้อกำหนดสำหรับหน่วยงานส่วนกลาง เช่น ธนาคาร และสถาบันการเงินอีกต่อไป

คุณควรเพิ่มรายได้โดยการฝากเงินเข้าบัญชี DeFi Lending โดยโทเค็นของคุณจะถูกใช้เพื่อปล่อยกู้ และคุณจะได้รับอัตราดอกเบี้ยเป็นการตอบแทน

สิ่งสำคัญคือแพลตฟอร์ม DeFi Lending มีผลตอบแทนที่น่าดึงดูด เช่น DeFi Swap ที่มีผลตอบแทนต่อปีสูงถึง 75% เมื่อคุณล็อกโทเค็น DeFi Coin เป็นเวลา 365 วัน โดยในระยะเวลา 30 วัน คุณจะได้รับผลตอบแทนที่ 30%

แม้จะมีความเสี่ยง แต่สินเชื่อจะใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน ตัวอย่างเช่น ที่ Crypto.com ผู้ใช้จะได้รับอัตราส่วน LTV (สินเชื่อต่อมูลค่า) สูงสุดที่ 50% ซึ่งหมายความว่าด้วยการให้การค้ำประกันมีมูลค่า 10,000 ดอลลาร์ โดยผู้ใช้จะสามารถยืมได้สูงสุดที่ 5,000 ดอลลาร์

คุณก็ไม่จำเป็นต้องมีเครดิตในการกู้ยืม ไม่จำเป็นต้องให้ข้อมูลใดๆ ในด้านการเงินหรือระดับในการใช้จ่ายแต่อย่างใด คุณเพียงแค่ต้องฝากสินทรัพย์ค้ำประกันและตัดสินใจว่าจะยืมสินทรัพย์ทั่วไปหรือคริปโต

ตัวอย่าง DeFi Lending

หากคุณยังไม่แน่ใจว่า DeFi Lending คือยังไงกันแน่ ลองมาดูตัวอย่างเพื่อให้คุณเข้าใจมากยิ่งขึ้น

  • สมมติว่าคุณใช้แพลตฟอร์ม DeFi Lending ที่ดีที่สุดในตลาดปัจจุบันอย่าง DeFi Swap
  • คุณฝากโทเค็น DeFi Coin มูลค่า $1,000 ลงในแพลตฟอร์ม
  • สมมติว่าในขณะที่ฝาก 1 DeFi Coin มีมูลค่า 1 ดอลลาร์
  • ก็จะคิดเป็นโทเค็น DeFi Coin 1,000 เหรียญ
  • คุณเป็นนักลงทุนระยะยาว ดังนั้นคุณจึงตัดสินใจเลือกใช้ระยะเวลาล็อกที่ 365 วัน ซึ่งให้ผลตอบแทนต่อปีที่ 75%

โดยผลลัพธ์จะเป็นดังนี้:

  • หลังจาก 365 วัน คุณจะได้รับเงินฝากหลักคืน หรือโทเค็น DeFi Coin 1,000 เหรียญ
  • คุณจะได้รับดอกเบี้ย 75% หรือโทเค็น DeFi Coin อีก 750 เหรียญ
  • ด้วยเหตุนี้คุณก็จะได้รับโทเค็น Defi Coin ทั้งหมดจำนวน 1,750 เหรียญ

อย่างไรก็ตาม คุณต้องพิจารณามูลค่าของโทเค็นที่คุณปล่อยกู้ปล่อยกู้ด้วย เนื่องจากสิ่งนี้จะผันผวนตามกลไกตลาดได้ตลอดเวลา

  • เรากล่าวไว้ข้างต้นว่าตอนคุณฝาก 1,000 โทเค็น DeFi หนึ่งเหรียญจะมีมูลค่า 1 ดอลลาร์
  • และเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาล็อกที่ 365 วัน DeFi Coin ซื้อขายที่ 3 ดอลลาร์ต่อโทเค็น
  • คุณได้รับ 1,750 โทเค็นคืน แต่ด้วยราคา $3 ต่อเหรียญ จึงคิดเป็นมูลค่ารวมที่ $5,250
  • ถ้าคุณลงทุนเท่ากับ $1,000 ก็จะทำกำไรได้ที่ $4,250

สิ่งสำคัญคือต้องจำไว้ว่ามูลค่าตลาดของโทเค็นที่ปล่อยกู้จะมีผลกระทบโดยตรงต่อผลตอบแทนต่อปีของคุณ ทั้งในด้านดีและไม่ดี

เช่น หากมูลค่าของโทเค็นเพิ่มขึ้น แสดงว่าคุณจะได้ผลตอบแทนสูงขึ้น แต่ถ้าเกิดตรงกันข้าม คุณจะได้เงินคืนน้อยกว่าที่คุณลงทุนไปในตอนแรกนั่นเอง

แพลตฟอร์มที่มีอัตรา DeFi Lending ที่ดีที่สุดคืออะไร?

อัตรา DeFi Lending ของแต่ละแพลตฟอร์มนั้นจะแตกต่างกันอย่างมาก ซึ่งไม่เพียงแค่ในแง่ของผลตอบแทนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงข้อกำหนดและเงื่อนไขอีกด้วย

เช่น หากคุณตัดสินใจปล่อยกู้โทเค็นคริปโตที่ DeFi Swap หรือ Aqru คุณก็จะได้รับผลตอบแทนตามที่แพลตฟอร์มบอก ซึ่งเราหมายความว่าจะไม่มีข้อกำหนดใดๆ ในการเพิ่มอัตรา DeFi Lending สูงสุด

อย่างไรก็ตาม เมื่อคุณเลือกใช้แพลตฟอร์มเช่น Nexo คุณก็จะได้รับอัตราดอกเบี้ยสูงสุดก็ต่อเมื่อคุณฝากโทเค็นเป็น NEXO นอกจากนี้แพลตฟอร์มอื่นๆ ยังต้องการให้คุณ staking โทเค็นหลักเพื่อรับอัตรา DeFi Lending สูงสุด

สิ่งสำคัญคือคุณต้องไม่ยึดติดกับผลตอบแทนต่อปีเพียงอย่างเดียว โปรดอย่าลืมอ่านรายละเอียดในแง่ของระยะเวลาการล็อกเหรียญ ข้อจำกัด และข้อกำหนดในการ staking ด้วยเช่นกัน

เหรียญ DeFi ที่คุณสามารถปล่อยกู้ได้มีอะไรได้บ้าง?

ไม่มีการจำกัดจำนวนหรือประเภทของโทเค็นที่คุณสามารถปล่อยกู้ได้ในแพลตฟอร์ม DeFi แต่โทเค็นที่รองรับจะถูกกำหนดโดยแพลตฟอร์ม DeFi Lending แทน

เช่น Aqru จะมุ่งเน้นไปที่เหรียญคริปโตเพียง 2 สกุล ได้แก่ Bitcoin และ Ethereum และ 3 เหรียญที่มีมูลค่าคงที่ ได้แก่ DAI, Tether และ USD Coin ส่วน Crypto.com จะให้คุณยืมโทเค็นได้หลายสกุลทั้งเหรียญคริปโตทั่วไปและเหรียญที่มีมูลค่าคงที่

DeFi Swap หรือแพลตฟอร์ม DeFi Lending โดยรวมที่ดีที่สุดในตลาดนั้นรองรับกว่าหลายร้อยโทเค็นที่ถูกลิสบน Binance Smart Chain

โดย DeFi Swap จะเริ่มรวมเครือข่าย blockchain อื่นๆ เข้ากับเครือข่ายของตนอีกด้วย

หากคุณไม่แน่ใจว่าควรปล่อยกู้โทเค็นใด ให้พิจารณาโทเค็นต่อไปนี้:

  • DeFi Coin – คุณสามารถปล่อยกู้ DeFi Coin ใน DeFi Swap ภายใต้สี่เงื่อนไขที่ 30, 90, 180 และ 365 วัน โดยระยะยาวที่สุดจะให้ผลตอบแทนต่อปีที่ 75%
  • Bitcoin – คุณสามารถดูวิธีซื้อบิทคอยน์ จากนั้นฝากโทเค็นลงใน Aqru เพื่อรับดอกเบี้ย 7% ต่อปี โดยไม่มีเงื่อนไขการล็อกและการรับดอกเบี้ยแบบรายวัน
  • Tether – หากคุณต้องการได้รับดอกเบี้ยแบบไร้ความเสี่ยงจากความผันผวน คุณอาจต้องพิจารณาปล่อยกู้ Tether โดยคุณสามารถฝากเหรียญนี้ไว้ในบัญชี Crypto.com และคุณจะได้รับดอกเบี้ยสูงถึง 10% ต่อปี

เพียงจำไว้ว่าบางแพลตฟอร์มในตลาดจะกำหนดให้คุณต้อง staking โทเค็นเฉพาะหรือให้คุณยอมรับเงื่อนไขการล็อกระยะยาวเพื่อรับอัตราดอกเบี้ย DeFi Lending ที่ดีที่สุด ดังนั้นโปรดศึกษาข้อมูลให้มากพอก่อนเริ่มลงทุน

วิธีการรับเหรียญ DeFi ที่ยืมมา

หากคุณพร้อมที่จะเริ่มเพิ่มรายได้คริปโตสูงสุดผ่านแพลตฟอร์ม DeFi Lending แล้ว เราจะมาเริ่มอธิบายแบบทีละขั้นตอน 

เพียงทำตามคำแนะนำด้านล่างเพื่อรับผลตอบแทนต่อปีสูงถึง 75% ที่ DeFi Swap

ขั้นตอนที่ 1: ติดตั้ง Crypto Wallet ที่เชื่อมต่อกับ BSC

คุณจะต้องติดตั้ง Crypto Wallet ที่สามารถเชื่อมต่อกับ Binance Smart Chain (BSC) ได้ ซึ่งเป็นเครือข่าย blockchain ที่แพลตฟอร์ม DeFi Swap ใช้งาน 

แอพ Trust Wallet เป็นตัวเลือกที่ดี ซึ่งได้รับการสนับสนุนโดย Binance แต่สำหรับคำแนะนำครั้งนี้ เราจะแสดงการใช้งานด้วยแอพ MetaMask 

MetaMask เป็นส่วนขยายบนเบราว์เซอร์ ดังนั้นคุณจึงสามารถดำเนินกระบวนการปล่อยกู้ DeFi ผ่านคอมพิวเตอร์ได้  

เมื่อคุณติดตั้งส่วนขยาย MetaMask แล้ว ให้เปิดขึ้นมาและตั้งรหัสผ่าน 

จากนั้นคุณจะเห็นคำ 12 คำ ซึ่งเป็นข้อความรหัสผ่านสำรองของคุณ ให้เขียนคำตามลำดับให้ถูกต้องและเก็บไว้ในที่ปลอดภัย 

ขั้นตอนที่ 2: เชื่อมต่อ MetaMask กับ BSC

เมื่อคุณดาวน์โหลดและติดตั้ง MetaMask เป็นครั้งแรก โปรแกรมจะเชื่อมต่อกับเครือข่าย Ethereum ไว้เท่านั้น คุณจึงต้องเชื่อมต่อ Binance Smart Chain กับกระเป๋าเงินของคุณด้วยตนเอง 

โดยคลิกที่ > Settings > Add Network

จากนั้นใส่ข้อมูลต่อไปนี้:

Network Name: Smart Chain

New RPC URL: https://bsc-dataseed.binance.org/

ChainID: 56

Symbol: BNB

Block Explorer URLhttps://bscscan.com

แล้วกด ‘Done’ เพื่อดำเนินการต่อ 

ขั้นตอนที่ 3: โอน BNB ไปยังกระเป๋าเงิน

ถัดไป คุณจะต้องโอน BNB เพื่อให้คุณสามารถซื้อ DeFi Coin จากกระดานเทรด DeFi Swap 

ซึ่งคุณจะไม่ได้รับดอกเบี้ยสูงถึง 75% จาก DeFi Coin ต่อปี หากคุณไม่ได้เป็นเจ้าของโทเค็นใดๆ เลย 

ดังนั้น ภายในแอพ MetaMask คุณจะพบที่อยู่กระเป๋าเงิน BNB ของคุณ โปรดคัดลอกแล้วไปที่กระดานที่คุณถือเหรียญ BNB เอาไว้

เพิ่ม bnb ไปยัง metamask

ถ้าหากคุณยังไม่มี BNB คุณก็สามารถซื้อได้ที่ Binance ภายในเวลาไม่กี่นาทีด้วยบัตรเดบิตหรือเครดิต 

หรือคุณสามารถโอน BNB ไปยัง MetaMask ได้โดยวางที่อยู่กระเป๋าเงินที่คุณคัดลอกเอาไว้ เมื่อคุณทำการโอนแล้ว BNB ก็จะปรากฏในกระเป๋าเงิน MetaMask ของคุณภายใน 1 นาที 

ขั้นตอนที่ 4: เชื่อมต่อกระเป๋าเงินกับ DeFi Swap

ขั้นตอนถัดไปคือไปยังแพลตฟอร์ม DeFi Swap และคลิกที่ปุ่ม ‘Connect to Wallet’ 

เลือก MetaMask จากนั้นยืนยันการเชื่อมต่อเมื่อมีการแจ้งเตือนปรากฏขึ้นจากส่วนขยายกระเป๋าเงินของคุณ 

ขั้นตอนที่ 5: แลก BNB เป็น DeFi Coin

ตอนนี้คุณสามารถใส่จำนวนโทเค็น BNB ที่คุณต้องการแลกเปลี่ยนเป็น DeFi Coin และคลิกที่ Swap เพื่อดำเนินการต่อ 

จากนั้นคุณจะต้องคลิกที่ ‘Confirm Swap’ เพื่อเสร็จสิ้นการแลกเปลี่ยน 

ขั้นตอนที่ 6: สร้างดอกเบี้ยจาก DeFi Coin

ตอนนี้คุณมี DeFi Coin ในกระเป๋าเงินของคุณแล้ว คุณก็สามารถปล่อยกู้ทันทีเพื่อเริ่มรับดอกเบี้ย 

ขั้นแรก คลิกที่ปุ่ม ‘Farm’ จากด้านบนของหน้าจอ ในช่อง ‘Amount’ พิมพ์จำนวนโทเค็น DeFi Coin ที่คุณต้องการปล่อยกู้ 

จากนั้นคลิกที่ปุ่ม ‘Package’ และเลือกจำนวนวันที่คุณต้องการล็อกโทเค็นของคุณ 

ดังที่คุณเห็นจากภาพด้านบน ระยะเวลาที่นานขึ้นก็จะให้อัตราดอกเบี้ยสูงสุด 

เมื่อคุณยืนยันทุกอย่างและให้สิทธิ์การแจ้งเตือนผ่าน MetaMask แล้ว โทเค็น DeFi Coin ของคุณก็จะถูกหักออกจากกระเป๋าเงินของคุณ 

โดยคุณจะได้รับเงินต้นและดอกเบี้ยที่จะจ่ายกลับเข้ากระเป๋าเงินของคุณโดยอัตโนมัติเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาการล็อก 

Crypto Lending ปลอดภัยหรือไม่?

หากคุณสงสัยว่า DeFi Lending ดีไหม? ก็มีปัจจัยความเสี่ยงที่คุณต้องพิจารณาก่อนที่คุณจะเริ่มใช้งานแพลตฟอร์ม DeFi Lending 

ขั้นแรก คุณต้องศึกษาเกี่ยวกับแพลตฟอร์ม DeFi Lending เพราะคุณจะต้องเชื่อมต่อ crypto wallet กับแพลตฟอร์มและปล่อยกู้โทเค็นของคุณในภายหลัง 

หากคุณไม่ได้ใช้แพลตฟอร์มที่มีชื่อเสียง คุณก็จะเสี่ยงต่อการถูกหลอกได้ โปรดศึกษาด้วยตนเองเสมอเพื่อพิจารณาว่าแพลตฟอร์ม DeFi Lending นั้นๆ สามารถเชื่อถือได้หรือไม่ 

ความเสี่ยงต่อไปที่คุณต้องพิจารณาคือเงื่อนไขการล็อก ในขณะที่แพลตฟอร์มเช่น Aqru มีเงื่อนไขการถอนเหรียญที่ยืดหยุ่นสำหรับเหรียญและบัญชีที่รองรับทั้งหมด แต่แพลตฟอร์มอื่นๆ จะกำหนดให้คุณต้องล็อกโทเค็นตามระยะเวลาขั้นต่ำ 

ในช่วงนี้คุณจะไม่สามารถถอนเหรียญได้ คุณจะไม่สามารถทำอะไรได้เลยหากคุณต้องการเข้าถึงโทเค็นที่ฝากไว้โดยทันที

สุดท้ายนี้คุณต้องจำไว้ว่ามูลค่าของเหรียญคริปโตมีความผันผวน ซึ่งหากมูลค่าของโทเค็นที่คุณปล่อยกู้ลดลงมากกว่าที่คุณจะได้รับจากอัตราดอกเบี้ย คุณก็จะขาดทุนนั่นเอง 

ความเสี่ยงนี้สามารถลดลงได้โดยการกระจายความเสี่ยงลงในพอร์ตการลงทุน เพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนลง หรือคุณอาจพิจารณาปล่อยกู้โทเค็นที่มีมูลค่าคงที่ก็ได้เช่นกัน

บทสรุป

แพลตฟอร์ม DeFi Lending เป็นหัวใจสำคัญของตลาดการเงินแบบกระจายอำนาจ 

กล่าวคือแพลตฟอร์ม DeFi Lending ที่ดีที่สุดในตลาดจะเปิดโอกาสให้คุณได้สร้างผลตอบแทนต่อปีสูงได้จากโทเค็นที่ไม่ได้ใช้งานของตัวเอง 

โดยโทเค็นจะถูกปล่อยกู้แก่ผู้ที่ต้องการโดยไม่ต้องผ่านหน่วยงานหรือคนกลาง  

หากคุณพร้อมที่จะเริ่มรับดอกเบี้ยจากการลงทุนคริปโตของคุณตอนนี้ เราก็ขอแนะนำ DeFi Swap 

สิ่งที่คุณต้องทำมีเพียงแค่ต้องเชื่อมต่อกระเป๋าเงินของคุณกับแพลตฟอร์ม DeFi Swap และเลือกเงื่อนไขที่คุณต้องการ แล้วคุณก็จะได้รับดอกเบี้ยทันที 

ไปยัง DeFi Swap ตอนนี้

สินทรัพย์คริปโตมีความผันผวนสูงและเป็นการลงทุนที่ไม่มีการกำกับดูแล 

Categories
Bitcoins Crypto News คู่มือคริปโต รับดอกเบี้ยคริปโต

จัดอันดับ 4 “บัญชีออมทรัพย์คริปโต” ที่ดีที่สุด 2023 [แนะนำ!]

บัญชีออมทรัพย์คริปโตจะทำงานในลักษณะที่คล้ายคลึงกับใบรับรองเงินฝาก (CD) แบบดั้งเดิม

เนื่องจากการออมเหรียญคริปโตของคุณลงในบัญชีออมทรัพย์คริปโต คุณก็จะได้รับอัตราดอกเบี้ย และก็เช่นเดียวกับใบรับรองเงินฝาก ผลตอบแทนต่อปี (APY) ของคุณจะขึ้นอยู่กับว่าคุณเลือกใช้เงื่อนไขแบบตายตัวหรือแบบยืดหยุ่น

ในบทความนี้เราจะทำให้คุณเข้าใจมากยิ่งขึ้นโดยการรีวิวบัญชีออมทรัพย์คริปโตที่ดีที่สุดในปี 2023 ในแง่ของผลตอบแทน, เงินฝากขั้นต่ำ, เหรียญที่รองรับ, ความปลอดภัย, และค่าธรรมเนียม

รายการบัญชีออมทรัพย์คริปโตที่ดีที่สุด 2023

สำหรับบัญชีออมทรัพย์คริปโตโดยรวมที่ดีที่สุดในตลาดตอนนี้ โปรดพิจารณาบัญชีดังต่อไปนี้

  1. DeFi Swap – บัญชีออมทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนต่อปีสูงถึง 75%
  2. Aqru – บัญชีออมทรัพย์คริปโตโดยรวมที่ดีที่สุดในปี 2023
  3. Nexo – บัญชีออมทรัพย์คริปโตชั้นนำที่มีค่าธรรมเนียมแสนถูก
  4. YouHodler –  บัญชีออมทรัพย์คริปโตระดับโลกที่ให้ดอกเบี้ยทบต้น

ไปยังบัญชีออมทรัพย์คริปโตที่ดีที่สุด

โดยเราจะรีวิวบัญชีออมทรัพย์คริปโตด้านบนอย่างละเอียดในส่วนถัดไปของบทความ

รีวิวบัญชีออมทรัพย์คริปโตที่ดีที่สุด

เราได้เลือกผู้ให้บริการบัญชีออมทรัพย์คริปโตที่ดีที่สุดเพียง 4 ราย โดยเราได้มุ่งเน้นไปที่ปัจจัยสำคัญๆ ที่เกี่ยวข้องกับเหรียญที่รองรับ, ผลตอบแทนต่อปี, เงื่อนไขการถอนเงิน, ค่าธรรมเนียม, และที่สำคัญที่สุดก็คือความปลอดภัย 

แพลตฟอร์มบัญชีออมทรัพย์คริปโตนั้นจะแตกต่างกัน ดังนั้นโปรดอ่านรีวิวแต่ละรายการให้ครบถ้วนก่อนตัดสินใจลงทุน 

1. DeFi Swap – บัญชีออมทรัพย์ที่ให้ APY สูงถึง 75%

DeFi Swap เป็นแพลตฟอร์มบัญชีออมทรัพย์คริปโตที่ให้ผลตอบแทนต่อปีจากคริปโตสูงถึง 75% ซึ่งเป็นหนึ่งในบัญชีออมทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงที่สุดในตลาดคริปโตตอนนี้ และ DeFi Swap ก็ได้ตั้งเป้าหมายที่จะกลายเป็นตัวกลางในตลาดการเงินแบบกระจายอำนาจ

สิ่งสำคัญในสร้างผลตอบแทนจาก DeFi Swap คือโทเค็น DeFi Coin (DEFC) ซึ่งเป็นเหรียญหลักของแพลตฟอร์ม โดยคุณสามารถแลกเปลี่ยนเหรียญคริปโตหลักยอมนิยมใดก็ได้เพื่อซื้อ DeFi Coin บน DeFi Swap จากนั้นให้นำไป stake เพื่อเริ่มรับดอกเบี้ย โดยคุณต้องล็อกเหรียญเป็นเวลา 30, 90, 180 หรือ 365 วัน และรับอัตราผลตอบแทนต่อปีที่ 30%, 45%, 60% หรือ 75% โดยจะขึ้นอยู่กับระยะเวลาล็อกที่คุณเลือก

Defi Swap บัญชีออมทรัพย์คริปโต

DeFi Coin เองก็สามารถสร้างรายได้ให้คุณได้เช่นกัน ซึ่งมูลค่าของโทเค็นนี้ได้พุ่งสูงขึ้นเกือบ 500% นับตั้งแต่เปิดตัวกระดานเทรด DeFi Swap นอกจากนี้ผู้ถือโทเค็น DeFi Coin จะได้รับรางวัลจากแพลตฟอร์มที่ได้มาจากค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมอีกด้วย

อัตราผลตอบแทนต่อปีจากเหรียญคริปโตDeFi Coin 30%-75%
ข้อจำกัดในการฝากเงินต่ำสุดและสูงสุดขั้นต่ำ – ไม่มีสูงสุด – ไม่มี
ระยะเวลาการล็อก30, 90, 180 หรือ 365 วัน
ความปลอดภัยและกฎระเบียบกระดานเทรด DEX
รางวัลเพิ่มเติมผู้ถือโทเค็นจะได้รับค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมจากการซื้อขาย DeFi Coin
ระยะเวลาในการจ่ายดอกเบี้ยรายเดือน

เปิดบัญชีออมทรัพย์คริปโตบน DeFi Swap ตอนนี้

สินทรัพย์คริปโตมีความผันผวนสูงและเป็นการลงทุนที่ไม่มีการกำกับดูแล

2. Aqru – บัญชีออมทรัพย์คริปโตโดยรวมที่ดีที่สุดในปี 2023

Aqru เป็นแพลตฟอร์มที่เป็นมิตรกับผู้ใช้ ซึ่งรองรับสินทรัพย์หลากหลายประเภท ซึ่งทั้งหมดนี้และมีผลตอบแทนต่อปีสูง ทำให้คุณทำเงินจากคริปโตเคอเรนซี่ เช่น คุณสามารถสร้างรายได้สูงถึง 7% ต่อปีจากการออมคริปโต ซึ่งเป็นหนึ่งในอัตราผลตอบแทนที่ดีที่สุดในตลาด

โดยสามารถ staking ด้วยเหรียญ BTC, ETH, USDC และ USDC Maple นอกจากนี้ หากคุณต้องการได้รับดอกเบี้ยจากสกุลเงินทั่วไป ที่ Aqru ก็มีบัญชีออมทรัพย์ในสกุลเงิน GBP และ EUR ด้วยเหตุนี้จึงให้ความยืดหยุ่นมากมายแก่คุณในการเลือกสินทรัพย์ที่คุณต้องการสร้างดอกเบี้ย ซึ่งความยืดหยุ่นคือสิ่งสำคัญของแพลตฟอร์ม โดยบัญชีดอกเบี้ยคริปโตส่วนใหญ่บนแพลตฟอร์ม Aqru ก็ไม่มีระยะเวลาถอนขั้นต่ำ

Aqru บัญชีออมทรัพย์คริปโต ออมเหรียญคริปโต

นั่นหมายความว่าคุณสามารถถอนเงินออกจากบัญชีออมทรัพย์คริปโต Aqru ได้ตลอดเวลา โดย Aqru จะได้เงินจากการเก็บอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นกับผู้ที่ใช้แพลตฟอร์มเพื่อกู้ยืมเงินทุน ซึ่งหมายความว่าผลตอบแทนต่อปีที่คุณเห็นก็คืออัตราจริงที่คุณจะได้รับโดยไม่มีการหักลดแต่อย่างใด

ทั้งยังเป็นแพลตฟอร์ม yield farming ที่โดดเด่นในฐานะบัญชีออมทรัพย์คริปโตโดยรวมที่ดีที่สุดที่ให้บริการแอพมือถือที่ใช้งานง่ายบนอุปกรณ์ iOS และ Android ให้คุณได้เข้าถึงฟังก์ชันการทำงานของบัญชีทั้งหมด ซึ่งรวมถึงการฝากและถอนเงิน การเปลี่ยนบัญชีออมทรัพย์ และการเข้าถึงสถิติแบบเรียลไทม์ของรายได้ของคุณ สุดท้ายนี้หากคุณต้องการความช่วยเหลือเกี่ยวกับบัญชี Aqru คุณก็สามารถแชทถามกับพนักงานได้บนเว็บไซต์หลัก

อ่านรีวิว Aqru เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับบัญชีออมทรัพย์คริปโต

อัตราผลตอบแทนต่อปีจากเหรียญคริปโต· เหรียญที่มีมูลค่าคงที่ (USDC, USDC Maple) – สูงถึง 7%· เหรียญคริปโตทั่วไป (BTC, ETH) – 1%
ข้อจำกัดในการฝากเงินต่ำสุดและสูงสุดขั้นต่ำ 100 ยูโร (110.80 ปอนด์) ไม่มีขั้นสูงสุด
ระยะเวลาการล็อกไม่มีระยะเวลาล็อก ถอนเงินได้ตลอดเวลา
ความปลอดภัยและกฎระเบียบ·  ควบคุมโดยสาธารณรัฐลิทัวเนีย·  ผู้ให้บริการสินทรัพย์เสมือนภายใต้กฎหมายลิทัวเนีย
รางวัลเพิ่มเติมไม่ระบุ
ระยะเวลาในการจ่ายดอกเบี้ยรายวัน

เปิดบัญชีออมทรัพย์คริปโตบน Aqru ตอนนี้

สินทรัพย์คริปโตมีความผันผวนสูงและเป็นการลงทุนที่ไม่มีการกำกับดูแล 

3. Nexo – บัญชีออมทรัพย์คริปโตชั้นนำที่มีค่าธรรมเนียมแสนถูก

Nexo เป็นบัญชีออมทรัพย์คริปที่ได้รับความนิยมอย่างสูง ซึ่งไม่เพียงแต่จะรองรับโทเค็นจำนวนมากเท่านั้น แต่ยังให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจอีกด้วย โดย Nexo จะให้คุณสามารถเพิ่มอัตราดอกเบี้ยที่ได้รับเมื่อคุณ staking โทเค็นหลัก ตัวอย่างเช่น หากคุณต้องการได้รับผลตอบแทนจาก Bitcoin คุณก็สามารถรับผลตอบแทนต่อปีที่ 6% โดยไม่ต้อง staking

การ staking เหรียญ Nexo นั้นจะได้ผลตอบแทนต่อปีเพิ่มขึ้นเป็น 8% โดยหากคุณต้องการกระจายลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ คุณจะได้รับ 9/11% จาก ATOM, 14/16% จาก MATIC, 16/18% จาก FTM ส่วน Stablecoins เช่น USDT, GBPX และ EURX ยังรองรับผลตอบแทนต่อปีต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่นั้นมีความน่าสนใจเมื่อเทียบกับอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยในตลาด ซึ่งไม่ว่าคุณจะรับดอกเบี้ยจากโทเค็นคริปโต Nexo หรือเหรียญใดก็ตามก็จะไม่มีระยะเวลาล็อก

Nexo ฝากคริปโตได้ดอกเบี้ย

และด้วยเหตุนี้หากคุณต้องการเข้าถึงเงินได้อย่างรวดเร็ว คุณก็สามารถถอนโทเค็นของคุณออกจาก Nexo ได้ด้วยการคลิกเพียงปุ่มเดียว โดยอีกสิ่งหนึ่งที่ควรทราบเกี่ยวกับบัญชีออมทรัพย์คริปโต Nexo คือแพลตฟอร์มยังมีผลิตภัณฑ์และบริการอื่นๆ มากมายที่อาจน่าสนใจ รวมถึงการ์ด Nexo ซึ่งช่วยให้คุณสามารถใช้เหรียญคริปโตในชีวิตจริงได้ คุณยังสามารถใช้ Nexo เพื่อแลกเปลี่ยนระหว่างคู่สกุลเงินดิจิทัลได้มากกว่า 200+ และเข้าถึงเลเวอเรจได้สูงสุดถึง 3 เท่า

โดย Nexo ยังเปิดบริการต่อไปแม้ว่าแพลตฟอร์มคริปโตอื่นๆ เช่น Celsius และ Finblox จะหยุดการถอนเงินชั่วคราวในเดือนมิถุนายน 2022 ก็ตาม ท่ามกลางความผิดพลาดของตลาดคริปโตและปัญหาเกี่ยวกับ Three Arrows Capital ซึ่งเป็นนักลงทุนใน Finblox

อัตราผลตอบแทนต่อปีจากเหรียญคริปโตสูงถึง 36% สำหรับบางเหรียญ
ข้อจำกัดในการฝากเงินต่ำสุดและสูงสุดแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสินทรัพย์ (เช่น 0.001 BTC, 0.01 ETH เป็นต้น)
ระยะเวลาการล็อกระยะเวลาล็อกแบบยืดหยุ่นหรือแบบหนึ่งเดือน
ความปลอดภัยและกฎระเบียบลงทะเบียนกับ FinCENใบอนุญาตผู้ส่งเงินในรัฐต่างๆ ของสหรัฐอเมริกา
รางวัลเพิ่มเติมอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นหากคุณเลือกรับผลตอบแทนเป็น NEXO
ระยะเวลาในการจ่ายดอกเบี้ยรายวัน

เปิดบัญชีออมทรัพย์คริปโตบน Nexo ตอนนี้

สินทรัพย์คริปโตมีความผันผวนสูงและเป็นการลงทุนที่ไม่มีการกำกับดูแล

4. YouHodler – บัญชีออมทรัพย์คริปโตระดับโลกที่ให้ดอกเบี้ยทบต้น

YouHodler เป็นแพลตฟอร์มจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ที่จะมาปฏิวัติวงการสินเชื่อและออมทรัพย์ดิจิตอล ซึ่งเปิดตัวในปี 2017 โดยทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินและ blockchain โดยเฉพาะ ซึ่งได้เติบโตและให้บริการผู้ใช้มากกว่า 150,000 รายทั่วโลก

YouHodler ให้ความสำคัญกับการถือเหรียญในระยะยาว ด้วยเหตุนี้ความปลอดภัยจึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง YouHodler จะใช้ที่เก็บข้อมูลแบบ crypto wallet และ cold wallet เพื่อรักษาทรัพย์สินให้ปลอดภัย นอกจากนี้ YouHodler ยังได้รวมเอาเทคโนโลยี Ledger Vault ไว้ในแพลตฟอร์ม ทำให้ผู้ใช้ทุกคนสามารถเลือกใช้งานระหว่างตัวเลือกการดูแลขั้นสูงต่างๆ ได้

YouHodler บัญชีออมทรัพย์คริปโต ฝากคริปโตได้ดอกเบี้ย

สิ่งที่น่าดึงดูดใจหลักๆ ของ YouHodler คืออัตราดอกเบี้ยที่ยอดเยี่ยม โดยเป็นไปได้ที่จะได้รับดอกเบี้ยทบต้นสูงถึง 15% จากการจัดเก็บสินทรัพย์ของคุณบน YouHodler และตรงกันข้ามกับแพลตฟอร์มอื่นๆ YouHodler นั้นรองรับสินทรัพย์ดิจิทัลมากกว่า 50 รายการและ Stablecoin ที่สำคัญทั้งหมด (USDT, USDC, TUSD, HUSD, PAX, DAI, EURS) ซึ่งหมายความว่าเป็นไปได้ที่จะได้รับดอกเบี้ยจากการกระจายความเสี่ยงลงในพอร์ตการลงทุน

สรุปแล้ว YouHodler เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ ซึ่งเปิดให้บริการทุกประเทศยกเว้นก็แต่อัฟกานิสถาน บังกลาเทศ จีน คิวบา เยอรมนี อิหร่าน อิรัก เกาหลีเหนือ ปากีสถาน ซูดาน ซีเรีย สหรัฐอเมริกา และหมู่เกาะของสหรัฐอเมริกา ด้วยสินทรัพย์ที่รองรับมากมาย อัตราดอกเบี้ยที่ยอดเยี่ยม และทีมงานที่ทุ่มเท YouHodler จึงเป็นหนึ่งในบัญชีออมทรัพย์คริปโตที่ดีที่สุด

อัตราผลตอบแทนต่อปีจากเหรียญคริปโตเหรียญที่มีมูลค่าคงที่ – สูงถึง 12.3%เหรียญคริปโตเคอเรนซี่ – สูงถึง 6.8%
ข้อจำกัดในการฝากเงินต่ำสุดและสูงสุดขั้นต่ำ – $100สูงสุด – ไม่มี
ระยะเวลาการล็อก30, 90, 180 หรือ 365 วัน (ถอนได้ตลอดเวลา)
ความปลอดภัยและกฎระเบียบกระดานเทรด DEX
รางวัลเพิ่มเติมไม่ระบุ
ระยะเวลาในการจ่ายดอกเบี้ยรายสัปดาห์

เปิดบัญชีออมทรัพย์คริปโตบน YouHodler ตอนนี้

สินทรัพย์คริปโตมีความผันผวนสูงและเป็นการลงทุนที่ไม่มีการกำกับดูแล

เปรียบเทียบบัญชีออมทรัพย์คริปโตที่ดีที่สุด

หากคุณยังไม่แน่ใจว่าบัญชีออมทัพย์คริปโตใดที่ดีที่สุดสำหรับคุณ เราก็ได้ทำสรุปแต่ละบัญชีไว้ในตารางด้านล่าง

ผลตอบแทนต่อปีสูงสุดจาก BTC/ETHผลตอบแทนต่อปีสูงสุดจาก Stablecoinsเงื่อนไขสำหรับอัตราผลตอบแทนที่ดีที่สุด
DeFi Coinไม่ระบุ (สูงถึง 75% สำหรับ DEFC)ไม่ระบุ30, 90, 180, 365 วัน
Aqru1%สูงถึง 7%ยืดหยุ่น
Nexoสูงถึง 8%สูงถึง 20%ยืดหยุ่น
YouHodler6.8%สูงถึง 12.3%ยืดหยุ่น

บัญชีออมทรัพย์คริปโตคืออะไร?

บัญชีออมทรัพย์คริปโตคือบัญชีที่ให้คุณสามารถจัดเก็บสกุลเงินดิจิทัลของคุณผ่านผู้ให้บริการบุคคลที่สาม ซึ่งคุณจะเป็นโอกาสในการสร้างดอกเบี้ยจากเงินฝากของคุณ

ตามที่ระบุไว้ก่อนหน้านี้นี่คือบัญชีแบบเดียวกันกับใบรับรองเงินฝากแบบดั้งเดิม เนื่องจากบัญชีออมทรัพย์คริปโตจะจ่ายผลตอบแทนต่อปีหรือ APY ในอัตราต่างๆ ซึ่งจะขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่คุณตกลง

ตัวอย่างเช่น หากคุณต้องการเก็บ Tether ไว้ในบัญชีออมทรัพย์ของ Crypto.com ด้วยเงื่อนไขแบบยืดหยุ่น ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถถอนเงินได้ตลอดเวลาและรับผลตอบแทนต่อปีที่ 6% อย่างไรก็ตาม Crypto.com ยังให้ผลตอบแทนถึง 14% สำหรับการล็อกเป็นเวลา 3 เดือน

และเช่นเดียวกับใบรับรองเงินฝากทั่วไป จำนวนดอกเบี้ยที่ให้จะถูกกำหนดโดยผู้ให้บริการบัญชีออมทรัพย์คริปโตที่คุณเลือก ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมจึงต้องเลือกบัญชีออมทรัพย์คริปโตที่ดีที่สุด

บัญชีออมทรัพย์เงินทุนกู้ยืมคริปโต

หากคุณสงสัยว่าบัญชีออมทรัพย์คริปโตที่ดีที่สุดจะสามารถจ่ายดอกเบี้ยให้กับคุณอย่างไร ซึ่งสิ่งนี้สามารถทำได้ผ่านสินเชื่อเหรียญคริปโตเคอเรนซี่บุคคลที่สาม

ตัวอย่างเช่น เมื่อคุณออมคริปโตเข้าบัญชีที่คุณเลือก ผู้ให้บริการจะใช้โทเค็นเพื่อเป็นทุนในสัญญาการให้ยืม โดยเงินทุนที่ยืมไปก็จะชำระเงินคืนพร้อมดอกเบี้ยในภายหลัง

ส่วนใหญ่ ผู้กู้จะต้องโอนเหรียญคริปโตในจำนวนขั้นต่ำไว้เพื่อค้ำประกัน ซึ่งเป็นการป้องกันในกรณีที่ผู้กู้ไม่ชำระหนี้

  • สำหรับบัญชีออมทรัพย์คริปโตที่ให้ผลตอบแทนสูงเพื่อทำกำไร ผู้ให้บริการจะเรียกเก็บเงินจากผู้ยืมเป็นเบี้ยประกันภัย
  • ซึ่งเราหมายความว่าอัตราผลตอบแทนต่อปีที่คุณได้รับนั้นจะต่ำกว่าที่ผู้กู้จ่าย
  • ตัวอย่างเช่น หากคุณฝากคริปโตได้ดอกเบี้ย 7% ต่อปีจากเหรียญ XRP ผู้กู้อาจต้องจ่าย APR ที่ 10%
  • โดยความแตกต่างดังกล่าวจะให้เงินเพื่อสนับสนุนการทำธุรกรรมของผู้ให้บริการบัญชีออมทรัพย์คริปโตนั้นๆ

โมเดลธุรกิจแบบนี้ถูกใช้โดยธนาคารมาเป็นเวลาหลายศตวรรษแล้ว กล่าวคือผู้ที่ฝากเงินเข้าบัญชีธนาคารแบบเดิมก็จะได้รับดอกเบี้ย และดอกเบี้ยนี้ก็จะได้รับการสนับสนุนจากผู้ที่ใช้ธนาคารในการกู้ยืมเงินนั่นเอง

แพลตฟอร์มที่มีอัตราการออมเหรียญคริปโตที่ดีที่สุดคืออะไร?

จากการศึกษาเชิงลึก เราพบว่าอัตราการออมเหรียญคริปโตที่ดีที่สุดนั้นจะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆ ข้อ ด้วยเหตุนี้การประเมินว่าแพลตฟอร์มใดที่เหมาะกับคุณ จึงจำเป็นที่จะต้องพิจารณาถึงตัวชี้วัดต่างๆ เช่น เงื่อนไขการล็อก และ APY

  • ตัวอย่างเช่น คุณอาจพบว่าบัญชีออมทรัพย์คริปโตมอบ APY ในอัตราสูงสุดสำหรับเหรียญคริปโตที่คุณเลือก
  • เมื่อศึกษาเพิ่มเติม คุณอาจต้องล็อกโทเค็นของคุณเป็นเวลาอย่างน้อยสามเดือน
  • ตามที่ระบุไว้ เราก็มีแพลตฟอร์มอย่าง Crypto.com ที่ให้อัตราผลตอบแทนสูงให้กับผู้ที่ยินดีจะ staking โทเค็น CRO เท่านั้น
  • และอัตราผลตอบแทนสูงสุดที่ Crypto.com ก็ต้องอยู่ภายใต้ข้อกำหนดการ staking ขั้นต่ำที่ 40,000 CRO ซึ่งจะมีมูลค่ามากกว่า $16,000

เมื่อคำนึงถึงสิ่งเหล่านี้เราพบว่าแพลตฟอร์มโดยรวมที่ดีที่สุดสำหรับบัญชีออมทรัพย์คริปโตที่ให้ดอกเบี้ยสูงโดยไม่มีเงื่อนไขที่ไม่เอื้ออำนวยคือ DeFi Swap

โดยแพลตฟอร์มจะให้ผลตอบแทนสูงถึง 75% โดยไม่ต้องมีเงินฝากขั้นต่ำ พร้อมมีระยะเวลาล็อกที่ยืดหยุ่นและเงื่อนไขของแพลตฟอร์ม Staking ที่ดีที่สุด

เหรียญคริปโตที่คุณสามารถออมและรับดอกเบี้ยคืออะไร?

บัญชีออมทรัพย์คริปโตที่ดีที่สุดนั้นจะรองรับทั้งสองสินทรัพย์ของตลาด blockchain

สินทรัพย์แรกคือเหรียญที่มีมูลค่าคงที่ (stablecoin) ที่จะมีมูลค่าเท่าสกุลเงินทั่วไป เช่น ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่ง stablecoin ก็อาจดึงดูดอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่บนแพลตฟอร์มบัญชีออมทรัพย์คริปโตได้เช่นกัน

ซึ่งเป็นเพราะแพลตฟอร์มไม่จำเป็นที่จะต้องแบกรับความเสี่ยงจากความผันผวน เนื่องจาก stablecoin เช่น USDT และ USDC จะมีมูลค่าอยู่ที่ 1 ดอลลาร์ตลอดเวลา (อาจแตกต่างเพียงเล็กน้อยเท่านั้น)

บัญชีออมทรัพย์คริปโตที่ดีที่สุด

สินทรัพย์ที่สองคือเหรียญคริปโตทั่วไป ได้แก่ Bitcoin, Litecoin, EOS, Cardano, XRP, และ Dogecoin ซึ่งเหรียญใดๆ ก็สามารถได้รับการรองรับได้โดยบัญชีออมทรัพย์คริปโต เนื่องจากเหรียญดังกล่าวทำงานเป็นสินทรัพย์เหมือนกันทั้งหมด

กล่าวคือโดยการออมคริปโตลงในแพลตฟอร์ม ผู้ให้บริการจะให้ยืมเงินแก่บุคคลที่สามซึ่งจะจ่ายเป็นดอกเบี้ย

แต่หากคุณต้องการได้รับดอกเบี้ยจากเหรียญคริปโตที่ยังไม่ได้รับการรับรอง คุณก็ต้องดิ้นรนหาแพลตฟอร์มที่รองรับโทเค็น ดังนั้น จึงเป็นการดีที่สุดที่ต้องเน้นไปที่โปรเจกต์ที่มีมูลค่าตลาดสูงเพื่อรับดอกเบี้ย

เริ่มใช้งานบัญชีออมทรัพย์คริปโตอย่างไร?

การเริ่มใช้งานบัญชีออมทรัพย์คริปโต นั้นค่อนข้างตรงไปตรงมา

ส่วนใหญ่แล้ว คุณเพียงแค่ต้อง:

  • เปิดบัญชีกับผู้ให้บริการที่คุณเลือก
  • ออมเหรียญคริปโตที่คุณต้องการรับดอกเบี้ย
  • และปล่อยให้สินทรัพย์ดิจิทัลของคุณทำงานแทนคุณ

โดยคำแนะนำด้านล่างจะแนะนำคุณถึงขั้นตอนในการเริ่มต้นใช้งานด้วยแพลตฟอร์ม Aqru ที่ได้รับความนิยมอันดับต้นๆ

ขั้นตอนที่ 1: เปิดบัญชี

ในการเริ่มรับดอกเบี้ยจากการลงทุนในคริปโตที่ Aqru ก่อนอื่นคุณต้องผ่านขั้นตอนการเปิดบัญชีอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะแบ่งออกเป็นสองส่วน

ก่อนอื่น คุณจะต้องกรอกข้อมูลส่วนตัวบางอย่าง เช่น ชื่อ สัญชาติ และที่อยู่อีเมล ขั้นถัดไป คุณจะต้องอัปโหลดสำเนาบัตรประจำตัวที่ออกโดยหน่วยงานราชการ

เปิดบัญชี AQRU

เนื่องจาก Aqru นั้นมีกฎระเบียบเกี่ยวกับการควบคุมการต่อต้านการฟอกเงิน ซึ่งจะไม่เหมือนกับผู้ให้บริการบัญชีออมทรัพย์คริปโตทั่วๆ ไปในตลาด

ขั้นตอนการเปิดบัญชีที่ Aqru จะใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น

ขั้นตอนที่ 2: ฝากเงิน

ขั้นตอนถัดไปคือการฝากเงินเข้าบัญชี Aqru โดยวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดก็คือการออมคริปโตที่คุณต้องการได้รับดอกเบี้ย

  • ตัวอย่างเช่น หากคุณต้องการรับดอกเบี้ยรายปีจาก Bitcoin ก็ให้ฝาก BTC โดยคุณอาจต้องการตรวจสอบธนาคารคริปโตที่ดีที่สุดในปี 2023 เพิ่มเติม
  • โดยก่อนอื่น คุณจะต้องคัดลอกที่อยู่กระเป๋าเงินที่ไม่ซ้ำกับบัญชี Aqru ของคุณ
  • จากนั้นตรงไปที่กระเป๋าเงินส่วนตัวของคุณและโอนเงินไปยังที่อยู่ Aqru ที่คุณเพิ่งคัดลอกมา

แต่หากคุณไม่มีเหรียญคริปโต Aqru ก็ให้คุณฝากสกุลเงินที่รองรับ ได้แก่ ยูโรและปอนด์อังกฤษ โดยข้อกำหนดขั้นต่ำอยู่ที่ £/€ 100

ขั้นตอนที่ 3: รับดอกเบี้ย 

เมื่อคุณทำการฝากเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์คริปโต Aqru แล้ว คุณก็ไม่จำเป็นต้องทำอะไรเพิ่มเติม โดยคุณจะได้รับอัตราดอกเบี้ยโดยตรงที่บัญชีของคุณเมื่อเวลาผ่านไป

จนกว่าคุณจะตัดสินใจถอนเงินออก และเมื่อคุณถอนเงิน คุณก็จะได้รับเงินต้นคืนพร้อมดอกเบี้ย

รับดอกเบี้ยจากการออมเหรียญคริปโต

ซึ่งหมายความว่าหากสินทรัพย์คริปโตนั้นมีมูลค่าเพิ่มขึ้น การลงทุนของคุณจะมีมูลค่ามากขึ้นนั่นเอง

บัญชีออมทรัพย์คริปโตปลอดภัยหรือไม่?

ก่อนที่คุณจะเปิดบัญชีออมทรัพย์คริปโต คุณก็จำเป็นต้องพิจารณาถึงความเสี่ยงบางข้อ ได้แก่

ไม่มีการรับประกันหรือการคุ้มครองจากรัฐบาล

มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญในความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องระหว่างบัญชีธนาคารแบบดั้งเดิมและแพลตฟอร์มบัญชีออมทรัพย์คริปโต

โดยหากคุณฝากเงินดอลลาร์ลงบัญชีธนาคารองค์กรประกันเงินฝากในสหรัฐอเมริกา (FDIC) คุณก็จะได้รับความคุ้มครองมากถึง 250,000 ดอลลาร์แรก หากธนาคารล้มละลาย

เช่นเดียวกับองค์กรนานาชาติ (FSCS) ของสหราชอาณาจักร ซึ่งครอบคลุมเงินฝากธนาคารสูงสุดที่ 85,000 ปอนด์แรก แต่การฝากเงินลงในบัญชีออมทรัพย์คริปโตจะไม่มีการคุ้มครองดังกล่าว

ซึ่งหมายความว่าหากแพลตฟอร์มประสบปัญหาทางการเงิน เงินออมคริปโตของคุณก็จะตกอยู่ในความเสี่ยง นี่คือเหตุผลที่แพลตฟอร์มบัญชีออมทรัพย์คริปโตจะให้ APY ที่สูงกว่าบัญชีธนาคารแบบดั้งเดิมนั่นเอง

การเปลี่ยนแปลงของอัตราผลตอบแทนต่อปี

ความเสี่ยงอย่างคือผลตอบแทนต่อปีที่เสนอโดยผู้ให้บริการบัญชีออมทรัพย์คริปโตนั้นไม่มีการรับประกัน ซึ่งหมายความว่า ณ เวลาใดก็ตาม คุณอาจพบว่าคุณได้รับอัตราผลตอบแทนต่อปีที่ต่ำกว่าเดิม

ซึ่งคล้ายกันกับการเปิดบัญชีออมทรัพย์แบบยืดหยุ่นกับธนาคารแบบดั้งเดิม

ราคาเหรียญคริปโตที่ลดลง

เมื่อเงินออมของคุณถูกยืมไปยังบุคคลที่สาม ผู้ยืมจะต้องวางเงินประกันในรูปแบบของหลักทรัพย์ค้ำประกัน

บัญชีออมทรัพย์คริปโตปลอดภัยไหม

อย่างไรก็ตาม หลักทรัพย์ค้ำประกันนี้จะสามารถสูญเสียมูลค่าได้อย่างรวดเร็วหากตลาดคริปโตตกอยู่ในแนวโน้มขาลง ซึ่งจะทำให้เกิดการผิดนัดชำระหนี้มากขึ้น โดยแพลตฟอร์มอาจมีหุ้นสามัญไม่เพียงพอที่จะครอบคลุมยอดเงินของคุณได้ทั้งหมด

มูลค่าโทเค็น vs ผลตอบแทนต่อปี

หากคุณกำลังมองหาวิธีซื้อเหรียญคริปโตเพื่อรับดอกเบี้ย คุณก็ควรดำเนินการด้วยความระมัดระวัง

นี่เป็นเพราะในขณะที่คุณอาจได้รับอัตราผลตอบแทนที่เหมาะสมผ่านบัญชีออมทรัพย์คริปโต คุณต้องไม่ลืมว่ามูลค่าของการถือครองเหรียญคริปโตจะเพิ่มขึ้นและลดลงได้ตามกลไกของตลาด ในกรณีที่เศรษฐกิจตกต่ำ คุณก็อาจขาดทุนได้นั่นเอง

นี่คือเหตุผลว่าทำไมการเลือก stablecoin เมื่อเปิดบัญชีออมทรัพย์คริปโต จึงเป็นความคิดที่ดีกว่ามาก เพราะคุณสามารถลดความเสี่ยงของความผันผวนได้ เนื่องจาก stablecoin เช่น USDC นั้นมีมูลค่าเท่ากับดอลลาร์นั่นเอง

บทสรุป

บทความนี้ครอบคลุมถึงรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีการทำงานของบัญชีออมทรัพย์คริปโตที่ให้ผลตอบแทนสูง โดยการฝากสินทรัพย์ดิจิทัลที่ไม่ได้ใช้งานของคุณลงในแพลตฟอร์มการออมคริปโตที่เชื่อถือได้ คุณก็จะได้รับดอกเบี้ยที่สูง ให้คุณได้สร้าง passive income จากการลงทุนในคริปโตของคุณเอง

บัญชีออมทรัพย์คริปโตที่ดีที่สุดในตลาด คือ DeFi Swap ที่มีผลตอบแทนที่ยอดเยี่ยมและความปลอดภัยในระดับสูง ทั้งยังมีความยืดหยุ่น ซึ่งสามารถถอนเงินออกมาได้ตลอดเวลา

เปิดบัญชีออมทรัพย์คริปโตบน DeFi Swap ตอนนี้

สินทรัพย์คริปโตมีความผันผวนสูงและเป็นการลงทุนที่ไม่มีการกำกับดูแล 

Categories
Bitcoins Crypto News คู่มือคริปโต รับดอกเบี้ยคริปโต

4 แพลตฟอร์ม Staking ที่ดีที่สุด 2023 และวิธี Staking เหรียญคริปโต 

การ Staking เหรียญคือกระบวนการ “ล็อก” เหรียญคริปโตในระยะเวลาหนึ่งเพื่อสนับสนุนประสิทธิภาพและความปลอดภัยของเครือข่ายบล็อกเชนนั้นๆ โดยคุณจะได้รับดอกเบี้ยเป็นการตอบแทนจากการ Staking เหรียญ

ในคู่มือนี้ เราไม่เพียงแค่จะรีวิวแพลตฟอร์ม Staking ที่ดีที่สุดในปี 2023 แต่เราจะอธิบายแบบง่ายๆ ว่าการ staking เหรียญคริปโตในตลาดบล็อกเชนนั้นทำงานอย่างไร

รายการแพลตฟอร์ม Staking ที่ดีที่สุด

แพลตฟอร์ม Staking ที่ดีที่สุดในตลาดตอนนี้ ได้แก่ 4 แพลตฟอร์มด้านล่าง

  1. AiDoge – ทางเลือกใหม่สำหรับแพลตฟอร์ม Staking ที่ดีที่สุด เหรียญ Staking นี้ให้รางวัลรายวันแก่ผู้ถือระยะยาวและสิทธิพิเศษที่ไม่เหมือนใคร ในขณะที่ให้สิทธิ์เข้าถึงเครื่องมือสร้างมีมที่ไม่เหมือนใคร
  2. eToro – แพลตฟอร์ม Staking ที่ดีที่สุดที่อยากแนะนำ – เป็นมิตรกับมือใหม่ด้วยผลตอบแทนอันยอดเยี่ยม
  3. OKX – กระดานเทรดคริปโตมาแรงที่มาพร้อมเหรียญ Staking ยอดนิยม
  4. DeFi Swap – แพลตฟอร์ม Staking ที่ดีที่สุดที่ให้ดอกเบี้ยสูง

ไปยังแพลตฟอร์ม Staking ที่ดีที่สุด

เว็บไซต์ Staking เหรียญคริปโตด้านบนต่างมีศักยภาพยอดเยี่ยม โดยเราจะอธิบายว่าทำไม

รีวิวแพลตฟอร์ม Staking ที่ดีที่สุด

การค้นหาแพลตฟอร์ม Staking ที่ดีที่สุดในปีนี้ เราจะเน้นที่เกณฑ์เฉพาะจากมุมมองของนักลงทุน ซึ่งจะรวมถึงตัวชี้วัด เช่น ผลตอบแทน เงื่อนไขการล็อก และจำนวนโทเค็นที่รองรับ

ในแง่ของความปลอดภัย เราได้ตรวจสอบว่าแพลตฟอร์มนั้นๆ มีการกำกับดูแลหรือไม่ และใช้งานระบบแบบใดเพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะลงทุนในเหรียญคริปโตได้อย่างปลอดภัย

แพลตฟอร์ม Staking เหรียญที่เราได้รีวิว ได้แก่

1. AiDoge – ทางเลือกใหม่สำหรับแพลตฟอร์ม Staking ที่ดีที่สุด ที่ให้รางวัลรายวัน

Logo for AiDoge

อันดับแรกในลิสอันดับแพลตฟอร์ม Staking ที่ดีที่สุดของเราคือ AiDoge สิ่งแรกที่ควรทราบคือ AiDoge ไม่ใช่แพลตฟอร์ม Staking ในทางเทคนิค เช่นเดียวกับอันดับอื่น ๆ ในลิสต์รายการของเรา แต่เป็นโครงการคริปโตมาใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วย AI พร้อมโปรโตคอล Staking ในตัวที่เสนอรางวัลรายวัน

ตามที่กำหนดไว้ในเอกสารข้อมูล AiDoge ตั้งใจที่จะรับมือกับความท้าทายในการสร้างมีมโดยใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อสร้างมีมที่สอดคล้องกับเทรนด์คริปโต สิ่งนี้ทำงานผ่าน “ตัวสร้างมีม” ของ AiDoge ซึ่งใช้ป้อนข้อความคำสั่งแบบเดียวกับ ChatGPT

$Ai เป็นสกุลเงินหลักของ AiDoge ซึ่งส่วนใหญ่ใช้เพื่อซื้อเครดิตที่ผู้ใช้ต้องการเมื่อสร้างมีม อย่างไรก็ตาม ตามที่ระบุไว้ข้างต้น AiDoge จะรวมโปรโตคอลการ staking ที่สร้างขึ้นเอง โดยผู้ใช้สามารถ “ล็อก” โทเค็น $Ai ของตนเพื่อรับรางวัลเครดิตรายวัน ซึ่งเป็นการสร้างเส้นทางให้ผู้ใช้เหล่านี้พัฒนามีมเพิ่มเติมโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย

AiDoge crypto

ไม่เพียงแค่นั้น โปรโตคอลการ staking ของ AiDoge จะให้รางวัลแก่ผู้ที่ทำการ stake ด้วยผลประโยชน์เพิ่มเติม สิทธิประโยชน์เหล่านี้รวมถึงเทมเพลตมีมพิเศษ การเข้าร่วมการแข่งขันมีมพิเศษ และแม้แต่การเข้าถึงสิทธิ์ในการออกเสียงที่เกี่ยวข้องกับข้อเสนอด้านการกำกับดูแล

อุปทานทั้งหมดของโทเค็น $Ai กำหนดไว้ที่หนึ่งล้านล้าน โดย 50% ของโทเค็นเหล่านี้สงวนไว้สำหรับนักลงทุนในช่วงพรีเซล ทีมงานของ AiDoge ได้กำหนดราคาเสนอขายเริ่มต้น (IEO) ไว้ที่ 0.0000336 ดอลลาร์ ทำให้โครงการมีมูลค่าตลาดเมื่อเปิดตัวที่ 29,800,000 ดอลลาร์

AiDoge staking

โดยธรรมชาติแล้ว โปรโตคอลการ staking ที่ไม่เหมือนใครของโครงการและคุณสมบัติที่ขับเคลื่อนด้วย AI ได้สร้างกระแสฮือฮาจากชุมชนการลงทุน อย่างไรก็ตาม นักลงทุนต้องระวังด้วยว่า เหรียญคริปโตที่เปิดขายพรีเซลอย่าง AiDoge มักถูกมองว่ามีความเสี่ยงมากกว่าเนื่องจากขาดสภาพคล่อง

ข่าวดีก็คือการที่ AiDoge อยู่ในช่วงพรีเซลก็ถือเป็นข้อดีเช่นกัน เนื่องจากหมายความว่านักลงทุนรายแรกๆสามารถซื้อโทเค็น AiDoge ได้ในราคาต่ำ ช่วงพรีเซลล์นี้จะมีทั้งหมด 20 รอบ โดยแต่ละรอบจะมีราคาโทเค็นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งหมายความว่าผู้ที่ลงทุนเร็วที่สุดจะอยู่ในจุดเข้าซื้อที่ต่ำที่สุด

ผู้สนใจที่ต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการ AiDoge สามารถเข้าร่วมช่องทางอย่างเป็นทางการของ Telegram

เพดานเงินทุน$14,900,000
โทเค็นทั้งหมด1 ล้านล้าน
โทเค็นในช่วงพรีเซลล์500 พันล้าน
Blockchainเครือข่าย Ethereum
ประเภทโทเค็นERC-20
ซื้อขั้นต่ำ100 โทเค็น
ซื้อด้วยUSDT, ETH, BNB, บัตรเครดิต

ไปยัง AiDoge Presale

2. eToro – แพลตฟอร์ม Staking เหรียญคริปโตด้วยค่าธรรมเนียมแสนถูก

eToro เป็นที่รู้จักในฐานะโบรกเกอร์เหรียญคริปโตที่ควบคุมโดย ก.ล.ต. ซึ่งมีค่าธรรมเนียมที่ต่ำที่สุดในตลาด และมีต้องการเงินฝากขั้นต่ำไม่เยอะ โดยสิ่งที่ทำให้เราชอบมากๆ ก็คือเมื่อคุณซื้อเหรียญคริปโตที่ eToro โทเค็นดังกล่าวจะถูกนำไป Stake โดยอัตโนมัติ

ตอนนี้ eToro มอบรางวัลโดยอัตโนมัติในเหรียญ Staking ที่ดีที่สุด ได้แก่ Ethereum, Cardano, และ Tron ซึ่งขึ้นอยู่กับสถานะสมาชิก eToro และที่ที่คุณอยู่ เช่น หากคุณเป็นสมาชิกระดับ Bronze และเป็นผู้ใช้ในสหรัฐอเมริกาก็จะได้รับ 75% ของผลตอบแทนการ Stake รายเดือนที่ ส่วนระดับ Diamond และ Platinum+ จะได้ 90% 

หากคุณกำลังสงสัยว่าจะ Staking ที่ไหนดีนั้น eToro ก็เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์ม Staking ที่ดีที่สุดโดยที่ไม่มีระยะเวลาการล็อกโทเค็นใดๆ โดยคุณสามารถรับผลตอบแทนจาก Stake ตามโทเค็นที่คุณมีใน eToro Crypto Wallet จนกว่าคุณอยากจะขายโดยไม่ต้องโอนเหรียญไปมาเหมือนแพลตฟอร์มอื่น

eToro staking ที่ไหนดี Staking เหรียญ Staking ที่ไหน

คุณจะได้รับประโยชน์มากมายในการใช้ eToro เนื่องจากแพลตฟอร์มได้รับอนุญาตจาก ก.ล.ต., FCA, ASIC, และ CySEC และหากคุณอยากซื้อเหรียญคริปโต คุณก็สามารถฝากเงินได้โดยไม่เสียค่าธรรมเนียมผ่านวิธีการชำระเงินมากมาย

การเลือกว่าจะ Staking ที่ไหนดีนั้นอาจเป็นเรื่องยาก เราได้ทำการวิเคราะห์สองแพลตฟอร์มยอดนิยมไว้ในบทวิเคราะห์ eToro กับ Coinbase แล้ว

รางวัล Staking ของเหรียญคริปโตADA, TRX, และ ETH 2.0 จะแตกต่างกันไปในแต่ละเดือน ขึ้นอยู่กับปริมาณการ Stake บนแพลตฟอร์ม
จำนวนการ Staking ต่ำสุดและสูงสุดStake ขั้นต่ำที่ $1 ต่อเดือน
ระยะเวลาการล็อกไม่มีระยะเวลาการล็อก ถอนออกได้ทุกเมื่อ
ความปลอดภัยและกฎระเบียบ·  ควบคุมโดย ก.ล.ต.·  ได้รับอนุญาตจาก FINRA และ FinCEN
รางวัลเพิ่มเติมสมาชิกระดับสูงจะได้รับผลตอบแทนจากการ Stake เพิ่มขึ้น
ระยะเวลาในการจ่ายดอกเบี้ยรายเดือน

Stake เหรียญคริปโตที่ eToro ตอนนี้

สินทรัพย์คริปโตมีความผันผวนสูงและเป็นการลงทุนที่ไม่มีการกำกับดูแล 

3. OKX – กระดานเทรดคริปโตมาแรงที่มาพร้อมเหรียญ Staking ยอดนิยม

OKX เป็นกระกานแลกเปลี่ยนคริปโตระดับโลกที่มีผู้ใช้มากกว่า 20 ล้านคนทั่วโลกและมี คริปโคเคอเรนซี่มากกว่า 340 เหรียญ แพลตฟอร์มนี้มีค่าธรรมเนียมการซื้อขายที่ต่ำที่สุด ทำให้เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมในการซื้อเหรียญคริปโตชั้นนำมากมายสำหรับการ Staking

OKX ให้ผลตอบแทนต่อปี (APY) จากการ Stake สูงถึง 70% ผู้ใช้สามารถ Stake เหรียญยอดนิยม มากมาย โดยมีระยะเวลาการล็อกตั้งแต่ 15 ถึง 120 วัน (หรือไม่มีเลย) ซึ่งหากเลือกว่าจะ Stake Pool ไหนดีนั้น Pool ของ Ethereum 2.0 ก็จะมอบอัตรา APY ที่ 4.09%

OKX Staking แพลตฟอร์ม Staking ที่ดีที่สุด

OKX มีบัญชีออมทรัพย์ที่ให้ดอกเบี้ยจากเหรียญที่มีมูลค่าคงที่และ Bitcoin อีกด้วย ซึ่งเหรียญคริปโตในบัญชีออมทรัพย์จะไม่มีระยะเวลาการล็อกและจะจ่ายดอกเบี้ยเป็นรายชั่วโมง

OKX ยังมีฟีเจอร์ Flash Deals ที่จะมอบข้อเสนอระยะสั้นที่ให้ APY สูงถึง 500% ตามโทเค็นที่มีความต้องการสูง โดยข้อเสนอดังกล่าวมักจะมีให้สำหรับ Bitcoin, Ethereum และเหรียญคริปโตที่เทรดเดอร์ต้องการ

OKX ก็ไม่มีเงินฝากขั้นต่ำในการเปิดบัญชี และรองรับการชำระเงินที่หลากหลายอีกด้วย

รางวัล Staking ของเหรียญคริปโต1%-300%
จำนวนการ Staking ต่ำสุดและสูงสุดไม่ระบุ
ระยะเวลาการล็อกตั้งแต่ไม่มีระยะเวลาไปจนถึง 120 วัน
ความปลอดภัยและกฎระเบียบควบคุมโดยประเทศมอลตา
รางวัลเพิ่มเติมไม่ระบุ
ระยะเวลาในการจ่ายดอกเบี้ยรายชั่วโมง

Stake เหรียญคริปโตที่ OKX ตอนนี้

สินทรัพย์คริปโตมีความผันผวนสูงและเป็นการลงทุนที่ไม่มีการกำกับดูแล 

4. DeFi Swap – แพลตฟอร์ม Staking ที่ดีที่สุดที่ให้ดอกเบี้ยสูง

DeFi Swap เป็นกระดานเทรดคริปโต DEX ซึ่งถูกสร้างขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกในการ Stake เหรียญ DeFi Coin (DEFC) โดยเฉพาะ โดยมีระยะเวลา Stake 4 ช่วง: 30, 90, 180, หรือ 365 วัน โดยคุณสามารถรับอัตราดอกเบี้ย APY ได้ตั้งแต่ 30% ถึง 75%

โดยคุณสามารถแลกเหรียญคริปโตหลักๆ (ได้แก่ Bitcoin, Ethereum, BNB และอื่นๆ) เป็น DEFC ได้ง่ายๆ DeFi Swap ยังให้คุณซื้อ DeFi Coin ด้วยเหรียญที่มีมูลค่าคงที่ ซึ่งให้ผลตอบแทนสูงอย่าง USDC และ USDT ได้

DefiSwap แพลตฟอร์ม staking

DeFi Swap เพิ่งเปิดตัว ดังนั้นแพลตฟอร์มจึงมีทางเลือกการ Stake มากมายและอัตราดอกเบี้ยจะสูงขึ้นเมื่อแพลตฟอร์มเติบโตนั่นเอง

รางวัล Staking ของเหรียญคริปโตAPY 30-75% สำหรับ DeFi Coin
จำนวนการ Staking ต่ำสุดและสูงสุดไม่มีขั้นต่ำหรือสูงสุด
ระยะเวลาการล็อก30, 90, 180 หรือ 365 วัน
ความปลอดภัยและกฎระเบียบกระดานเทรด DEX
รางวัลเพิ่มเติมค่าธรรมเนียมจากการซื้อและขาย DEFC จะคืนให้กับผู้ถือโทเค็น
ระยะเวลาในการจ่ายดอกเบี้ยรายเดือน

Stake เหรียญคริปโตที่ DeFi Swap ตอนนี้

สินทรัพย์คริปโตมีความผันผวนสูงและเป็นการลงทุนที่ไม่มีการกำกับดูแล

Staking เหรียญคืออะไร?

เป็นเรื่องสำคัญที่คุณจะต้องเข้าใจวิธีการ Staking เหรียญคริปโตอย่างลึกซึ้ง ก่อนเริ่มดำเนินการลงทุน

ด้วยเหตุนี้ เราจะอธิบายถึงเรื่องพื้นฐานที่คุณควรทราบก่อนลงทุนในโทเค็นใดๆ 

Staking เหรียญคริปโตทำงานยังไง?

การ Staking เหรียญคริปโตคือกระบวนการล็อกโทเค็นบางส่วนเพื่อช่วยให้การทำธุรกรรมมีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพบนบล็อกเชน Proof of Stake

โดยคุณจะได้รับอัตราดอกเบี้ยจากโทเค็นที่คุณ Stake ซึ่งหมายความว่าแทนที่จะถือเหรียญไว้ใน Crypto Wallet เฉยๆ คุณก็สามารถสร้างรายได้จากเหรียญคริปโตด้วยการรับรายได้จากโทเค็นของคุณนอกเหนือจากลงทุนเพิ่มได้

เรามาดูตัวอย่างพื้นฐานของการ Staking เหรียญคริปโตกันก่อน:

  • สมมุติว่าคุณต้องการ Stake โทเค็น ADA บนเครือข่าย Cardano
  • สมมุติว่าคุณจะได้ผลตอบแทนต่อปี (APY) 10%
  • คุณตัดสินใจ Stake โทเค็น ADA มูลค่า $5,000 เป็นเวลาสามเดือน
  • ในเวลาหนึ่งปี การ Stake ที่ $5,000 จะมอบผลตอบแทน $500 ดังนั้น การ Stake สามเดือนก็จะคิดเป็นรายได้แบบพาสซีฟที่ $125 

สิ่งสำคัญคือต้องทราบว่ารางวัลการ Stake นั้นจะมอบให้คุณเป็นโทเค็นที่ใช้ Stake ซึ่งหมายความว่า รางวัลจากการจะถูกจ่ายเป็นโทเค็น ADA นั่นเอง 

ที่สำคัญ ระหว่างการล็อกโทเค็นคริปโตนั้น คุณจะยังได้รับประโยชน์หากโทเค็นมีมูลค่าเพิ่มขึ้น เช่น โทเค็นมีมูลค่า $1 ในขณะที่คุณเริ่ม Stake และ $1.50 เมื่อสิ้นสุดระยะเวลาการล็อก คุณจะได้รับมูลค่าโทเค็นที่บวก 50% นั่นเอง ซึ่งทำให้คุณได้รับรางวัลได้สองทาง

etoro staking

จากที่กล่าวมา เราควรสังเกตว่าในขั้นต้น Staking นั้นทำได้โดยการดาวน์โหลด Node บัญชีแยกประเภทของเครือข่ายบล็อกเชนนั้นๆ ไปยังอุปกรณ์เดสก์ท็อปของคุณ ซึ่งหมายความว่าคุณจะต้อง Stake โทเค็นโดยตรงกับบัญชีแยกประเภทบล็อกเชนผ่าน Wallet ที่รองรับ

แต่การ Staking ได้พัฒนาขึ้นแล้ว ซึ่งทำให้นักลงทุนมือใหม่และมืออาชีพสามารถได้รับรางวัลง่ายขึ้นด้วย

นี่เป็นเพราะแพลตฟอร์ม Staking ที่ดีที่สุดนั้นล้วนแล้วแต่ให้คุณฝากโทเค็นเพื่อเริ่มรับดอกเบี้ย และรางวัลจากการ Stake ก็ได้มาจากเหรียญ PoS นั่นเอง เนื่องจากแพลตฟอร์มยอดนิยมจะมอบโอกาสในการสร้างรายได้ผ่านบัญชีออมทรัพย์ แต่คุณรู้ไหมว่า Yield Farming กับ Staking แตกต่างกันยังไง?

ระยะเวลาการล็อก

จะมีระยะเวลาการล็อกหากคุณ Stake เหรียญคริปโตโดยตรงผ่าน Node บนบล็อกเชน ซึ่งหมายความว่าคุณจะไม่สามารถถอนเหรียญคริปโตได้จนกว่าระยะเวลาการล็อกจะสิ้นสุด

ซึ่งคล้ายกับวิธีตราสารหนี้ เนื่องจากคุณจะยังได้รับดอกเบี้ยแม้ว่าโทเค็นจะถูกล็อกเอาไว้ เพียงแต่ว่าการ Stake จะถอนไม่ได้จนกว่าจะสิ้นสุดการล็อก

นอกจากนี้ แพลตฟอร์ม Staking ที่ดีที่สุดที่เราแนะนำยังมีความยืดหยุ่นสูง ซึ่งหมายความว่าหากคุณได้รับอัตราดอกเบี้ยต่ำ คุณก็สามารถถอนเหรียญที่ใช้ Stake ได้ทุกเมื่อ

Mining กับ Staking

ผู้คนมักจะเข้าใจผิดว่าการขุด (Mining) กับการ Staking เหมือนกัน แต่จริงๆ แล้ว ทั้งสองกลไกที่ว่าก็มีกระบวนการแตกต่างกันอยู่

  • การขุดคือกระบวนการที่ใช้ตรวจสอบและยืนยันธุรกรรมใหม่สำหรับเครือข่ายบล็อกเชนแบบเฉพาะ
  • นักขุดจะต้องติดตั้งฮาร์ดแวร์ราคาแพง (การ์ดจอ) ซึ่งใช้ไฟฟ้าในปริมาณมาก
  • แต่นักขุดจะได้ผลตอบแทนจากทรัพยากรที่ใช้ไปเมื่อโทเค็นถูกสร้างขึ้น ตัวอย่างเช่น Bitcoin จะจ่ายให้กับผู้ที่ขุดเหรียญสำเร็จที่ 6.25 BTC ทุกๆ 10 นาที

ที่สำคัญ การขุด (โดยเฉพาะบนเครือข่ายยอดนิยมอย่าง Bitcoin) นั้นค่อนข้างจะไม่คุ้มทุน ซึ่งเป็นเหตุผลที่การ Staking ฟังดูดีกว่า ตัวอย่างเช่น ในการ Stake เหรียญคริปโต คุณไม่จำเป็นต้องซื้ออุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ใดๆ และไม่จำเป็นต้องใช้ไฟฟ้ามากมาย

แต่เพียงแค่ต้องเลือกแพลตฟอร์ม Staking ที่ดีที่สุด แล้วฝากโทเค็นที่ต้องการ แล้วนั่งรอให้กลไกสร้างผลกำไรแบบพาสซีฟให้เอง

On-Chain กับ Off-Chain Staking

อีกสิ่งที่ควรเข้าใจในการ Staking เหรียญคริปโตคุณจะเริ่ม Stake ในเชน (On-Chain) หรือนอกเชน (Off-Chain) โดยการ Stake ในเชนจะนำโทเค็นดังกล่าวไปไว้ในเครือข่ายบล็อกเชนที่คุณเลือก

การทำแบบนี้คุณจะต้องดาวน์โหลดบัญชีแยกประเภทบล็อกเชนทั้งหมดลงคอมพิวเตอร์และเชื่อมต่อกับ Node ผ่าน Wallet ที่รองรับ ซึ่งจะทำให้คุณมีส่วนร่วมโดยตรงกับบล็อกเชน แต่การ Stake ในเชนนั้นเหมาะสำหรับผู้ที่เข้าใจในเหรียญคริปโตอย่างสูง

ethereum staking

แต่หากคุณเป็นมือใหม่และต้องการอะไรง่ายๆ เราก็ขอแนะนำให้ Stake นอกเชน โดยแพลตฟอร์ม Staking ที่ดีที่สุดที่เราแนะนำไปวันนี้ก็ต่างให้บริการการ Stake นอกเชน ซึ่งหมายความว่าคุณไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์ก็สามารถเริ่มต้น Stake ได้

นี่เป็นเพราะข้อตกลงของคุณจะผูกกับแพลตฟอร์ม Staking นั่นเอง (ต่างจากเครือข่ายบล็อกเชน) ด้วยเหตุนี้ หากคุณตัดสินใจเลือกแพลตฟอร์มกับเหรียญที่ใช่และระยะเวลาการล็อกได้แล้ว คุณก็ไม่จำเป็นต้องทำอะไรอีก

ประโยชน์ของการ Staking เหรียญคริปโต

การ Staking เหรียญคริปโตอาจไม่เหมาะกับทุกคน โดยเฉพาะเมื่อคุณอยากเทรดเหรียญคริปโตอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้มั่นใจว่าการ Staking นั้นตอบโจทย์การลงทุนคุณหรือไม่ ให้พิจารณาประโยชน์ที่ได้ ดังนี้

รับดอกเบี้ยจากเหรียญคริปโตที่ไม่ได้ใช้งาน

หากคุณถือหุ้นไว้ในพอร์ต คุณจะมีโอกาสได้รับเงินปันผลทุกๆ เดือน

แต่การถือเหรียญคริปโตเอาไว้นั้น คุณจะทำเงินได้เมื่อโทเค็นมีมูลค่าเพิ่มและได้ขายเหรียญไปเท่านั้น เว้นเสียแต่ว่าคุณเลือกเก็บการลงทุนเหรียญคริปโตระยะยาวไว้กับแพลตฟอร์ม Staking ที่ดีที่สุด

เพราะหากคุณตัดสินใจ Stake โทเค็นเอาไว้ คุณก็จะได้รับดอกเบี้ยตอบแทน ซึ่งหมายความว่าคุณจะมีโอกาสในการสร้างรายได้จากเหรียญคริปโตได้สองแบบ เนื่องจากคุณจะได้รับผลตอบแทนเมื่อเหรียญคริปโตมีมูลค่าเพิ่มขึ้นนั่นเอง

โปรดจำไว้ว่าข้อดีของการ Staking นั้นไม่เหมือนกับการได้รับดอกเบี้ยผ่านการปล่อยสินเชื่อ เพราะมีหลายบริษัท เช่น Celsius, Voyager, Babel Finance และอื่นๆ ที่ถูกฟ้องล้มละลายหลังปล่อยกู้เหรียญในช่วงกลางปี 2022 หลังจาก “ช่วงขาลงของตลาดคริปโต” แต่ไม่มีผลกระทบอะไรต่อแพลตฟอร์ม Staking ที่เราพูดถึงในบทความนี้

ดอกเบี้ยทบต้น

การลุงในหุ้นแบบดั้งเดิมเป็นการเปรียบเทียบที่ดี เพราะหุ้นปันผลให้โอกาสคุณได้รับผลตอบแทนจากดอกเบี้ยทบต้น

เนื่องจากเมื่อคุณได้รับผลตอบแทนในแต่ละไตรมาส คุณก็สามารถนำเงินไปลงทุนในหุ้นตัวเดิมได้นั่นเอง

  • หากคุณได้รับเงินปันผล $150 จาก Johnson & Johnson คุณก็สามารถซื้อหุ้นเพิ่มได้สองหุ้น (อิงจากราคาตอนนี้)
  • เมื่อทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ คุณก็จะได้ดอกเบี้ยสูงขึ้น เพราะคุณจะได้รับเงินปันผลตามจำนวนหุ้นที่ถือไว้นั่นเอง

ส่วนการ Staking ในแพลตฟอร์มที่ดีที่สุดในตลาดจะแจกจ่ายรางวัลเป็นรายวัน ดังนั้น เมื่อคุณได้รับผลตอบแทนจากการ Staking เป็นโทเค็น คุณก็จะได้ถือโทเค็นมากขึ้น นอกจากนั้น เมื่อนำโทเค็นไป Stake อีกรอบ คุณก็จะได้รับรางวัลตอบแทนรายวันมากขึ้น

ป้องกันความเสี่ยงจากราคาเหรียญคริปโตที่ลดลง

อีกหนึ่งประโยชน์จากการ Staking เหรียญคริปโตก็คือสามารถป้องกันความเสี่ยงดังกล่าวได้ เช่น สมมุติว่าคุณเป็นนักลงทุนระยะยาวและถือเหรียญคริปโตมูลค่า $5,000 ไว้ในพอร์ต

เมื่อตลาดเกิดแนวโน้มขาลงเป็นเวลานาน ก็อาจจะน่าท้อใจเมื่อมูลค่าพอร์ตของคุณก็ลดตามลงไปด้วย

แต่ถ้าคุณ Stake เหรียญคริปโตเอาไว้ คุณก็จะยังได้รับผลตอบแทนแม้ราคาเหรียญจะลดลงก็ตาม

การ Staking ให้คุณเก็บโทเค็นได้เป็นสองเท่า

เมื่อคุณใช้งานแพลตฟอร์ม Staking ที่ดีที่สุดเพื่อรับดอกเบี้ยจากเหรียญที่ไม่ได้ใช้ คุณจะต้องฝากเหรียญไว้ใน Wallet ที่ถูกควบคุมโดยแพลตฟอร์มนั้นๆ

แม้จะฟังดูเสี่ยงไปบ้าง แต่เหรียญคุณจะปลอดภัยถ้าคุณเลือกแพลตฟอร์มที่มีการกำกับดูแล

  • เราได้กล่าวไปข้างต้นว่า eToro ได้รับอนุญาตและควบคุมโดยหน่วยงานด้านการเงินที่มีชื่อเสียงหลายแห่งและ ก.ล.ต.
  • คุณจึงมั่นใจได้ว่าโทเค็นที่ใช้ Stake จะได้รับการดูแลอย่างดี
  • ในการใช้แพลตฟอร์ม Staking ที่เชื่อถือได้ คุณก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่อง Private Key
  • แต่การรักษาความปลอดภัยของ Wallet จะเป็นเรื่องของเว็บไซต์ Staking ที่คุณเลือกแทน

แต่คุณไม่ควรจะคิดว่าแพลตฟอร์ม Staking ทุกเจ้าจะปลอดภัย เนื่องจากทุกคนก็สามารถสร้างเว็บไซต์ที่ให้บริการการ Stake ได้ โปรดศึกษาแพลตฟอร์มต่างๆ ก่อนทำการลงทุน

5 เหรียญ Staking ที่ดีที่สุด

หากคุณกังวลว่าจะ Stake เหรียญใด เพราะมีเหรียญมากมายเหลือเกิน แต่แพลตฟอร์ม Staking ที่ดีที่สุดที่เราคัดมาจะให้ผลตอบแทนคุณจากเหรียญคริปโตที่ไม่ได้ใช้งานแม้จะไม่ใช่โปรเจกต์ Stake ก็ตาม

5 เหรียญ Staking ที่ดีที่สุดที่คุณควรพิจารณาวันนี้ ได้แก่

1. DeFi Coin (DEFC) – เหรียญ Staking โดยรวมที่ดีที่สุด

เหรียญ Staking ที่ดีที่สุดอันดับแรกก็คือ DeFi Coin (DEFC) จากที่เรากล่าวไป DeFi Coin คือโทเค็นหลักของแพลตฟอร์ม DeFi Swap ที่มีบริการช่วยเทรดมากมาย โดยราคา DEFC พุ่งขึ้น 500% หลังการเปิดตัวของแพลตฟอร์ม

DEFC เป็นตัวเลือกที่ดีหากคุณต้องการสร้างรายได้จากการ Staking โดยแพลตฟอร์มจะมี 4 “ระดับ” Staking ซึ่งจะมีระยะเวลาการล็อกและ APY แตกต่างกันไป หากนักลงทุนต้องการได้รับผลตอบแทนสูงที่สุด ระดับ “Platinum” จะให้ผลตอบแทนถึง 75% ต่อปี ด้วยระยะเวลาล็อก 365 วัน

กราฟราคา DeFi Coin

DeFi Coin ยังเป็นหนึ่งในเหรียญ DEX ที่ดีที่สุด เพราะสามารถแลกเป็นโทเค็น BEP-20 อื่น ๆ ผ่าน DeFi Swap ซึ่งทำให้โทเค็นมีการใช้งานหลากหลายมากขึ้น และเนื่องจาก DEFC ถูกสร้างบนระบบ “รางวัลคงที่” นักลงทุนจึงสามารถสร้างรายได้ได้จากการถือเหรียญเอาไว้ใน Crypto Wallet ของตน

ซื้อ DeFi Coin ตอนนี้

สินทรัพย์คริปโตมีความผันผวนสูงและเป็นการลงทุนที่ไม่มีการกำกับดูแล 

2. USDC – Stablecoin ที่ดีที่สุดในการ Stake

หากเป้าหมายหลักในการ Stake ของคุณคือการสร้างรายได้แบบพาสซีฟโดยไม่มีความผันผวนมาเกี่ยว เหรียญ USDC จึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด

USDC ได้รับการสนับสนุนจาก Coinbase ซึ่งคุณจะมั่นใจว่าเหรียญมีความน่าเชื่อถือและผ่านการตรวจสอบทุนสำรองแล้ว

กราฟราคา USDC

ที่สำคัญ คุณไม่ต้องกังวลเรื่องความผันผวนแม้แต่นิด โดย USDC ให้ผลตอบแทนจากการ Staking สูงที่สุดในตลาดอีกด้วย

3. The Graph – เหรียญคริปโตน่า Stake ที่มีโอกาสในการเติบโตสูง

หากคุณกำลังลงทุนในเหรียญคริปโตที่มีโอกาสเพิ่มมูลค่าสูง คุณอาจต้องพิจารณา The Graph ไปด้วย เนื่องจากโทเค็นได้รับการสนับสนุนโดยเครือข่าย Ethereum และมีเทคโนโลยีที่ช่วยให้บล็อกเชนสามารถจัดทำดัชนีข้อมูลได้

กราฟราคา The Graph

หมายความว่าบล็อกเชนสามารถย้ายข้อมูลที่ไม่จำเป็นออกได้โดยอัตโนมัติเพื่อเพิ่มพื้นที่ว่างเพื่อให้เครือข่ายทำงานในระดับประสิทธิภาพ โดยคุณสามารถ Stake เหรียญ The Graph ได้บนแพลตฟอร์มชั้นนำมากมาย

4. Ethereum – เหรียญ Staking บนเชนที่ดีที่สุด

แม้ Ethereum จะอยู่ในช่วงเปลี่ยนกลไกไปเป็นการ Stake แต่คุณก็ยังสามารถได้รับรางวัลโดยตรงบนเชน ซึ่ง Ethereum จะให้คุณ Stake เหรียญขั้นต่ำที่ 32 ETH ซึ่งคิดเป็น $85,000 ในตอนนี้

กราฟราคา Ethereum

ข่าวดีคือบล็อกเชน Ethereum จะให้คุณเข้าร่วมกอง Staking โดยการเข้าร่วมกับผู้ถือโทเค็นรายอื่นเพื่อให้ Staking เหรียญ Ethereum ด้วยจำนวนเงินไม่มาก โดยคุณจะได้รับรางวัลเป็นค่าธรรมเนียมจากธุรกรรมบนเครือข่าย

5. BNB – เหรียญ Staking ที่ดีที่สุดและไม่มีค่าธรรมเนียม

หากคุณไม่ชอบเสียค่าธรรมเนียมในการ Stake แล้ว คุณอาจต้องพิจารณาซื้อ BNB และรับรางวัลจากการ Staking เพราะคุณสามารถ Stake เหรียญผ่าน Trust Wallet (แอพคริปโต) โดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมใดๆ ทำให้รางวัลจากการ Stake เป็นของคุณ 100%

กราฟราคา BNB

นอกจากนี้ เมื่อ Stake โทเค็น BNB ผ่านแอพ Trust Wallet คุณก็จะได้ APY ถึง 11% โดยรางวัลจะมอบให้เป็นรายวันและ Trust Wallet ก็ไม่กำหนดระยะเวลาการล็อก ทำให้คุณถอนโทเค็น BNB ออกได้ตลอดเวลา

การ Stake เหรียญมีภาษีไหม?

การเก็บภาษีในตลาดเหรียญคริปโตนั้นค่อนข้างซับซ้อน เพราะไม่เพียงแต่จะขึ้นอยู่กับที่ที่คุณอยู่ แต่ยังขึ้นอยู่กับโปรไฟล์ส่วนบุคคลของคุณด้วย คุณจึงควรขอคำแนะนำด้านภาษีจากผู้เชี่ยวชาญ

บางประเทศอาจเก็บภาษีการ Staking โดยกฎเกณฑ์จะแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับเขตอำนาจศาล

เพื่อให้คุณเข้าใจอย่างถี่ถ้วน Coinbase อธิบายว่า:

การ Staking นั้นก็เหมือนการขุด: ภาษีจะคิดจากมูลค่าตลาดของรางวัลในวันที่คุณได้รับ

ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการ Stake เหรียญ

เมื่อมีโอกาสได้รับรางวัล ก็ต้องมีความเสี่ยงที่ต้องพิจารณา การ Staking ก็ไม่มีข้อยกเว้น โปรดอย่าลืมพิจารณาความเสี่ยงต่อไปนี้ก่อนดำเนินการ

ความเสี่ยงของแพลตฟอร์ม

เราอยากบอกว่าความเสี่ยงจากการ Staking นั้นก็มาจากแพลตฟอร์มที่ใช้ด้วย

  • เช่น แพลตฟอร์มจะให้คุณฝากโทเค็นไว้ใน Wallet ของตนเพื่อเริ่มการ Stake
  • หมายความว่าคุณต้องเชื่อมั่นว่าแพลตฟอร์มที่เลือกมอบดอกเบี้ยให้คุณสูง แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้นจริง หากแพลตฟอร์ม Staking ถูกแฮ็คและขโมยเงิน คุณก็อาจตกเป็นเหยื่อจากเหตุการณ์นี้ได้
  • นอกจากนี้ ข้อตกลงก็เป็นของแพลตฟอร์ม Staking เอง ไม่ใช่ของเครือข่ายบล็อกเชน
  • ดังนั้น เมื่อคุณได้รับรางวัลหรือทำการถอน คุณจะต้องเชื่อมั่นว่าแพลตฟอร์มจะทำตามข้อตกลง

ซึ่งเป็นเหตุผลที่เราเลือก eToro ให้เป็นแพลตฟอร์ม Staking ที่ดีที่สุดในปี 2023 เพราะมีการควบคุมอย่างเข้มงวด

ความเสี่ยงด้านมูลค่าตลาด

มีการเข้าใจผิดว่าการ Staking จะการันตีผลตอบแทน แม้แพลตฟอร์มที่คุณเลือกจะมอบ APY และมอบผลตอบแทนให้ตามที่โฆษณา แต่คุณก็ต้องคำนึงถึงมูลค่าตลาดของเหรียญคริปโตด้วย

เช่น:

  • สมมุติว่าคุณลงทะเบียนกับแพลตฟอร์ม Staking ที่ให้ผลตอบแทน 50% ต่อปีสำหรับโทเค็นคริปโตที่คุณเลือก
  • คุณตัดสินใจฝากโทเค็นมูลค่า $1,000
  • หลังจาก 1 ปี คุณจะได้รับเหรียญคริปโตตอบแทนที่ 50% หรือ $500
  • แต่มูลค่าของเหรียญคริปโตที่เลือกมีมูลค่าเพิ่ม 80%
  • และด้วยเหตุนี้ ถึงแม้ว่าคุณจะได้รับ 50% เพิ่มเติมจากโทเค็น แต่การลงทุนเดิมของคุณตอนนี้จะมีมูลค่าตลาดเพียง $200

เมื่อพิจารณาถึงตัวอย่างข้างต้น การกระจายความเสี่ยงให้มากที่สุดจึงสำคัญในการ Staking เหรียญคริปโต เพราะจะช่วยลดความเสี่ยงได้นั่นเอง

ข่าวสารล่าสุดเกี่ยวกับการ Stake เหรียญ

เนื่องจากตลาดคริปโตยังค่อนข้างใหม่เมื่อเทียบกับตลาดทางการเงินแบบ “ดั้งเดิม” ทำให้มีการอัพเดทข่าวสารเกี่ยวกับแพลตฟอร์ม Staking ที่ดีที่สุดอยู่บ่อยๆ โดยด้านล่างคือข่าวที่ควรทราบในวันที่ 10 ตุลาคม 2022:

  • FRX ประกาศการสร้างพันธมิตรกับ Visa เมื่อสัปดาห์ที่ผานมา โดย FTX จะขายบัตรเดบิตคริปโตแก่ผู้ใช้ ซึ่งจะวางจำหน่ายใน 40 ประเทศทั่วโลก
  • Brian Armstrong ซีอีโอของ Coinbase ได้ประกาศสารคดีใหม่เกี่ยวกับการเริ่มต้นของ Coinbase ซึ่งจะฉายในแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งต่างๆ ซึ่งจะครอบคลุมถึงการเริ่มต้นของ Coinbase ในช่วงสามปีที่ผ่านมา
  • Brian Roberts ซีเอฟโอของตลาด NFT OpenSea ประกาศว่าเขาจะก้าวลงจากตำแหน่ง ซึ่งไม่ได้ให้เหตุผลใดๆ ในการตัดสินใจครั้งนี้ แม้ว่าจะเป็นวันเดียวกันกับที่ผู้บริหารระดับสูงของ OpenSea อีกคนประกาศลาออกก็ตาม

บทสรุป

บทความเชิงลึกนี้ครอบคลุมรายละเอียดเกี่ยวกับการ Staking เหรียญคริปโต ซึ่งอธิบายเกี่ยวกับแพลตฟอร์มแพลตฟอร์มที่ดีที่สุดในปี 2023 และยังมีเหรียญที่คุณควรพิจารณาอีกด้วย 

เรายังได้พูดถึงประโยชน์และความเสี่ยงของการ Staking เหรียญ และคุณควรเลือก Stake แบบในเชนหรือนอกเชน

เราขอแนะนำ AiDoge เป็นแพลตฟอร์ม Staking เหรียญคริปโตที่ดีที่สุด ระบบนิเวศที่ขับเคลื่อนด้วย AI ใหม่นี้ช่วยให้ผู้ถือ $Ai สามารถ Staking เหรียญคริปโต เพื่อรับรางวัลเครดิตรายวัน สิทธิพิเศษ สิทธิ์ในการลงคะแนนเสียงในการกำกับดูแล และอื่นๆ อีกมากมาย

Logo for AiDoge

ไปยัง AiDoge Presale

Categories
Bitcoins Crypto News คู่มือคริปโต รับดอกเบี้ยคริปโต

Yield farming vs Staking ต่างกันยังไง? อัพเดทปี 2023 [เข้าใจง่าย!]

อุตสาหกรรมการเงินแบบไร้ศูนย์กลาง (Decentralized Finance – DeFi) นั้นมอบโอกาสหลากหลายรูปแบบที่คุณสามารถสร้างรายได้จากสินทรัพย์ดิจิทัลของคุณที่ไม่ได้ใช้งาน โดยวิธีสร้างรายได้อันดับต้นๆ ก็คือการทำ Yield Farming และ Staking

ในบทความแนะนำการทำ Yield farming vs Staking ต่างกันยังไงนี้ เราจะอธิบายวิธีการทำงานของรูปแบบการลงทุนใน DeFi แต่ละรูปแบบ และอธิบายว่า Yield Farming คืออะไร defi yield farming ที่ไหนดี Stake เหรียญที่ไหนดี ข้อดีและความเสี่ยง Yield Farming รวมทั้งการทำ farm กับ pool ต่างกันยังไง เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจอย่างมีข้อมูลว่าการลงทุนรูปแบบใดที่เหมาะสำหรับคุณ

การทำ Yield farming vs Staking ต่างกันยังไง

ความแตกต่างสำคัญระหว่างการทำ Yield farming vs Staking คือ:

  • ในการทำ Yield farming ส่วนใหญ่ คุณไม่จำเป็นต้องนำเหรียญไปล็อคไว้เป็นระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถถอนเหรียญคริปโตของคุณได้ตลอดเวลา
  • ส่วนการ Staking จะกำหนดให้คุณเหรียญของคุณเอาไว้ตามระยะเวลาขั้นต่ำ แต่แพลตฟอร์ม DeFi บางแห่งก็เสนอเงื่อนไขในการ Staking ที่ยืดหยุ่น
  • การ Staking มักจะได้รับผลตอบแทนต่อปี (APY) แบบคงที่ ซึ่งหมายความว่าคุณจะรู้เสมอว่าคุณจะได้รับเงินคืนเท่าใดเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาการ Stake ส่วนการทำ Yield farming นั้นมีความผันผวนมากกว่ามาก คุณไม่มีทางรู้ได้เลยว่าคุณจะได้ผลตอบแทนเท่าไร
  • การทำ Yield farming มักจะให้ผลตอบแทนสูงกว่าการ Staking แต่ความเสี่ยง Yield Farming ก็สูงกว่าเช่นกัน
  • ในการ Staking คุณต้องฝากเหรียญเพียงหนึ่งชนิดเท่านั้น แต่การทำ Yield farming ต้องฝากเหรียญเป็นคู่เทรด ซึ่งหมายความว่าคุณจะต้องฝากเงินจำนวนเท่ากันสำหรับทั้งสองเหรียญของคู่เทรดนั้น

เราจะมาอธิบายรายละเอียดของการลงทุนทั้งสองรูปแบบนี้อย่างละเอียดมากขึ้น

การทำ Yield farming คืออะไร

DeFi Yield Farming หรือการฟาร์มเหรียญ คือบริการที่ใช้งานได้บน Decentralized Exchange (DEX) คอนเซปหลักคือคุณจะให้ DEX ยืมเหรียญคริปโตของคุณเพื่อให้มีสภาพคล่องแก่ผู้ซื้อและผู้ขายได้อย่างเพียงพอในคู่เทรดเหรียญต่างๆ

  • คู่เหรียญ / เหรียญเดียว
  • ตัวอย่างเช่น สมมติว่ากระดานเทรดเสนอคู่เทรด BNB/PXP
  • ในการแลกเปลี่ยนเหรียญ BNB เป็นเหรียญ PXP หรือ PXP เป็น BNB กระดานเทรดจำเป็นต้องมีสภาพคล่องเพียงพอสำหรับการแลกเปลี่ยนนี้

นี่คือจุดที่นักฟาร์มเหรียญเข้ามามีบทบาทในการทำ Yield Farming เพื่อให้ได้ผลตอบแทนจากเหรียญของคุณ คุณจะต้องฝากเหรียญ BNB และเหรียญ PXP ในจำนวนที่เท่ากัน ตัวอย่างเช่น ฝากเหรียญมูลค่า 1,000 ดอลลาร์สำหรับทั้งเหรียญ BNB และเหรียญ PXP ที่มูลค่าเท่ากัน

ตราบใดที่เหรียญ BNB และเหรียญ PXP ของคุณช่วยเรื่องสภาพคล่องของคู่เทรด BNB/PXP บน DEX ที่คุณเลือก คุณจะได้รับเปอร์เซ็นต์ส่วนแบ่งของค่าธรรมเนียมการเทรด นี่คือค่าธรรมเนียมที่ผู้ซื้อและผู้ขายจ่ายเพื่อเข้าถึงคู่เทรดนี้บน DEX

การทำ Yield farming จึงเป็นวิธีที่ดีในการสร้างรายได้แบบพาสซีฟให้กับเหรียญคริปโตที่ไม่ได้ใช้งานของคุณ อย่างไรก็ตาม คุณจะต้องมีสิทธิ์เข้าถึงเหรียญทั้งสองจากคู่เทรดเพื่อมอบสภาพคล่อง

การ Staking คืออะไร

การ Staking เหรียญคริปโตคือการที่คุณให้กระดานซื้อขายยืมเหรียญคริปโตหนึ่งชนิด

โดยข้อแตกต่างหลักระหว่าง Yield farming vs Staking คือการที่ Yield farming ต้องมีเหรียญคริปโตสองสกุลของคู่เทรด ส่วน Staking ใช้เหรียญคริปโตเพียงสกุลเดียว

  • การ Staking ในรูปแบบดั้งเดิมนั้นเป็นการล็อคเหรียญของคุณไว้ในบล็อคเชนแบบ Proof-of-Stake (PoS) เช่น Cardano
  • กระบวนการนี้ทำให้บล็อกเชนเป็นการกระจายอำนาจ และทำให้ตรวจสอบธุรกรรมได้อย่างปลอดภัยและรวดเร็ว
  • คุณจะได้รับรายได้แบบพาสซีฟจากเครือข่ายบล็อคเชนสำหรับการล็อคเหรียญคริปโตของคุณ

ข้อเสียหลักของการ Staking แบบดั้งเดิมผ่านโปรโตคอลบล็อคเชนคือผลตอบแทนมักจะต่ำมาก นอกจากนี้ กระบวนการนี้เหมาะสำหรับเหรียญคริปโตที่อยู่ในบล็อคเชนแบบ PoS เท่านั้น

defi lending platform ที่ดีที่สุด

นี่เป็นเหตุผลที่การใช้ DEX เพื่อทำการ Staking นั้นดีกว่ามาก โดยคุณจะได้ทั้งผลตอบแทนที่สูงกว่ามาก และยังมีการรองรับเหรียญที่เยอะขึ้นนอกเหนือจากเหรียญในบล็อคเชน PoS

  • ในแง่ของปัจจัยพื้นฐาน คุณต้องตัดสินใจก่อนว่าคุณต้องการ Stake เหรียญไหนดี และนานเท่าใด
  • ตัวอย่างเช่น หากคุณ Stake เหรียญ DeFi ใน DeFi Swap DEX คุณจะได้รับผลตอบแทนต่อปีระหว่าง 30% ถึง 75% ขึ้นอยู่กับว่าคุณเลือกระยะเวลา 1, 3, 6 หรือ 12 เดือน

ในช่วงเวลาล็อคเหรียญที่คุณเลือก คุณจะไม่สามารถเข้าถึงเหรียญของคุณได้ ซึ่งหมายความว่าไม่ว่าในกรณีใดๆ ก็ตาม คุณไม่สามารถตัดระยะเวลาการ Stake เหรียญที่เลือกไว้ได้ หากคุณจะต้องการเข้าถึงเหรียญของคุณทันทีก็ตาม

ในทางกลับกัน คุณจะต้องรอให้ระยะเวลาล็อคเหรียญผ่านไปก่อนที่คุณจะได้รับเหรียญคริปโตของคุณคืน พร้อมกับดอกเบี้ย

กระบวนการนี้ตรงกันข้ามกับการทำ Yield farming ซึ่งโดยทั่วไปจะมีรูปแบบเงื่อนไขที่ยืดหยุ่นกว่ามาก

ข้อดีหลักของการทำ Yield farming

ต่อไปนี้คือข้อดีของการทำ Yield farming

เงื่อนไขที่ยืดหยุ่น

ในกรณีส่วนใหญ่ การทำ Yield farming นั้นไม่มีการกำหนดให้คุณต้องล็อคเหรียญในระยะเวลาที่กำหนด

ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถเพิ่มหรือถอนสภาพคล่องได้ตามต้องการ หากคุณรู้สึกว่าคุณกำลังเผชิญกับความเสี่ยงที่มากเกินไปในกองสภาพคล่องกองใดกองหนึ่ง คุณสามารถถอนเงินได้ทันที

ในทางกลับกัน หากคุณพบว่ากอง Yield farming ที่คุณทำนั้นให้ผลตอบแทนได้ดี คุณก็สามารถฝากเหรียญเพิ่มเข้าไปได้

ผลตอบแทนสูง

คุณมีโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนที่มากกว่าการ Staking โดยขึ้นอยู่กับคู่เทรดเหรียญที่คุณเลือก

โดยระดับของผลตอบแทนจะขึ้นอยู่กับสภาพคล่องและความผันผวนของคู่เหรียญต่างๆ

ตัวอย่างเช่น หากคุณต้องการจัดหาสภาพคล่องให้กับเหรียญคริปโตเคอร์เรนซีใหม่ และยังไม่ค่อยเป็นนิยม คุณมีโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนถึงสามหลัก

หรือแม้แต่คู่เทรดเหรียญที่มีสภาพคล่องสูงก็สามารถให้ผลตอบแทนเป็นตัวเลขสองหลักได้ ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมการทำ Yield farming จึงเป็นที่นิยม

ข้อดีของการ Staking

ต่อไปนี้คือข้อดีของการ Staking

ใช้เหรียญเพียงชนิดเดียวเท่านั้น

เมื่อคุณ Stake เหรียญคริปโต คุณจะต้องใช้เหรียญเพียงชนิดเดียวเท่านั้น ตัวอย่างเช่น หากคุณสนใจโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนสูงถึง 75% จากการ Stake เหรียญ DeFi Coin คุณก็ต้องใช้เหรียญนี้เพียงชนิดเดียวเท่านั้น

Defi Swap รีวิว

แต่ถ้าคุณต้องการทำ Yield Farming เพื่อสร้างสภาพคล่องสำหรับคู่เทรดเหรียญ DEFC/BNB คุณจะต้องมีเหรียญทั้งสองชนิดในมูลค่าที่เท่ากัน

ผลตอบแทนที่น่าดึงดูด

แม้ว่าการ Staking อาจจะสร้างผลตอบแทนได้ไม่เท่ากับการทำ Yield Farming แต่จำนวนผลตอบแทนที่ได้รับนั้นก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจ

ในความเป็นจริง นอกเหนือจากการ Stake เหรียญที่เป็นที่นิยมอย่าง Bitcoin และ Ethereum แล้ว การ Stake เหรียญคริปโตอื่นๆ เป็นจำนวนมากก็สามารถสร้างผลตอบแทนที่เป็นตัวเลขสองหลักได้เช่นกัน

ผลตอบแทนที่คงที่

ข้อดีอีกอย่างหนึ่งที่คุณอาจต้องการพิจารณาในการเปรียบเทียบระหว่างการทำ Yield farming vs Staking ก็คืออัตราผลตอบแทนคงที่

ซึ่งหมายความว่าคุณจะทราบแน่ชัดว่าคุณจะได้รับผลตอบแทนเท่าใดเมื่อระยะเวลาการ Stake สิ้นสุดลง

แต่คุณต้องไม่ลืมด้วยว่ามูลค่าในการลงทุนของคุณจะขึ้นอยู่กับการเคลื่อนไหวของราคาของเหรียญที่คุณนำไป Stake ด้วย

สำหรับคนที่กำลังเล็งว่ามีเงิน 100,000 ลงทุนอะไรดี ให้งอกเงยการทำ staking ก็ถือว่าเป็นการได้รับผลตอบแทนที่ดีไม่น้อย

การทำ Yield farming vs Staking: อัตราผลตอบแทน

เมื่อตัดสินใจเลือกการทำ Yield farming หรือ Staking เป็นรูปแบบการลงทุนใน DeFi ที่ดีที่สุดสำหรับคุณ ตัวชี้วัดหลักที่ต้องพิจารณาคืออัตราผลตอบแทนที่คุณมีโอกาสได้รับ เพราะท้ายที่สุดแล้ว จุดประสงค์หลักของการให้ยืมเหรียญคริปโตของคุณคือการทำกำไร

โดยสรุปแล้ว ไม่มีกฎตายตัวเกี่ยวกับอัตราผลตอบแทนที่คุณสามารถสร้างได้จากทั้งการทำ Yield farming หรือ Staking เนื่องจากมีตัวแปรมากมายเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งประกอบไปด้วย:

ชนิดของเหรียญ

สิ่งแรกและสิ่งที่สำคัญที่สุด ชนิดของเหรียญคริปโตที่คุณต้องการทำ Yield farming หรือ Staking จะมีส่วนสำคัญต่อโอกาสในการได้รับผลตอบแทน ตัวอย่างเช่น หากคุณจะ Stake เหรียญยอดนิยมอย่าง Ethereum คุณควรคาดหวังว่าจะได้รับผลตอบแทนในระดับที่ไม่สูงมาก

นั่นเป็นเพราะเหรียญ Ethereum เป็นโปรเจ็กต์คริปโตเคอร์เรนซีที่ค่อนข้างมั่นคงและเป็นที่รู้จัก ดังนั้นจึงดึงดูดความสนใจจากตลาดในวงกว้าง ซึ่งการจัดหาสภาพคล่องให้กับคู่เงิน เช่น ETH/USDT ผ่านการทำ Yield Farming ก็จะได้รับผลตอบแทนที่ไม่สูงมากเช่นกัน

ในอีกด้านหนึ่ง การ Stake เหรียญที่กำลังมาแรงเช่น DeFi Coin จะมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สูงกว่ามาก รวมถึงการสร้างสภาพคล่องให้กับคู่เทรด เช่น DEFC/BNB ก็มีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่มากขึ้นด้วย

เงื่อนไขในการล็อคเหรียญ

เมื่อคุณยอมรับเงื่อนไขในการล็อคเหรียญเป็นเวลานานขึ้น คุณก็จะมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้น

ตัวอย่างเช่น หากคุณตัดสินใจที่จะ Stake เหรียญบนเงื่อนไขที่ยืดหยุ่น ผลตอบแทนก็จะต่ำกว่าการตกลงที่จะล็อคเหรียญไว้เป็นเวลา 12 เดือน

แต่ก็อย่างที่ได้กล่าวไป คุณแทบจะไม่ต้องยอมรับเงื่อนไขในการล็อคเหรียญเลยหากคุณเลือกทำ Yield Farming

ผลตอบแทนคงที่ vs ผันผวน

สิ่งที่ควรทราบอีกประการหนึ่งเกี่ยวกับอัตราผลตอบแทนจากทั้งการทำ Yield farming vs Staking ก็คือ ปกติแล้ว อัตราผลตอบแทนของการ Staking จะเป็นแบบคงที่ ซึ่งหมายความว่าเมื่อคุณยอมรับข้อตกลงในการ Staking คุณก็จะรู้ว่าคุณจะได้รับผลตอบแทนเท่าใด

ซึ่งจะเหมาะกับผู้ที่ต้องการลดความเสี่ยงจากความผันผวนให้มากที่สุด ส่วนการทำ Yield farming นั้น คุณจะได้รับผลตอบแทนในระดับที่มีความผันผวน ซึ่งไม่สามารถรู้ตัวเลขที่แน่ชัดได้

แพลตฟอร์ม DeFi ที่คุณเลือกอาจระบุผลตอบแทนโดยประมาณแก่คุณ แต่นั่นก็เป็นเพียงการคาดการณ์ที่ดีที่สุดเท่านั้น

ท้ายที่สุด ผลตอบแทนจากการทำ Yield farming จะเปลี่ยนแปลงตลอดทั้งวัน ขึ้นอยู่กับตัวชี้วัดต่างๆ เช่น ความผันผวน โอกาสในการเก็งกำไร และระดับสภาพคล่อง

การทำ Yield farming vs Staking: ความเสี่ยง

ปัจจัยอีกประการหนึ่งที่คุณต้องพิจารณาในการเปรียบเทียบว่าการ stake กับ farm ต่างกันยังไง คือความเสี่ยง มีความเสี่ยงที่หลากหลายที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนทั้งสองรูปแบบนี้ดังต่อไปนี้

ความเสี่ยงด้านโอกาส

ความเสี่ยงแรกที่ควรพิจารณานั้นเชื่อมโยงกับการ Staking โดยเฉพาะ พูดง่ายๆ ก็คือ หากคุณตัดสินใจที่จะล็อคเหรียญของคุณเป็นระยะเวลาหนึ่งโดยมีเป้าหมายเพื่อผลตอบแทนที่สูงขึ้น คุณจะไม่สามารถทำอะไรกับเหรียญเหล่านั้นได้จนกว่าระยะเวลาล็อคจะสิ้นสุดลง

ในระหว่างระยะเวลานี้ หมายความว่าคุณอาจพลาดโอกาสการลงทุนอื่นๆ ที่ให้ผลกำไรมากกว่า เมื่อเหรียญของคุณถูกล็อค เหรียญจะถูกยึดไว้โดยสัญญาอัจฉริยะที่ไม่สามารถแก้ไขได้

Defi swap

ซึ่งหมายความว่าไม่ว่าคุณจะต้องการเข้าถึงเหรียญที่คุณ Stake ไว้มากแค่ไหน คุณก็จะต้องรอให้สัญญาอัจฉริยะปล่อยเหรียญออกมาเมื่อสิ้นสุดวันที่กำหนดไว้

โดยทั่วไป คุณจะไม่มีความเสี่ยงนี้เมื่อคุณทำ Yield Farming เนื่องจากในกรณีส่วนใหญ่ คุณจะมีตัวเลือกในการถอนเหรียญของคุณออกจากกองทุนสภาพคล่องได้ทุกเมื่อที่คุณต้องการ

ความเสี่ยงจากการทำกำไรได้ไม่เต็มที่

ความเสี่ยงเฉพาะของการทำ Yield Farming คือการทำกำไรได้ไม่เต็มที่ โดยแนวคิดหลักของความเสี่ยงนี้ก็คือ คุณอาจทำกำไรได้มากขึ้นโดยเพียงแค่เก็บเหรียญของคุณไว้ในกระเป๋าเงินส่วนตัว แทนที่จะฝากเข้าไปในกองทุนสภาพคล่อง

  • ตัวอย่างเช่น สมมติว่าคุณจัดหาสภาพคล่องให้กับคู่เหรียญ ADA/USDT
  • คุณตัดสินใจที่จะใช้เงินจำนวน 500 ดอลลาร์แลกเป็นเหรียญ ADA และเหรียญ USDT ดังนั้นมูลค่า – การลงทุนทั้งหมดของคุณคือ 1,000 ดอลลาร์
  • สมมติว่าในช่วงสามเดือน คุณสร้างผลตอบแทนได้ 40% โดยการทำฟาร์มเหรียญ ADA/USDT
  • เท่ากับว่าในระยะเวลาสามเดือน มูลค่าเหรียญของคุณเติบโต 10%
  • อย่างไรก็ตาม หากคุณสามารถสร้างกำไร 20% ในช่วงเวลาเดียวกันโดยการเก็บเหรียญ ADA และ USDT ของคุณไว้ในกระเป๋าเงินส่วนตัว แสดงว่าคุณประสบปัญหาขาดทุนจากการทำกำไรได้ไม่เต็มที่

ความเสี่ยงนี้ทำให้คุณได้รับผลตอบแทนไม่มากเท่าที่ควร เนื่องจากคุณสามารถทำกำไรได้มากขึ้นหากไม่นำเหรียญไปทำ Yield Farming

ความเสี่ยงจากความผันผวน

ทั้งการทำ Yield farming vs Staking มีความเสี่ยงจากความผันผวนโดยธรรมชาติ โดยหมายถึงความเสี่ยงที่มูลค่าของเหรียญที่คุณฝากเข้าไปในกองสภาพคล่องหรือกอง Stake ลดลง

ซึ่งหมายความว่าเมื่อคุณถอนเหรียญคริปโตของคุณออกมา มูลค่าการลงทุนของคุณอาจลดลงกว่าตอนที่คุณเริ่ม แม้ว่าคุณจะมีเหรียญมากกว่าก็ตาม

  • ตัวอย่างเช่น สมมติว่าคุณฝาก 1 ETH ในข้อตกลงการ Staking เป็นระยะเวลา 12 เดือน โดยได้รับ APY 20%
  • ในตอนที่คุณฝาก ETH ราคาอยู่ที่ 4,000 ดอลลาร์ต่อหนึ่งเหรียญ
  • เมื่อสิ้นสุดระยะเวลาการ Stake 12 เดือน คุณได้ถอน 1 ETH ของคุณออกมา พร้อมดอกเบี้ย 0.20 ETH (20% ของ 1 ETH)
  • ซึ่งหมายความว่าตอนนี้คุณมี 1.2 ETH แต่ในขณะนี้ ETH มีราคาอยู่ที่ 2,000 ดอลลาร์ต่อหนึ่งเหรียญ – ดังนั้นเหรียญของคุณจึงมีมูลค่า 2,400 ดอลลาร์ตามราคาตลาดปัจจุบัน
  • เนื่องจากเดิมคุณลงทุนมูลค่า 4,000 ดอลลาร์ จึงเท่ากับว่าคุณขาดทุน 1,600 ดอลลาร์ ถึงแม้ว่าตอนนี้คุณมีโทเค็น ETH เพิ่มขึ้น 20%

ความเสี่ยงจากความผันผวนนั้นเกิดขึ้นกับการ Staking ค่อนข้างมาก เพราะในการทำ Yield Farming คุณสามารถถอนเหรียญของคุณได้ตลอดเวลา แต่ในระหว่างการ Staking คุณจะไม่สามารถถอนเหรียญได้จนกว่าระยะการล็อคจะสิ้นสุดลง

ความเสี่ยงของแพลตฟอร์ม

คุณควรพิจารณาถึงความเสี่ยงของแพลตฟอร์มที่คุณใช้สำหรับการทำ Yield farming vs Staking ด้วย เพราะคุณจะต้องดำเนินการผ่านแพลตฟอร์มของบุคคลที่สาม โดยคุณสามารถเลี่ยงความเสี่ยงนี้ได้โดยการ Stake เหรียญของคุณโดยตรงในเครือข่ายบล็อคเชนที่เกี่ยวข้อง

ความเสี่ยงเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับแพลตฟอร์มจะขึ้นอยู่กับว่าแพลตฟอร์มที่คุณเลือกเป็นแบบรวมศูนย์หรือไร้ศูนย์กลาง

หากเป็นในอดีต คุณต้องเชื่อมั่นว่าเว็บไซต์ส่วนกลางจะช่วยรักษาเหรียญของคุณให้ปลอดภัยและจ่ายผลตอบแทนตามที่สัญญาไว้ในภายหลัง

เมื่อเทียบกันแล้ว หากคุณทำการ Yield farming หรือ Staking ผ่านแพลตฟอร์มแบบไร้ศูนย์กลาง คุณกำลังฝากเงินเข้าไปในสัญญาอัจฉริยะโดยตรง ซึ่งหมายความว่าแพลตฟอร์มจะไม่สามารถเข้าถึงเหรียญของคุณได้โดยตรง

ความเสี่ยงจากสัญญาอัจฉริยะ

สัญญาอัจฉริยะบนแพลตฟอร์มแบบไร้ศูนย์กลางนั้นไม่ได้ปราศจากความเสี่ยงโดยสิ้นเชิง เนื่องจากหากสร้างสัญญาอัจฉริยะมีช่องโหว่ ก็มีความเสี่ยงจากการถูกแฮ็กเช่นกัน

นี่คือเหตุผลที่คุณยังต้องทำการศึกษาหาข้อมูลในการเลือกแพลตฟอร์ม DeFi ไม่ว่าคุณต้องการจะทำ Yield farming หรือ Staking

การทำ Yield farming เหมาะสำหรับใครที่สุด?

การทำ Yield farming อาจเหมาะที่สุดสำหรับนักลงทุนคริปโตที่มีประสบการณ์ ซึ่งยินดีที่จะรับความเสี่ยงเพิ่มเติมโดยมีเป้าหมายเพื่อผลตอบแทนที่สูงขึ้นอย่างมาก

ตามที่อธิบายก่อนหน้านี้ เมื่อคุณเพิ่มเหรียญลงในกองสภาพคล่อง คุณจะมีโอกาสสร้างอัตราผลตอบแทนที่สูงกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับการ Staking แต่คุณก็มีความเสี่ยงจากการทำกำไรได้ไม่เต็มที่ด้วย

Yield Farming DeFi

ในทางกลับกัน การทำ Yield farming ยังเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความยืดหยุ่นมากขึ้นในการเข้าถึงเหรียญของคุณ

เนื่องจากโดยทั่วไปแล้ว คุณจะมีตัวเลือกในการถอนเหรียญคริปโตของคุณออกจากกอง Yield farming ได้ตลอดเวลา โดยไม่มีข้อจำกัด

การ Staking เหมาะสำหรับใคร?

การ Staking เหมาะที่สุดสำหรับนักลงทุนที่ต้องการทราบว่าจะได้ผลตอบแทนเท่าไรเพื่อแลกกับการล็อคเหรียญของคุณ

เนื่องจากในกรณีส่วนใหญ่ ผลตอบแทนจากการ Staking จะเป็นแบบคงที่ ดังนั้น หากคุณ Stake เหรียญ DEFC 10,000 เหรียญในกอง Stake เป็นเวลา 12 เดือน โดยมีอัตราผลตอบแทนที่ 75% คุณจะรู้ได้เลยว่าเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาล็อคเหรียญ คุณจะได้รับเหรียญกลับไปเป็นจำนวน 17,500 เหรียญ

จากที่กล่าวมา การ Staking อาจไม่เหมาะกับคุณหากมีโอกาสที่คุณจำเป็นต้องเข้าถึงเหรียญของคุณในทันที เนื่องจากเมื่อเหรียญถูกล็อค คุณจะไม่สามารถเข้าถึงเหรียญเหล่านั้นได้จนกว่าเงื่อนไขจะสิ้นสุดลง

หากเป็นกรณีนี้ อาจต้องมองหาเงื่อนไขในการ Stake ที่ยืดหยุ่นขึ้น โดยแลกกับการที่ผลตอบแทนอาจจะลดลง แต่อย่างน้อยที่สุดคุณสามารถถอนเหรียญได้ตลอดเวลา

แพลตฟอร์มที่ดีที่สุดสำหรับการ Staking และการทำ Yield Farming

เมื่อคุณทราบความแตกต่างระหว่างการ Staking และการทำ Yield Farming แล้ว คุณน่าจะตัดสินใจแล้วว่าการลงทุนใน DeFi รูปแบบใดดีที่สุดสำหรับคุณ หากเป็นเช่นนั้น ขั้นตอนต่อไปคือการตัดสินใจเลือกว่าจะลงทุนใน Defi

สำหรับคนที่สงสัยว่า Yield farming ที่ไหนดี หรือจะ Stake เหรียญที่ไหนดี เราคิดว่าแพลตฟอร์มโดยรวมที่ดีที่สุดสำหรับการลงทุนทั้งสองรูปแบบนี้คือ DeFi Swap ซึ่งให้บริการทั้งการ Staking และการทำ Yield Farming ในรูปแบบการกระจายอำนาจและเป็นมิตรกับผู้ใช้

ต่อไปนี่คือเหตุผลที่เราแนะนำ DeFi Swap:

DeFi Swap – แพลตฟอร์ม DeFi ที่ดีที่สุดสำหรับการ Stake และ Yield Farming

DeFi Swap คือกระดานซื้อขายแบบกระจายอำนาจที่เพิ่งเปิดตัวใหม่ และให้บริการหลากหลายรูปแบบ แพลตฟอร์มที่ใช้งานง่ายนี้เหมาะสำหรับนักลงทุนทุกระดับที่กำลังตัดสินใจว่าจะเลือก Defi Farming ที่ไหนดี เนื่องจากมีเฟรมเวิร์กที่เรียบง่าย แต่มีความปลอดภัยสูง ที่สำคัญคือคุณไม่จำเป็นต้องเปิดบัญชีเพื่อใช้ DeFi Swap และคุณไม่จำเป็นต้องให้ข้อมูลส่วนบุคคลใดๆ

คุณสามารถเริ่มสร้างผลตอบแทนจากเหรียญคริปโตที่ไม่ได้ใช้งานของคุณได้ทันทีโดยเชื่อมต่อกระเป๋าเงินส่วนตัวของคุณ ในส่วนของการ Stake คุณสามารถเลือกเหรียญหลากหลายชนิดที่ทำงานบน Binance Smart Chain และ DeFi Swap ให้คุณเลือกช่วงเวลาล็อคเหรียญได้สี่ช่วง คือ 30, 90, 180 และ 365 วัน

ในแง่ของผลตอบแทน คุณสามารถรับผลตอบแทนสูงถึง 75% โดยการ Stake เหรียญ DeFi Coin เป็นเวลา 12 เดือน

Defi Swap ฟาร์มเหรียญที่ไหนดี Stake เหรียญที่ไหนดี

ไม่ว่าคุณจะลงทุนด้วยวิธีใด จะไม่มีการล็อคเหรียญเมื่อใช้บริการ Yield Farming ที่ DeFi Swap หากมีการ Staking หรือการทำ Yield Farming ที่คุณสนใจ แต่คุณยังไม่มีเหรียญที่จำเป็นต้องใช้ คุณสามารถใช้ DeFi Swap เพื่อเทรดเหรียญดังกล่าวทันทีในแบบเรียลไทม์

ตัวอย่างเช่น หากปัจจุบันคุณถือเหรียญ BNB แต่ต้องการ Stake เหรียญ DeFi Coin คุณสามารถทำการเทรดได้ด้วยการคลิกปุ่มเดียวโดยไม่ต้องผ่านแพลตฟอร์มแบบรวมศูนย์ แม้ว่าในขณะที่เขียนบทความนี้ DeFi Swap ยังโฮสต์เฉพาะเหรียญบนเชน BSC เท่านั้น แต่การทำงานข้ามเชนกำลังได้รับการพัฒนาอยู่ในขณะนี้ และจะพร้อมให้บริการในไม่ช้า

DeFi Coin defi yield farming

DeFi Swap ยังอยู่ระหว่างการสร้างแอพ DeFi ที่ดีที่สุดสำหรับระบบ iOS และ Android ซึ่งจะให้การบริการเดียวกับที่มีบนเว็บไซต์หลักเวอร์ชันเดสก์ท็อป ตลาด NFT เองก็อยู่ในระหว่างการพัฒนา เช่นเดียวกับฟีเจอร์และเครื่องมือการลงทุน DeFi เต็มรูปแบบ

ข้อดี

  • เป็นแพลตฟอร์ม DeFi ที่ดีที่สุดในตลาดโดยรวม
  • ให้ผลตอบแทนสูง
  • รองรับการ Staking และการทำ Yield Farming
  • ไร้ศูนย์กลาง 100% – แพลตฟอร์มได้รับการสนับสนุนโดยสัญญาอัจฉริยะ
  • จะมีตลาด NFT และแอพมือถือในเร็วๆ นี้
  • ขับเคลื่อนโดยเหรียญ DeFi Coin เหรียญคริปโตที่มีการเติบโตสูงสุดเป็นอันดับต้นๆ

ข้อเสีย

  • ยังไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้างเหมือนแพลตฟอร์มอื่นๆ

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ DeFi Swap

คริปโตเป็นผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ไม่มีการควบคุมซึ่งมีความผันผวนสูง

บทสรุป

บทความนี้ได้กล่าวถึงความแตกต่างระหว่าง Yield farming vs Staking ซึ่งเป็นการลงทุนในระบบ DeFi ทั้งสองวิธีนี้มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ความเสี่ยงแตกต่างกัน ดังนั้นโปรดพิจารณาว่าเป้าหมายทางการเงินและความเสี่ยงที่ยอมรับได้เป็นอย่างไร รวมถึงแนะนำว่าคุณควรจะฟาร์มเหรียญที่ไหนดี

หากคุณพร้อมที่จะเริ่มรับผลตอบแทนจากเหรียญคริปโตที่ไม่ได้ใช้งานของคุณตอนนี้ เราคิดว่า DeFi Swap เป็นแพลตฟอร์มที่ดีที่สุดสำหรับทั้งการ Staking และการทำ Yield Farming

สิ่งที่คุณต้องทำคือเชื่อมต่อกระเป๋าเงินของคุณเข้ากับ DeFi Swap เพียงเท่านี้คุณก็พร้อมสำหรับการสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนของคุณแล้ว

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ DeFi Swap

คริปโตเป็นผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ไม่มีการควบคุมซึ่งมีความผันผวนสูง