Categories
Bitcoins Crypto News Crypto Wallets คู่มือคริปโต

จัดอันดับ 8 กระเป๋า ethereum wallet ที่ดีที่สุดแห่งปี 2023 [แนะนำ!]

Ethereum เป็นหนึ่งในเหรียญคริปโตที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในตลาดรองจากบิทคอยน์ อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะซื้อ Ethereum มีปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนควรคำนึงถึง นั่นก็คือ วิธีการเก็บโทเค็น ETH อย่างไรให้ปลอดภัย

ในคู่มือนี้ เราจะเปรียบเทียบกระเป๋า ethereum wallet ที่ดีที่สุด ในปี 2023 โดยพิจารณาจากความปลอดภัย ค่าธรรมเนียม ฟีเจอร์ และความสะดวกใช้งาน

8 อันดับกระเป๋า ethereum ที่ดีที่สุด

นี่คือ 8 กระเป๋า ethereum ที่ดีที่สุด ที่เป็นผู้นำตลาดในปี 2023:

  1. eToro – กระเป๋า ethereum โดยรวมที่ดีที่สุด ปี 2023
  2. Capital.com – กระเป๋า ethereum ค่าธรรมเนียมต่ำ ที่เติบโตเร็ว
  3. Crypto.com – กระเป๋า ethereum สำหรับการ Staking คริปโต
  4. DefiSwap – กระเป๋า ethereum ในรูปแบบของ decentralized
  5. PrimeXBT– กระเป๋า ethereum สำหรับนักลงทุนเริ่มต้น
  6. Binance – กระเป๋า ethereum ที่เหมาะกับนักลงทุนระดับกลางถึงสูง
  7. Bitstamp – กระเป๋า ethereumที่มีระบบความปลอดภัยสูงสุด
  8. Bitkub – กระเป๋า ethereum ที่ใช้เงินลงทุนเริ่มต้นน้อยที่สุด

การเลือกแอปกระเป๋า ethereum ที่ดีที่สุด อาจเป็นเรื่องที่ยาก เพราะกระเป๋าเงินที่เหมาะสมสำหรับนักลงทุน จะขึ้นอยู่กับความต้องการเฉพาะบุคคลด้วย

ด้านล่างนี้ เราได้รวมรีวิวโดยละเอียดของผู้ให้บริการกระเป๋าเงินตามรายการด้านบน เพื่อให้ผู้อ่านสามารถศึกษา และใช้ข้อมูลในการตัดสินใจได้

รีวิวกระเป๋า ethereum ที่ดีที่สุด

กระเป๋า ethereum wallet ที่ดีที่สุดในตลาด ต้องมอบความสมดุลที่ดีระหว่างความปลอดภัย ความสะดวก และรูปแบบการใช้งาน

หลังจากวิเคราะห์ผู้ให้บริการหลาย ๆ ราย เราพบว่ากระเป๋า ethereum อันดับต้น ๆ ที่ควรต้องพิจารณา คือสิ่งที่จะกล่าวถึงด้านล่างนี้:

1. eToro – กระเป๋า ethereum โดยรวมที่ดีที่สุด ปี 2023

eToro เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มสกุลเงินดิจิทัล ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลก อนุญาตให้ผู้ใช้งานเข้าถึงสินทรัพย์ดิจิทัลได้มากกว่า 70 รายการ และรองรับการซื้อโทเค็น Ethereum โดยตรง ด้วยค่าธรรมเนียมเพียง 1% แพลตฟอร์มนี้ยังรองรับวิธีการชำระเงินที่หลากหลาย รวมถึงบัตรเครดิต/บัตรเดบิต การโอนเงินผ่านธนาคาร และ e-wallets

กระเป๋า ethereum ของ eToro ให้บริการจัดเก็บสินทรัพย์ดิจิทัลแก่ลูกค้า ซึ่งผู้ใช้งานสามารถเข้าสู่ระบบด้วยบัญชีของ eToro เพื่อเข้าถึงและจัดการเหรียญ Ethereum ได้อย่างสะดวก เนื่องจากแต่ละบุคคลสามารถถอนเงินจากการลงทุน ETH ออกจากพอร์ตของ eToro ได้โดยตรง

eToro ยังมีฟีเจอร์แอป Money App แยกต่างหาก ที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถส่งและรับเหรียญ Ethereum เข้าออกจากกระเป๋าเงินอื่น ๆ ได้  แอปนี้สามารถดาวน์โหลดได้ฟรี ใช้ได้ทั้งโทรศัพท์ iOS และ Android  นอกจากนี้ ยังรวมเข้ากับแพลตฟอร์มโบรกเกอร์ของ eToro และสามารถเข้าถึงข้อมูลด้วยการเข้าสู่ระบบเดียวกันได้

นอกจากนี้ ผู้ใช้งานยังสามารถซื้อ Ethereum และคริปโตเคอเรนซี่อื่น ๆ ได้โดยตรงภายในแอป Money wallet โดยจำนวนเงินลงทุนขั้นต่ำที่เพียงแค่ 10 ดอลลาร์เท่านั้น eToro ยังสามารถโอนเหรียญ Ethereum เข้าหรือออกจากแอป Money wallet ได้ฟรี อย่างไรก็ตาม ลูกค้ายังคงต้องชำระค่าธรรมเนียมการใช้งานเครือข่ายบล็อคเชน

นอกจากนี้ ผู้ใช้จะสามารถแลกเปลี่ยน Ethereum และคู่เงิน crypto-to-crypto อื่นๆได้กว่า 500 คู่ ผ่านแอปกระเป๋าเงิน ด้วยความเป็นกระเป๋าเงินที่มีการคุ้มครอง eToro ยังมีบริการกู้คืน private key ดังนั้น ลูกค้าจึงไม่ต้องกังวลว่าจะไม่สามารถเข้าถึงสินทรัพย์ดิจิทัลของตนเองได้

ในแง่ของความปลอดภัย แพลตฟอร์มการซื้อขายของ eToro ได้รับการควบคุมอย่างเข้มงวดในหลายด้าน โดย SEC, FCA, CySEC และ ASIC ส่วนบัญชีผู้ใช้งานยังถูกป้องกันด้วย 2FA สำหรับกระเป๋าเงิน eToro ได้ใช้ฟีเจอร์ความปลอดภัยระดับสูงมากมาย เช่น การป้องกัน DDoS และโปรโตคอลมาตรฐาน เพื่อป้องกันการเข้าถึงบัญชีที่ไม่ได้รับอนุญาต

ชนิดของกระเป๋าเงินกระเป๋าเงินซอฟต์แวร์แบบ Custodial 
โครงสร้างค่าธรรมเนียมดาวน์โหลดฟรี, ค่าธรรมเนียมการโอนเหรียญ Ethereum จาก eToro ไปยังกระเป๋าเงิน 0.5%
ค่าธรรมเนียมการซื้อ Ethereum1% + ค่าสเปรด
ฟีเจอร์ยอดนิยม 3 อันดับแรกเครื่องมือ copy trade, ถูกควบคุมหลายส่วน, การกู้คืน private key

ข้อดี

  • รองรับการกู้คืน private key
  • เปิดใช้งานคู่คริปโตได้มากถึง 500 คู่
  • ค่าธรรมเนียมการซื้อขายต่ำมาก
  • ได้รับการควบคุมโดย FCA, ASIC, SEC และ CySEC
  • ซื้อและขายได้มากกว่า 70 โทเค็น ผ่านบัตรเดบิต/บัตรเครดิตหรือ e-wallet

ข้อควรพิจารณา

  • นักลงทุนประสบการณ์สูงอาจมองว่าแพลตฟอร์มค่อนข้างพื้นฐาน

ใช้งานกระเป๋าเงิน eToro ตอนนี้

สินทรัพย์ดิจิทัลเป็นผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ไม่มีการควบคุมซึ่งมีความผันผวนสูง เงินทุนของคุณมีความเสี่ยง

2.Capital.com – กระเป๋า ethereum ค่าธรรมเนียมต่ำ ที่เติบโตเร็ว

Capital.com เป็นกระเป๋า ethereum ที่น่าสนใจที่ดีที่สุดสำหรับคนที่ต้องการเรียนรู้ เพราะที่นี่มีแหล่งเรียนรู้มากมาย เพื่อส่งเสริมประสิทธิภาพในการลงทุน และยิ่งถ้าคุณเป็นมือใหม่ในวงการนี้ การได้รับตัวช่วยต่าง ๆ จะทำให้การซื้อขายมีโอกาสเกิดกำไรมากขึ้น อุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ใน Capital.com มีการอัพเดทให้ทันกับปัจจุบัน และช่วยส่งเสริมกลยุทธ์การซื้อขาย ด้วยรูปแบบธุรกิจที่โปร่งใส 

ฐานผู้ใช้งานกระเป๋า ethereum wallet ของ capital.com เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในประเทศมากกว่า 180 ประเทศ

ชนิดของกระเป๋าเงินกระเป๋าเงินซอฟต์แวร์แบบ Non-Custodial 
โครงสร้างค่าธรรมเนียม0%
ค่าธรรมเนียมการซื้อ Ethereumไม่ระบุ 
ฟีเจอร์ยอดนิยม 3 อันดับแรกซื้อขายได้ด้วยเลเวอเรจ, มีแอปเพื่อการศึกษา , ใช้คำสั่งซื้อหรือขายได้ตลอดเวลา

ข้อดี

  • ค่าสเปรดต่ำ ค่าคอมมิชชั่นการซื้อขาย 0% และไม่มีค่าธรรมเนียมการฝาก
  • ใช้เลเวอเรจได้

ข้อควรพิจารณา

  • ไม่รองรับการลงทุนร่วมแบบดั้งเดิม

ไปยัง Capital.com ตอนนี้

สินทรัพย์ดิจิทัลเป็นผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ไม่มีการควบคุมซึ่งมีความผันผวนสูง

3. Crypto.com – กระเป๋า ethereum สำหรับการ Staking คริปโต

ตัวเลือกต่อไปสำหรับกระเป๋า ethereum ที่ดีที่สุด คือ Crypto.com ซึ่งเป็นกระดานแลกเปลี่ยนคริปโตในสิงคโปร์ เป็นกระเป๋าเงิน DeFi ที่รองรับสินทรัพย์ดิจิทัลมากกว่า 690 รายการ ซึ่วรวมถึง Ethereum ด้วย นอกจากนี้ ยังอนุญาตให้ลูกค้าส่ง รับ จัดเก็บ และ stake เหรียญ Ethereum ผ่านหน้าต่างใช้งานที่ใช้ง่าย

ข้อดีของ Crypto.com หรือกระเป๋าเงิน DeFi คือ ไม่เก็บ private key ของลูกค้าไว้ในระบบเซิร์ฟเวอร์ หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ กระเป๋าเงินแบบควบคุมเองได้ ซึ่งให้ผู้ใช้ควบคุม private key ได้อย่างสมบูรณ์ ยิ่งไปกว่านั้น กระเป๋าเงินยังแยกต่างหากจากแอป Crypto.com ดังนั้น ผู้ใช้งานแต่ละบุคคลสามารถเข้าถึงกระเป๋าเงินนี้ได้ โดยไม่ต้องระบุชื่อ

อย่างไรก็ตาม เป็นไปได้ที่จะเชื่อมกระเป๋าเงิน DeFi กับแอป Crypto.com เข้าหากัน เพื่อปลดล็อกให้แพลตฟอร์มทำงานอย่างเต็มที่ นอกจากนี้ Crypto.com ไม่คิดค่าธรรมเนียมโดยตรงสำหรับการดำเนินการฝากและถอน Ethereum แต่ผู้ใช้งานยังคงต้องเสียค่าบริการเครือข่าย

นอกจากนี้ นักลงทุนยังสามารถ stake เหรียญ Ethereum และรับผลตอบแทนผ่านแพลตฟอร์ม DeFi เช่น Aave, Compound และ Cosmos ได้ ยิ่งไปกว่านั้น กระเป๋าเงิน DeFi ของ Crypto.com ยังรองรับ NFTs หลายหลาย ซึ่งหมายความว่า ผู้ใช้งานสามารถซื้อของสะสมดิจิทัลผ่านตลาด NFT ของ Crypto.com และเก็บไว้ในกระเป๋าเงิน DeFi ได้

ชนิดของกระเป๋าเงินกระเป๋าเงินซอฟต์แวร์แบบ Non-Custodial 
โครงสร้างค่าธรรมเนียมดาวน์โหลดฟรี , ค่าธรรมเนียมซื้อขายขั้นต่ำ 0.40%
ค่าธรรมเนียมการซื้อ Ethereum2.99% ผ่านบัตรเครดิต/บัตรเดบัต
ฟีเจอร์ยอดนิยม 3 อันดับแรกตัวเลือกการเชื่อมต่อกับ Crypto.com, staking, รองรับ NFTs หลากหลาย

ข้อดี

  • Non-custodial wallet
  • ผสานกับแอป Crypto.com
  • ซื้อและ stake เหรียญ Ethereum ได้จากในกระเป๋าเงิน
  • รองรับการจัดเก็บ NFTs

ข้อควรพิจารณา

  • ซื้อ Ethereum ด้วยสกุลเงิน fiat ผ่านแอป iOS หรือ Android เท่านั้น 

ไปยังกระเป๋าเงิน Defi crypto.com ตอนนี้

สินทรัพย์ดิจิทัลเป็นผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ไม่มีการควบคุมซึ่งมีความผันผวนสูง เงินทุนของคุณมีความเสี่ยง

4.DefiSwap – กระเป๋า ethereum ในรูปแบบของ decentralized

หากคุณนึกถึงการซื้อขายคริปโตในรูปแบบ decentralized DefiSwap เป็นอีกหนึ่งกระเป๋า ethereum ที่มีการบริการที่หลากหลาย โดดเด่นตรงที่หน้าเว็บไซต์ที่เรียบง่าย และสามารถใช้งานผ่านคอมพิเตอร์หรือบนโทรศัพท์มือถือได้อย่างสะดวก 

แพลตฟอร์มนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของนักลงทุนรายย่อย เนื่องจากมีค่าธรรมเนียมที่ต่ำ สามารถเชื่อมวอลเล็ตกับทางแพลตฟอร์มได้โดยตรง เพื่อแลกเปลี่ยนโทเค็นโดยอาศัย liquidity pool และสามารถสร้างรายได้ทางอ้อมให้กับผู้ใช้งานได้อีกด้วย 

ชนิดของกระเป๋าเงินกระเป๋าเงินซอฟต์แวร์แบบ Non-Custodial 
โครงสร้างค่าธรรมเนียมไม่ระบุ
ค่าธรรมเนียมการซื้อ Ethereumไม่ระบุ
ฟีเจอร์ยอดนิยม 3 อันดับแรกระบบการให้รางวัลคงที่, การแลกเปลี่ยนโทเค็นด้วย liquidity pool, รองรับการเชื่อมต่อเข้ากับ MetaMask และ WalletConnect

ข้อดี

  • กระดานแลกเปลี่ยนเหรียญ DeFi ดีที่สุด
  • ระบบการให้รางวัลคงที่โดยการถือ DEFC

ข้อควรพิจารณา

  • เข้าถึงสินทรัพย์ดิจิทัลไม่มากเท่า ethereum wallet อื่น ๆ

ไปยัง Defi Swap ตอนนี้

สินทรัพย์ดิจิทัลเป็นผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ไม่มีการควบคุมซึ่งมีความผันผวนสูง

5. PrimeXBT – กระเป๋า ethereum สำหรับนักลงทุนเริ่มต้น

นี่เป็นกระเป๋า ethereum ที่สามารถใช้ในการซื้อขายแลกเปลี่ยนหุ้นหรือ Forex ได้ด้วย ซึ่งก่อตั้งมาในปี 2018  ค่าธรรมเนียมของ PrimeXBT จะลดลงหากยอดเงินในบัญชีเพิ่มขึ้น ซึ่งสิ่งนี้ดึงดูดให้ผู้นักลงทุนที่แสวงหาค่าธรรมเนียมต่ำ ๆ เข้ามาใช้บริการได้มากขึ้น และยังใช้งานง่าย เหมาะสำหรับมือใหม่เป็นอย่างยิ่ง 

นอกจากนี้ ยังมีการสร้างกระเป๋า ethereum ยังเครื่องมือที่จะช่วยสนับสนุนการเทรด ระบบเทรดอัตโนมัติ และทำให้สามารถลงทุนด้วยเครื่องมือ Copy trade ได้ด้วย 

ชนิดของกระเป๋าเงินกระเป๋าเงินซอฟต์แวร์แบบ Non-Custodial 
โครงสร้างค่าธรรมเนียม0.01–0.05% , ค่าสเปรดเริ่มต้นที่ 0
ค่าธรรมเนียมการซื้อ Ethereumไม่ระบุ
ฟีเจอร์ยอดนิยม 3 อันดับแรกเครื่องมือ Copy trade, ฟังก์ชันการรับผลตอบแทน, ระบบเทรดอัตโนมัติ

ข้อดี

  • มีสินทรัพย์ดิจิทัลมากกว่า 150 รายการ ซื้อขายแลกเปลี่ยนหุ้นหรือ Forex ได้ด้วย
  • ฟังก์ชันการรับผลตอบแทนที่จ่ายดอกเบี้ยให้ทุกวัน

ข้อควรพิจารณา

  • เหมาะกับนักลงทุนเริ่มต้นมากกว่า

ไปยัง PrimeXBT ตอนนี้

สินทรัพย์ดิจิทัลเป็นผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ไม่มีการควบคุมซึ่งมีความผันผวนสูง

6. Binance – กระเป๋า ethereum ที่เหมาะกับนักลงทุนระดับกลางถึงสูง

Binance เป็นแพลตฟอร์มสำหรับการซื้อขายยอดนิยมโดยเฉพาะเทรดเดอร์ที่มากประสบการณ์ เนื่องจากมีเครื่องมือให้นักลงทุนเลือกใช้มากมาย เพื่อทำให้สามารถใช้เทคนิคในการก้าวสู่ผลกำไรที่มุ่งหวัง นอกจากนี้ ยังสามารถฝากเงินได้โดยไม่เสียค่าธรรมเนียมอีกด้วย 

Binance สนับสนุนการเทรดคู่สกุลเงินภายในแพลตฟอร์มให้มีความง่ายดายมากขึ้น และสามารถใช้กระเป๋า ethereum ในการเก็บเหรียญได้อย่างสะดวก 

Binance ยินยอมให้มีการดาวน์โหลดกระเป๋า ethereum wallet ลงบนมือถือได้เช่นเดียวกัน และถือเป็นตัวเลือกที่ดีในการซื้อ altcoin ยอดนิยม 

ชนิดของกระเป๋าเงินกระเป๋าเงินซอฟต์แวร์แบบ Custodial 
โครงสร้างค่าธรรมเนียม0.10% 
ค่าธรรมเนียมการซื้อ Ethereum4.5% + 0.5% สำหรับลูกค้าใน US
ฟีเจอร์ยอดนิยม 3 อันดับแรกเครื่องมือวางแผนการเทรด, การลงทุนใน Leveraged Product, โอนเงินผ่านธนาคารในประเทศไม่มีค่าธรรมเนียม

ข้อดี

  • แพลตฟอร์มลงทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลก
  • รายการสินทรัพย์ที่มากกว่า 250 รายการ

ข้อควรพิจารณา

  • มีข้อจำกัดและค่าธรรมเนียมเพิ่มสำหรับลูกค้าใน US

ไปยังกระเป๋าเงิน Binance ตอนนี้

สินทรัพย์คริปโตมีความผันผวนสูงและเป็นการลงทุนที่ไม่มีการควบคุม 

7. Bitstamp – กระเป๋า ethereumที่มีระบบความปลอดภัยสูงสุด

Bitstamp เป็นกระเป๋า ethereum ที่ก่อตั้งตั้งแต่ปี 2011 มีผู้ใช้งานทั่วโลก เนื่องจากเชื่อถือในความปลอดภัย และสามารถที่จะใช้ในการแลกเปลี่ยนสกุลเงินชั้นนำระดับโลกได้มากมาย การใช้งานเว็บไซต์ก็สะดวกรวดเร็ว มีการแจ้งเตือนราคาแบบเรียลไทม์ และมีระบบสนับสนุนที่ให้ความช่วยเหลือ 24 ชั่วโมง 

การเก็บรักษาเหรียญของ Bitstamp แตกต่างจาก ethereum wallet อื่น ๆ โดยจะมีการเก็บรักษาเหรียญและทรัพย์สินที่มีระบบปฎิบัติการแยกตัวจากระบบออนไลน์ จึงมั่นใจในความปลอดภัยกว่าเดิม

ชนิดของกระเป๋าเงินกระเป๋าเงินซอฟต์แวร์แบบ Non-Custodial 
โครงสร้างค่าธรรมเนียม0.5% 
ค่าธรรมเนียมการซื้อ Ethereum5% ผ่านบัตรเครดิต/บัตรเดบัต
ฟีเจอร์ยอดนิยม 3 อันดับแรกจัดเก็บสินทรัพย์ใน Cold Storage, ระบบช่วยเหลือ 24 ชั่วโมง, ควบคุมบัญชีผ่านโทรศัพท์มือถือ

ข้อดี

  • กระเป๋า ethereum wallet ที่มีมานานที่สุด
  • จัดเก็บสินทรัพย์ใน Cold Storage จึงเทรดได้อย่างปลอดภัย

ข้อควรพิจารณา

  • ค่าธรรมเนียมสูงกรณีใช้บัตรเครดิต/บัตรเดบิต

ไปยัง Bitstamp ตอนนี้

สินทรัพย์ดิจิทัลเป็นผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ไม่มีการควบคุมซึ่งมีความผันผวนสูง

8. Bitkub – กระเป๋า ethereum ที่ใช้เงินลงทุนเริ่มต้นน้อยที่สุด

หากพูดถึงวงการคริปโตในคนไทย คงไม่มีใครไม่รู้จัก Bitkub ที่ได้รับการรับรองโดย กลต และเป็นหนึ่งในกระเป๋า ETH ไทยที่คนไทยนิยม ระบบการซื้อขายของ Bitkub รองรับโครงการอื่น ๆ ได้มากมาย และเพิ่มความสะดวกให้กับผู้ใช้งานด้วยการเริ่มต้นลงทุนแค่ 10 บาท 

Bitkub เป็นสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีที่มีบริการ 24 ชั่วโมง คอยสแตนบายเพื่อให้ความช่วยเหลือลูกค้าตลอดเวลา ทำให้เป็นอีกหนึ่งการตัดสินใจของนักลงทุนในไทย ที่จะเลือกใช้บริการกระเป๋า ethereum นี้

ชนิดของกระเป๋าเงินกระเป๋าเงินซอฟต์แวร์แบบ Non-Custodial 
โครงสร้างค่าธรรมเนียม0.25%
ค่าธรรมเนียมการซื้อ Ethereumไม่ระบุ
ฟีเจอร์ยอดนิยม 3 อันดับแรกใช้เงินบาทในการเทรดได้, บริการความช่วยเหลือ 24 ชั่วโมง, ระบบรักษาความปลอดภัยขั้นสูง

ข้อดี

  • กระเป๋า ETH ไทยที่ออกแบบให้ใช้งานง่าย
  • ใช้เงินบาทในการเทรดได้ โดยเริ่มต้นลงทุนแค่ 10 บาท

ข้อควรพิจารณา

  • จำนวนรายการสินทรัพย์ที่ลงทุนได้น้อย

เปรียบเทียบสุดยอดกระเป๋า ethereum

ตารางด้านล่างนี้สรุปฟีเจอร์ที่โดดเด่นของกระเป๋า ethereum ที่ดีที่สุด ที่เรากล่าวถึงข้างต้น

 ชนิดของกระเป๋าเงินค่าธรรมเนียมค่าธรรมเนียมการซื้อ Ethereumฟีเจอร์ยอดนิยม 3 อันดับแรก
eToroกระเป๋าเงินซอฟต์แวร์แบบ Custodial ดาวน์โหลดฟรี, ค่าธรรมเนียมการโอนเหรียญ Ethereum จาก eToro ไปยังกระเป๋าเงิน 0.5%1% + ค่า spreadเครื่องมือ copy trade, ถูกควบคุมหลายส่วน, การกู้คืน private key
Capital.comกระเป๋าเงินซอฟต์แวร์แบบ Non-Custodial 0%ไม่ระบุซื้อขายได้ด้วยเลเวอเรจ, มีแอปเพื่อการศึกษา , ใช้คำสั่งซื้อหรือขายได้ตลอดเวลา
Crypto.comกระเป๋าเงินซอฟต์แวร์แบบ Non-Custodialดาวน์โหลดฟรี , ค่าธรรมเนียมซื้อขายขั้นต่ำ 0.40%2.99% ผ่านบัตรเครดิต/บัตรเดบัตตัวเลือกการเชื่อมต่อกับ Crypto.com, staking, รองรับ NFTs หลากหลาย
DefiSwapกระเป๋าเงินซอฟต์แวร์แบบ Non-Custodial ไม่ระบุไม่ระบุระบบการให้รางวัลคงที่, การแลกเปลี่ยนโทเค็นด้วย liquidity pool, รองรับการเชื่อมต่อเข้ากับ MetaMask และ WalletConnect
PrimeXBTกระเป๋าเงินซอฟต์แวร์แบบ Non-Custodial 0.01–0.05% , ค่าสเปรดเริ่มต้นที่ 0ไม่ระบุเครื่องมือ Copy trade, ฟังก์ชันการรับผลตอบแทน, ระบบเทรดอัตโนมัติ
Binanceกระเป๋าเงินซอฟต์แวร์แบบ Non-Custodial 0.10% 4.5% + 0.5% สำหรับลูกค้าใน USเครื่องมือวางแผนการเทรด, การลงทุนใน Leveraged Product, โอนเงินผ่านธนาคารในประเทศไม่มีค่าธรรมเนียม
Bitstampกระเป๋าเงินซอฟต์แวร์แบบ Non-Custodial 0.5%5% ผ่านบัตรเครดิต/บัตรเดบัตจัดเก็บสินทรัพย์ใน Cold Storage, ระบบช่วยเหลือ 24 ชั่วโมง, ควบคุมบัญชีผ่านโทรศัพท์มือถือ
Bitkubกระเป๋าเงินซอฟต์แวร์แบบ Non-Custodial 0.25%ไม่ระบุใช้เงินบาทในการเทรดได้, บริการความช่วยเหลือ 24 ชั่วโมง, ระบบรักษาความปลอดภัยขั้นสูง

กระเป๋าเงิน Ethereum คืออะไร?

พูดง่ายๆ ก็คือ กระเป๋า ethereum เป็นแอปพลิเคชันที่มีไว้ให้ผู้ใช้งานเก็บโทเค็น ETH ของตนได้ โดยทำงานร่วมกับเครือข่าย Ethereum และสามารถใช้เพื่อจัดการยอดเงิน ส่ง และรับเหรียญ ETH และเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันแบบ decentralized ได้

กระเป๋า ethereum wallet มาพร้อมกับกุญแจสาธารณะและ private key  โดยกุญแจสาธารณะจะทำหน้าที่เป็นที่อยู่กระเป๋า ethereum ที่ผู้อื่นสามารถส่งสินทรัพย์ดิจิทัลได้ ในทางกลับกัน private key จะทำหน้าที่จะเป็นรหัสผ่าน ทำให้เจ้าของกระเป๋าเงินสามารถควบคุมทรัพย์สินของตนเองได้

กระเป๋า ethereum ไม่ได้เก็บเพียงแค่เหรียญ ETH เท่านั้น แต่ยังรวมถึงโทเค็นอื่น ๆ ที่สร้างขึ้นบนเครือข่ายเดียวกัน โดยกระเป๋า ethereum ยอดนิยมยังให้การสนับสนุนบิทคอยน์ และ altcoins ที่หลากหลาย บนบล็อคเชนที่แตกต่างกันด้วย

นอกจากที่คุณกำลังค้นหากระเป๋าเงินที่ดีที่สุดสำหรับ Ethereum ในยุคปัจจุบัน คุณยังต้องค้นหาผู้ให้บริการที่รองรับฟีเจอร์เพิ่มเติม เช่น การเข้าถึงเว็บแบบ decentralized ,ตัวเลือกในการแลกเปลี่ยน ETH และการสนับสนุน NFTs ด้วย

ทำไมถึงจำเป็นต้องมีกระเป๋า ethereum

ระบบนิเวศของ Ethereum เติบโตอย่างก้าวกระโดด และได้มีการเปิดใช้งานการสร้างแอปพลิเคชัน decentralized ในภาคส่วนต่าง ๆ รวมถึงการเงิน, เกม, ของสะสม และอื่นๆ

จากความนิยมนี้ ทำให้มีผู้คนจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ที่ต้องการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลนี้

  • อย่างไรก็ตาม เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณาว่า จะต้องจัดเก็บโทเค็น ETH อย่างไรก่อนซื้อ
  • ตัวอย่างเช่น เมื่อซื้อ Ethereum จากโบรกเกอร์ที่มีการควบคุม เช่น eToro ผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับการเลือก ethereum wallet
  • แพลตฟอร์มที่ปลอดภัยนี้จะเพิ่มโทเค็น Ethereum ไปที่บัญชีโบรกเกอร์ของผู้ใช้งานโดยตรง
  • ดังที่กล่าวไว้ หากบุคคลนั้น ๆ ใช้กระดานแลกเปลี่ยนคริปโตที่ไม่ได้รับการควบคุม จะเป็นการดีที่สุดที่จะเก็บโทเค็น ETH ไว้ในกระเป๋าเงินที่ปลอดภัยแทน 

ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับความต้องการส่วนบุคคล ซึ่งคุณสามารถเลือกได้ระหว่างกระเป๋าฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ โดยรายละเอียดของกระเป๋า ethereumประเภทต่าง ๆ อธิบายโดยละเอียดในคู่มือนี้แล้ว

กระเป๋า ethereum ทำงานอย่างไร

กระเป๋า ethereum ถูกอธิบายว่าเป็นแอปพลิเคชันที่สามารถเก็บโทเค็น ETH ได้ อย่างไรก็ตาม ในทางเทคนิคแล้ว สกุลเงินดิจิทัล เช่น Ethereum ไม่ได้ถูก ‘จัดเก็บ’ ไว้ในกระเป๋าเงิน แต่จะถูกเก็บไว้บนบล็อคเชนเสมอ

ethereum wallet เชื่อมต่อโดยตรงกับโหนดบล็อคเชน และช่วยจัดการข้อมูลเกี่ยวกับโทเค็น ETH

ใครก็ตามที่มีกุญแจสาธารณะในกระเป๋า ethereum สามารถส่งทรัพย์สินไปยังที่อยู่นั้นได้ อย่างไรก็ตาม ในการส่งหรือ Swap เหรียญ ผู้ใช้งานจำเป็นต้องมี private key ด้วย

นี่คือเหตุผลสำคัญที่ต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่า private key ของกระเป๋าเงินปลอดภัยอยู่เสมอ อย่างไรก็ตาม หากใครมีความกังวลเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยของ private key สามารถเลือกใช้กระเป๋า ethereum ที่ปลอดภัยและได้รับการคุ้มครองอย่าง eToro ได้

เนื่องจาก eToro ได้รับการควบคุม จึงต้องให้ความปลอดภัยต่อสินทรัพย์ดิจิทัลของลูกค้าเป็นอย่างมาก

ประเภทของกระเป๋า ethereum

การตัดสินใจเลือกกระเป๋า ethereum wallet ที่ดีที่สุดสำหรับการจัดเก็บเหรียญคริปโต นักลงทุนควรเข้าใจถึงความแตกต่างระหว่างกระเป๋าเงินแต่ละประเภทก่อน

ในส่วนนี้ เราจะมาเจาะลึกอย่างละเอียดถึงตัวเลือกของกระเป๋าเงินสำหรับนักลงทุนคริปโตในปัจจุบัน

กระเป๋าเงินซอฟต์แวร์

กระเป๋าซอฟต์แวร์ มักจะเป็นโปรแกรมที่สร้างขึ้นสำหรับเดสก์ท็อปและอุปกรณ์มือถือ

สามารถติดตั้งได้บนคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์ ซึ่งช่วยให้แต่ละคนเข้าถึงโทเค็น ETH ได้สะดวก, ทำธุรกรรม, จัดการยอดเงินคงเหลือในบัญชี และอื่นๆ อีกมากมาย

ดังที่กล่าวไว้ข้างต้น Ethereum wallet ที่ดีที่สุดที่จะมาพร้อมกับฟีเจอร์เพิ่มเติม เช่น กระดานแลกเปลี่ยน และการ staking integration

ตัวเลือกอันดับต้นของเราสำหรับแอปซอฟต์แวร์ Ethereum ที่ดีที่สุด ได้แก่ eToro และ Crypto.com

กระเป๋าเงินฮาร์ดแวร์

กระเป๋าเงินฮาร์ดแวร์ จะช่วยให้ผู้ใช้งานเก็บคริปโตเคอเรนซี่ของพวกเขาแบบออฟไลน์ ดังนั้น จึงถือว่าเป็นทางเลือกการจัดเก็บ Ethereum ที่มีความปลอดภัยสูง 

อุปกรณ์จะต้องเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือ เพื่อเข้าถึงโทเค็น ETH ที่จัดเก็บไว้ และจะได้รับการป้องกันด้วยรหัส PIN

ทุกครั้งที่ต้องการทำธุรกรรม ผู้ใช้งานจะต้องยืนยันตัวตน ด้วยป้อนรหัส PIN ผ่านอุปกรณ์

จากรายการกระเป๋า ethereum ที่กล่าวถึงข้างต้น Ledger Nano X และ Trezor จัดอยู่ในหมวดหมู่การจัดเก็บแบบฮาร์ดแวร์

ตามที่เราชี้ให้เห็นในรีวิวของเรา กระเป๋าเงินฮาร์ดแวร์สำหรับ Ethereum อาจมีราคาแพง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเปรียบเทียบกับกระเป๋าเงินซอฟต์แวร์ นอกจากนี้ อุปกรณ์ดังกล่าวยังไม่สะดวกในการทำธุรกรรมแบบวันต่อวัน 

กระเป๋าเงินกระดาษ

กระเป๋าเงินกระดาษ คือ การพิมพ์ private key ลงบนกระดาษ ซึ่งหมายความว่าในการเข้าถึงโทเค็น ETH คุณจะต้องมีกระเป๋าเงิน Ethereum กระดาษนี้ก่อน

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากกระเป๋าเงินกระดาษมีความเปราะบาง จึงไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับระยะยาว

ท้ายที่สุด มีความเป็นไปได้ที่กระดาษจะถูกทำลายหรือถูกโยนทิ้งโดยไม่ได้ตั้งใจ ทางเลือกใหม่จึงอาจจะเป็นแผ่นไทเทเนียมที่มีอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งไม่สามารถถูกทำลายได้ และทนต่อภัยธรรมชาติ

วิธีเลือกกระเป๋า ethereum ที่ดีที่สุดสำหรับคุณ

การค้นหากระเป๋า ethereum ที่ดีที่สุด อาจเป็นเรื่องที่น่าเบื่อหน่าย เนื่องจากมีตัวเลือกมากมาย

การเลือกผู้ให้บริการที่เหมาะสมจากรายการกระเป๋าเงิน Ethereum เราขอแนะนำให้คุณ พิจารณาปัจจัยดังต่อไปนี้

ความปลอดภัย

การเลือกกระเป๋า ethereum ที่ดีที่สุด จำเป็นต้องพิจารณาถึงชื่อเสียงของผู้ให้บริการด้วย

ท้ายที่สุดแล้ว หากผู้ให้บริการกระเป๋าเงินมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับ สิ่งนี้ควรบ่งชี้ว่า ผู้ให้บริการรายนั้นจะให้บริการที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้

  • ตัวอย่างเช่น eToro ไม่ได้เป็นเพียงโบรกเกอร์คริปโตที่มีชื่อเสียงเท่านั้น แต่ยังได้รับการควบคุมในหลายด้านอีกด้วย
  • การมีสินทรัพย์อยู่ในสถาบันสินเชื่อที่ได้รับอนุญาต หมายความว่าจะยังคงได้รับการคุ้มครองตลอดเวลา
  • eToro ยังใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรม เช่น การป้องกัน 2FA และ DDoS
  • นอกจากนี้ eToro ยังมีระบบปกป้อง private key ของกระเป๋าเงิน ดังนั้น ผู้ใช้สามารถกู้คืนทรัพย์สินได้ และไม่ต้องกังวลว่ามันจะสูญหาย

หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ คนที่เลือกใช้แอป eToro เก็บ Ethereum จะมั่นใจได้ว่า เงินของพวกเขาจะปลอดภัยแน่นอน

ประเภทของกระเป๋าเงิน

ก่อนหน้านี้ เราได้พูดถึงกระเป๋า ethereum ประเภทต่าง ๆ ที่มีอยู่

หนึ่งในข้อผิดพลาดทั่วไปของนักลงทุนเริ่มต้น คือ ความไม่เข้าใจว่ากระเป๋าเงินประเภทต่าง ๆ ทำงานอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเลือกการจัดเก็บ Ethereum ในแบบซอฟต์แวร์ 

ตัวอย่างเช่น เมื่อใช้กระเป๋าเงินซอฟต์แวร์ประเภท non-custodial  เช่น Coinbase และ MetaMask เราควรใช้ความระมัดระวังอย่างสูงสุดในขั้นตอนการกู้คืน ซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อตั้งค่ากระเป๋าเงิน

ในกรณีที่ private key สูญหาย seed phrase จะเป็นวิธีเดียวที่จะกู้คืนสินทรัพย์ได้ ในทางกลับกัน เมื่อเลือก custodial wallet เช่น eToro ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย

เหรียญที่รองรับ

กระเป๋า ethereum ออกแบบมาเพื่อเก็บโทเค็น ETH ตามที่กล่าวไปแล้ว ethereum wallet ที่ดีที่สุดควรเข้ากันได้กับเครือข่ายอื่น ๆ ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้งานสามารถจัดเก็บสกุลเงินดิจิทัลหลาย ๆ เหรียญได้

ตัวอย่างเช่น eToro ให้ผู้ใช้งานสามารถซื้อและขายสินทรัพย์ดิจิทัลได้กว่า 70 รายการ ด้วยวิธีการชำระเงินหลายวิธี

นอกจากนี้ ยังไม่มีค่าธรรมเนียมการฝากเงินสำหรับการชำระเงินในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และมีอัตรา FX เพียง 0.5% สำหรับการประมวลผลสกุลเงิน fiat อื่น ๆ ซึ่งหมายความว่า ผู้ใช้งานไม่เพียงแต่สามารถจัดเก็บ Ethereum ได้เท่านั้น แต่ยังสามารถซื้อและขายโทเค็นได้อย่างคุ้มค่าอีกด้วย

ประสบการณ์การใช้งานบนมือถือ

ควรพิจารณาถึงความสะดวกในการใช้แอปกระเป๋า ethereum แม้ว่ากระเป๋าเงิน Ethereum แบบฮาร์ดแวร์จะมีความปลอดภัยสูง แต่ก็มีความสะดวกน้อยกว่าเมื่อเทียบกับซอฟต์แวร์

และในบรรดากระเป๋าเงินซอฟต์แวร์ Ethereum ประสบการณ์ผู้ใช้งานก็จะแตกต่างกันไปตามผู้ให้บริการแต่ละราย

กระเป๋า ethereum ที่ดีที่สุดสำหรับการซื้อขาย NFT

Ethereum เป็นหนึ่งในเครือข่ายบล็อคเชนที่ใช้กันอย่างแพร่หลายมากที่สุดในการสร้าง NFT ด้วยเหตุนี้ กระเป๋าเงิน NFT ที่ดีที่สุดบางอันจึงสามารถใช้เก็บโทเค็น ETH ได้

จากรายการกระเป๋า ethereum wallet ของเรา เราพบว่าตัวเลือกการจัดเก็บข้อมูลแบบ non-custodial ภายใต้การดูแลของ Crypto.com เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด สำหรับการจัดเก็บและซื้อขาย NFTs

Crypto.com ผสานรวมกับตลาด NFT ได้อย่างราบรื่น และช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถซื้อและขาย NFTs ได้อย่างง่ายดาย

นอกจากนี้ ยังรองรับ NFTs ที่สร้างขึ้นทั้งบน Ethereum รวมถึง Polygon, Crypto.com Chain และ Cronos Beta โดยกระเป๋าเงิน DeFi นี้จะแสดง NFT ในรูปแบบแกลเลอรี และผู้ใช้งานยังสามารถแชร์ของสะสมบนโซเชียลมีเดียได้อีกด้วย

วิธีสร้างกระเป๋า ethereum 

ตอนนี้เรามีความรู้พื้นฐานแล้ว ลองมาดูรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีสร้างกระเป๋า ethereumบ้าง

ในส่วนนี้ เราได้รวมคำแนะนำทีละขั้นตอนเกี่ยวกับการสร้างกระเป๋า ethereum ของeToro หนึ่งในกระดานแลกเปลี่ยนคริปโตที่ดีที่สุด

ขั้นตอนที่ 1: เปิดบัญชี

ในฐานะผู้ให้บริการกระเป๋าเงินแบบ custodial  eToro กำหนดให้ผู้ใช้งานสร้างบัญชีโบรกเกอร์ เพื่อเริ่มใช้งานกระเป๋าเงิน

เริ่มจากให้ไปที่หน้าแรกของ eToro และคลิกที่ปุ่ม “เข้าร่วม” เพื่อเปิดบัญชีใหม่ โดยผู้ใช้งานใหม่ต้องกรอกข้อมูล เช่น ชื่อ รายละเอียดการติดต่อ และอีเมล

ถัดไป คุณยังต้องส่งสำเนาบัตรประจำตัวที่ออกโดยหน่วยงานราชการ เช่น หนังสือเดินทาง หรือใบขับขี่

ทั้งนี้เนื่องจาก eToro ดำเนินการตามข้อบังคับสากล AML

ขั้นตอนที่ 2: ดาวน์โหลดแอปกระเป๋าเงิน eToro Money Crypto

สำหรับ eToro คุณไม่จำเป็นต้องสร้างกระเป๋า ethereum แยกต่างหาก

แต่แพลตฟอร์มจะจัดสรรรายการให้กับผู้ใช้งานทั้งหมด ที่ถือบัญชีกับโบรกเกอร์โดยอัตโนมัติ ซึ่งหมายความว่า ในการจัดการการลงทุน ETH ผู้ใช้งานสามารถลงชื่อเข้าใช้บัญชีโบรกเกอร์ซื้อขายหลักทรัพย์ได้เอง

ผู้ใช้งานสามารถดาวน์โหลดแอป eToro Money เพื่อส่งและรับโทเค็น ETH ไปยังอุปกรณ์ของตนได้ แอปนี้ใช้งานได้ฟรี และเข้ากันได้ทั้ง iOS และ Android

หลังจากดาวน์โหลดกระเป๋าเงินแล้ว ผู้ใช้งานสามารถติดตั้งกระเป๋าเงินดังกล่าวบนอุปกรณ์ส่วนตัว และลงชื่อเข้าใช้ โดยใช้ข้อมูลรับรองการเข้าสู่ระบบของบัญชี eToro

ขั้นตอนที่ 3: เพิ่ม Ethereum ไปยัง Crypto Wallet

ในการเพิ่ม Ethereum ไปยังกระเป๋าเงิน eToro Money ผู้ใช้งานสามารถคัดลอกที่อยู่สำหรับโทเค็น ETH เพื่อเป็นกุญแจสาธารณะได้

เพียงแค่ใช้ที่อยู่นี้เป็นที่อยู่ปลายทาง ก็จะส่ง Ethereum ไปยังกระเป๋าเงิน eToro ได้

อีกหนึ่งทางเลือก คือ ผู้ใช้งานสามารถซื้อโทเค็น Ethereum ด้วยสกุลเงิน fiat ได้โดยตรงผ่านแพลตฟอร์มโบรกเกอร์ของ eToro ซึ่งรับชำระเงินผ่านบัตรเดบิต/บัตรเครดิต การโอนเงินผ่านธนาคาร และกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ เช่น PayPal

จำนวนขั้นต่ำที่สามารถใช้ในการซื้อ Ethereum ผ่าน eToro ได้ เพียงแค่ 10 ดอลลาร์เท่านั้น นอกจากนี้ ในการขาย Ethereum ผู้ใช้งานสามารถไปที่พอร์ตโฟลิโอของ eToro และถอนเงินได้โดยตรง

บทสรุป

คู่มือของเราได้เปรียบเทียบกระเป๋า ethereum ที่ดีที่สุด ในแง่ของความปลอดภัย เหรียญที่รองรับ ความสะดวก ฟีเจอร์ต่าง ๆ และอื่น ๆ

ในการเริ่มต้นใช้งานแอป Ethereum ที่ดีที่สุด ให้ไปที่เว็บไซต์ eToro และสมัครเป็นผู้ใช้งาน

แพลตฟอร์มนี้ทำหน้าที่เป็นโบรกเกอร์คริปโต และยังเป็นกระเป๋าเงินสำหรับจัดเก็บสินทรัพย์ดิจิทัลเช่น Ethereum ได้ด้วย

ซึ่งหมายความว่า บุคคลทั่วไปไม่เพียงแต่สามารถส่งและรับ Ethereum ได้เท่านั้น แต่ยังซื้อและขายเหรียญคริปโตได้โดยตรงจาก กระเป๋า ethereum wallet ด้วย

ใช้งานกระเป๋าเงิน eToro ตอนนี้

สินทรัพย์ดิจิทัลเป็นผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ไม่มีการควบคุม ซึ่งมีความผันผวนสูง เงินทุนของคุณมีความเสี่ยง

Categories
Bitcoins Crypto News Crypto Wallets คู่มือคริปโต

แนะนำ 8 กระเป๋า XRP ที่ดีที่สุด แห่งปี 2023 [ปลอดภัย!]

เหรียญ XRP ของ Ripple เป็นหนึ่งในคริปโตเคอเรนซี่ที่น่าตื่นเต้นที่สุดในตลาดตอนนี้ โดยมีศักยภาพในการปฏิวัติภาคการธนาคาร/การแปลงสกุลเงิน และพัฒนาการโอนเงินไปต่างประเทศ จึงมีนักลงทุนจำนวนมากต้องการหากระเป๋า XRP ที่ดีที่สุด

เราจะมาอธิบายว่าเหตุใดกระเป๋า XRP จึงมีความสำคัญ กระเป๋าประเภทต่างๆ และวิธีรับกระเป๋า XRP Wallet นอกจากนี้ เราจะอธิบายวิธีการเลือกกระเป๋า XRP ที่ดีที่สุดและรีวิวแอป XRP ที่ดีที่สุด

รายชื่อกระเป๋า XRP ที่ดีที่สุด

  • Etoro – กระเป๋า XRP โดยรวมดีที่สุด
  • Capital – กระเป๋า XRP ค่าธรรมเนียมต่ำ
  • Crypto.com – กระเป๋า XRP เหมาะสำหรับการ staking
  • DefiSwap – เก็บเหรียญ XRP พร้อมเข้าถึงเครื่องมือ Defi หลากหลายรูปแบบ
  • PrimeXBT – กระเป๋า XRP สำหรับนักเทรดมือใหม่
  • Binance – กระเป๋า XRP บนกระดานเทรดยอดนิยม
  • Bitstamp – กระเป๋า XRP ที่มีความปลอดภัยมากที่สุด
  • Bitkub – กระเป๋า XRP ที่รองรับภาษาไทยและรับความช่วยเหลือได้ตลอด 24 ชม.

ซื้อและเก็บเหรียญ XRP บน eToro

คริปโตเป็นผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ไม่มีการควบคุมซึ่งมีความผันผวนสูง ไม่มีการคุ้มครองนักลงทุนในประเทศไทย

รีวิวกระเป๋า XRP ที่ดีที่สุด

สำหรับนักลงทุนที่วางแผนจะซื้อเหรียญ XRP จำเป็นต้องมีกระเป๋าที่ปลอดภัยและมีฟีเจอร์มากมายให้เลือกใช้ อย่างไรก็ตาม มีแอปสำหรับเหรียญ XRP อยู่มากมาย ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่จะหา XRP Wallet ที่ดีที่สุด เราได้ทำการค้นคว้าและจัดอันดับกระเป๋าที่ดีที่สุดสำหรับเหรียญ XRP เพื่อให้แน่ใจว่านักลงทุนทุกคนสามารถสมัคร XRP Wallet และเก็บเหรียญ XRP ของตนเองได้อย่างสะดวกและปลอดภัย

1. Etoro – กระเป๋า XRP โดยรวมดีที่สุด

eToro เป็นโบรกเกอร์ที่ได้รับการกำกับดูแลซึ่งให้บริการกระเป๋า XRP ฟรีแก่ลูกค้า นับตั้งแต่เปิดตัวในปี 2017 eToro ได้ให้บริการผู้ใช้มากกว่า 27 ล้านคนทั่วโลก และมีคริปโตกว่า 70 เหรียญที่ซื้อขายได้ eToro เป็นแพลตฟอร์มแบบครบวงจรที่ยอดเยี่ยมในการจัดการสินทรัพย์ที่หลากหลาย

โดย eToro ใช้การเข้ารหัส SSL และ Cold Storage เพื่อรักษาความปลอดภัยทั้งเงินและข้อมูลของลูกค้า ยิ่งไปกว่านั้น กระเป๋าคริปโตของ eToro Money ยังให้นักลงทุนสามารถรักษาความปลอดภัยให้กับเหรียญ XRP ของพวกเขาได้มากขึ้นด้วยการดูแลคีย์ส่วนตัวที่เชื่อมโยงกับกระเป๋า

eToro จึงเป็นกระเป๋า XRP ที่ดีที่สุดในปัจจุบัน ที่ผู้ใช้สามารถแลกเปลี่ยน แปลง และถอนเหรียญ XRP ได้อย่างง่ายดาย

eToro ยังเป็นกระเป๋า Cardano ที่ได้รับความนิยมเนื่องจากแพลตฟอร์ม eToro นั้นรองรับรางวัลการ Staking เหรียญ Cardano แต่ยังไม่มีการเปิดให้ Staking เหรียญ XRP ในปัจจุบัน

ชนิดของกระเป๋าโครงสร้างค่าธรรมเนียมค่าธรรมเนียมในการซื้อ XRPฟีเจอร์ยอดนิยม 3 อันดับแรก
Custodial / Non-Custodialค่าธรรมเนียมการซื้อขาย 1% + สเปรด1%กระเป๋า eToro Moneyซื้อ/ขาย/เทรด XRPปลอดภัยมาก

ซื้อและเก็บเหรียญ XRP บน eToro

คริปโตเป็นผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ไม่มีการควบคุมซึ่งมีความผันผวนสูง ไม่มีการคุ้มครองนักลงทุนในประเทศไทย

2. Capital.com – กระเป๋า XRP ค่าธรรมเนียมต่ำ

Capital.com เป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ให้ผู้ใช้ซื้อขายคริปโตเคอเรนซี่ด้วยค่าธรรมเนียม 0% และค่าสเปรดที่ราคาถูก และได้รับการกำกับดูแลในหลายด้านโดยหน่วยงานด้านการเงินที่มีชื่อเสียง โบรกเกอร์ได้รับอนุญาตจาก FCA ในสหราชอาณาจักร ASIC ในออสเตรเลีย CySEC ในไซปรัส และ NBRB ในเบลารุส

นอกจากนี้ Capital.com ยังรับวิธีการชำระเงินหลายวิธี รวมถึงบัตรเครดิต/เดบิต หรือการโอนเงินผ่านธนาคาร และไม่มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการฝากหรือถอนเงินที่ Capital.com

ทั้งหมดนี้ทำให้ Capital.com เป็นกระเป๋า XRP ที่น่าสนใจ เนื่องจากสามารถซื้อขายเหรียญ XRP ได้ด้วยค่าธรรมเนียม 0% และยังมีความปลอดภัยในระดับสูง

ชนิดของกระเป๋าโครงสร้างค่าธรรมเนียมค่าธรรมเนียมในการซื้อ XRPฟีเจอร์ยอดนิยม 3 อันดับแรก
Non-Custodial0%ไม่ระบุซื้อขายได้ด้วยเลเวอเรจ
มีแอปเพื่อการศึกษา ใช้คำสั่งซื้อหรือขายได้ตลอดเวลา

ซื้อและเก็บเหรียญ XRP บน Capital.com

คริปโตเป็นผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ไม่มีการควบคุมซึ่งมีความผันผวนสูง ไม่มีการคุ้มครองนักลงทุนในประเทศไทย

3. Crypto.com – กระเป๋า XRP เหมาะสำหรับการ staking

Crypto.com เป็นเว็บไซต์ที่มีผู้ใช้งานกว่า 50 ล้านคน และเป็นหนึ่งในกระเป๋า XRP ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดซึ่งรองรับการซื้อ ขาย และจัดเก็บ crypto รองรับสินทรัพย์มากกว่า 230 รายการและมาพร้อมกับฟีเจอร์ขั้นสูงมากมายที่ออกแบบมาเพื่อทำให้การดำเนินการต่างๆ ในตลาดคริปโตนั้นง่ายขึ้น

Crypto.com ให้ความสำคัญในด้านความปลอดภัย โดย 98% ของเงินทุนของลูกค้าถูกเก็บไว้อย่างปลอดภัยแบบออฟไลน์ใน Cold Storage ซึ่งมีพนักงานเพียงไม่กี่คนในบริษัทเท่านั้นที่สามารถเข้าถึงได้

กระเป๋า Crypto.com นั้นช่วยให้นักลงทุนสามารถควบคุมทรัพย์สินของตนและเป็นเจ้าของคีย์ที่เชื่อมโยงกับกระเป๋าได้ ทำให้ไม่มีใคร (รวมถึง Crypto.com) เข้าถึงเงินของคุณได้ และยังสามารถกู้คืนสินทรัพย์ใดๆ ได้หากข้อมูลในการเข้าถึงบัญชีสูญหาย

ค่าธรรมเนียมบน Crypto.com นั้นคิดเพียง 0.4% สำหรับการซื้อขาย และอีก 2.99% สำหรับการทำธุรกรรมด้วยบัตรเครดิต/เดบิต สำหรับการถอน XRP ไปยังกระเป๋าสตางค์ภายนอก Crypto.com จะมีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียม 0.25 XRP แต่เมื่อใช้กระเป๋า Crypto.com DeFi Wallet คุณจะจ่ายเฉพาะค่าธรรมเนียมเครือข่ายมาตรฐาน (0.00001 XRP) เท่านั้น

เนื่องจาก Crypto.com เป็นหนึ่งในกระดานซื้อขายคริปโตหลัก การขาย XRP ของคุณจึงสามารถทำได้ง่าย แม้ว่า Crypto.com จะไม่รองรับการ Stake เหรียญ XRP แต่นักลงทุนสามารถ Stake เหรียญ Stablecoin และรับผลตอบแทนสูงถึง 10%

Crypto.com เป็นแพลตฟอร์มที่มีความครบครัน กระเป๋าทั้งสองแบบสามารถใช้งานได้บนมือถือ และด้วยฟีเจอร์มากมายในแอป ทำให้ Crypto.com เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับกระเป๋าสำหรับเหรียญ Ripple ที่ดีที่สุด

ชนิดของกระเป๋าโครงสร้างค่าธรรมเนียมค่าธรรมเนียมในการซื้อ XRPฟีเจอร์ยอดนิยม 3 อันดับแรก
Non-Custodialค่าธรรมเนียมการเทรด 0.4%0.4%ถอนเหรียญโดยมีค่าธรรมเนียมต่ำStaking เหรียญ Stable Coinแพลตฟอร์มมีการออกแบบมาอย่างดี

ซื้อและเก็บเหรียญ XRP บน Crypto.com

คริปโตเป็นผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ไม่มีการควบคุมซึ่งมีความผันผวนสูง ไม่มีการคุ้มครองนักลงทุนในประเทศไทย

4. Defi Swap – เก็บเหรียญ XRP พร้อมเข้าถึงเครื่องมือ Defi หลากหลายรูปแบบ

DeFi Swap เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์ม DeFi ที่ดีที่สุดสำหรับผู้เริ่มต้นลงทุน เนื่องจากมีระบบการใช้งานที่ง่ายและสะดวกสบาย การเชื่อมโยงกระเป๋าเข้ากับแอปออนไลน์สามารถทำได้ในไม่กี่วินาที โดยปัจจุบัน DeFi Swap รองรับ MetaMask และ WalletConnect และเมื่อเชื่อมต่อแล้ว DeFi Swap มีเหรียญคริปโตยอดนิยมกว่า 50 รายการให้เลือกเทรด รวมถึง XRP

นอกจากการจัดเก็บเหรียญ XRP ไว้ในกระเป๋า DefiSwap ได้อย่างปลอดภัยแล้ว ยังสามารถเข้าถึงเครื่องมือ Defi หลากหลายรูปแบบของแพลตฟอร์มแห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการ Staking หรือการทำ Yeild Farming ซึ่งให้ผลตอบแทนสูงสุดถึง 75% ต่อปี

ชนิดของกระเป๋าโครงสร้างค่าธรรมเนียมค่าธรรมเนียมในการซื้อ XRPฟีเจอร์ยอดนิยม 3 อันดับแรก
Non-Custodialไม่ระบุไม่ระบุระบบการให้รางวัลคงที่การแลกเปลี่ยนโทเค็นด้วย liquidity poolรองรับการเชื่อมต่อเข้ากับ MetaMask และ WalletConnect

ซื้อและเก็บเหรียญ XRP บน Defi Swap

คริปโตเป็นผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ไม่มีการควบคุมซึ่งมีความผันผวนสูง ไม่มีการคุ้มครองนักลงทุนในประเทศไทย

5. PrimeXBT – กระเป๋า XRP สำหรับนักเทรดมือใหม่

PrimeXBT เป็นแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2018 และสามารถซื้อขายคริปโตเคอเรนซี่หลักอย่าง Bitcoin หรือ Ethereum รวมถึง XRP และยังมีตัวช่วยในการเทรดที่น่าสนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องมือพื้นฐานอย่างเลเวอเรจบิทคอยน์ แผนภูมิราคาสกุลเงินคริปโต รวมถึงฟังก์ชันคัดลอกการเทรด

นักลงทุนสามารถใช้งานกระเป๋าของ PrimeXBT เพื่อเก็บเหรียญ XRP รวมถึงเหรียญอื่นๆ ในขณะเดียวกันยังสามารถเข้าถึงตัวเลือกในการลงทุนรูปแบบอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อขายแลกเปลี่ยนหุ้นหรือ Forex

ชนิดของกระเป๋าโครงสร้างค่าธรรมเนียมค่าธรรมเนียมในการซื้อ XRPฟีเจอร์ยอดนิยม 3 อันดับแรก
Non-Custodial0.01–0.05% , ค่าสเปรดเริ่มต้นที่ 0ไม่ระบุเครื่องมือ Copy tradeฟังก์ชันการรับผลตอบแทนระบบเทรดอัตโนมัติ

ซื้อและเก็บเหรียญ XRP บน PrimeXBT

คริปโตเป็นผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ไม่มีการควบคุมซึ่งมีความผันผวนสูง ไม่มีการคุ้มครองนักลงทุนในประเทศไทย

6. Binance – กระเป๋า XRP บนกระดานเทรดยอดนิยม

Binance เป็นแพลตฟอร์มชั้นนำระดับโลกที่มีจำนวนผู้ใช้มากกว่า 100 ล้านคน โดยมีข้อดีทั้งด้านประสิทธิภาพ ความหลากหลาย และค่าธรรมเนียมที่ต่ำ และมีการคิดค่าธรรมเนียมในการเทรดเพียง 01.0% เท่านั้น จึงเหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการซื้อและเก็บเหรียญ XRP โดยมีค่าธรรมเนียมต่ำ และมีกระเป๋าที่ได้มาตรฐานและมีความปลอดภัย

นักลงทุนยังสามารถดาวน์โหลด E-Wallet ของ Binance ลงในมือถือของตนเองได้อีกด้วย เพื่อเป็นอีกทางหนึ่งในการเก็บเหรียญ XRP อย่างปลอดภัย

ชนิดของกระเป๋าโครงสร้างค่าธรรมเนียมค่าธรรมเนียมในการซื้อ XRPฟีเจอร์ยอดนิยม 3 อันดับแรก
Custodial0.10%4.5% + 0.5% สำหรับลูกค้าใน USเครื่องมือวางแผนการเทรดการลงทุนใน Leveraged Productโอนเงินผ่านธนาคารในประเทศไม่มีค่าธรรมเนียม

ซื้อและเก็บเหรียญ XRP บน Binance

คริปโตเป็นผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ไม่มีการควบคุมซึ่งมีความผันผวนสูง ไม่มีการคุ้มครองนักลงทุนในประเทศไทย

7. Bitstamp – กระเป๋า XRP ที่มีความปลอดภัยมากที่สุด

Bitstamp เป็นแพลตฟอร์มที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2011 และมีเหรียญคริปโตให้เลือกเทรดกว่า 70 เหรียญ รวมถึง XRP โดยนักเทรดทุกคนที่ใช้บริการบัญชีของ Bitstamp จะต้องผ่านการตรวจสอบแบบสองปัจจัย และ Bitstamp ระบุว่า 98 เปอร์เซ็นต์ของสินทรัพย์คริปโตนั้นถูกเก็บไว้แบบออฟไลน์ใน Cold Storage และได้รับการปกป้องทั้งหมด จึงถือเป็นแพลตฟอร์มที่นักลงทุนสามารถเลือกเก็บเหรียญ XRP ของตนเองได้โดยมีความปลอดภัยในระดับสูง

แพลตฟอร์มแห่งนี้อาจเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นลงทุนในคริปโต เนื่องจากโครงสร้างการชำระเงินที่เรียบง่ายและความสามารถในการซื้อเหรียญ XRP ได้โดยตรงโดยใช้เงินสด ซึ่งมีตัวเลือกในการจ่ายผ่านบัญชีออมทรัพย์ บัตรเครดิต หรือบัตรเดบิต

ชนิดของกระเป๋าโครงสร้างค่าธรรมเนียมค่าธรรมเนียมในการซื้อ XRPฟีเจอร์ยอดนิยม 3 อันดับแรก
Non-Custodial0.5%5% ผ่านบัตรเครดิต/บัตรเดบัตจัดเก็บสินทรัพย์ใน Cold Storageระบบช่วยเหลือ 24 ชั่วโมงควบคุมบัญชีผ่านโทรศัพท์มือถือ

ซื้อและเก็บเหรียญ XRP บน Bitstamp

คริปโตเป็นผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ไม่มีการควบคุมซึ่งมีความผันผวนสูง ไม่มีการคุ้มครองนักลงทุนในประเทศไทย

8. Bitkub – กระเป๋า XRP ที่รองรับภาษาไทยและรับความช่วยเหลือได้ตลอด 24 ชม.

Bitkub ถือเป็นแพลตฟอร์มเทรดคริปโตยอดนิยมในประเทศไทย ซึ่งให้บริการเทรดเหรียญคริปโตกว่า 56 เหรียญ รวมถึง XRP และยังมีการเก็บค่าธรรมเนียมในการซื้อขายเพียง 0.25% และไม่มีค่าธรรมเนียมในการฝากเงิน จึงเป็นอีกหนึ่งแพลตฟอร์มและกระเป๋าที่ดีในการเทรดและเก็บเหรียญ XRP ของคุณ

นักเทรดชาวไทยยังสามารถเทรดคริปโตได้อย่างอุ่นใจด้วยระบบสนับสนุนและฝ่ายบริการลูกค้าที่รองรับภาษาไทยทั้งหมด นอกจากนี้ Bitkub ยังอยู่ภายใต้การควบคุมของก.ล.ต. ซึ่งสามารถเข้ามาช่วยเหลือในกรณีที่เกิดปัญหาต่างๆ ได้อีกด้วย

ชนิดของกระเป๋าโครงสร้างค่าธรรมเนียมค่าธรรมเนียมในการซื้อ XRPฟีเจอร์ยอดนิยม 3 อันดับแรก
Non-Custodial0.25%ไม่ระบุใช้เงินบาทในการเทรดได้บริการความช่วยเหลือ 24 ชั่วโมงระบบรักษาความปลอดภัยขั้นสูง

เปรียบเทียบกระเป๋า XRP ยอดนิยม

ตารางด้านล่างนี้เป็นการสรุปข้อมูลกระเป๋า XRP ที่ดีที่สุดบนแพลตฟอร์มต่างๆ รวมถึงโครงสร้างค่าธรรมเนียมและฟีเจอร์ที่โดดเด่นที่สุด

แพลตฟอร์มชนิดของกระเป๋าเงินค่าธรรมเนียมค่าธรรมเนียมการซื้อ XRPฟีเจอร์ยอดนิยม 3 อันดับแรก
eToroCustodial0.5%1% + ค่า สเปรดเครื่องมือ copy trade, ถูกควบคุมหลายส่วน, การกู้คืน private key
Capital.comNon-Custodial0%ไม่ระบุซื้อขายได้ด้วยเลเวอเรจ, มีแอปเพื่อการศึกษา , ใช้คำสั่งซื้อหรือขายได้ตลอดเวลา
Crypto.comNon-Custodialดาวน์โหลดฟรี , ค่าธรรมเนียมซื้อขายขั้นต่ำ 0.40%2.99% ผ่านบัตรเครดิต/บัตรเดบัตตัวเลือกการเชื่อมต่อกับ Crypto.com, staking, รองรับ NFT หลากหลาย
DefiSwapNon-Custodialไม่ระบุไม่ระบุระบบการให้รางวัลคงที่, การแลกเปลี่ยนโทเค็นด้วย liquidity pool, รองรับการเชื่อมต่อเข้ากับ MetaMask และ WalletConnect
PrimeXBTNon-Custodial0.01–0.05% , ค่าสเปรดเริ่มต้นที่ 0ไม่ระบุเครื่องมือ Copy trade, ฟังก์ชันการรับผลตอบแทน, ระบบเทรดอัตโนมัติ
BinanceNon-Custodial0.10%4.5% + 0.5% สำหรับลูกค้าใน USเครื่องมือวางแผนการเทรด, การลงทุนใน Leveraged Product, โอนเงินผ่านธนาคารในประเทศไม่มีค่าธรรมเนียม
BitstampNon-Custodial0.5%5% ผ่านบัตรเครดิต/บัตรเดบัตจัดเก็บสินทรัพย์ใน Cold Storage, ระบบช่วยเหลือ 24 ชั่วโมง, ควบคุมบัญชีผ่านโทรศัพท์มือถือ
BitkubNon-Custodial0.25%ไม่ระบุใช้เงินบาทในการเทรดได้, บริการความช่วยเหลือ 24 ชั่วโมง, ระบบรักษาความปลอดภัยขั้นสูง

กระเป๋า XRP คืออะไร?

กระเป๋า XRP คือซอฟต์แวร์หรือฮาร์ดแวร์ที่ให้คุณสามารถจัดเก็บเหรียญ XRP บนเครือข่าย Ripple โดยกระเป๋าเงินจะต้องมีความเข้ากันได้กับเครือข่าย Ripple ซึ่งกระเป๋าคริปโตที่ดีที่สุดส่วนใหญ่ (รวมถึงกระเป๋า eToro) จะช่วยให้นักลงทุนสามารถจัดเก็บสินทรัพย์จากเครือข่ายต่างๆ ได้ในที่เดียว (เช่น ETH และ XRP ร่วมกัน) อย่างไรก็ตาม กระเป๋าบางส่วนได้รับการออกแบบมาสำหรับเครือข่ายหนึ่งโดยเฉพาะ และจะไม่สามารถเก็บเหรียญจากเครือข่ายอื่นได้ ดังนั้นจึงควรตรวจสอบล่วงหน้าเพื่อให้แน่ใจว่ากระเป๋าเงินที่คุณเลือกใช้นั้นรองรับสินทรัพย์ที่คุณต้องการจัดเก็บ

ทำไมคุณถึงต้องมีกระเป๋า XRP

สำหรับนักลงทุนที่ต้องการซื้อเหรียญ XRP คุณจำเป็นต้องมีแอป XRP หรือกระเป๋า XRP หากไม่มี คุณจะไม่สามารถเป็นเจ้าของเหรียญ XRP หรือทำธุรกรรมบนเครือข่ายได้

แอป XRP ที่ดีที่สุดควรรักษาทรัพย์สินของคุณให้ปลอดภัย ใช้งานสะดวก และตรงตามข้อกำหนดส่วนบุคคลของนักลงทุน โดยทั่วไปแล้ว กระเป๋าแบบรวมศูนย์หรือกระเป๋าของกระดานซื้อขายจะถือว่ามีความปลอดภัยน้อยที่สุด และกระเป๋าเงินฮาร์ดแวร์แบบ Non- custodial นั้นถือว่ามีความปลอดภัยมากที่สุด

กระเป๋า XRP ทำงานอย่างไร?

กระเป๋า XRP ทำหน้าที่คล้ายกับธนาคาร ที่ช่วยเก็บสินทรัพย์และช่วยให้ผู้ใช้สามารถส่งหรือรับเหรียญได้

กระเป๋าเงินแต่ละใบมาพร้อมกับคีย์สาธารณะและคีย์ส่วนตัว ซึ่งใช้สำหรับกระเป๋าเพื่อสร้างที่อยู่ อย่างไรก็ตาม คีย์ส่วนตัวเป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดในกระเป๋าของคุณ สามารถใช้คีย์ส่วนตัว (โดยปกติคือคำลำดับ 12 หรือ 24 คำ) เพื่อเข้าถึงกระเป๋าจากอุปกรณ์ใดก็ได้ และสามารถใช้เพื่อกู้คืนกระเป๋าได้ ดังนั้นคุณควรเก็บคีย์ไว้อย่างปลอดภัยและไม่นำไปเปิดเผยที่อื่น

มีกระเป๋าเงิน XRP หลายรูปแบบ แต่กระเป๋าสองประเภทนี้เป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่นักลงทุนควรรู้จัก

  • กระเป๋าแบบ Custodial – กระเป๋าที่ผู้ให้บริการเป็นผู้ควบคุมคีย์ส่วนตัว (Coinbase, Crypto.com)
  • กระเป๋าแบบ Non-Custodial – กระเป๋าที่นักลงทุนเป็นผู้ควบคุมคีย์ส่วนตัว (eToro Money Crypto Wallet, Crypto.com DeFi wallet)

ประเภทของกระเป๋า XRP

กระเป๋า XRP จะแบ่งออกเป็นสามประเภท ได้แก่ กระเป๋าซอฟต์แวร์ (Software Wallet) กระเป๋าฮาร์ดแวร์ (Hardware Wallet) และเปเปอร์วอลเลต (Paper Wallet)

กระเป๋าซอฟต์แวร์

‘กระเป๋าซอฟต์แวร์’ เป็นคำกว้างๆ ที่ใช้อธิบายกระเป๋า XRP ที่ดาวน์โหลด (หรือใช้) จากอินเทอร์เน็ต อย่างไรก็ตาม กระเป๋าซอฟต์แวร์อาจมีความแตกต่างกันมาก ตัวอย่างเช่น ทั้ง Atomic และ Coinbase ถือเป็นกระเป๋าซอฟต์แวร์ แต่กระเป๋าหนึ่งเป็นแบบ Custodial และอีกอันเป็นแบบ Non-Custodial ด้วยเหตุนี้ ให้ใช้ตารางเปรียบเทียบของเราเพื่อค้นหาว่ากระเป๋าเงินประเภทใดที่เหมาะกับคุณ

กระเป๋าฮาร์ดแวร์

กระเป๋าฮาร์ดแวร์ (มักเรียกว่า Cold storage) เป็นกระเป๋าแบบ Non-Custodial ที่ต้องใช้อุปกรณ์ทางกายภาพในการเข้าถึง ต้องเสียบอุปกรณ์เข้ากับคอมพิวเตอร์และปลดล็อกก่อนจึงจะสามารถเข้าถึงสินทรัพย์ใดๆ ได้ ทำให้กระเป๋าฮาร์ดแวร์เป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับการจัดเก็บเหรียญคริปโต ข้อเสียคือมีความสะดวกน้อยที่สุด

เราขอแนะนำให้ใช้กระเป๋าฮาร์ดแวร์สำหรับการจัดเก็บเหรียญระยะยาว และเก็บเงินทุนในการซื้อขายไว้ในกระดานซื้อขาย

เปเปอร์วอลเลต

เปเปอร์วอลเลต XRP เป็นกระดาษที่พิมพ์คีย์ส่วนตัวและสาธารณะที่เกี่ยวข้องกับกระเป๋า แม้ว่านี่จะไม่ใช่วิธีที่ดูเป็นเรื่องปกติในยุคปัจจุบัน แต่กระเป๋า XRP แบบเปเปอร์วอลเลตถือเป็นวิธีที่ปลอดภัยอย่างยิ่งในการจัดเก็บทรัพย์สินของคุณ โดยระดับความปลอดภัยจะขึ้นอยู่กับวิธีการจัดเก็บกระดาษที่มีคีย์ส่วนตัว แต่การใช้กระเป๋าเงิน XRP แบบเปเปอร์วอลเลตนั้นปลอดภัยกว่าการจัดเก็บคีย์ของคุณไว้ในไฟล์ข้อความอย่างมาก

วิธีเลือกกระเป๋า XRP ที่ดีที่สุดสำหรับคุณ

ความปลอดภัย

หัวใจสำคัญของกระเป๋าคือคุณลักษณะด้านความปลอดภัย เนื่องจากการใช้งานหลักของกระเป๋าคือการเก็บสินทรัพย์ ตัวกระเป๋าจึงต้องมีความปลอดภัยเพียงพอสำหรับการถือครองระยะยาว

โดยทั่วไป กระเป๋า Cold Storage (กระเป๋าฮาร์ดแวร์) จะให้การรักษาความปลอดภัยที่ดีที่สุด ส่วนกระเป๋าแบบ Hot Wallet คุณควรมองหาแพลตฟอร์มที่ใช้กระเป๋าแบบ Non-Custodial กระเป๋าเหล่านี้จะช่วยให้นักลงทุนสามารถควบคุมและจัดเก็บคีย์ส่วนตัว มอบความเป็นเจ้าของที่แท้จริงของสินทรัพย์ แต่ข้อเสียคือหากเจ้าของกระเป๋าเงินทำคีย์หาย พวกเขาอาจสูญเสียการเข้าถึงทรัพย์สินทั้งหมด

ส่วนกระเป๋าของกระดานซื้อขายหรือกระเป๋าแบบ Custodial มักจะเหมาะกับการจัดเก็บสินทรัพย์ระยะสั้นหรือการซื้อและขายบ่อยครั้ง

เหรียญที่รองรับ

เนื่องจากเป้าหมายของนักลงทุนส่วนใหญ่คือการมีพอร์ตการลงทุนที่หลากหลาย จำนวนสินทรัพย์ที่มีอยู่จึงมีความสำคัญพอๆ กับคุณภาพของกระเป๋า และควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าแพลตฟอร์มนั้นมีเหรียญคริปโตเคอเรนซี่เด่นๆ ให้เลือกซื้อขายอย่างครบถ้วน

โดยทั่วไปแล้ว แพลตฟอร์มส่วนใหญ่ควรรองรับเหรียญคริปโต 40 อันดับแรก ดังนั้นการมีสินทรัพย์อย่างน้อย 40 รายการที่สามารถซื้อขายได้จึงเป็นเกณฑ์มาตรฐานที่ดีในการพิจารณาแพลตฟอร์มเป้าหมาย

ค่าธรรมเนียม

กระเป๋าต้องทำให้นักลงทุนซื้อและขายสินทรัพย์ได้โดยไม่ถูกเรียกเก็บค่าธรรมเนียมมากเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการซื้อบ่อยๆ เนื่องจากค่าธรรมเนียมสามารถเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ต้องระวัง ตามหลักการแล้ว กระเป๋า XRP ที่ดีที่สุดจะช่วยให้นักลงทุนส่งเหรียญของตนได้โดยเสียแค่ค่าธรรมเนียมเครือข่ายเท่านั้น ระบบนี้ทำให้การโอน XRP ระหว่างกระเป๋าเงินและกระดานซื้อขายนั้นทำได้อย่างรวดเร็วและเกือบจะฟรี (ประมาณหนึ่งร้อยเซ็นต์)

ประสบการณ์การใช้งานบนมือถือ

ในโลกปัจจุบัน การเข้าถึงกระเป๋าคริปโตผ่านมือถือเป็นเรื่องปกติ ซึ่งสะดวกกว่าการนั่งที่โต๊ะและใช้คอมพิวเตอร์ และช่วยให้คุณจัดการทรัพย์สินได้จากทุกที่ในโลก ดังนั้นจึงเป็นความคิดที่ดีที่จะเลือกแพลตฟอร์มที่มีแอปบนมือถือที่ออกแบบมาอย่างดีและใช้งานง่าย

ความสะดวกในการใช้

ไม่มีใครอยากใช้เวลาหลายชั่วโมงเพื่อทำความคุ้นเคยกับกระเป๋า XRP ใหม่ ดังนั้นจึงควรใช้กระเป๋าที่ใช้งานง่ายและใช้เวลาน้อยที่สุดในการทำความคุ้นเคย และดูให้แน่ใจว่ากระเป๋าไม่มีส่วนสำคัญที่ซ่อนอยู่ในเมนูย่อยและไม่ใช้คำศัพท์ที่ชวนสับสน เนื่องจากปัจจัยทั้งสองนี้ทำให้การเรียนรู้การใช้แพลตฟอร์มใหม่เป็นเรื่องที่ปวดหัวมากเกินความจำเป็น

กระเป๋า XRP ที่ดีที่สุดสำหรับการซื้อขาย NFT

ด้วยความนิยมของ NFT ที่เพิ่มขึ้น นักลงทุนเหรียญ XRP ส่วนใหญ่อาจต้องการมีส่วนร่วมในส่วนนี้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ดังนั้นจึงควรเลือกกระเป๋าที่มีคุณสมบัติรองรับการซื้อขาย NFT ที่ดี จากกระเป๋าที่เราตรวจสอบแล้ว กระเป๋าของ Coinbase ทำให้การซื้อและขาย NFT ทำได้ง่ายที่สุด ด้วยคำสั่งที่ง่ายและรวดเร็ว นักลงทุนสามารถซื้อ NFT โดยใช้เครดิต/เดบิตในเวลาเพียงไม่กี่นาที ทำให้นี่เป็นกระเป๋า XRP ที่ดีที่สุดสำหรับการซื้อขาย NFT

วิธีใช้กระเป๋า XRP

การหากระเป๋า XRP เพียงอย่างเดียวอาจเป็นเรื่องยาก ดังนั้นเพื่อให้แน่ใจว่าผู้อ่านของเรามีกระเป๋าที่ดีที่สุดสำหรับ Ripple เราจึงจะมาอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับกระบวนการทั้งหมดในการสร้างกระเป๋า XRP

ขั้นตอนที่ 1: ลงทะเบียนกับ eToro

ก่อนที่จะซื้อหรือเก็บเหรียญ XRP คุณจะต้องสร้างบัญชีกับ eToro ก่อน โดยไปที่หน้าแรกของ eToro และทำตามขั้นตอนการลงทะเบียนให้เสร็จสิ้น คุณจำเป็นต้องระบุรายละเอียดพื้นฐานเพียงเล็กน้อย และกระบวนการนี้สามารถทำได้ภายในเวลาเพียงไม่กี่นาที

ซื้อและเก็บเหรียญ XRP บน eToro

คริปโตเป็นผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ไม่มีการควบคุมซึ่งมีความผันผวนสูง ไม่มีการคุ้มครองนักลงทุนในประเทศไทย

ขั้นตอนที่ 2: ยืนยันบัญชี

eToro เป็นโบรกเกอร์ที่ได้รับการกำกับดูแล ดังนั้น เมื่อสร้างบัญชีด้วย eToro แล้ว คุณจะต้องได้รับการยืนยันตัวตน เอกสารที่จำเป็นสำหรับขั้นตอนนี้คือบัตรประจำตัวที่มีรูปถ่าย (บัตรประจำตัวประชาชน หนังสือเดินทาง ใบขับขี่) และหลักฐานที่อยู่ (รายการเดินบัญชีธนาคาร ใบเสร็จค่าสาธารณูปโภค)

ขั้นตอนที่ 3: ฝากเงิน

ทันทีที่บัญชีได้รับการยืนยัน ก็ถึงเวลาฝากเงิน โดย eToro รองรับวิธีการชำระเงินที่หลากหลาย รวมถึงบัตรเครดิต/เดบิต การโอนเงินผ่านธนาคาร หรือ e-wallets (PayPal, Skrill) ในการฝากเงิน เพียงกด ‘ฝากเงิน’ เลือกวิธีการชำระเงิน ตัดสินใจว่าจะลงทุนเท่าใด แล้วกด ‘ฝากเงิน’ เงินจะถูกส่งไปที่แพลตฟอร์มทันที แต่การฝากครั้งแรกอาจใช้เวลานานเล็กน้อย

ขั้นตอนที่ 4: ซื้อ XRP

เมื่อเงินเข้าบัญชีแล้ว ก็สามารถซื้อ XRP ได้ เพียงคลิกที่แถบค้นหาของ eToro พิมพ์ ‘XRP’ กด ‘เทรด’ จากนั้นตัดสินใจว่าจะซื้อ XRP จำนวนเท่าใดและกด ‘เปิดการเทรด’ ทันทีที่การซื้อเสร็จสมบูรณ์ กระเป๋าจะถูกสร้างขึ้นซึ่งมี XRP ที่ซื้ออยู่

บทสรุป

มีกระเป๋า XRP อยู่มากมาย ดังนั้นการเลือกกระเป๋าที่ดีที่สุดสำหรับเหรียญ XRP อาจเป็นเรื่องยาก การเลือกกระเป๋าที่เหมาะสมเป็นหนึ่งในขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการลงทุนในคริปโต ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องทำให้ถูกต้อง กระเป๋าทุกใบในรายการของเราเป็นตัวเลือกที่ดี แต่เราก็ได้เลือกกระเป๋าที่ดีที่สุดมาให้คุณแล้ว

eToro เป็นโบรกเกอร์ที่มีการกำกับดูแลซึ่งทำให้การซื้อและการจัดเก็บเหรียญ XRP เป็นเรื่องง่าย และมีทั้งตัวเลือกกระเป๋าแบบ Custodial และ Non-Custodial ให้เลือกตามความต้องการของนักลงทุนแต่ละประเภท

ซื้อและเก็บเหรียญ XRP บน eToro

คริปโตเป็นผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ไม่มีการควบคุมซึ่งมีความผันผวนสูง ไม่มีการคุ้มครองนักลงทุนในประเทศไทย

Categories
Crypto News Crypto Wallets

จัดอันดับ 6 Crypto Cold Wallet ที่ดีที่สุด 2023 [แนะนำ!] 

หนึ่งในสิ่งที่สำคัญที่สุดของการลงทุนในเหรียญคริปโตคือการรักษาความปลอดภัยของสินทรัพย์ ด้วยเหตุนี้การใช้กระเป๋าเงินคริปโตที่ดีที่สุดก็คือวิธีที่ปลอดภัยมากที่สุด ด้วยการถือครองสินทรัพย์แบบออฟไลน์  ก็จะไม่ต้องกังวลว่าเหรียญคริปโตจะถูกขโมยไป และช่วยเพิ่มความปลอดภัยโดยรวมอย่างมาก

ในบทความนี้เราจะมาแนะนำ Crypto Cold Wallet ที่ดีที่สุด, อธิบายว่า Cold Wallet คืออะไร, Crypto Wallet อันไหนดี, และประโยชน์ของการใช้งาน Crypto Cold Wallet ต่างๆ

จัดอันดับ 6 Crypto Cold Wallet ที่ดีที่สุด

เพื่อให้แน่ใจว่าผู้อ่านของเราจะปลอดภัยในช่วงเวลาที่ตลาดคาดเดาไม่ได้ เราก็ได้รวบรวมลิสต์รายการ Cold Wallet แนะนําในตลาด และจะรีวิว Wallet แต่ละยี่ห้อในส่วนด้านล่าง

  • Ledger Nano X – Crypto Cold Wallet โดยรวมที่ดีที่สุด
  • Trezor – ผู้ผลิต Hardware Wallet ที่มีชื่อเสียง
  • Atomic Wallet – ซอฟต์แวร์ Crypto Cold Wallet
  • Keepkey – Crypto Cold Wallet ราคาถูก
  • Ledger Nano S – Wallet ราคาถูกจาก Ledger
  • SafePal S1 – Hardware Wallet ที่ได้รับทุนจาก Binance

สินทรัพย์คริปโตมีความผันผวนสูง ไม่มีการกำกับดูแล และไม่มีการป้องกันนักลงทุนในประเทศไทย

รีวิว 6 อันดับ Crypto Cold Wallet ที่ดีที่สุด

หากคุณไม่แน่ใจว่าจะเลือกใช้ Cold Wallet ยี่ห้อไหนดี เราก็ได้จัดอันดับ 6 Crypto Wallet ยอดนิยมในตลาดเอาไว้แล้ว

1. Ledger Nano X – Crypto Cold Wallet โดยรวมที่ดีที่สุด

Ledger น่าจะเป็นผู้ผลิต Hardware Wallet ที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก โดยได้รับความไว้วางใจจากบริษัทขนาดใหญ่รวมถึงนักลงทุนหลายพันรายทั่วโลก Ledger Nano X เป็น Hardware Wallet ระดับเรือธงของบริษัท ทำให้เป็น Crypto Cold Wallet ที่ดีที่สุดนั่นเอง

Ledger Nano X ปัญหาเดียวคือเรื่องของราคา ซึ่งมีราคาที่ 149 ดอลลาร์ ซึ่งไม่ใช่ราคาที่ถูกนัก แต่ก็คุ้มค่าเมื่อเทียบกับคุณภาพการป้องกันที่มีให้ ขั้นตอนการติดตั้ง Nano X นั้นตรงไปตรงมา แม้ว่าผู้ใช้ใหม่อาจจะเกิดความสับสนได้เล็กน้อย โดย Wallet ได้รับการรักษาความปลอดภัยด้วยชุดคำสุ่ม 24 ชุดและรหัส PIN ที่ตั้งโดยเจ้าของ Wallet ซึ่งหมายความว่าแม้ผู้ไม่หวังดีจะสามารถเข้าถึง Ledger Wallet ได้ แต่พวกเขาก็ยังต้องใช้รหัส PIN 6 ตัวหรือวลีการกู้คืนเพื่อให้เข้าถึงเงินใน Wallet ได้

Nano X สามารถจัดเก็บโทเค็นต่างๆ ได้มากกว่า 5,500 สกุล และมีพื้นที่จัดเก็บเพียงพอที่จะเก็บสินทรัพย์ต่างๆ ได้ถึง 100 สกุลพร้อมกัน สำหรับนักลงทุนที่อาจจำเป็นต้องซื้อหรือขายสินทรัพย์ในช่วงเวลาต่างๆ ก็มีแอพ Ledger Live (ที่มาพร้อมกับทุกๆ Ledger Wallet) และมีกระดานแลกเปลี่ยนในตัว แม้ว่าค่าธรรมเนียมในกระดานซื้อขายจะสูงเล็กน้อย (เนื่องจากมีหน่วยงานที่คอยสนับสนุนกระดานแลกเปลี่ยน) แต่ก็ใช้งานง่ายอย่างมาก แม้จะไม่ใช่กระดานเทรดที่ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในตลาด แต่ถ้าคุณต้องการซื้อเหรียญคริปโตอย่างรวดเร็ว Ledger Nano X ก็คือคำตอบ

โดยรวมแล้ว Ledger Nano X เป็น Crypto Cold Wallet ที่ดีที่สุดในตลาด ใช้งานง่าย มีสไตล์ จากบริษัทที่เชื่อถือได้ และที่สำคัญ ปลอดภัยสุดๆ เป็น Wallet ที่ยอดเยี่ยมและต้องมีสำหรับนักลงทุนที่คำนึงถึงความปลอดภัย และหากคุณมีคำถามว่า Hardware Wallet ซื้อที่ไหน? ก็มีเว็บไซต์หลายแห่งที่ออกแบบมาเพื่อเลียนแบบเว็บไซต์ Ledger ดังนั้นจึงจำเป็นต้องซื้อ Wallet จากเว็บไซต์ Ledger โดยตรง

สำหรับการวิเคราะห์โดยละเอียดเพิ่มเติม โปรดอ่านรีวิว Ledger Nano X ของเรา

ข้อดี

  • ปลอดภัยสูง
  • บริษัทเชื่อถือได้
  • ได้รับความไว้วางใจจากหลายพันคน
  • รองรับโทเค็นหลักๆ ส่วนใหญ่
  • มีกระดานแลกเปลี่ยนในตัว
  • Ledger Live

ข้อเสีย

  • ราคาแพง
  • ค่าธรรมเนียมการแลกเปลี่ยนสูง
ราคาฟีเจอร์เด่นมีกระดานแลกเปลี่ยนในตัว?ให้คะแนน (0 ถึง 5)
$149ความปลอดภัยระดับแนวหน้าของตลาดLedger Liveจัดเก็บทรัพย์สินได้มากถึง 100 สกุลมี5/5

สินทรัพย์คริปโตมีความผันผวนสูง ไม่มีการกำกับดูแล และไม่มีการป้องกันนักลงทุนในประเทศไทย

2. Trezor – ผู้ผลิต Hardware Wallet ที่มีชื่อเสียง

Trezor Cold Wallet เป็นคู่แข่งหลักของ Ledger และให้บริการ Hardware Wallet ที่มีความสามารถใกล้เคียงกับแบรนด์ชื่อดัง โดย Trezor เปิดตัวก่อน Ledger เมื่อปี 2013 แต่บริษัทก็ทำได้ดีในด้านการรักษาสถิติมูลค่าราคาที่ไร้จุดบกพร่อง

บริษัทมี Wallet 2 รุ่น ได้แก่ Trezor One และ Trezor Model T ซึ่งมีความแตกต่างที่สำคัญบางข้อที่คุณควรทราบ ข้อแรกคือ Trezor One ไม่รองรับเหรียญคริปโตยอดนิยมอย่าง ADA, XRP, XMR, EOS และ XTZ อย่างไรก็ตาม Model T รองรับทุกสินทรัพย์ดังกล่าว ดังนั้นนักลงทุนควรพิจารณาเสมอว่าจะเก็บเหรียญคริปโตใดไว้ก่อนตัดสินใจซื้อ นอกจากนี้ Trezor Model T ยังเก็บเหรียญคริปโตได้มากกว่า Trezor One อีกด้วย

ทั้ง Trezor Model T และ Trezor One เป็นอุปกรณ์ที่มีความปลอดภัยสูงซึ่งปฏิบัติตามหลักการความปลอดภัยเช่นเดียวกับ Ledger ในการเข้าถึงเงิน โดย Wallet จะต้องใช้พินเพื่อเข้าใช้งานอุปกรณ์ที่ราคา $74.99 และ $299,99 ตามลำดับ โดยทั้งสองตัวเลือกมีราคาแพงกว่า Ledger

ทั้ง Trezor One และ Trezor Model T เป็น Wallet ที่น่าเชื่อถือซึ่งมีระดับความปลอดภัยที่น่าอัศจรรย์ แม้ว่าแบบพรีเมียมจะดูมีราคาแพง แต่พื้นที่จัดเก็บข้อมูลที่ขยายได้และหน้าจอสัมผัสก็ช่วยปรับค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมให้เหมาะสม แม้ Ledger จะดีกว่าเล็กน้อยในแง่ของประสบการณ์ผู้ใช้ แต่ทั้งสองบริษัทก็ได้สร้าง Crypto Cold Wallet ที่ดีที่สุดและควรค่าแก่การพิจารณา

สินทรัพย์คริปโตมีความผันผวนสูง ไม่มีการกำกับดูแล และไม่มีการป้องกันนักลงทุนในประเทศไทย

ข้อดี

  • ปลอดภัยสูง
  • เก็บเหรียญได้มากขึ้น (Trezor Model T เท่านั้น)
  • ติดตั้งง่าย
  • Hardware Wallet แบบดั้งเดิม

ข้อเสีย

  • มีราคาแพงกว่า Ledger
ราคาฟีเจอร์เด่นมีกระดานแลกเปลี่ยนในตัว?ให้คะแนน (0 ถึง 5)
$75-$300Trezor Suiteติดตั้งง่ายความปลอดภัยระดับแนวหน้าของตลาดมี4.5/5

สินทรัพย์คริปโตมีความผันผวนสูง ไม่มีการกำกับดูแล และไม่มีการป้องกันนักลงทุนในประเทศไทย

3. Atomic Wallet – ซอฟต์แวร์ Crypto Cold Wallet

Atomic Wallet ฟรีและเชื่อถือได้ด้วยผู้ใช้กว่า 4 ล้านคนทั่วโลก แม้ว่าอาจไม่ได้ให้ความปลอดภัยในระดับเดียวกับ Ledger หรือ Trezor Cold Wallet แต่ก็เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับนักลงทุนที่ไม่ต้องใช้ Hardware Wallet เพื่อเข้าถึงเงินของตน

Atomic Wallet เป็นซอฟต์แวร์และพร้อมใช้งานบนแพลตฟอร์มที่หลากหลาย รวมถึง Android, IOS และ Windows ซึ่งเป็น Wallet แบบกระจายอำนาจและเป็น Non-custodial Wallet หมายความว่านักลงทุนสามารถควบคุมและเป็นเจ้าของทรัพย์สินของตนได้อย่างสมบูรณ์ เมื่อพิจารณาว่ามีหลายแพลตฟอร์มที่ระงับการถอนเงินออกในขณะนี้ การได้เป็นเจ้าของสินทรัพย์ทั้งหมดจึงถือเป็นข้อดีอย่างมาก

สำหรับนักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุน Atomic Wallet ก็คือคำตอบ เพราะรองรับเหรียญคริปโตมากมายรวมถึง XRP และ ADA โปรดอ่านแนวโน้มเหรียญ XRP นอกจากนี้ Atomic ยังมีกระดานเทรดในตัวที่ทำให้การซื้อขายเป็นเรื่องง่าย แม้ค่าธรรมเนียมในกระดานเทรดจะสูงเล็กน้อย (เป็นเรื่องปกติของ Wallet Exchange) แต่นักลงทุนสามารถรับเงินคืนสูงถึง 1% จากการซื้อซึ่งเป็นอีกหนึ่งข้อดี

โดยรวมแล้ว Atomic Wallet ถูกออกแบบมาอย่างดีและปลอดภัย แม้อาจจะไม่มีเทคโนโลยีที่ดีเท่ากับอุปกรณ์อย่าง Trezor หรือ Ledger Cold Wallet แต่ด้วยการที่ไม่มีค่าใช้จ่ายล่วงหน้า ทำให้เป็นอีกหนึ่ง Crypto Cold Wallet ที่ดีที่สุดของเรา

ข้อดี

  • ฟรี
  • Decentralized
  • มีกระดานแลกเปลี่ยนในตัว
  • ใช้งานง่าย
  • มีเงินคืน

ข้อเสีย

  • ปลอดภัยน้อยกว่า Hardware Wallet
  • กระดานแลกเปลี่ยนมีค่าธรรมเนียมสูง
ราคาฟีเจอร์เด่นมีกระดานแลกเปลี่ยนในตัว?ให้คะแนน (0 ถึง 5)
$0Non-custodialฟรีDecentralizedมี4/5

ซื้อเหรียญคริปโตที่ eToro ตอนนี้

สินทรัพย์คริปโตมีความผันผวนสูง ไม่มีการกำกับดูแล และไม่มีการป้องกันนักลงทุนในประเทศไทย

4. Keepkey – Crypto Cold Wallet ราคาถูก

ไม่ใช่ทุกคนที่มีเงินหลายร้อยดอลลาร์เพื่อใช้จ่ายใน Bitcoin Cold Wallet อย่างไรก็ตาม Keepkey จาก ShapeShift ให้การป้องกัน Hardware Wallet ที่ยอดเยี่ยมเช่นเดียวกันกับ Wallet หลักๆ ในราคาเพียงแค่ครึ่งเดียว

KeepKey Wallet มีราคาเพียง $49 ทำให้เข้าถึงได้ง่ายกว่าทางเลือกอื่นๆ อย่างไรก็ตาม KeepKey รองรับเหรียญคริปโตน้อยกว่า 50 สกุล แม้ว่าสิ่งนี้จะไม่เป็นปัญหามากนักสำหรับนักลงทุนส่วนใหญ่ แต่สิ่งสำคัญคือต้องตรวจสอบล่วงหน้าว่า Wallet รองรับสินทรัพย์ที่คุณต้องการจัดเก็บหรือไม่

KeepKey เป็นผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยมจากบริษัทที่มีชื่อเสียง และเนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศ ShapeShift จึงมีกระดานแลกเปลี่ยนที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งสามารถใช้สำหรับการซื้อและขายสินทรัพย์ประเภทต่างๆ ได้ เหมาะสำหรับนักลงทุนที่กำลังมองหาเหรียญคริปโตที่น่าลงทุน KeepKey ก็เป็นตัวเลือกที่มีราคาถูกกว่า Crypto Cold Wallet ชื่อดัง และสำหรับนักลงทุนที่มองหาทางเลือกที่ใช้งานง่ายและถูกกว่า KeepKey ก็เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า

ข้อดี

  • ราคาถูก
  • มีกระดานแลกเปลี่ยนในตัว
  • ออกแบบมาอย่างดี

ข้อเสีย

  • ไม่รองรับเหรียญคริปโตหลายๆ สกุล
ราคาฟีเจอร์เด่นมีกระดานแลกเปลี่ยนในตัว?ให้คะแนน (0 ถึง 5)
$49จากบริษัทที่มีชื่อเสียงใช้งานง่ายคุณภาพเกินราคามี4/5

5. Ledger Nano S – Wallet ราคาถูกจาก Ledger

ไม่ใช่ทุกคนที่ต้องการบลูทูธ จอแสดงผลขนาดใหญ่ และพื้นที่จัดเก็บสินทรัพย์ 100 รายการจากข้อเสนอระดับพรีเมียมของ Ledger และนั่นคือสิ่งที่ทำให้ Ledger Nano S สมบูรณ์แบบ

สิ่งสำคัญคือต้องทราบว่าในขณะที่ Nano S เปิดขาย Ledger กลับหยุดผลิตอุปกรณ์และกำลังถูกยกเลิก โดยจะถูกแทนที่ด้วย Nano S Plus ซึ่งส่วนใหญ่มีฟีเจอร์เหมือนกันกับ Nano X แม้ว่าจะไม่มีบลูทูธหรือแบตเตอรี่ก็ตาม

Ledger Nano S มีราคาประหยัดและมาพร้อมกับฟีเจอร์ความปลอดภัยส่วนใหญ่ที่เหมือนกันกับยี่ห้อที่มีราคาแพงกว่า แต่ก็มีบางฟีเจอร์ที่มีน้อยกว่ายี่ห้อราคาแพง ข้อบกพร่องที่ใหญ่ที่สุดของ Nano S คือมีพื้นที่จัดเก็บเหรียญคริปโตขนาดเล็ก แต่ด้วยการเปิดตัว Nano S Plus เรื่องดังกล่าวก็ได้รับการแก้ไขแล้ว

Ledger Cold Wallet ทั้งสองเป็นอุปกรณ์ Crypto Cold Wallet ราคาประหยัดที่ยอดเยี่ยมและให้ความปลอดภัยที่เหนือชั้น

ข้อดี

  • ทางเลือก Nano X ที่ถูกกว่า
  • ออกแบบมาอย่างดี
  • มีซอฟต์แวร์ที่ยอดเยี่ยม (Ledger Live)

ข้อเสีย

  • เก็บเหรียญคริปโตได้น้อย
ราคาฟีเจอร์เด่นมีกระดานแลกเปลี่ยนในตัว?ให้คะแนน (0 ถึง 5)
$59ชิปความปลอดภัยLedger Liveรองรับสินทรัพย์มากกว่า 5,000 สกุลมี4.5/5

6. SafePal S1 – Hardware Wallet ที่ได้รับทุนจาก Binance

SafePal S1 เป็น Hardware Wallet ราคา $50 ในรูปแบบของบัตรเครดิต

SafePal S1 เป็นอุปกรณ์ที่น่าสนใจ ซึ่งดึงดูดการลงทุนจาก Binance Labs ที่มีชื่อเสียงระดับโลก ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีว่าอุปกรณ์นั้นปลอดภัย ใช้งานแบบออฟไลน์ได้ 100% ซึ่งหมายความว่าอุปกรณ์จะไม่รองรับการเชื่อมต่อบลูทูธ, WiFi หรือ NFC

รองรับเหรียญคริปโตเกือบทุกสกุล (รวมถึงเหรียญคริปโตมาใหม่บางสกุล) และช่วยให้ผู้ใช้สามารถเพิ่มและลบสินทรัพย์ออกจากอุปกรณ์ได้อย่างง่ายดาย น่าแปลกใจสำหรับอุปกรณ์ราคาประหยัด SafePal S1 เพราะมีแบตเตอรี่ขนาด 400mAh ซึ่ง SafePal บอกว่าจะใช้งานได้ประมาณกว่า 20 วัน นอกจากนี้อุปกรณ์ยังมีกล้องในตัวที่ออกแบบมาเพื่อให้ระบุที่อยู่สแกนเนอร์ได้ง่าย

สรุปแล้ว SafePal S1 เป็นอุปกรณ์รอบด้านและมีราคาให้เลือกมากมาย แม้ว่า SafePal จะไม่ใช่บริษัทชื่อดัง แต่การได้รับเงินลงทุนจาก Binance ก็ได้ช่วยทำให้ผู้ให้บริการกระเป๋าเงินนั้นถูกต้องตามกฎหมาย และเป็นอุปกรณ์ที่ยอดเยี่ยมสำหรับนักลงทุนที่มีงบประมาณจำกัด

ข้อดี

  • ได้รับเงินลงทุนจาก Binance
  • คุ้มค่า
  • ออฟไลน์โดยสมบูรณ์
  • มีกล้องในตัว

ข้อเสีย

  • ไม่ใช่บริษัทที่มีชื่อเสียง
ราคาฟีเจอร์เด่นมีกระดานแลกเปลี่ยนในตัว?ให้คะแนน (0 ถึง 5)
$50ออฟไลน์ 100%กล้องในตัวพลังงานแบตเตอรี่ไม่มี3.5/5

เปรียบเทียบ Crypto Cold Wallet ที่ดีที่สุดสำหรับเหรียญคริปโต

อาจเป็นเรื่องยากที่จะกำหนดว่า Wallet ใดดีที่สุดจากแค่เพียงการอ่านรีวิว เราจึงได้รวมตารางอ้างอิงอย่างง่ายๆ ซึ่งครอบคลุมข้อมูลสำคัญๆ ในการเลือก Cold Wallet

Cold Walletประเภท Walletราคา Walletค่าธรรมเนียมในการซื้อเหรียญคริปโตฟีเจอร์ 3 อันดับแรก
Ledger Nano XHardware Wallet$149กำกับโดยCoinify/Wyreความปลอดภัยระดับแนวหน้าของตลาดLedger Liveจัดเก็บทรัพย์สินได้มากถึง 100 สกุล
TrezorHardware Wallet$75 – $3001-5%Trezor Suiteติดตั้งง่ายความปลอดภัยระดับแนวหน้าของตลาด
Atomic WalletNon-custodial Walletฟรีกำกับโดย ChangellyNon-custodialฟรีDecentralized
KeepkeyHardware Wallet$49ค่าธรรมเนียมการแตกต่างกันไปจากบริษัทที่มีชื่อเสียงใช้งานง่ายคุณภาพเกินราคา
Ledger Nano SHardware Wallet$59กำกับโดยCoinify/WyreชิปความปลอดภัยLedger Liveรองรับสินทรัพย์มากกว่า 5,000 สกุล
SafePal S1Hardware Wallet$50ไม่ระบุออฟไลน์ 100%กล้องในตัวพลังงานแบตเตอรี่
ArmoryNon-custodial Walletฟรีไม่ระบุฟรีBitcoin เท่านั้นออกแบบมาเพื่อใช้งานแบบออฟไลน์
Wallet GeneratorPaper Walletฟรีไม่ระบุสร้าง paper Wallet ในไม่กี่วินาทีออกแบบมาอย่างดีปลอดภัยสูง
ColdCardHardware Wallet$157.94ไม่ระบุโอนเหรียญง่ายมีโหมดออฟไลน์ตลอดเวลาBitcoin เท่านั้น
BitboxHardware Wallet$131ไม่ระบุจอแสดงผลที่ยอดเยี่ยมง่ายต่อการใช้งานBTC และเหรียญอีกมากมาย

สินทรัพย์คริปโตมีความผันผวนสูง ไม่มีการกำกับดูแล และไม่มีการป้องกันนักลงทุนในประเทศไทย

Cold Wallet คืออะไร?

Crypto Cold Wallet เป็นซอฟต์แวร์หรือฮาร์ดแวร์ที่ออกแบบมาเพื่อจัดเก็บเหรียญคริปโต ซึ่งมีมากมายหลายยี่ห้อ โดยสิ่งที่ทำให้ Cold Wallet แตกต่างก็คือมันถูกออกแบบมาให้ใช้งานแบบออฟไลน์ สิ่งนี้ให้ข้อได้เปรียบด้านความปลอดภัยมากมายและปกป้องนักลงทุนจากการโดนขโมยเหรียญ

โดยปกติแล้ว Crypto Cold Wallet ที่ดีที่สุดนั้นก็ยังใช้งานได้สะดวกน้อยกว่า Wallet ที่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต เนื่องจากนักลงทุนต้องดำเนินการเพิ่มเติมเพื่อเข้าถึงเงินทุนของตน แม้ว่าสิ่งนี้จะเป็นประโยชน์อย่างมากในด้านความปลอดภัยและการสร้างแรงจูงใจในการถือครองเหรียญคริปโต แต่ก็อาจเป็นผลเสียสำหรับนักเทรดหรือนักลงทุนที่ต้องการเข้าถึงเงินทุนของตนได้อย่างง่ายดายตลอดเวลา

Crypto Cold Wallet มีหลายรูปแบบ ได้แก่ Software Wallet, Hardware Wallet และ Paper Wallet แม้นักลงทุนจะมีทางเลือกมากมาย แต่ก็อาจทำให้เกิดความสับสนได้

Cold Crypto Wallet ทำงานอย่างไร?

Crypto Wallet และ Cold Crypto Wallet ทั่วไปทำงานคล้ายกัน โดยพื้นฐานแล้ว ทั้งสอง Wallet ได้รับการออกแบบมาเพื่อจุดประสงค์เดียวกันคือเพื่อป้องกันภัยคุกคามทางดิจิทัลให้ดีเยี่ยมยิ่งขึ้น

ทุกๆ Wallet จะมีที่อยู่ ซึ่งคล้ายกับหมายเลขบัญชีธนาคารและ sort code ให้ผู้ใช้สามารถรับและจัดเก็บเหรียญคริปโตได้ นอกจากนี้เมื่อโอนเหรียญคริปโต ผู้รับจะสามารถเห็นที่อยู่ของ Wallet ต้นทางของการทำธุรกรรม ซึ่งอาจแตกต่างกันไปตามเครือข่าย แต่โดยทั่วไปทุกคนก็สามารถค้นหาที่อยู่ Wallet นั้นๆ ดูการถือครองและการทำธุรกรรมได้

ที่สำคัญคือ Crypto Wallet มี public key ซึ่งจะส่งไปให้ทุกคนอย่างปลอดภัยและเป็นที่อยู่ของ Wallet นั้นๆ แม้จะไม่ใช่เรื่องสำคัญแต่ก็คุ้มค่าที่ต้องรักษาไว้ให้ปลอดภัย ในทางกลับกัน private key เป็นรหัสกู้คืนสำหรับ Wallet ดังนั้นจึงไม่ควรส่งให้ใคร เพราะหากมี private key ที่เชื่อมไว้กับ Wallet พวกเขาก็จะสามารถเข้าถึงบัญชีได้อย่างเต็มที่ โดยทั่วไปแล้ว private key จะอยู่ในรูปแบบของวลี 12-24 คำ

ประโยชน์ของ Crypto Cold Wallet

ประโยชน์หลักของ Crypto Cold Wallet คือความปลอดภัย Wallet ใดๆ ที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตมักมีความเสี่ยงที่จะถูกแฮ็กหรือถูกโจมตีทางดิจิทัล ซึ่งนำไปสู่การสูญเสียครั้งใหญ่และแน่นอนว่าไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น

ถ้าใช้ Hot Wallet โดยเฉพาะ Custodial Hot Wallet ก็จะเก็บ private key ของบัญชีไว้ในเซิร์ฟเวอร์ที่เสี่ยงต่อการถูกแฮ็ก นี่อาจหมายความว่าแม้ว่านักลงทุนจะทำทุกอย่างถูกต้อง (รหัสผ่านที่ไม่ซ้ำใคร, 2FA, หรืออื่นๆ) พวกเขาก็ยังคงเสี่ยงสูญเสียเงินโดยไม่ใช่ความผิดของตัวเอง แต่ Cold Wallet จะมาแก้ไขปัญหาดังกล่าว

ด้วยการจัดเก็บ key ที่เชื่อมโยงกับ Wallet แบบออฟไลน์และตรวจสอบให้แน่ใจว่าอุปกรณ์ไม่สามารถเชื่อมต่อกับเว็บได้ ก็จะไม่มีทางที่แฮ็กเกอร์มือใหม่จะเข้าถึงเงินใดๆ ได้ และใครก็ตามที่มีโอกาสขโมยเงินจาก Cold Wallet พวกเขาจึงจำเป็นต้องใช้ Wallet นั่นเอง แต่ถึงอย่างนั้น ผู้ร้ายก็ยังต้องการหมายเลขพินเพื่อเข้าถึงอุปกรณ์ โดย Crypto Cold Wallet ที่ดีที่สุดคือ Ledger Nano X ซึ่งมีระบบที่จะล็อกอุปกรณ์หากป้อนรหัส PIN ผิดหลายครั้งเกินไปเพื่อป้องกันการโดนแฮ็ก

Crypto Cold Wallet vs Hot Wallet

การถกเถียงกันระหว่าง Cold Wallet และ Hot Wallet ในวงการคริปโตนั้นมีมาหลายปีแล้ว นักลงทุนที่โฟกัสด้านความปลอดภัยจะไม่กล้าเก็บทรัพย์สินของตนไว้ใน Wallet ที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต แต่นักลงทุนบางคนก็ต้องการความสะดวกสบายจากการกระดานเทรดหรือ Hot Wallet ซึ่งไม่มีคำตอบใดที่ถูกหรือผิด เพราะมันเป็นเรื่องของการจัดลำดับความสำคัญ

Hot Wallet จะใช้งานง่ายกว่า Cold Wallet และอาจดีกว่าสำหรับนักเทรดที่ต้องการการเข้าถึงเงินได้บ่อยๆ หรือในระหว่างการเดินทาง ซึ่งการใช้งาน Cold Wallet นั้นอาจใช้เวลานานกว่าหรือต้องใช้งาน Wallet ในการเข้าใช้ ทำให้ไม่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ย้ายสินทรัพย์อยู่บ่อยๆ

แต่ก็มีสิ่งหนึ่งที่ทุกคนเห็นพ้องต้องกันคือ Crypto Cold Wallet ที่ดีที่สุดนั้นมีความปลอดภัยมากกว่า Hot Wallet ทั่วๆ ไป สำหรับทุกคนที่ต้องการจัดเก็บเหรียญคริปโตจำนวนมากหรือถือครองทรัพย์สินของตนเป็นเวลานานๆ Crypto Cold Wallet ที่ดีที่สุดจะให้ความปลอดภัยที่ดีเยี่ยม แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการใช้งานที่ยุ่งยาก

วิธีเลือก Cold Bitcoin Wallet ที่ดีที่สุดสำหรับคุณ

Cold Wallet Crypto แนะนํานั้นมีหลายปัจจัยที่ต้องพิจารณา ซึ่งอาจดูยุ่งยากไปบ้าง เพื่อให้เลือกใช้ได้ง่ายยิ่งขึ้น เราก็ได้รวบรวมปัจจัยสำคัญๆ ในการเลือก Wallet ที่เหมาะกับคุณเอาไว้

ความปลอดภัย

หากนักลงทุนกำลังชั่งใจว่าควรใช้ Cold Wallet ความปลอดภัยก็มักจะเป็นข้อกังวลอันดับหนึ่งของพวกเขา เพื่อสร้างพอร์ตการลงทุนคริปโตที่มีโอกาสเติบโต สิ่งสุดท้ายที่ไม่มีใครอยากสูญเสียก็คือเหรียญคริปโตของตนเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าไม่ใช่จากความผิดของตน ดังนั้นการเลือก Wallet ที่มีความปลอดภัยระดับสูงจึงเป็นสิ่งจำเป็น และคุ้มค่าที่จะตรวจสอบให้แน่ใจว่า Wallet ดังกล่าวนั้นแตกต่างยังไง ใช้งานแบบออฟไลน์ได้หรือไม่ และมีชื่อเสียงแค่ไหน

เหรียญที่รองรับ

หนึ่งในวัตถุประสงค์หลักของ Cold Wallet คือการเก็บเหรียญเป็นเวลานาน ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ Cold Wallet ต้องรองรับเหรียญคริปโตถือยาวที่ดีที่สุด เนื่องจากนักลงทุนทุกคนแตกต่างกัน จึงควรเก็บเหรียญที่ต้องการได้บน Wallet ที่รองรับนั่นเอง

ค่าธรรมเนียม/ค่าใช้จ่าย

ในการเลือก Crypto Cold Wallet ที่ดีที่สุด ก็ควรจะพิจารณาถึงค่าใช้จ่ายด้วยเช่นกัน คงไม่มีประโยชน์ที่จะใช้จ่าย $300 ใน Wallet เพียงเพื่อจะเก็บเหรียญคริปโตมูลค่า $100 เอาไว้ ดังนั้นการพิจารณาถึงค่าใช้จ่ายจึงเป็นความคิดที่ดี นอกจากนี้ Wallet บางยี่ห้อก็มีกระดานแลกเปลี่ยนในตัว ดังนั้นเราจึงแนะนำให้ตรวจสอบค่าธรรมเนียมบนแพลตฟอร์มเหล่านั้นก่อนที่จะซื้อสินทรัพย์ใดๆ

การใช้งานบนโทรศัพท์มือถือ

ด้วยอัตราจำนวนนักลงทุนบนมือถือที่เพิ่มขึ้น การมี Wallet พร้อมแอพมือถือที่ดีจึงมีประโยชน์ มี Cold Wallet จำนวนมากที่พร้อมใช้งานและมีความปลอดภัยบนมือถือ แต่ Ledger Nano X จะสามารถใช้งานได้กับบลูทูธและแอพมือถือ ทำให้เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับนักลงทุนมือถือนั่นเอง

ความสะดวก

หาก Wallet ใช้งานยากและซับซ้อน ก็อาจจะถือเป็นภาระมากกว่าความคุ้มค่า โดย Crypto Cold Wallet ที่ดีที่สุดจะสะดวกและปลอดภัย และควรหลีกเลี่ยง Wallet ที่ใช้งานยากและให้ประสบการณ์ที่ย่ำแย่

บทสรุป

ในบทความนี้เราได้รีวิว Crypto Cold Wallet ที่ดีที่สุดในตลาด รวมถึง Ledger Nano X รีวิว และ Trezor One รีวิว อธิบายว่า Cold Wallet คืออะไร ทำงานอย่างไร และยังมอบวิธีง่ายๆ ในการเลือก Wallet ที่เหมาะสมที่สุดกับความต้องการของนักลงทุนแต่ละคน โดยเราขอแนะนำ Ledger Nano X ซึ่งเป็น Crypto Cold Wallet ที่ดีที่สุดและทำงานได้ดีเยี่ยมในทุกด้าน

Ledger Nano X เป็น Wallet ที่ยอดเยี่ยม ใช้ง่าย มีความปลอดภัยสูง และได้รับความไว้วางใจจากผู้คนนับพันทั่วโลก โดยมีราคาราคาเพียง 149 ดอลลาร์ ซึ่งนับว่ามีราคาถูกกว่า Wallet หลายๆ ยี่ห้อที่อ้างว่ามีราคาประหยัด โดยรวมแล้ว Nano X เป็น Cold Wallet ที่ยอดเยี่ยมที่จะให้บริการนักลงทุนได้เป็นอย่างดี

สินทรัพย์คริปโตมีความผันผวนสูง ไม่มีการกำกับดูแล และไม่มีการป้องกันนักลงทุนในประเทศไทย

Categories
Crypto News Crypto Wallets คู่มือคริปโต

เปรียบเทียบ 10 Hardware Wallet อันไหนดี ฉบับปี 2023 [แนะนำ!]

ในวงการคริปโต เขาว่ากันว่า “ถ้าคุณไม่ใช่เจ้าของรหัส คุณก็ไม่ใช่เจ้าของเหรียญจริงๆ” หรือ แม้ว่านักลงทุนจะมีรหัสส่วนตัวใน Crypto Wallet แต่ก็ไม่สามารถควบคุมเหรียญคริปโตได้อย่างเต็มที่นั่นเอง Hardware Wallet อันไหนดี

นี่คือจุดที่ Hardware Wallet มีประโยชน์ โดยจะอธิบายว่า Hardware Wallet คืออะไรและทำงานอย่างไร พร้อมรีวิวว่า Hardware Wallet อันไหนดี ที่สุดในตลาดตอนนี้

Hardware Wallet อันไหนดี ที่สุด 10 อันดับแรก

ด้วยตัวเลือกที่มีมากมาย การเลือก Hardware Wallet เพื่อเก็บเหรียญคริปโตจึงอาจเป็นเรื่องยาก

โดยด้านล่างนี้คือผู้ให้บริการ Hardware Wallet ชั้นนำที่มีความปลอดภัยสูง:

  1. Ledger Nano X – Crypto Hardware Wallet โดยรวมที่ดีที่สุดในปี 2023 
  2. Trezor – Hardware Wallet เก็บเหรียญคริปโตชั้นนำ
  3. Keepkey – Crypto Hardware Wallet ราคาถูก
  4. BitBox02 – Bitcoin Hardware Wallet ที่ดีที่สุด
  5. SecuX – Crypto Wallet พร้อมการออกแบบที่ไม่เหมือนใคร
  6. Ellipal Titan – Crypto Hardware Wallet แบบ Air-Gapped 
  7. SafePal S1 – Crypto Hardware Wallet ที่สนับสนุนโดย Binance
  8. Keystone Pro – Hardware Wallet พร้อมเครื่องสแกนลายนิ้วมือ
  9. CoolWallet Pro – Crypto Hardware Wallet ที่ใช้งานง่าย
  10. NGRAVE Zero – Crypto Wallet ที่มีความปลอดภัยสูง
  11. D’CENT – Biometric Hardware Wallet 

หากต้องการอ่านรีวิว Hardware Wallet ด้านบนแบบเจาะลึกเพิ่มเติม โปรดอ่านต่อ

รีวิว Hardware Wallet เก็บเหรียญคริปโตที่ดีที่สุด

การเลือก Wallet ที่ปลอดภัยและใช้ง่ายเป็นขั้นตอนสำคัญอันดับแรกที่ต้องพิจารณาเมื่อลงทุนในเหรียญคริปโต

วิธีที่ปลอดภัยที่สุดในการจัดเก็บสินทรัพย์ดิจิทัลคือการใช้ Hardware Wallet ซึ่งจะทำให้รหัสส่วนตัวออฟไลน์และทำให้แฮ็กเกอร์ เข้าถึงยาก

ในส่วนนี้ เราจะเจาะลึกว่า Hardware Wallet ตัวไหนดี โดยคำนึงถึงคุณสมบัติหลักและความปลอดภัย

1. Ledger Nano X – Crypto Hardware Wallet โดยรวมที่ดีที่สุดในปี 2023

Ledger

ตัวเลือกอันดับหนึ่งของเราคือ Ledger Nano X ที่สร้างรหัสส่วนตัวผ่านตัวอุปกรณ์เองและรักษาความปลอดภัยด้วย PIN และยังใช้งานง่ายและรองรับเหรียญคริปโตมากกว่า 5,500 สกุล

ซึ่งถือว่ารองรับสกุลเหรียญคริปโตมากที่สุดในตลาด โดยตัวอุปกรณ์มาพร้อมกับสาย USB-C และสามารถเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือได้ นอกจากนี้ยังเปิดใช้งานบลูทูธเพื่อให้ส่งหรือรับเงินได้อย่างง่ายดาย

แต่ละคนยังสามารถเข้าถึง Ledger Live ซึ่งถือเป็น Hardware Wallet ใช้กับมือถือและคอมพิวเตอร์ที่สามารถใช้จัดการสินทรัพย์ดิจิทัลที่จัดเก็บไว้ได้ โดยมาพร้อมกับคุณสมบัติในตัวหลายอย่าง ซึ่งทำให้ผู้ใช้สามารถซื้อ ขาย และแลกเปลี่ยนเหรียญคริปโตได้

Ledger Live ยังให้ผู้ใช้ได้ Stake เหรียญคริปโตอย่างปลอดภัย รวมถึง Ethereum, Solana, Cosmos และอีกมากมาย เพื่อทำให้สินทรัพย์ดิจิทัลบน Ledger Hardware Wallet งอกเงย โดย Ledger Nano X ยังสามารถจัดเก็บเหรียญได้กว่า 100 สกุลและรวมเข้ากับแพลตฟอร์ม Web 3.0 ยอดนิยมอีกมากมาย

Ledger Nano X ยังจัดเก็บ NFT ได้อีกด้วย แต่ก็มาพร้อมกับราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 149 ดอลลาร์ โดย Ledger ยังมี Wallet รุ่นอื่นๆ อีกหลายรุ่น ได้แก่ Nano S และ Nano S Plus ซึ่งแม้ว่าจะมีราคาถูกกว่า แต่ก็มีคุณสมบัติและประโยชน์น้อยกว่า

ราคาของ Hardware Wallet$149
คุณสมบัติ 3 อันดับแรกการเชื่อมต่อบลูทูธ, รองรับ 5,500+ สกุล, มีชื่อเสียงในด้านความปลอดภัย
กระดานแลกเปลี่ยนในตัวมี
คะแนนของเรา5/5

2. Trezor – Hardware Wallet เก็บเหรียญคริปโตชั้นนำ

Trezor เป็นอีกหนึ่ง Hardware Wallet ยอดนิยมที่เหมาะกับบิทคอยน์และสินทรัพย์ดิจิทัลอื่นๆ โดยมี Hardware Wallet หลายรุ่น ได้แก่ Trezor One แบบดั้งเดิมและ Model T

ข้อแตกต่างหลักระหว่างทั้งสองคือใน Trezor Model T จะมีการป้อน PIN และรหัสผ่านผ่านตัวอุปกรณ์เอง แต่สำหรับ Trezor One ผู้ใช้ต้องใช้คอมพิวเตอร์หรือมือถือเพื่อป้อนข้อมูล ซึ่งหมายความว่า Trezor Model T เป็นตัวเลือกที่ปลอดภัย แต่ก็มีราคาแพงเช่นกันที่ 280 ดอลลาร์ต่อเครื่อง

โดย Trezor One มีราคาถูกกว่าที่ 77 ดอลลาร์ โดยมีซอฟต์แวร์เรือธงอย่าง Trezor Suite ซึ่งสามารถใช้ซื้อ แลกเปลี่ยน และใช้เหรียญคริปโตได้ ซึ่งผู้ใช้สามารถจัดเก็บและจัดการมากกว่า 1,000 เหรียญคริปโตผ่าน Trezor wallet

มาพร้อมกับจอแสดงผลขนาดใหญ่เมื่อเทียบกับ Ledger ทำให้อ่านง่าย แต่ไม่รองรับบลูทูธ ซึ่งทำให้ใช้ยากไปบ้าง แต่ Trezor ก็มาพร้อมกับการ์ด microSD ที่สามารถใช้เป็นข้อมูลสำรองเพื่อจัดเก็บรหัสผ่านได้

เป็นที่น่าสังเกตว่าทั้ง Ledger และ Trezor ใช้งานได้กับ Exodus ซึ่งเป็น Non-custodial Software Wallet หากต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติม โปรดอ่านรีวิว Exodus Wallet ฉบับเต็มของเราที่นี่

ราคาของ Hardware Walletสูงถึง $280
คุณสมบัติ 3 อันดับแรกจอแสดงผลขนาดใหญ่, รองรับ 1,000+ โทเค็น, มีความปลอดภัยสูง
กระดานแลกเปลี่ยนในตัวมี
คะแนนของเรา4/5

3. KeepKey – Crypto Hardware Wallet ราคาถูก

Ledger และ Trezor เป็นผู้นำตลาดด้าน Hardware Wallet อย่างไม่ต้องสงสัย แต่อาจถือว่าค่อนข้างแพง ดังนั้น ใครที่มองหาทางเลือกที่เหมาะสม ผู้ใช้ก็สามารถพิจารณา KeepKey ซึ่งอาจจะเป็น Bitcoin Hardware Wallet ที่ดีที่สุดที่มีราคาไม่ถึง $50 

KeepKey เปิดตัวในปี 2015 เป็น Wallet แบบสแตนด์อโลน โดยในปี 2560 บริษัทถูกซื้อโดย ShapeShift ซึ่งเป็นหนึ่งในกระดานเทรดคริปโตที่ดีที่สุดเพื่อรวมเข้ากับ Non-custodial Wallet โดย KeepKey มีความคล้ายกับอุปกรณ์ USB และมีหน้าจอ OLED ขนาดเล็กที่สามารถควบคุมได้ด้วยปุ่มต่างๆ

แม้ว่า KeepKey Wallet นั้นดูเทอะทะเมื่อเทียบกับ Ledger Nano X หรือ Trezor หากต้องการใช้ KeepKey Wallet และจัดการสินทรัพย์ดิจิทัล นักลงทุนก็จำเป็นต้องใช้งาน ShapeShift โดยข้อเสียหลักคือรองรับเหรียญคริปโตเพียง 40 สกุล ซึ่งน้อยกว่าผู้ให้บริการรายอื่นในตลาดอย่างมาก

ราคาของ Hardware Wallet$49
คุณสมบัติ 3 อันดับแรกCrypto Hardware Wallet ราคาถูก, หน้าจอขนาดใหญ่ที่ใช้งานง่าย, ทำงานร่วมกับ Shapeshift
กระดานแลกเปลี่ยนในตัวผ่านกระดานเทรด Shapeshift
คะแนนของเรา3.5/5

4. BitBox02 – Bitcoin Hardware Wallet ที่ดีที่สุด

BitBox02 มีการออกแบบที่เรียบง่ายและครอบคลุม โดยมีสองรูปแบบ – แบบหนึ่งสำหรับเก็บ Bitcoin โดยเฉพาะ และอีกแบบหนึ่งที่รองรับ Altcoin ต่างๆ ที่เก็บได้มากกว่า 1,500 เหรียญคริปโต

Hardware Wallet จากสวิสนี้มาพร้อมกับแอพที่ให้ผู้ใช้สามารถซื้อเหรียญคริปโตได้ และอุปกรณ์ยังเชื่อมต่อกับ Crypto Wallet อื่นๆ เช่น MyEtherWallet, Electrum และอีกมากมาย ส่วนการสำรองข้อมูลเพิ่มเติม BitBox02 ยังมีสล็อตเพื่อรองรับการ์ด microSD อีกด้วย

BitBox02 มีฟีเจอร์หลายบัญชี ซึ่งให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบธุรกรรมคริปโตได้ง่ายๆ  ทั้งยังสามารถใช้เชื่อมต่อกับ dApps บนระบบนิเวศ Ethereum เช่น ตลาด NFT, กระดานแลกเปลี่ยน, และแพลตฟอร์ม DeFi อื่นๆ โดยมีราคาประมาณ 135 ดอลลาร์

ราคาของ Hardware Walletประมาณ 135 ดอลลาร์
คุณสมบัติ 3 อันดับแรกดีไซน์โฉบเฉี่ยว, รองรับโทเค็นมากกว่า 1,500 สกุล, เชื่อมต่อกับ Software Wallet มากมาย
กระดานแลกเปลี่ยนในตัวมี
คะแนนของเรา4/5

5. SecuX V20 – Crypto Wallet พร้อมการออกแบบที่ไม่เหมือนใคร

SecuX เป็นหนึ่งใน Crypto Wallet ที่ดีที่สุดในปี 2023 มี 3 รุ่น ได้แก่ W10, W20 และ V20 โดยรุ่น W10 ใช้งานได้กับคอมพิวเตอร์เท่านั้น ส่วน W20 และ V20 จะสามารถเชื่อมต่อกับทั้งคอมพิวเตอร์และมือถือได้

โดยเราจะเน้นไปที่ V20 ซึ่งเป็นรุ่นล่าสุดจาก SecuX ที่มาพร้อมกับดีไซน์วงกลมที่ไม่เหมือนใครและหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ 2.8 นิ้ว โดยทำจากชิป infineon Secure Element เกรดที่ใช้ในทางการทหาร

ทั้งยังรองรับการเชื่อมต่อกับบลูทูธและ USB Type-C โดยสามารถจัดการบัญชีได้มากถึง 500 บัญชีและรองรับเหรียญคริปโตมากกว่า 1,000 สกุล หากอยากซื้อเหรียญคริปโต ผู้ใช้ SecuX จะต้องเชื่อมต่อ Wallet กับ Coinfy ซึ่งค่าธรรมเนียมโอนเหรียญเข้า Hardware Wallet จึงอยู่นอกเหนือการควบคุมของ SecuX

ราคาของ Hardware Wallet$139
คุณสมบัติ 3 อันดับแรกการเชื่อมต่อบลูทูธ, รองรับ microSD ,หน้าจอสัมผัสขนาด 2.8 นิ้ว
กระดานแลกเปลี่ยนในตัวไม่มี
คะแนนของเรา3/5

6. Ellipal Titan – Crypto Hardware Wallet แบบ Air-Gapped

Ellipal Titan เป็น Hardware Wallet แบบAir-Gapped สำหรับเก็บเหรียญคริปโต ซึ่งจะเชื่อมต่อเข้ากับคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อื่นๆ ไม่ได้ แต่ Wallet ทำงานร่วมกับแอพ Ellipal ที่ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะแทน ซึ่งจะส่งข้อมูลธุรกรรมไปยังอุปกรณ์ผ่าน QR Code

จากนั้นผู้ใช้สามารถยืนยันการทำธุรกรรมผ่าน Wallet โดยป้อน PIN ซึ่งจะสร้างอีก QR Code บนอุปกรณ์ซึ่งจะต้องสแกนผ่านแอพเพื่อยืนยัน แม้ว่าจะฟังดูยุ่งยากสำหรับมือใหม่ แต่ Wallet แบบ Air-Gapped ก็ถือเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยที่สุดในการเก็บรหัสส่วนตัวแบบออฟไลน์

Ellipal Titan Wallet ยังมาพร้อมกับโหมดทำลายอัตโนมัติที่จะคืนค่าการตั้งค่าจากโรงงานเมื่อถูกดัดแปลง พร้อมรองรับโทเค็นมากกว่า 10,000 สกุลและเครือข่าย Blockchain กว่า 45 เครือข่าย พร้อมแอพ Ellipal ที่ใช้ซื้อหรือ Stake เหรียญคริปโตได้อีกด้วย

ราคาของ Hardware Wallet$119
คุณสมบัติ 3 อันดับแรกอุปกรณ์ Air-gapped, รองรับ 10,000+ โทเค็น, หน้าจอขนาดใหญ่
กระดานแลกเปลี่ยนในตัวมี
คะแนนของเรา4/5

7. SafePal S1 – Crypto Hardware Wallet ที่สนับสนุนโดย Binance

SafePal S1 เป็นอีกหนึ่ง Hardware Wallet แบบ Air-gapped พร้อมกลไกการทำลายตัวเอง โดยทำงานร่วมกับแอพ SafePal ซึ่งให้ผู้ใช้ซื้อ ขาย และแลกเปลี่ยนเหรียญคริปโต โดยสามารถซื้อบิทคอยน์ด้วยบัตรเครดิตหรือด้วยช่องทางการชำระเงินยอดนิยมอื่นๆ ได้

ซึ่งรวมถึงการโอนเงินผ่านธนาคาร, Bancontact, Sofortbanking และ Giropay นี่ยังเป็น Hardware Wallet แรกที่ Binance ลงทุน ด้วยการร่วมมือนี้ ผู้ใช้ SafePal จะสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการการซื้อขาย Binance ภายใน Wallet App ได้

SafePal S1 ยังทำงานร่วมกับ dApps ยอดนิยมบน Ethereum, Tron และ Binance Smart Chain โดย SafePal อาจดูเหมือนบัตรเครดิตที่หนากว่าเล็กน้อยในแวบแรก โดยมีหน้าจอขนาด 1.3 นิ้ว พร้อมกล้องสำหรับสแกน QR Code เพื่อตรวจสอบการทำธุรกรรมคริปโต ทั้งยังรองรับ 33 Blockchain และโทเค็นมากกว่า 30,000 สกุล

ราคาของ Hardware Wallet$49.99
คุณสมบัติ 3 อันดับแรกHardware WalletAir-gapped,  รองรับโทเค็น 30,000+ สกุล, รวมกับ Binance
กระดานแลกเปลี่ยนในตัวผ่าน Binance
คะแนนของเรา4/5

8. Keystone Pro – Hardware Wallet พร้อมเครื่องสแกนลายนิ้วมือ

Keystone Pro ใช้เทคโนโลยี Air-gapped ซึ่งทำให้เป็นหนึ่งใน Crypto Hardware Wallet ที่ดีที่สุดในด้านความปลอดภัย โดยจะส่ง QR Code เพื่อตรวจสอบธุรกรรม พร้อมความปลอดภัยระดับธนาคารเพื่อให้มั่นใจได้ว่ารหัสส่วนตัวจะไม่หายไปจากอุปกรณ์ 

Keystone Pro ยังมีเซนเซอร์ลายนิ้วมือที่ให้ผู้ใช้ปลดล็อกอุปกรณ์และลงชื่อในการทำธุรกรรม โดยจะมีกลไกทำลายตัวเองที่จะล้างรหัสส่วนตัวเมื่อตรวจพบการปลอมแปลง

Keystone Pro ต้องเชื่อมต่อกับแอพเพื่อเชื่อมต่อกับ Blockchain พร้อมรองรับเหรียญคริปโตกว่า 800 สกุล แต่ ณ ตอนนี้ คุณไม่สามารถซื้อหรือแลกเปลี่ยนเหรียญคริปโตผ่านแอพ KeyStone Hardware Wallet ได้

ราคาของ Hardware Wallet$169
คุณสมบัติ 3 อันดับแรกHardware Wallet Air-gapped, รองรับโทเค็น 800+ สกุล, เครื่องสแกนลายนิ้วมือที่มีประโยชน์
กระดานแลกเปลี่ยนในตัวไม่มี
คะแนนของเรา4.5/5

9. CoolWallet Pro – Crypto Hardware Wallet ที่ใช้งานง่าย

CoolWallet Pro เป็นหนึ่งใน Crypto Hardware Wallet ที่ทันสมัยที่สุดในตลาด โดยมีความหนาเพียง 0.8 มม. น้ำหนักเบา และยังรองรับการเชื่อมต่อบลูทูธอีกด้วย พกพาสะดวกแม้ในขณะเดินทาง

แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า CoolWallet Pro จะมีความปลอดภัยต่ำหรือคุณสมบัติหลักน้อยแต่อย่างใด เพราะถือเป็นหนึ่งใน Hardware Wallet เพียงไม่กี่ตัวที่รองรับบริการซื้อขาย NFT ในตัว นอกจากนี้ยังเชื่อมต่อกับ Binance DEX และ WalletConnect เพื่อให้ซื้อและแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลได้

อุปกรณ์ยังรองรับการ Stake สำหรับใครที่อยากสร้างผลตอบแทนจากการถือเหรียญคริปโต ทั้งทำงานควบคู่กับแอพ CoolBitX ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ร่วม พร้อมความสามารถในการจัดเก็บเหรียญคริปโตกว่า 150 สกุล

ราคาของ Hardware Wallet$149
คุณสมบัติ 3 อันดับแรกขนาดเท่าบัตรเครดิตทั่วไป, มาพร้อมกับแอพที่ใช้งานง่าย, ทำงานร่วมกับ Binance DEX
กระดานแลกเปลี่ยนในตัวมี
คะแนนของเรา4.5/5

10. NGRAVE Zero – Crypto Wallet ที่มีความปลอดภัยสูง

NGRAVE โฆษณาว่าเป็น Crypto Hardware Wallet แรกของโลกที่ได้รับการรับรองความปลอดภัย EAL7 และเป็นแบบ Air-gapped โดยสมบูรณ์ ซึ่งจะไม่สามารถเชื่อมต่อเครือข่ายใดๆ เช่น ไวไฟ, บลูทูธ, NFC หรือ 4G ได้

การยืนยันทั้งหมดบน NGRAVE Zero จะต้องผ่าน QR Code โดยรองรับเหรียญคริปโตมากกว่า 1,000 สกุล ซึ่งรวมถึงโทเค็น ERC-20 จำนวนมาก

NGRAVE Zero ยังสามารถเก็บ NFT ที่สร้างขึ้นบนเครือข่าย Ethereum โดยในการเข้าถึงเหรียญคริปโตที่จัดเก็บไว้ใน Zero ผู้ใช้จะต้องดาวน์โหลดแอพ NGRAVE Liquid ก่อน

สิ่งสำคัญคือต้องทราบว่าแอพดังกล่าวจะไม่ให้ผู้ใช้ซื้อหรือแลกเปลี่ยนเหรียญคริปโตได้ และมีราคาที่สูง ในขณะที่เขียน NGRAVE Zero มีราคาประมาณ 405 ดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นหนึ่งใน Hardware Wallet ที่แพงที่สุดในตลาด Hardware Wallet อันไหนดี

ราคาของ Hardware Wallet$405
คุณสมบัติ 3 อันดับแรกHardware Wallet Air-gapped, การรับรองความปลอดภัย EAL7, รองรับ 1,000 โทเค็น
กระดานแลกเปลี่ยนในตัวไม่มี
คะแนนของเรา3/5

11. D’CENT – Biometric Hardware Wallet 

DCENT Shop

D’Cent เป็น Hardware Wallet ที่มีการตรวจสอบแบบ Biometric พร้อมหน้าจอ OLED ขนาดใหญ่ซึ่งเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งาน โดยสามารถเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์หรือมือถือโดยใช้บลูทูธหรือสาย USB ได้

เหรียญคริปโตบน Wallet จะสามารถจัดการได้ผ่านแอพมือถือ D’CENT พร้อมรวมเข้ากับแพลตฟอร์ม DeFi และตลาด NFT โดยขณะที่เขียนอยู่ D’CENT Wallet สามารถใช้เก็บเหรียญคริปโตเคอเรนซี่ได้มากกว่า 2,700 สกุล

D’CENT ยังมีกระเป๋าใส่บัตรซึ่งออกแบบให้บางลง โดยผู้ใช้สามารถแตะบัตรบนมือถือที่รองรับเทคโนโลยี NFC เพื่อตรวจสอบธุรกรรมได้ แต่นักลงทุนจะต้องซื้อการ์ดแยกต่างหากสำหรับโทเค็นบนเครือข่าย Ethereum และ Klatyn

ราคาของ Hardware Wallet$139
คุณสมบัติ 3 อันดับแรกการเชื่อมต่อบลูทูธ, รองรับโทเค็น 2,700+ , การตรวจสอบแบบ Biometric
กระดานแลกเปลี่ยนในตัวไม่มี
คะแนนของเรา3/5

เปรียบเทียบ Hardware Wallet ที่ดีที่สุด

การเลือก Crypto Wallet ที่เหมาะที่สุดอาจเป็นเรื่องที่ท้าทาย แม้แต่นักลงทุนที่มีประสบการณ์ก็ตาม

โดยเราได้ใช้ตารางด้านล่าง – ซึ่งสรุปประเด็นสำคัญทั้งหมดเกี่ยวกับ Crypto Hardware Wallet ที่ดีที่สุดในตลาดปัจจุบัน เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจ

จำนวนโทเค็นราคาเครื่องค่าธรรมเนียมในการซื้อเหรียญคริปโตคุณสมบัติ 3 อันดับแรก
Ledger Nano X5,500+$1494.5% สำหรับบัตรเดบิต/เครดิต 1.7% สำหรับการโอนเงินผ่านธนาคารการเชื่อมต่อบลูทูธ, รองรับโทเค็นมากกว่า 5,500 สกุล, มาพร้อมกับ Ledger Live
Trezor1,000+$77 สำหรับ Trezor One, $280 สำหรับ Trezor Model Tอิงตามกระดานเทรดจอแสดงผลขนาดใหญ่, รองรับ 1,000+ โทเค็น, มีความปลอดภัยสูง
KeepKey40+$49อิงตามกระดานเทรด ShapeShiftCrypto Hardware Wallet ราคาถูก, หน้าจอขนาดใหญ่ที่ใช้งานง่าย, ทำงานร่วมกับ Shapeshift
BitBox021,500+$1354.9% สำหรับบัตรเดบิต/เครดิต 1.9% สำหรับการโอนเงินผ่านธนาคารดีไซน์โฉบเฉี่ยว, รองรับ 1,500+ โทเค็น, มาพร้อมกับ BitBoxApp
SecuX V201,000+$1395% สำหรับบัตรเดบิต/เครดิต 1% สำหรับการโอนเงินผ่านธนาคารผ่าน Coinfyรองรับการเชื่อมต่อบลูทูธ, รองรับ microSD, หน้าจอสัมผัสขนาด 2.8 นิ้ว
Ellipal Titan10,000+$139อิงตามกระดานเทรดอุปกรณ์ Air-gapped, 10,000+ โทเค็น, หน้าจอใหญ่
SafePal S130,000+$49.99ค่าบริการ 0.3% สำหรับคำสั่ง Swap, ค่าธรรมเนียมในการซื้อเหรียญคริปโตHardware WalletAir-gapped,  รองรับโทเค็น 30,000+ สกุล, รวมกับ Binance
Keystone Pro800+$169ไม่มีHardware Wallet Air-gapped, รองรับโทเค็น 800+ สกุล, เครื่องสแกนลายนิ้วมือที่มีประโยชน์
CoolWallet Pro150+$149สูงถึง 5% ผ่านแพลตฟอร์มเทรดขนาดเท่าบัตรเครดิตทั่วไป, มาพร้อมกับแอพที่ใช้งานง่าย, ทำงานร่วมกับ Binance DEX
NGRAVE Zero1,000+$405ไม่มีHardware Wallet Air-gapped, การรับรองความปลอดภัย EAL7, มีเครื่องสแกนลายนิ้วมือ
D’CENT 2,700+$139ค่าธรรมเนียมเปลี่ยนแปลงตามกระดานเทรดการเชื่อมต่อบลูทูธ, รองรับโทเค็น 2,700+ , การตรวจสอบแบบ Biometric

Hardware Wallet คืออะไร?

Hardware Wallet เป็นอุปกรณ์ขนาดเล็กที่สร้างขึ้นโดยเฉพาะสำหรับเก็บรหัสส่วนตัวและการทำธุรกรรม เพียงเสียบอุปกรณ์นี้เข้ากับคอมพิวเตอร์หรือมือถือ ผู้ใช้ก็สามารถจัดการและใช้เหรียญคริปโตได้ 

ธุรกรรมและการตรวจสอบเหรียญคริปโตทุกด้านจะได้รับการจัดการผ่านอุปกรณ์ เนื่องจากรหัสส่วนตัวจะไม่ถูกเปิดเผย เพื่อการโกงและแฮ็กเกอร์ได้อย่างแข็งแกร่ง

โดยผู้ใช้จะได้เก็บคีย์ส่วนตัวของเหรียญคริปโต ซึ่งจะสามารถควบคุมโทเค็นได้อย่างเต็มที่

ส่วน Hardware Wallet อันไหนดีที่ดีที่สุดในปัจจุบันยังมาพร้อมกับคุณสมบัติเพิ่มเติม เช่น การรองรับการเทรดเหรียญคริปโต ผู้ให้บริการอย่าง Ledger ยังเป็นแพลตฟอร์ม Staking จากภายใน Wallet App อีกด้วย  Hardware Wallet อันไหนดี

Crypto Hardware Wallet ทำงานอย่างไร?

ใครสงสัยว่า Hardware Walletใช้ยังไง? เราก็ขออธิบายว่าเหรียญคริปโตไม่ได้ถูกจัดเก็บไว้ Hardware Wallet แต่จะถูกเก็บไว้ผ่านที่อยู่เฉพาะบน Blockchain

ให้เราอธิบายกระบวนการจัดเก็บเหรียญคริปโต ดังนี้

  • เมื่อสร้าง Crypto Wallet จะมีการสร้างรหัสสองประเภท
  • รหัสสาธารณะใช้เพื่อสร้างที่อยู่กระเป๋าเงิน – และนักลงทุนสามารถแบ่งปันกับผู้อื่นเพื่อรับเหรียญคริปโต
  • และรหัสส่วนตัวที่เป็นลายเซ็นดิจิทัลจะใช้เพื่อยืนยันการทำธุรกรรม
  • ใครก็ตามที่มีรหัสส่วนตัวของ Wallet จะสามารถอ้างสิทธิ์ความเป็นเจ้าของโทเค็นได้

ซึ่งควรเก็บรหัสส่วนตัวไว้อย่างปลอดภัย เมื่อใช้ Hardware Wallet รหัสส่วนตัวจะถูกสร้างขึ้นภายในอุปกรณ์และจัดเก็บแบบออฟไลน์

การทำธุรกรรมคริปโตจะต้องได้รับการยืนยันผ่านอุปกรณ์จริง ซึ่งจะเพิ่มการป้องกันโดยรวม

Hardware Wallet ยังสร้างรหัสกู้คืนในช่วงการตั้งค่าเริ่มต้น ซึ่งเป็นชุดคำแบบสุ่มที่สามารถใช้เพื่อเข้าถึงเหรียญคริปโตได้ในกรณีที่รหัสส่วนตัวสูญหาย

และยังทำหน้าที่เป็นรหัสสำรองในกรณีที่ Hardware Wallet สูญหายหรือถูกขโมย

ประโยชน์ของ Hardware Crypto Wallet

นี่คือเหตุผลบางข้อที่นักลงทุนควรพิจารณาซื้อ Hardware Wallet

ความปลอดภัยสูง

เมื่อเก็บเหรียญคริปโตไว้ใน Custodial Wallet นักลงทุนจะต้องละทิ้งความเป็นเจ้าของโทเค็นนั้นๆ และต้องไว้วางใจกระดานแลกเปลี่ยนอย่างเต็มที่ในการเก็บสินทรัพย์ดิจิทัลของตนให้ปลอดภัย 

แต่ถ้ากระดานแลกเปลี่ยนถูกแฮ็ก นักลงทุนอาจสูญเสียเงินทุนทั้งหมด แต่เมื่อใช้ Hardware Wallet ผู้ใช้จะมั่นใจได้ว่าเหรียญคริปโตของตนปลอดภัยและห่างไกลจากเงื้อมมือของแฮ็กเกอร์ 

การควบคุมเหรียญคริปโต 

 เราได้เน้นย้ำว่า Hardware Wallet จะให้ผู้ใช้ได้ควบคุมเหรียญของตนได้อย่างเต็มที่

ให้เราอธิบายเพิ่มเติม ดังนี้ 

  • สมมติว่านักลงทุนกำลังจัดเก็บเหรียญคริปโตในกระดานแลกเปลี่ยน
  • หากกระดานแลกเปลี่ยนปิดการถอนเหรียญหรือปิดปรับปรุงเว็บไซต์ นักลงทุนจะทำอะไรไม่ได้ ซึ่งอาจเป็นเรื่องยุ่งยากในกรณีที่ตลาดกำลังผันผวน 
  • หรือ อาจมีสถานการณ์ที่ผู้ใช้ไม่สามารถใช้ประโยชน์จากโอกาสทางการตลาดได้ 

แต่เมื่อใช้ Hardware Wallet นักลงทุนสามารถเข้าถึงสินทรัพย์ของตนได้ทุกเวลา หากกระดานแลกเปลี่ยนปิดปรับปรุง ผู้ใช้ก็สามารถโอนสินทรัพย์ของตนไปยังอีกกระดานเพื่อเทรดได้  Hardware Wallet อันไหนดี

ฟังก์ชันเพิ่มเติม

ขั้นต้น Hardware Wallet ไม่สามารถทำอะไรได้มากไปกว่าการเก็บเหรียญคริปโต

แต่ในบทความ Hardware Wallet อันไหนดีของเราก็มาพร้อมกับคุณสมบัติมากมาย

นักลงทุนมักจะสามารถซื้อ, ขาย, Stake, และแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลได้จากภายใน Wallet App

Hardware Wallet จำนวนมากยังรวมเข้ากับแพลตฟอร์ม DeFi และยังสามารถจัดเก็บ NFT ได้อีกด้วย กล่าวคือ ไม่จำเป็นต้องเลือกระหว่างความปลอดภัยและฟังก์ชันการทำงานอีกต่อไป

Hardware Crypto Wallets vs Software Wallets

นักลงทุนมีสองตัวเลือกในการเก็บเหรียญคริปโต

ต่อไปนี้ เราจะพิจารณาความแตกต่างระหว่างทั้งสอง Wallet อย่างละเอียดยิ่งขึ้น

Software Wallet

Software Wallet คือแอพพลิเคชั่นที่สามารถติดตั้งบนคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือ และอาจเป็นส่วนขยายของเบราว์เซอร์ได้ด้วย ซึ่งมีมากมายในตลาด

ส่วนใหญ่ดาวน์โหลดฟรีและใช้งานสะดวก ทุกคนสามารถเลือกได้ระหว่าง Custodial Wallet หรือ Non-custodial Software Wallet ขึ้นอยู่กับรูปแบบการลงทุนและข้อกำหนดด้านความปลอดภัย

ปัญหาคือรหัสส่วนตัวยังคงอยู่ในอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต จึงมีความเสี่ยงที่จะอาจถูกแฮ็กจากระยะไกลได้

Hardware Wallet

ผู้ใช้ควรพิจารณาจัดเก็บรหัสส่วนตัวไว้ใน Cold Wallet ทำให้ Hardware Wallet ถือเป็นตัวเลือกการจัดเก็บเหรียญที่ปลอดภัยที่สุด

Hardware Wallet ได้รับการปกป้องด้วยรหัส PINและรหัสกู้คืน หากมีคนครอบครองอุปกรณ์ ก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาจะรู้รหัสโดยไม่ต้องเดารหัส PIN

วิธีเลือกว่า Hardware Wallet อันไหนดีที่สุด

ให้เราอธิบายวิธีการเลือกผู้ให้บริการที่เหมาะที่สุดสำหรับคุณ

เมื่อค้นหาว่า Hardware Wallet อันไหนดีที่สุด นักลงทุนก็สามารถพิจารณาปัจจัยต่อไปนี้ได้ 

ความปลอดภัย 

เหตุผลหลักคือเรื่องความปลอดภัย โดยผู้ให้บริการบางรายก็มีกลไกด้านความปลอดภัยที่ดีกว่ารายอื่นๆ

ยกตัวอย่างเช่น มีผู้ให้บริการที่นำเสนอโซลูชันแบบ Air-gapped ซึ่งเป็นการป้องกันในระดับที่ไม่มีใครเทียบได้

แต่ Air-gapped Wallet อาจใช้งานยุ่งยากไปบ้าง โดยเฉพาะสำหรับมือใหม่ เช่น Ledger Nano X Wallet ที่มีความสมดุลระหว่างความสะดวกสบายและฟังก์ชันการทำงานโดยไม่ไม่ได้ลดระดับความปลอดภัยลง

เหรียญที่รองรับ

สำหรับนักลงทุนที่มีพอร์ตการลงทุนแบบกระจายความเสี่ยง จำนวนโทเค็นที่รองรับก็ถือเป็นข้อพิจารณาที่สำคัญ

ผู้ให้บริการกระเป๋าเงินเกือบทั้งหมดที่กล่าวถึงในวันนี้สนับสนุนโทเค็นมากกว่า 1,000 สกุล รวมถึงเหรียญคริปโตที่ได้รับความนิยมสูงสุดในตลาดตอนนี้

ค่าธรรมเนียม

ผู้ใช้ควรคำนึงถึงราคาของ Hardware Wallet ด้วย

โดย Hardware Wallet ที่ดีที่สุดในตลาดมีราคาอย่างต่ำ $100 ส่วนบาง Wallet เช่น NGRAVE Zero ก็มีราคาประมาณ 400 ดอลลาร์เลยทีเดียว

ดังนั้นจึงขึ้นอยู่กับนักลงทุนที่จะตัดสินใจว่าจะจ่ายได้เท่าไหร่และคาดหวังคุณสมบัติอะไรใน Wallet นั้นๆ

โปรดทราบว่านี่เป็นการลงทุนเพียงครั้งเดียว Hardware Wallet สามารถใช้งานได้หลายปีและราคาของอุปกรณ์นั้นก็คุ้มค่ากับการลงทุนเมื่อพิจารณาถึงความปลอดภัยที่มอบให้

ประสบการณ์ผู้ใช้

Hardware Wallet อาจใช้ยากไปบ้าง

แต่การออกแบบ Hardware Wallet ก็เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา และทุกวันนี้ อุปกรณ์ต่างๆ ก็ใช้งานได้สะดวกขึ้นมาก

หลายๆ Crypto Hardware Wallet มาพร้อมกับหน้าจอสีขนาดใหญ่ และบางรุ่นยังมีการยืนยันตัวตนแบบ Biometric ซึ่งทำให้การยืนยันธุรกรรมง่ายยิ่งขึ้นไปอีก Hardware Wallet อันไหนดี

บทสรุป

Hardware Wallet อันไหนดี ใครมองหาการป้องกันระดับสูงสุดสำหรับเหรียญคริปโตควรพิจารณาว่า Hardware Wallet อันไหนดี โดย Bitcoin Hardware Wallet ที่ดีที่สุดในปัจจุบันไม่เพียงแต่มีความปลอดภัยสูง แต่ยังใช้งานง่ายอีกด้วย 

สรุปแล้ว เราพบว่า Ledger Nano X เป็นส่วนผสมที่เหมาะสมที่สุดระหว่างความปลอดภัยและความสามารถในการใช้งาน

รองรับเหรียญดิจิทัลกว่า 5,500 สกุล พร้อมการเชื่อมต่อบลูทูธ และยังเชื่อมต่อกับแอพ Ledger Live ได้อย่างราบรื่น ซึ่งช่วยให้นักลงทุนสามารถซื้อ ขาย และ Stake เหรียญคริปโตได้อย่างง่ายดาย