Categories
Crypto News คู่มือคริปโต เหรียญคริปโตที่ดีที่สุด

เหรียญคริปโตที่ยั่งยืนที่สุด

จัดอันดับ 10 เหรียญคริปโตที่ยั่งยืนที่สุด ที่น่าลงทุน 2023 [แนะนำ!]

แม้ว่า Bitcoin เป็นเหรียญคริปโตเหรียญแรกที่สร้างกระแสคริปโตเคอเรนซี่ต่ออุตสาหกรรมทั่วโลก แต่ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้กลายเป็นประเด็นสำคัญด้วยเช่นกัน ด้วยเหตุนี้ จึงมีโปรเจ็กต์ทางเลือกเกิดขึ้นมากมาย เพื่อเสนอทางเลือกที่ ‘เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม’ หรือเป็นเหรียญคริปโตพลังงานสะอาดสำหรับนักลงทุน

บทความนี้จะกล่าวถึงโปรเจ็กต์เหรียญคริปโตที่ยั่งยืนที่สุดในปี 2023 โดยเจาะลึกว่าเหรียญคริปโตใดบ้างที่สร้างประโยชน์สูงสุดต่อสิ่งแวดล้อม และนำเสนอกลยุทธ์ที่มีค่าเพื่อช่วยให้นักลงทุนในการค้นหาเหรียญที่มีความยั่งยืนเพื่อการลงทุนต่อไป

แนะนำ 10 โปรเจ็กต์เหรียญคริปโตที่ยั่งยืนที่สุด แห่งปี 2023

แม้ว่าผู้คนหลายแสนคนทั่วโลกยังคงลงทุนใน Bitcoin ต่อไป แต่โปรโตคอลแบบ ‘Proof-of-Work’ (PoW) ของเหรียญนั้นมาพร้อมกับการใช้พลังงานนั้นมหาศาล โชคดีที่เหรียญคริปโตอื่นๆ ได้พยายามเลือกแนวทางอื่นเพื่อพยายามลดการใช้พลังงานลง

เหรียญคริปโตที่มีความยั่งยืนทั้ง 10 เหรียญด้านล่างนี้ได้ปฏิวัติตลาดคริปโตด้วยวิธีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เราจะมาเจาะลึกถึงเหรียญคริปโตที่ยั่งยืนที่สุดเหล่านี้ในส่วนต่อไป โดยพูดถึงกรณีการใช้งานและโอกาสเติบโตในอนาคต

  1. Ecoterra (ECOTERRA) – เหรียญคริปโตที่ยั่งยืนที่สุดในปี 2023 พร้อมรางวัลสำหรับการรีไซเคิล
  2. Cardano (ADA) – เหรียญคริปโตที่ยั่งยืนสูงสุดยอดนิยมในปี 2023
  3. Polygon (MATIC) – เหรียญบล็อคเชนเลเยอร์ 2 ที่มาพร้อม ‘ปณิธานด้านสิ่งแวดล้อม’
  4. Algorand (ALGO) – เครือข่ายบล็อคเชนลดการปล่อยคาร์บอนที่ใช้งานอย่างแพร่หลาย
  5. Chia (XCH) – เหรียญคริปโตที่ยั่งยืนที่สุดพร้อมกลไกการทำงานที่ไม่เหมือนใคร
  6. Solana (SOL) – เครือข่ายบล็อกเชนใช้พลังงานน้อยกว่า Ethereum ถึง 99%
  7. Nano (XNO) – เหรียญคริปโตทางเลือกนอกจาก Bitcoin ที่ยั่งยืน
  8. Hedera (HBAR) – ทางเลือกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมสำหรับเทคโนโลยีบล็อคเชน
  9. SolarCoin (SLR) – หนึ่งในเหรียญคริปโตที่ยั่งยืนที่สร้างแรงจูงใจให้ใช้พลังงานแสงอาทิตย์
  10. Stellar (XLM) –โปรเจ็กต์คริปโตที่ยั่งยืนที่กำลังมาปฏิวัติระบบการชำระเงิน

ไปยังเหรียญคริปโตที่ยั่งยืนที่สุด ตอนนี้

คริปโตเป็นผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ไม่มีการควบคุมซึ่งมีความผันผวนสูง เงินทุนของคุณมีความเสี่ยง

เจาะลึกเหรียญคริปโตที่ยั่งยืนที่สุดที่น่าลงทุน

คนส่วนใหญ่ตัดสินใจซื้อเหรียญคริปโตเพื่อทำกำไร แต่ไม่สนใจผลกระทบของโปรเจ็กต์ต่อสิ่งแวดล้อม ดังที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น Bitcoin เป็นตัวอย่างที่สำคัญของเรื่องนี้ เนื่องจากการขุดบิทคอยน์ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้กลายเป็นประเด็นร้อนในตลาด

คุณเคยสงสัยหรือไม่ว่าคริปโตไม่ดีต่อสิ่งแวดล้อมหรือไม่? แต่บรรดาโปรเจ็กต์เหรียญคริปโตที่ยั่งยืนที่สุดที่เราแนะนำด้านล่างนี้มอบทั้งโอกาสสร้างผลตอบแทนอันน่าดึงดูดและภารกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เราจะมาเจาะลึกและดูโปรเจ็กต์เหล่านี้กันอย่างละเอียดยิ่งขึ้น:

1. Ecoterra (ECOTERRA) – เหรียญคริปโตที่ยั่งยืนที่สุดในปี 2023 พร้อมรางวัลสำหรับการรีไซเคิล

เหรียญคริปโตที่ยั่งยืนที่สุดในปี 2023 ของเราคือ Ecoterra ซึ่งให้รางวัลแก่ผู้ใช้ในการป้องกันภาวะโลกร้อน

ผู้ใช้สามารถรับโทเค็น Ecoterra โดยการมีส่วนร่วมกับแอพ Recycle2Earn บนแพลตฟอร์ม โทเค็นเหล่านี้สามารถบันทึก ลงทุน หรือใช้เพื่อสนับสนุนโครงการริเริ่มที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การทำความสะอาดชุมชนและโครงการพลังงานทดแทน

ผู้ซื้อสามารถรับโทเค็น $ECOTERRA ในราคาเพียง $0.004 USDT โดยหน้า Pre-sale ของโปรเจกต์จะรองรับการชำระเงินเป็น ETH/USDT หรือผ่านบัตรเครดิต ทำให้ซื้อเหรียญได้อย่างง่ายดาย

แอพ Recycle2Earn จะให้ผู้ใช้ตรวจสอบผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมผ่านหน้าโปรไฟล์ส่วนตัว แอพนี้มีโปรไฟล์ผู้ใช้ที่ตรวจสอบผลงานการดูแลสิ่งแวดล้อมของแต่ละคน ในทำนองเดียวกัน ธุรกิจต่างๆ ก็สามารถเข้าถึง “โปรไฟล์ที่ติดตามผลงานของตนได้” 

ผู้ใช้สามารถรับวัสดุได้หลากหลายจากผู้ใช้ผ่านแพ็คเกจผลกระทบที่สร้างขึ้นโดยเฉพาะเพื่อลดผลเสียที่ตามมาของกิจกรรมการผลิตของตน วิธีนี้จะปลูกฝังการเปิดกว้างและการอุทิศตนเพื่อการรักษาสิ่งแวดล้อมให้ยั่งยืนกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

นอกจากนี้ Ecoterra ยังนำเสนอฟีเจอร์ที่น่าสนใจ เช่น ตลาดสำหรับการชดเชยคาร์บอนและวัสดุรีไซเคิล

เอกสารข้อมูล Ecoterra เผยให้เห็นว่าสามารถใช้โทเค็น Ecoterra ในตลาดชดเชยคาร์บอนเพื่อสนับสนุนโครงการลดคาร์บอนที่ผ่านการตรวจสอบจากทั่วโลก โดยความสำเร็จในการชดเชยคาร์บอนจะสามารถเปลี่ยนเป็น NFT ได้

โซลูชันดังกล่าวนี้เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ใช้เครื่องรับซื้อบรรจุภัณฑ์รีไซเคิล (RVM) เพื่อการรีไซเคิล ยิ่งไปกว่านั้น ความสามารถในการปรับตัวของระบบยังตอบสนองความต้องการของอุตสาหกรรมต่างๆ รวมถึงสินค้าอุปโภคบริโภค เทคโนโลยี แฟชั่น และการบริการ

Recycle2Earn เป็นระบบที่เป็นนวัตกรรมใหม่ที่เข้ากันได้กับเครื่องรีไซเคิลทั่วโลก ซึ่งสามารถรองรับผู้ใช้หลายร้อยล้านคนทั่วโลก ผู้สนใจสามารถเข้าร่วมได้ที่กลุ่ม Ecoterra Telegram เพื่อรับข้อมูลเกี่ยวกับการอัปเดตและการพัฒนาล่าสุด

เพดานเงินทุน$6,700,000
โทเค็นทั้งหมด2,000,000,000
โทเค็นทในช่วงพรีเซลล์1,000,000,000
Blockchainเครือข่าย Ethereum
ประเภทโทเค็นERC-20
ซื้อขั้นต่ำ$10
ซื้อด้วยUSDT, ETH, บัตรเครดิต

ไปยัง Ecoterra Presale

3. Cardano (ADA) – เหรียญคริปโตที่ยั่งยืนสูงสุดยอดนิยมในปี 2023

อีกหนึ่งเหรียญคริปโตที่ยั่งยืนที่สุดในปีนี้คือ Cardano ซึ่งเป็นโปรเจ็กต์บล็อกเชนที่ใช้โปรโตคอล ‘Proof-of-Stake’ (PoS) เพื่อตรวจสอบการทำธุรกรรม ตรงกันข้ามกับโปรโตคอล ‘Proof-of-Work’ (PoW) ของ Bitcoin

ตามที่ระบุไว้ในบทความโดย NBC บล็อกเชน PoS นั้นประหยัดพลังงานมากกว่า PoW มาก นี่เป็นเพราะใช้ ‘ตัวตรวจสอบความถูกต้อง’ เพื่อตรวจสอบธุรกรรมมากกว่าการขุด ซึ่งต้องใช้พลังงานจำนวนมหาศาล

ท้ายที่สุด สิ่งนี้ทำให้ Cardano เป็นเหรียญคริปโตพลังงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน เนื่องจากการทำธุรกรรมแต่ละครั้งที่ทำบนเครือข่ายมีผลกระทบด้านลบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่ามาก ดังนั้น ผู้เข้าร่วมสามารถ ‘เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม’ ได้ง่ายๆ โดยใช้เครือข่าย PoS เช่น Cardano

ซื้อ ADA บน eToro

คริปโตเป็นผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ไม่มีการควบคุมซึ่งมีความผันผวนสูง เงินทุนของคุณมีความเสี่ยง

4. Polygon (MATIC) – เหรียญบล็อคเชนเลเยอร์ 2 ที่มาพร้อม ‘ปณิธานด้านสิ่งแวดล้อม’

Polygon เป็นเหรียญคริปโตที่ยั่งยืนซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยให้เครือข่าย Ethereum สามารถปรับขนาดได้มากขึ้น ในฐานะที่เป็น ‘บล็อกเชนเลเยอร์ 2’ Polygon จะเชื่อมโยงกับ Ethereum และช่วยจัดการภาระงานบางส่วน โดย Polygon สามารถทำธุรกรรมได้มากถึง 65,000 ธุรกรรมต่อวินาที (TPS)

Polygon ใช้โปรโตคอลแบบ PoS เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของธุรกรรม ซึ่งดีต่อสภาพแวดล้อมมากกว่าวิธีอื่น ยิ่งไปกว่านั้นบล็อกโพสต์ของ Polygonเพิ่งเผยแพร่ ‘ปณิธานด้านสิ่งแวดล้อม’ ของเครือข่ายที่มีแผนการที่จะมีระดับลดการปล่อยคาร์บอนในปี 2023

นอกจากนี้ Polygon ยังให้เงินทุนมูลค่า 20 ล้านดอลลาร์แก่โปรเจ็กต์ริเริ่มใหม่ๆๆ ที่มีเป้าหมายเพื่อต่อสู้กับผลกระทบด้านลบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งรวมถึงการซื้อเครดิตคาร์บอน BCT และ MCO2 มูลค่า 400,000 ดอลลาร์เพื่อชดเชยการปล่อยมลพิษ

ซื้อ MATIC บน eToro

คริปโตเป็นผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ไม่มีการควบคุมซึ่งมีความผันผวนสูง เงินทุนของคุณมีความเสี่ยง

5. Algorand (ALGO) – เครือข่ายบล็อคเชนลดการปล่อยคาร์บอนที่ใช้งานอย่างแพร่หลาย

Algorand เป็นหนึ่งในเหรียญคริปโตออกใหม่ที่ดีที่สุดของปี 2021 โดยเสนอทางเลือกที่ปรับขนาดได้มากกว่า Ethereum เครือข่ายบล็อกเชนนี้สร้างขึ้นโดยศาสตราจารย์ Silvio Micali จาก MIT โดยสามารถรองรับธุรกรรมได้ประมาณ 1,000 รายการต่อวินาที

Algorand ช่วยเหลือสิ่งแวดล้อมผ่านโปรโตคอล ‘Pure Proof-of-Stake’ โปรโตคอลนี้หมายความว่าจำนวนพลังงานที่ต้องใช้ต่อการทำธุรกรรมจะลดลงเมื่อเวลาผ่านไป ในขณะที่ TPS ยังคงเพิ่มขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น Algorand ยังร่วมมือกับบริษัทชั้นนำอย่าง ClimateTrade เพื่อช่วยชดเชยการปล่อยคาร์บอนและสนับสนุนโปรเจ็กต์ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

Algorand ยังชดเชยการใช้คาร์บอนด้วยการซื้อคาร์บอนเครดิตโดยตรงผ่านสัญญาอัจฉริยะ ด้วยกระบวนการนี้ ทีมงานของ Algorand รับประกันว่าเครือข่ายจะยังคงปล่อยคาร์บอนเป็นลบตามเกณฑ์สุทธิ

ซื้อ ALGO บน eToro

คริปโตเป็นผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ไม่มีการควบคุมซึ่งมีความผันผวนสูง เงินทุนของคุณมีความเสี่ยง

6. Chia (XCH) – เหรียญคริปโตที่ยั่งยืนที่สุดพร้อมกลไกการทำงานที่ไม่เหมือนใคร

หนึ่งในโปรเจ็กต์คริปโตที่ยั่งยืนที่ดีที่สุดคือ Chia ตามเว็บไซต์ของ Chia เครือข่ายนี้ใช้พลังงานเพียง 0.16% ของการใช้พลังงานต่อปีของ Bitcoin และ 0.36% ของ Ethereum

การคาดการณ์แนวโน้มราคาเหรียญ Chia ของนักลงทุนเป็นไปในเชิงบวกอย่างมากในปีที่ผ่านมา เนื่องจากกลไก ‘Proof-of-Space-and-Time’ ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ของเครือข่ายได้ขจัดความจำเป็นในการขุดและใช้พื้นที่เก็บข้อมูลที่ว่างอยู่แทนเพื่อรักษาความปลอดภัยเครือข่าย โดย ‘นักฟาร์ม’ สามารถเขียน ‘พื้นที่’ บน HDD และ SDD ของพวกเขา ซึ่งจากนั้นจะใช้เพื่อสร้างบล็อกและสร้างรางวัล

เนื่องจากวิธีการนี้ใช้พื้นที่เก็บข้อมูลที่ไม่ได้ใช้งานในปัจจุบัน เครือข่าย Chia จึงมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยอย่างมาก กลยุทธ์การขุดคริปโตที่ยั่งยืนนี้ช่วยให้เหรียญ XCH เหรียญหลักของเครือข่ายมีมูลค่าตลาดสูงถึง 900 ล้านดอลลาร์ ซึ่งขณะนี้พร้อมให้ซื้อขายในกระดานซื้อขายคริปโตที่ดีที่สุดในโลกหลายแห่ง

ซื้อ Chia บน eToro

คริปโตเป็นผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ไม่มีการควบคุมซึ่งมีความผันผวนสูง เงินทุนของคุณมีความเสี่ยง

7. Solana (SOL) – เครือข่ายบล็อกเชนใช้พลังงานน้อยกว่า Ethereum ถึง 99%

Solana เป็นโปรเจ็กต์คริปโตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมที่มอบความเร็วและประสิทธิภาพที่เหนือชั้น และยังมีฟังก์ชันสัญญาอัจฉริยะ ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสำหรับนักพัฒนา dApp ในการโฮสต์ผลงานสร้างสรรค์ของพวกเขา และทำให้ Solana เป็นหนึ่งในเครือข่ายที่เหมาะสำหรับโปรเจ็กต์ DeFi และ NFT

Solana เป็นหนึ่งใน โปรเจ็กต์เหรียญโตไวที่สุดในปี 2021 สาเหตุหลักมาจากแนวทาง ‘ส่งเสริมสิ่งแวดล้อม’ เครือข่ายนี้ใช้อัลกอริธึม ‘Proof-of-History’ ที่ไม่เหมือนใครในการตรวจสอบธุรกรรม ทำให้ Solana จัดการธุรกรรมได้ประมาณ 65,000 TPS โดยแต่ละครั้งมีค่าธรรมเนียมที่ถูกมากๆ

ธุรกรรม Solana หนึ่งรายการเท่ากับค่าใช้จ่ายเพียง 2,707 จูล ซึ่งต่ำกว่าธุรกรรมของ Ethereum ประมาณ 99% ยิ่งไปกว่านั้น Solana Foundation ยังทำให้เครือข่ายมีความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2021 จนถึงปี 2022 และ Solana ยังเผยแพร่ ‘สรุปการวิเคราะห์ฟุตพริ้นท์ด้านสภาพภูมิอากาศ’ ซึ่งเน้นย้ำว่าเหตุใดนี่จึงเป็นหนึ่งในโปรเจ็กต์คริปโตที่ยั่งยืนที่สุด

ซื้อ SOL บน eToro

คริปโตเป็นผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ไม่มีการควบคุมซึ่งมีความผันผวนสูง เงินทุนของคุณมีความเสี่ยง

8. Nano (XNO) – เหรียญคริปโตทางเลือกนอกจาก Bitcoin ที่ยั่งยืน

Nano เป็นระบบการชำระเงินแบบ peer-to-peer ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถส่งและรับคริปโตได้อย่างรวดเร็วและกระจายอำนาจ แม้ว่าจะคล้ายกับ BTC แต่ Nano สร้างความแตกต่างโดยใช้ ‘โครงสร้างข้อมูลแบบบล็อกแลตทิซ’ วิธีการนี้ช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานโดยการแบ่งเครือข่ายออกเป็นส่วนต่างๆ

หมายความว่าผู้เข้าร่วมเครือข่ายไม่จำเป็นต้องดาวน์โหลดเครือข่ายทั้งหมด ทำให้ Nano เป็นทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า Bitcoin ยิ่งไปกว่านั้น Nano ใช้โปรโตคอลที่คล้ายกับ PoS แต่ช่วยให้ผู้ถือ NANO สามารถลงคะแนนว่าใครจะเป็นผู้ตรวจสอบธุรกรรมบนเครือข่าย

Nano ยังให้ผลลัพธ์ที่เกือบจะในทันทีและสามารถรองรับธุรกรรมได้ประมาณ 1,000 TPS เนื่องจากประสิทธิภาพและกลไกที่ประหยัดพลังงาน Nano จึงกลายเป็นหนึ่งใน โปรเจ็กต์เหรียญคริปโตรักษ์โลกสำหรับผู้ที่ต้องการโอนเหรียญอย่างรวดเร็วและค่าธรรมเนียมต่ำ

ซื้อคริปโตบน eToro

คริปโตเป็นผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ไม่มีการควบคุมซึ่งมีความผันผวนสูง เงินทุนของคุณมีความเสี่ยง

9. Hedera (HBAR) – ทางเลือกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมสำหรับเทคโนโลยีบล็อคเชน

Hedera เป็นโปรเจ็กต์ที่ใช้ ‘Hashgraph’ แทนบล็อคเชนเพื่อตรวจสอบการทำธุรกรรม วิธีการนี้ช่วยให้เครือข่าย Hedera ดำเนินธุรกรรมได้สูงสุด 10,000 TPS และยังคงใช้พลังงานในระดับต่ำ

หนึ่งในค่านิยมหลักของ Hedera คือความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งส่งผลให้ทีมพัฒนาต้องซื้อการชดเชยคาร์บอนทุกไตรมาส โดย Hedera มุ่งมั่นที่จะเพิ่มค่าใช้จ่ายสำหรับการชดเชยคาร์บอนเพื่อชดเชยการใช้พลังงานที่เพิ่มขึ้นเมื่อเครือข่ายเติบโตขึ้น

ด้วยเหตุนี้ นักลงทุนจึงแห่กันไปซื้อ Hedera Hashgraph เพื่อเป็นช่องทางในการมีส่วนร่วมโปรเจ็กต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ยิ่งไปกว่านั้น ทีมงานของ Hedera เพิ่งเปิดตัว ‘กองทุนผลกระทบที่ยั่งยืน’ มูลค่า 100 ล้านดอลลาร์ ซึ่งจะลงทุนในโซลูชันเพื่อชดเชยการปล่อยก๊าซคาร์บอนและช่วยเหลือธรรมชาติ

ซื้อ HBAR บน eToro

คริปโตเป็นผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ไม่มีการควบคุมซึ่งมีความผันผวนสูง เงินทุนของคุณมีความเสี่ยง

10. SolarCoin (SLR) – หนึ่งในเหรียญคริปโตที่ยั่งยืนที่สร้างแรงจูงใจให้ใช้พลังงานแสงอาทิตย์

เหรียญที่เกี่ยวกับพลังงานไฟฟ้าที่ยั่งยืนอีกเหรียญที่ต้องจับตามองคือ SolarCoin ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อจูงใจผู้คนให้เปลี่ยนมาใช้พลังงานแสงอาทิตย์ ภารกิจของโปรเจ็กต์คือการทำให้พลังงานแสงอาทิตย์ใช้งานได้ฟรีโดยการแจกจ่ายเหรียญ SLR ให้กับผู้ที่ติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์

ทีมงานของ SolarCoin หวังว่าจะช่วยให้มูลค่าของเหรียญ SLR สูงกว่าต้นทุนการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งเป็นวิธีที่ทำให้การติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์กลายเป็นสิ่งที่ ‘ฟรี’ ในทางทฤษฎี ในขณะที่เขียนบทความนี้ ทีมงานของ SolarCoin จะมอบ 1 SLR ต่อ 1 MWh ของการผลิตไฟฟ้าที่ตรวจสอบแล้ว ซึ่งเป็นแรงจูงใจทางการเงินที่ชัดเจนในการเปลี่ยนมาใช้แหล่งพลังงานแสงอาทิตย์

อย่างไรก็ตาม เหรียญ SLR ยังไม่ได้เป็นหนึ่งใน Utility Token ที่ดีที่สุดเนื่องจากไม่สามารถใช้เพื่อซื้อสินค้าหรือบริการได้ทุกที่ อย่างไรก็ตาม SolarCoin ยังคงเป็นเหรียญคริปโตที่เกี่ยวข้องกับพลังงานแสงอาทิตย์และสิ่งแวดล้อม

ซื้อคริปโตบน eToro

คริปโตเป็นผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ไม่มีการควบคุมซึ่งมีความผันผวนสูง เงินทุนของคุณมีความเสี่ยง

11. Stellar (XLM) – โปรเจ็กต์คริปโตที่ยั่งยืนที่กำลังมาปฏิวัติระบบการชำระเงิน

โปรเจ็กต์คริปโตที่ยั่งยืนที่สุดอีกโปรเจ็กต์หนึ่งคือ Stellar ซึ่งเป็นเครือข่ายการชำระเงินแบบกระจายอำนาจที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อปรับปรุงเครือข่ายการชำระเงิน ‘แบบดั้งเดิม’ เครือข่ายเหล่านี้มักจะช้าและมีค่าใช้จ่ายสูง ในขณะที่ Stellar สามารถอำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมแบบกระจายอำนาจด้วยต้นทุนที่ต่ำมาก

เป้าหมายโดยรวมของ Stellar คือการช่วยให้หน่วยงานทางการเงินและบุคคลทั่วไปทำการโอนเงินให้เสร็จสมบูรณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าในปัจจุบัน โดยทำสิ่งนี้ผ่าน ‘Stellar Consensus Protocol’ ซึ่งตรวจสอบการทำธุรกรรมโดยใช้โหนด ธุรกรรมสามารถดำเนินการได้ในเวลาเพียงห้าวินาที ซึ่งเร็วกว่าเครือข่าย SWIFT แบบทวีคูณ

ด้วย Stellar Consensus Protocol นี้ Stellar ใช้พลังงานน้อยกว่า Bitcoin มากในการตรวจสอบการทำธุรกรรม ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ที่ต้องการเป็นผู้ตรวจสอบบนเครือข่ายไม่จำเป็นต้องใช้ฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์ขั้นสูงในการทำเช่นนั้น และยังช่วยลดการใช้พลังงาน และทำให้มั่นใจได้ว่า Stellar ยังคงเป็นทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า BTC

ซื้อ XLM บน eToro

คริปโตเป็นผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ไม่มีการควบคุมซึ่งมีความผันผวนสูง เงินทุนของคุณมีความเสี่ยง

สิ่งใดที่ทำให้เหรียญคริปโตยั่งยืน?

เราได้พูดถึงเหรียญคริปโตที่ยั่งยืนอันดับต้นๆ ไปแล้ว คราวนี้เราจะมาเน้นที่คุณสมบัติที่ทำให้โปรเจ็กต์คริปโต เป็นการลงทุนที่ยั่งยืนกัน โดยการพูดถึงความยั่งยืนส่วนใหญ่นั้นเกี่ยวกับจำนวนการใช้พลังงานของเครือข่ายบล็อกเชน โดยเฉพาะ Bitcoin

รายงานจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์พบว่าเครือข่าย Bitcoin ใช้ไฟฟ้าประมาณ 150 เทราวัตต์-ชั่วโมงต่อปี ซึ่งมากกว่าประเทศอาร์เจนตินาทั้งประเทศ และส่งผลให้มีการสูบ CO2 ขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศมากกว่า 60 เมกะตัน ซึ่งจะสร้างผลกระทบด้านลบอย่างมากต่อการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

เหตุผลหลักที่ Bitcoin ใช้พลังงานมากคือผ่านกระบวนการขุด และเนื่องจาก Bitcoin ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายมากขึ้น ก็จะนำไปสู่การทำธุรกรรมจำนวนมากขึ้นที่ต้องได้รับการตรวจสอบความถูกต้อง ซึ่งจะเป็นการเพิ่มปริมาณไฟฟ้าที่จำเป็นต้องใช้มากขึ้น

เหรียญคริปโตมาแรงจำนวนมากพยายามมีความยั่งยืนโดยเลือกใช้อัลกอริธึมที่แตกต่างจาก ‘Proof-of-Work’’ ทางเลือกที่พบบ่อยที่สุดคือ ‘Proof-of-Stake’ (PoS) ซึ่งเป็นโปรโตคอลที่ไม่จำเป็นต้องทำการขุด

เมื่อไม่จำเป็นต้องทำการขุด เครือข่าย PoS จึงลดการใช้พลังงานลงได้อย่างมาก ซึ่งส่งผลให้มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์น้อยลง 

อย่างไรก็ตาม เหรียญ Web 3.0 ที่ดีที่สุด จำนวนมากใช้วิธีปฏิบัติจริงมากกว่า EOS เป็นตัวอย่างหนึ่งเนื่องจากเครือข่ายนี้ลงทุนอย่างแข็งขันในบริษัทที่ชดเชยคาร์บอนเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

เหตุใดคริปโตที่ยั่งยืนจึงมีความสำคัญ

ในขณะที่ตลาดคริปโตขยายตัว มีการให้ความสำคัญกับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น นี่เป็นเรื่องปกติ เมื่อพิจารณาถึงปริมาณไฟฟ้าที่ใช้โดยเครือข่ายบล็อกเชนและโปรเจ็กต์คริปโตอื่นๆ

แต่ทำไมคริปโตที่ยั่งยืนจึงมีความสำคัญ ด้านล่างนี้คือเหตุผลหลายประการที่ทำให้โปรเจ็กต์คริปโตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอาจกลายเป็นโปรเจ็กต์อันดับต้นๆ ในอีกหลายปีข้างหน้า:

ช่วยชะลอภาวะโลกร้อน

เหตุผลหลักที่โปรเจ็กต์คริปโตและองค์กรที่คล้ายคลึงกันมีความจำเป็นต้องมีความยั่งยืนก็คือ พวกเขาพยายามอย่างแข็งขันที่จะชะลอภาวะโลกร้อน และหนึ่งในตัวการสำคัญคือการปล่อย CO2 ซึ่งปัจจุบันโปรเจ็กต์คริปโตหลายโปรเจ็กต์ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จำนวนมากทุกปี

อย่างไรก็ตาม ผู้คนจำนวนมากเลือกที่จะลงทุนในคริปโตเคอเรนซี่ที่เสนอทางเลือกที่ ‘เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม’ ในขณะที่เขียนบทความนี้ เครือข่าย Bitcoin และ Ethereum ยังคงใช้ระบบ PoW ซึ่งใช้พลังงานมาก

เหรียญคริปโตที่ยั่งยืนจะลดการใช้พลังงานลงในขณะที่ยังสามารถให้บริการแบบเดียวกัน ดังนั้น คริปโตที่ยั่งยืนอาจจะมีบทบาทสำคัญในการชะลอภาวะโลกร้อนในอีกหลายปีข้างหน้า

ให้สินทรัพย์ ‘ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม’ สำหรับนักลงทุน

นักลงทุนที่สงสัยว่าจะลงทุนใน Blockchain ได้อย่างไร ตอนนี้มีหลายโปรเจ็กต์ที่ต้องพิจารณา เนื่องจากตลาดเฉพาะกลุ่มนี้ได้เติบโตขึ้นอย่างทวีคูณในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา 

จากข้อมูลของ BlackRock บริษัทที่ตระหนักและพยายามที่จะแก้ปัญหาความท้าทายของโลกนั้นมีโอกาสอย่างมากสำหรับการเติบโตในระยะยาว ซึ่งไม่ต่างกับในตลาดคริปโต เหรียญคริปโตที่ยั่งยืนจึงยังคงมีความจำเป็นสำหรับนักลงทุนที่ต้องการซื้อสินทรัพย์ที่ ‘เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม’

เปิดโอกาสให้บุคคลและธุรกิจร่วมมือกัน

ประการสุดท้าย เหรียญคริปโตที่ยั่งยืนมีความสำคัญในการเชื่อมโยงบุคคลและธุรกิจเข้าด้วยกัน ทุกวันนี้ ความเชื่อมโยงระหว่างคนธรรมดากับองค์กรยักษ์ใหญ่ยังเป็นไปได้ยาก แต่โปรเจ็กต์คริปโตที่ยั่งยืนพยายามที่จะแก้ปัญหานี้ด้วยการนำเสนอแพลตฟอร์มที่ให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเหล่านี้รวมตัวกันเพื่อประโยชน์ด้านสิ่งแวดล้อม

วิธีค้นหาเหรียญคริปโตที่ยั่งยืน

ขณะนี้มีโปรเจ็กต์คริปโตที่ยั่งยืนมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งขับเคลื่อนด้วยความต้องการของสังคมในการสร้างความเปลี่ยนแปลง อย่างไรก็ตาม การค้นหาโปรเจ็กต์ที่ยั่งยืนและน่าลงทุนอาจเป็นเรื่องยาก 

เพื่อช่วยให้กระบวนการนี้ง่ายขึ้น นักลงทุนสามารถค้นหาเหรียญคริปโตในอนาคตที่มีความยั่งยืนได้หลายวิธี ดังนี้

มองหาบล็อกเชนที่ไม่ใช้ Proof-of-Work (PoW)

นักลงทุกที่หามีเงิน 30,000 ลงทุนอะไรดีสุด(หรือจำนวนเท่าใดก็ได้) ในเหรียญคริปโตที่ยั่งยืนควรหลีกเลี่ยงเครือข่ายบล็อกเชนที่ใช้กลไก PoW มีทางเลือกมากมายสำหรับกลไกเหล่านี้ เช่น Proof-of-Stake และ Proof-of-History

นักลงทุนอาจต้องการหลีกเลี่ยงบล็อกเชนทั้งหมดและใช้เครือข่ายทางเลือก ซึ่ง Hedera เป็นผู้นำในเรื่องนี้ เนื่องจากวิธีการแบบ ‘hashgraph’ ยังคงกระจายอำนาจและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แม้ว่าจะไม่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนก็ตาม

ใช้ช่องทางโซเชียลมีเดีย

โซเชียลมีเดียเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการค้นหาเหรียญคริปโตที่ยั่งยืน เหรียญคริปโต pantip ที่น่าซื้อที่สุดตอนนี้ถือเป็นเหรียญที่ ‘เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม’ เนื่องจากเหรียญเหล่านี้มักมีศักยภาพสูงสุดในระยะยาว

ยิ่งไปกว่านั้นหลาย ช่อง YouTube คริปโตที่ดีที่สุดมักพูดคุยเกี่ยวกับโปรเจ็กต์ที่เกิดขึ้นใหม่ ซึ่งหลายโปรเจ็กต์มีค่านิยมหลักที่เกี่ยวข้องกับการลดการปล่อย CO2

ค้นหากรณีการใช้งานที่เป็นนวัตกรรมใหม่

นักลงทุนสามารถค้นหาเหรียญคริปโตใหม่และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมได้โดยการค้นหาโปรเจ็กต์ที่มีกรณีการใช้งานเฉพาะ แม้ว่าบล็อกเชน PoS จะช่วยสิ่งแวดล้อมได้ แต่ก็ยังคงใช้พลังงาน ทำให้เกิดความต้องการโซลูชันที่เป็นกลางทางคาร์บอน (หรือมีคาร์บอนเป็นลบ)

เหรียญคริปโตที่มีโอกาสเติบโตสูงสุดมักมีกรณีการใช้งานที่ไม่เหมือนใคร ทำให้นักลงทุนมีจุดขายที่ไม่เหมือนใคร เหรียญคริปโตจำนวนมากเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยสิ่งแวดล้อม แต่มักมีศักยภาพด้านราคามหาศาลจากมุมมองด้านการลงทุน

ติดตามดูพันธมิตรที่โดดเด่น

เหรียญคริปโตที่ยั่งยืนใหม่ๆ มักจะแสวงหาความร่วมมือกับสถาบันชั้นนำ สิ่งนี้ยังมีประโยชน์เพิ่มเติมในการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับทั้งเหรียญคริปโตและพันธกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ตัวอย่างหนึ่งคือ Polygon ซึ่งเป็นหนึ่งในโปรเจ็กต์บล็อกเชนชั้นนำของโลก Polygon ร่วมมือกับโปรเจ็กต์ริเริ่มต่างๆ ของชุมชนเพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวก และยังให้เงินทุนถึง 20 ล้านดอลลาร์สำหรับโปรเจ็กต์ของพวกเขา

เหรียญคริปโตที่ยั่งยืนที่สุด – บทสรุป

บทความนี้ได้พูดถึงโปรเจ็กต์คริปโตที่ยั่งยืนที่สุดในปี 2023 โดยสำรวจว่าโปรเจ็กต์เหล่านี้มีผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อมอย่างไร และทำไมจึงมีศักยภาพด้านมูลค่าที่สูง

ผู้ที่ต้องการลงทุนในเหรียญคริปโตที่ยั่งยืนที่สุดอาจต้องการลงทุนกับ eToro ที่เปิดโอกาสให้นักลงทุนซื้อเหรียญคริปโตด้วยค่าธรรมเนียมคงที่ 1% (บวกส่วนต่างของตลาด) ยิ่งไปกว่านั้น นักลงทุนสามารถเปิดโพสิชันซื้อขายได้ด้วยเงินทุนตั้งแต่ 10 ดอลลาร์ ทำให้ eToro เหมาะสำหรับผู้ลงทุนมือใหม่ในตลาดคริปโต

ตัวเลือกอันดับต้น ๆ ของเราสำหรับเหรียญคริปโตที่ยั่งยืนที่สุดคือ Ecoterra โปรเจกต์ Pre-sale ที่เพิ่งเปิดตัวนี้จะให้ผู้ใช้ได้รับคาร์บอนเครดิตสำหรับการรีไซเคิล Ecoterra โดยมุ่งมั่นที่จะสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับความสำคัญของการรีไซเคิลผ่านโปรแกรมการศึกษาด้านสิ่งแวดล้อม และพยายามที่จะกระตุ้นให้แต่ละคนมีส่วนร่วมในกิจกรรมการรีไซเคิลอย่างจริงจัง

Categories
Crypto News คู่มือคริปโต เหรียญคริปโตที่ดีที่สุด

10 โปรเจกต์เหรียญ AI ที่น่าลงทุนมากที่สุดในปี 2023

ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ถูกมองว่าเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำของโลกในทศวรรษหน้า โดยมีศักยภาพในการปฏิวัติวิธีการดำเนินธุรกิจของโลก เร่งให้เกิดเทคโนโลยีใหม่ๆ และสร้างเครือข่ายทางสังคมและการเงินรูปแบบใหม่ที่ไม่เคยเป็นไปได้มาก่อน

นอกเหนือจากบิทคอยน์แล้ว การปฏิวัติโดย AI กำลังเกิดขึ้นในโลกของคริปโต ซึ่งในบทความนี้ เราจะแนะนำ 10 เหรียญคริปโต AI ที่ดีที่สุดสำหรับปี 2023 และอธิบายวิธีการทำงานของเหรียญคริปโต AI

โปรเจกต์เหรียญ AI ที่ดีที่สุดในปี 2023

AI กำลังมีบทบาทสำคัญมากขึ้นในโปรเจกต์คริปโตใหม่ๆ หลายโปรเจกต์ เราได้เลือกเหรียญ AI ที่ดีที่สุด 10 เหรียญที่รวมอัลกอริธึมที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลเข้ากับเทคโนโลยีบล็อกเชนมาแนะนำในบทความนี้:

  1. Love Hate Inu (LHINU) – เหรียญคริปโตมีม Vote-to-Earn ที่ดีที่สุด ซึ่งเป็นทางเลือกของโปรเจกต์เหรียญ AI
  2. DeeLance (DLANCE) –  โปรเจกต์เหรียญ AI ที่น่าลงทุนที่จะมาปฏิวัติวงการงานฟรีแลนซ์
  3. Ecoterra (ECOTERRA) – โปรเจกต์เหรียญ AI รักษ์โลก พร้อมรางวัลสำหรับการรีไซเคิล
  4. Fetch (FET) – AI ยอดนิยมที่ใช้ตัวแทนเพื่อสร้างผลกำไรจำนวนมาก
  5. Numeraire (NMR) – กองทุนเฮดจ์ฟันด์เหรียญ AI สำหรับตลาดหุ้น
  6. Cortex (CTXC) – เหรียญ AI สำหรับสมาร์ทคอนแทร็คที่ใช้งาน AI
  7. Velas (VLX) – เหรียญที่มีศักยภาพทำกำไรบนบล็อคเชนที่ขับเคลื่อนด้วย AI
  8. Ocean Protocol (OCEAN) – เหรียญ AI สำหรับกระดานแลกเปลี่ยนบิ๊กดาต้า
  9. SingularityNET (AGIX) – ตลาดออนไลน์สำหรับอัลกอริทึม AI
  10. dKargo (DKA) – เหรียญ AI เพื่อการขนส่งที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

เหรียญ AI ที่ดีที่สุดที่เราแนะนำ

รีวิวเหรียญ AI ยอดนิยม

กำลังหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเหรียญ AI ที่ดีที่สุดสำหรับปี 2023 อยู่ใช่ไหม เราจะแนะนำเหรียญ 10 อันดับแรกอย่างละเอียดยิ่งขึ้นและอธิบายปัจจัยต่างๆ ที่ทำให้เหรียญและโปรเจกต์เหล่านี้มีความโดดเด่น

1. Love Hate Inu (LHINU) – เหรียญคริปโตมีม Vote-to-Earn ที่ดีที่สุด ซึ่งเป็นทางเลือกของโปรเจกต์เหรียญ AI

เช่นเดียวกับที่ AI ขัดขวางวิธีการแบบเดิมๆ $LHINU ก็ปฏิวัติอุตสาหกรรมด้วยการรวมเทคโนโลยี Blockchain เข้ากับกลไก vote-to-earn โดย Love Hate Inu เป็นแพลตฟอร์มที่ใช้ Blockchain แห่งแรกของโลกที่ให้รางวัลแก่ผู้ใช้สำหรับการเข้าร่วมการสำรวจความคิดเห็นและส่วนย่อย

นักลงทุนต่างแห่กันซื้อโทเค็นหลักของโปรเจกต์อย่าง $LHINU ซึ่งระดมทุนไปแล้วกว่า 2.75 ล้านดอลลาร์ในเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือนนับตั้งแต่เปิด Pre-sale

โดยเป็นหนึ่งใน เหรียญคริปโต pre-sale ที่ดีที่สุดผ่านทั้งแปดรอบ โดยแต่ละรอบจะใช้เวลา 7.5 วัน โดยราคาของโทเค็น $LHINU จะเพิ่มขึ้น 38% จากราคา ณ เวลาที่เขียนถึงรอบสุดท้าย – ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก $0.000105 เป็น $0.000145

ในการเข้าร่วมพรีเซลล์ คุณสามารถซื้อโทเค็น $LHINU โดยใช้ Ethereum, USDT หรือบัตรเครดิตทั่วไปผ่านทางเว็บไซต์ของแพลตฟอร์ม 

สำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มใช้แพลตฟอร์ม คู่มือสำหรับใหม่จะสรุปกระบวนการทีละขั้นตอนการซื้อโทเค็น Love Hate Inu

Love Hate Inu คืออะไร?

Love Hate Inu เป็นโทเค็นยูทิลิตี้ตัวแรกที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ stake โทเค็นและลงคะแนนเสียงเพื่อแลกกับรางวัล

เมื่อใช้เทคโนโลยี Blockchain ผู้ใช้จะได้รับแรงจูงใจในการลงคะแนนผ่านกลไก ‘vote-to-earn’ วิธีการใหม่นี้จะเปลี่ยนวิธีการลงคะแนนเสียงในแบบสำรวจออนไลน์ในอนาคต

โปรเจกต์นี้จะนำเสนอผลลัพธ์ที่ยุติธรรม ไม่เปลี่ยนแปลง และปลอดภัยสำหรับโพลในหัวข้อต่างๆ ที่หลากหลาย ตั้งแต่มีมที่สนุกสนานและแบ่งปันได้ ไปจนถึงความคิดเห็นทางการเมืองที่จริงจัง

ในขณะที่ Love Hate Inu จะจัดการและส่งแบบสำรวจเริ่มต้น ภายในไตรมาสที่ 4 ปี 2023 ชุมชนจะจัดการและดำเนินการได้อย่างเต็มที่

ผู้ใช้และหน่วยงานที่สามมีอิสระที่จะส่งคะแนนเสียง โดยชุมชนเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะลงคะแนนเสียงใด ในขณะที่โปรเจกต์ยังพยายามสร้างพันธมิตรกับแบรนด์และโปรเจกต์ Web3 เพื่อเสนอโพสต์ที่ได้รับการสนับสนุนซึ่งรับประกันรางวัลพิเศษ

Stake-to-Vote

อิงจากเอกสารข้อมูล Love Hate Inu เฉพาะผู้ถือโทเค็นที่ stake โทเค็นของตนนานกว่า 30 วันเท่านั้นที่มีสิทธิ์ลงคะแนนโดยไม่เปิดเผยตัวตนในแบบสำรวจ โดยพลังเสียงในการโหวตจะพิจารณาจากขนาดและระยะเวลาของการ stake 

กลไก stake-to-vote ป้องกันไม่ให้บอทส่งสแปมและแก้ไขผลโพลและนักเคลื่อนไหวจาก ‘กลุ่มต่างๆ ‘ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตนต้องการ 

คุณควรลงทุนซื้อ Love Hate Inu หรือไม่?

Love Hate Inu นำเสนอระบบการลงคะแนนที่ปลอดภัย เชื่อถือได้ และไม่ระบุตัวตน ซึ่งส่งเสริมการพูดคุยอย่างเปิดเผยและผ่องใสในหัวข้อปัจจุบัน 

โดยมีกำหนดจะปฏิวัติตลาดแบบสำรวจและโพลออนไลน์ ซึ่งมีมูลค่าทั่วโลก 3.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าภายในปี 2027

ยิ่งไปกว่านั้น แพลตฟอร์มจะขาย 90% ของจำนวนทั้งหมด 100,000 ล้านรายการในช่วงพรีเซลล์ ทำให้โปรเจกต์อยู่เป็นของชุมชนและป้องกันการหลอกลวงที่อาจเกิดขึ้น โดย 10% สุดท้ายจะถูกเก็บไว้สำหรับสภาพคล่องในกระดานแลกเปลี่ยน

ผู้ซื้อที่คาดหวังสามารถเข้าร่วมช่อง Love Hate Inu Telegram ในช่วงพรีเซลล์เพื่อรับการอัพเดตล่าสุด

เริ่มพรีเซล8 มีนาคม 2023
วิธีการซื้อETH, USDT, บัตรเครดิต
เชนEthereum
เพดานเงินทุน$10,068,750
ลงทุนขั้นต่ำ10 $LHINU
ลงทุนสูงสุดไม่ระบุ

ไปยัง Love Hate Inu Presale

2. DeeLance (DLANCE) – โปรเจกต์เหรียญ AI ที่น่าลงทุนที่จะมาปฏิวัติวงการงานฟรีแลนซ์

DeeLance เป็นเหรียญคริปโตมาใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวและกำลังจะพลิกโฉมโลกแห่งการจัดหางานและฟรีแลนซ์

โปรเจ็กต์นี้ยังมีแชทบอทที่ขับเคลื่อนด้วย AI สำหรับการสนับสนุนลูกค้า ซึ่งจะทำให้โลกของการจ้างงานและฟรีแลนซ์มีประสิทธิภาพและโปร่งใสมากขึ้น

DeeLance จะทำงานจากระบบข้อเสนอแนะโดยทั้งสองฝ่ายสามารถดูคะแนนได้ ช่วยให้ผู้จ้างสามารถค้นหาผู้สมัครและฟรีแลนซ์คุณภาพสูงเพื่อหลีกเลี่ยงผู้ไม่หวังดี

DeeLance จะตัดเรื่องของคนกลางออกไป ซึ่งจะการสร้างรายได้ของฟรีแลนซ์ และเสนอค่าธรรมเนียมและค่าคอมมิชชันที่ต่ำกว่าคู่แข่งของ Web2

การชำระเงินจะใช้งานโทเค็น DLANCE ซึ่งเร็วกว่าสกุลเงินทั่วไป โดย DeeLance จะใช้เอสโครว์ที่ปลอดภัยเพื่อรับประกันการชำระเงินทันทีเมื่องานเสร็จสิ้นตามข้อกำหนดที่ตกลงไว้

งานที่เสร็จสมบูรณ์จะถูกแปลงเป็น NFT และรักษาความปลอดภัยบน Blockchain เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้น เช่น การฉ้อโกงการชำระเงินหรือการละเมิดลิขสิทธิ์

โปรเจกต์นี้ยังสร้างโลก metaverse ที่จะช่วยให้ผู้จ้างและฟรีแลนซ์สามารถเชื่อมต่อและทำงานร่วมกัน ซื้อที่ดินเสมือน สำนักงานสำหรับการจัดการประชุม และบริการโฆษณาบนพื้นที่บิลบอร์ด

การ Pre-sale ของ DLANCE เพิ่งเริ่มต้นด้วยการขายโทเค็นในรอบที่ 1 ในราคา $0.025 และเพิ่มขึ้นเป็น $0.035 ในรอบที่หกและรอบสุดท้าย – โดยไม่มีช่วงล็อคเหรียญและตั้งเป้าระดมทุนไว้ที่ $6.8 ล้าน

โดยทีมงาน DeeLance ก็ได้รับการตรวจสอบและยืนยัน KYC แล้ว และได้จัดสรร 30% ของ DLANCE ที่ 1 พันล้านเหรียญ

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรเจกต์ ผู้ที่สนใจควรอ่านเอกสารเอกสารข้อมูลของ DeeLance หรือเข้าร่วมกลุ่ม Telegram

เริ่มพรีเซลล์30 มีนาคม
วิธีการซื้อETH, USDT, บัตรเครดิต
เชนEthereum
ลงทุนขั้นต่ำ$10
ลงทุนสูงสุดไม่ระบุ

ไปยัง DeeLance Presale ตอนนี้

3. Ecoterra (ECOTERRA) – โปรเจกต์เหรียญ AI รักษ์โลก พร้อมรางวัลสำหรับการรีไซเคิล

Ecoterra เป็นโปรเจกต์คริปโตที่มีศักยภาพสูงที่เพิ่งเปิดตัวซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้ได้รับรางวัลง่ายๆ จากการรีไซเคิล

ด้วย Ecoterra ผู้ใช้จะนำสิ่งของที่ไม่ต้องการไปยังเครื่องรับซื้อบรรจุภัณฑ์รีไซเคิล (RVM) ซึ่งมีจำหน่ายในซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วโลก สแกนบาร์โค้ดของสินค้านั้นๆ และนำไปฝาก

จากนั้นอัลกอริธึม Ecoterra ที่ขับเคลื่อนด้วย AI จะกำหนดมูลค่าให้กับสินค้าและผู้ใช้จะได้รับรางวัลเป็นโทเค็น ECOTERRA ด้วยคอนเซ็ปต์ ‘recycle-to-earn’

นอกจากนี้ โทเค็นเหล่านั้นสามารถถือเป็นการลงทุน หรือจะ Stake เพื่อสร้างรายได้แบบพาสซีฟ หรือใช้เพื่อต่อสู้กับภาวะโลกร้อน และกองทุนโปรเจกต์ต่างๆ เช่น การปลูกต้นไม้หรือการทำความสะอาดชายหาด

Ecoterra ซึ่งได้เป็นพันธมิตรกับเครือข่ายซูเปอร์มาร์เก็ตมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ Ahold Delhaize ยังมีตลาดชดเชยคาร์บอนเพื่อซื้อเครดิตคาร์บอนที่ผ่านการตรวจสอบแล้ว และยังมีตลาดวัสดุรีไซเคิลซึ่งจะเชื่อมต่อผู้ใช้กับผู้รีไซเคิลทั่วโลก

โดยทุกสิ่งที่ทำผ่านแอพมือถือ Ecoterra จะถูกติดตาม และเมื่อถึงจุดสำเร็จบางอย่าง ผู้ใช้จะได้รับผลตอบแทนเพิ่มเติม เช่น NFT

การ  Pre-sale ของ ECOTERRA อยู่ในรอบที่ 1 โดยขายโทเค็นในราคา $0.004 อย่างไรก็ตาม โดยโทเค็นในรอบสุดท้ายจะมีราคาเพิ่มขึ้น 150% เป็น $0.01

นี่คือเหรียญคริปโตรักษ์โลกที่ได้รับการพัฒนาโดยทีมงานที่ตรวจสอบและยืนยัน KYC กำลังขายโทเค็น 1 พันล้านโทเค็น (50% ของทั้งหมด) ในช่วง Pre-sale โดยไม่มีระยะเวลาการล็อคเหรียญ และตั้งเป้าระดมทุนสูงสุด 6.7 ล้านดอลลาร์

เข้าร่วมกลุ่ม Ecoterra Telegram หรืออ่านเอกสารข้อมูลสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรเจกต์

เริ่มพรีเซลล์29 มีนาคม
วิธีการซื้อETH, USDT, บัตรเครดิต
เชนEthereum
ลงทุนขั้นต่ำ$10
ลงทุนสูงสุดไม่ระบุ

ไปยัง Ecoterra Presale ตอนนี้

4. Fetch (FET) – AI ยอดนิยมที่ใช้ตัวแทนเพื่อสร้างผลกำไรจำนวนมาก

Fetch.ai เป็นหนึ่งในเหรียญคริปโตออกใหม่ที่ดีที่สุดในปี 2023 แพลตฟอร์มที่ทำงานบนบล็อกเชนนี้ใช้ AI และแมชชีนเลิร์นนิ่งเพื่อสร้างสิ่งที่เรียกว่า ‘ตัวแทนทางเศรษฐกิจที่เป็นอิสระ’ โดยตัวแทนเหล่านี้ดำเนินการในนามของบุคคลเพื่อสร้างผลกำไรด้วยวิธีการต่างๆ

ตัวอย่างในการทำงานของตัวแทนทางเศรษฐกิจที่เป็นอิสระคือบอทซื้อขายคริปโตบนกระดานแลกเปลี่ยนแบบกระจายอำนาจเช่น Uniswap โดยตัวแทนสามารถซื้อและขายคริปโตเพื่อทำกำไรให้กับเจ้าของ อีกทางหนึ่ง ตัวแทนเหล่านี้สามารถใช้เพื่อแบ่งปันข้อมูลระหว่างอุปกรณ์หรือเพื่อดำเนินการธุรกรรมโดยอัตโนมัติและรับค่าธรรมเนียมในกระบวนการ

ความยืดหยุ่นของ Fetch ทำให้นี่เป็นระบบมีประสิทธิภาพอย่างเหลือเชื่อ ตัวแทนทางเศรษฐกิจที่เป็นอิสระสามารถสร้างพื้นฐานของตลาดแบบกระจายอำนาจในอนาคต หรือสามารถช่วยเชื่อมต่ออุปกรณ์ใน Internet of Things ได้

Fetch.ai มีบล็อกเชนของตัวเองที่รวมกลไกการตรวจสอบความถูกต้องแบบ proof of work และ proof of stake นักขุดเหรียญบนบล็อกเชนจะได้รับเหรียญ FET เป็นรางวัลสำหรับการตรวจสอบธุรกรรม และสามารถใช้เหรียญเหล่านี้เพื่อชำระเงินสำหรับการใช้ตัวแทนอิสระที่ทำงานบนเครือข่ายของ Fetch

FET เป็นหนึ่งในเหรียญคริปโต AI ที่ดีที่สุด และเพิ่งได้รับการลิสท์บน eToro ซึ่งเป็นหนึ่งในกระดานแลกเปลี่ยนคริปโตที่มีชื่อเสียงและได้รับการกำกับดูแลอย่างดีในอุตสาหกรรม ซึ่งจะไม่มีการลิสท์โปรเจ็กต์คริปโตที่ขาดความโปร่งใส และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โปรเจกต์นี้ได้กลายเป็นหนึ่งในเหรียญ AI ที่มีประสิทธิภาพดีที่สุด

eToro ยังรองรับการคัดลอกการซื้อขายอัตโนมัติ รวมถึง ‘ Napoleon-X ‘ ซึ่งเป็นเครื่องมือในการซื้อขายเหรียญ AI

ซื้อ FET ตอนนี้บน eToro

คริปโตเป็นผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ไม่มีการควบคุมที่มีความผันผวนสูง เงินทุนของคุณมีความเสี่ยง

5. Numeraire (NMR) – กองทุนเฮดจ์ฟันด์เหรียญ AI สำหรับตลาดหุ้น

Numeraire เป็นเหรียญ AI ที่ไม่เหมือนใครซึ่งขับเคลื่อน Numerai ซึ่งเป็นกองทุนเฮดจ์ฟันด์ในซานฟรานซิสโก Numerai ไม่ได้ดำเนินการโดยนักวิเคราะห์หุ้นมืออาชีพ แต่อาศัยผู้ถือเหรียญ NMR เพื่อคาดการณ์เกี่ยวกับตลาดหุ้น

ในแต่ละสัปดาห์ ผู้ถือ NMR สามารถคาดการณ์หุ้นตั้งแต่หนึ่งตัวขึ้นไป พวกเขาสามารถใช้เมตริกใดก็ได้ที่ต้องการเพื่อทำการคาดการณ์ราคาหุ้น จากนั้นจึงส่งตัวอักษรย่อของหุ้นและราคาเป้าหมายไปที่ Numerai จากนั้น Numerai จะใช้ AI เพื่อประมวลผลการคาดการณ์ทั้งหมดจากผู้ใช้และทำการลงทุนในโลกแห่งความเป็นจริงกับตัวเลือกหุ้นที่ดีที่สุด

ผู้ใช้ที่ส่งการคาดการณ์ราคาจะต้อง stake เหรียญ NMR ในการคาดการณ์ของพวกเขา หากพวกเขาคาดการณ์ถูก พวกเขาจะได้รับเหรียญ NMR ที่สร้างขึ้นใหม่ หากพวกเขาคาดการณ์ผิด เหรียญ NMR ที่ stake ไว้จะถูกเผาทิ้ง

นอกจากนี้ ผู้ถือ NMR ยังสามารถเข้าถึงแบบจำลองการคาดการณ์ของ AI ของแพลตฟอร์มเพื่อดูว่ากำลังมีการลงทุนในหุ้นตัวใดอยู่ และอาจใช้ Numerai เพื่อเป็นข้อมูลในการซื้อขายหุ้นของตนเอง

ในขณะที่เขียนบทความนี้ เหรียญ NMR มีราคาเพิ่มขึ้น 35% ในเดือนที่แล้ว ทำให้นี่เป็นหนึ่งในเหรียญ AI ที่น่าลงทุนที่สุด

6. Cortex (CTXC) – เหรียญ AI สำหรับสมาร์ทคอนแทร็คที่ใช้งาน AI

Cortex เป็นโปรเจกต์คริปโตใหม่ที่สร้างขึ้นบน Ethereum ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อนำฟังก์ชันการทำงานของ AI มาสู่สมาร์ทคอนแทร็ค ผู้ใช้สามารถซื้อโมเดล AI เพื่อรวมเข้ากับสมาร์ทคอนแทร็คได้ด้วย Cortex

กระบวนการนี้ทำให้มีฟังก์ชันการทำงานมากกว่าที่เป็นไปได้ด้วยสมาร์ทคอนแทร็คที่มีอยู่บน Ethereum โดย dApps ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ที่สร้างขึ้นโดยใช้เครือข่ายของ Cortex สามารถใช้กับทุกอย่างตั้งแต่เกม Play to earn การให้กู้ยืมคริปโต ไปจนถึงเหรียญ Stablecoin ที่ควบคุมโดย AI

คุณสมบัติ AI นี้ทำงานบน Cortex Virtual Machine ซึ่งใช้พลังงานจากโปรเซสเซอร์ GPU ในเครือข่ายทั้งหมด แทนที่จะเป็นโปรเซสเซอร์ CPU เพื่อให้สามารถประมวลผลได้มากขึ้น

นักพัฒนาสามารถสร้างอัลกอริทึม AI ของตนเองด้วย Cortex แล้วขายเพื่อแลกกับเหรียญ CTXC

เมื่อมูลค่าของเหรียญ CTXC เพิ่มขึ้น นักพัฒนาจำนวนมากจะมีแรงจูงใจให้เข้าร่วมโปรเจกต์ Cortex และสร้างโมเดล AI ที่หลากหลายยิ่งขึ้นสำหรับ dApps

7. Velas (VLX) – เหรียญที่มีศักยภาพทำกำไรบนบล็อคเชนที่ขับเคลื่อนด้วย AI

Velas เป็นคริปโตเคอเรนซี่ที่สร้างบนระบบ Fork ของบล็อคเชน Solana สิ่งที่ทำให้ Velas ไม่เหมือนใครคือการรวม AI เข้ากับกลไกการตรวจสอบความถูกต้องสำหรับธุรกรรมบนบล็อกเชน

Velas ใช้สิ่งที่เรียกว่า Artificial Intuition Delegated Proof of Stake (AIDPoS) ทำให้สามารถทำธุรกรรมได้มากถึง 30,000 รายการต่อวินาทีโดยที่ยังมีความปลอดภัย ทำให้นี่เป็นหนึ่งในบล็อกเชนที่เร็วที่สุดในปัจจุบัน

ปัจจุบันบล็อกเชน Velas ทำหน้าที่เป็นฐานสำหรับแอพพลิเคชั่น dApps และ Web 3.0 ที่ใช้ Ai ทำให้ VLX เป็นหนึ่งในเหรียญ Web 3.0 ที่ดีที่สุด

เหรียญ VLX นั้นทำหน้าที่เป็นสื่อกลางสำหรับการชำระเงินบนเครือข่าย Velas รวมถึงเหรียญที่ให้สิทธิ์ในการกำกับดูแล

นอกจากนี้ยังสามารถ stake เหรียญ VLX ผ่านระบบตรวจสอบความถูกต้องของ AIDPoS ทำให้ผู้ถือเหรียญได้รับผลตอบแทนจากคริปโตเคอเรนซี่ของตนเอง

8. Ocean Protocol (OCEAN) – เหรียญ AI สำหรับกระดานแลกเปลี่ยนบิ๊กดาต้า

Ocean Protocol (OCEAN) เป็นคริปโตเคอเรนซี่ AI ที่ออกแบบมาเพื่ออำนวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยนชุดข้อมูลบิ๊กดาต้าระหว่างผู้ให้บริการข้อมูลและนักพัฒนาโมเดล AI แพลตฟอร์มนี้ช่วยให้นักพัฒนาได้รับชุดข้อมูลที่จำเป็นในการฝึกอบรมและรันโมเดลของตนได้ง่ายและถูกกว่ามาก ขณะที่ผู้ให้บริการข้อมูลก็สามารถสร้างรายได้จากข้อมูลของตน

แพลตฟอร์มนี้ทำงานโดยเปิดให้มีการสร้างเหรียญของชุดข้อมูล เมื่อสร้างเหรียญแล้ว ก็จะสามารถประเมินมูลค่าและซื้อหรือขายเหรียญที่สร้างขึ้นได้อย่างง่ายดาย

เหรียญข้อมูลแต่ละรายการสามารถเก็บไว้ในกระเป๋าเงินดิจิทัลและให้การเข้าถึงชุดข้อมูล ส่วนข้อมูลก็สามารถเก็บไว้ในบล็อคเชน Ocean Protocol ได้

เหรียญ OCEAN เป็นคริปโตเคอเรนซี่หลักของเครือข่าย Ocean Protocol ซึ่งเป็นสื่อกลางในกระดานแลกเปลี่ยนสำหรับการซื้อและขายเหรียญข้อมูล

OCEAN เป็นหนึ่งในเหรียญคริปโต AI ที่ดีที่สุดเนื่องจากสามารถนำไป Stake และสร้างสภาพคล่องให้กับชุดข้อมูลเฉพาะในตลาด ผู้ถือเหรียญ OCEAN ที่นำเหรียญไป Staske จะได้รับผลตอบแทน 0.1% ของค่าธรรมเนียมที่เกิดจากชุดข้อมูลนั้น

9. SingularityNET (AGIX) – ตลาดออนไลน์สำหรับอัลกอริทึม AI

SingularityNET เป็นตลาดออนไลน์สำหรับการซื้อและขายอัลกอริธึม AI โดยเฉพาะ เป้าหมายของตลาดแบบกระจายอำนาจนี้คือการเชื่อมโยงนักวิจัยที่กำลังสร้างแอป AI และต้องการสร้างรายได้จากธุรกิจที่ต้องการใช้อัลกอริทึม AI เพื่อประหยัดเงินทุนและปรับปรุงการดำเนินงาน

ในการเริ่มต้น ตลาดของ SingularityNET รองรับอัลกอริทึม AI ใน 3 หมวดหมู่ที่แตกต่างกัน ได้แก่ วิทยาการหุ่นยนต์บนคลาวด์ การวิจัยทางชีวการแพทย์ และความปลอดภัยทางไซเบอร์ ทีมที่อยู่เบื้องหลัง SingularityNET วางแผนที่จะเพิ่มหมวดหมู่มากขึ้น รวมถึงวางแผนที่จะใช้ AI เพื่อจับคู่ผู้ซื้อและผู้ขายบนแพลตฟอร์มโดยอัตโนมัติ

SingularityNET อาศัยมนุษย์เป็นตัวแทนในการทำธุรกรรมนายหน้า ตัวแทนเหล่านี้ต้อง Stake เหรียญ AGI ที่เป็นเหรียญหลักของแพลตฟอร์มเพื่อเข้าร่วมในเครือข่าย และพวกเขาอาจสูญเสียเหรียญ AGI หากได้รับคะแนนต่ำจากผู้ซื้อหรือผู้ขาย นอกจากนี้ เหรียญ AGIX ยังใช้เพื่อชำระเงินสำหรับการทำธุรกรรมบนเครือข่ายและเป็นเหรียญที่ให้สิทธิ์ในการกำกับดูแลเพื่อกำหนดอนาคตของ SingularityNET หากคุณต้องการเรียนรู้วิธีซื้อ SingularityNET ในปี 2023 ก็สามารถอ่านบทความแนะนำของเราได้ทันที

นักลงทุนบางคนยังมองว่าเหรียญ AGI เป็นหนึ่งในโทเค็น ERC20 ที่ดีที่สุด

10. dKargo (dKA) – เหรียญ AI เพื่อการขนส่งที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

dKargo เป็นเหรียญ AI ที่เปิดตัวในปี 2020 เนื่องจากห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกหยุดชะงักจากการระบาดของโรคโควิด 19 แพลตฟอร์มแบบกระจายศูนย์นี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อใช้ AI ในการทำให้ระบบโลจิสติกส์มีประสิทธิภาพและคุ้มทุนมากขึ้น

ด้วย dKargo ผู้ถือเหรียญสามารถซื้อและขายบริการโลจิสติกส์ในสภาพแวดล้อมที่น่าเชื่อถือ ทำให้ทุกฝ่ายสามารถผสมและจับคู่บริการจากผู้ให้บริการลอจิสติกส์หลายรายได้ง่ายขึ้น และสร้างห่วงโซ่อุปทานแบบกำหนดเองที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ในการใช้เครือข่ายการจัดส่งและการรับสินค้าที่มีอยู่

เหรียญ DKA คือศูนย์กลางของแพลตฟอร์ม dKargo ซึ่งใช้เพื่อชำระค่าบริการโลจิสติกส์บนแพลตฟอร์ม และยังทำหน้าที่เป็นเหรียญที่ให้สิทธิ์ในการกำกับดูแลสำหรับระบบนิเวศ dKargo

ผู้ให้บริการจะต้อง Stake เหรียญ DKA เพื่อนำเสนอบริการโลจิสติกส์ของตนบนแพลตฟอร์ม dKargo

อัปเดต – เหรียญ AI ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ได้แก่ RLC และ BEEP

เหรียญ AI คืออะไร

สำหรับนักลงทุนที่คุ้นเคยกับเหรียญคริปโตอย่าง Bitcoin เหรียญ AI เป็นเหรียญประเภทค่อนข้างใหม่ของโปรเจกต์คริปโต ที่เน้นการรวมความสามารถของ AI และเทคโนโลยีบล็อคเชนเข้าด้วยกัน โปรเจกต์เหรียญ AI ที่ดีที่สุดนั้นครอบคลุมแนวทางที่หลากหลาย ตั้งแต่การรวมความสามารถของ AI เข้ากับกลไกการตรวจสอบบล็อคเชนโดยตรง ไปจนถึงการเปิดใช้ตลาดบริการ AI-as-a-service สำหรับนักพัฒนา dApp

สิ่งที่เหรียญ AI ที่ดีที่สุดทั้งหมดมีเหมือนกันคือมีการพัฒนาการใช้ AI สำหรับอุตสาหกรรมคริปโต, แอปพลิเคชัน บล็อคเชน และโปรเจกต์ Web 3.0

การรวมความสามารถของ AI เข้ากับเทคโนโลยีบล็อกเชนมีศักยภาพในการทำให้เกิดสมาร์ทคอนแทร็คแบบไดนามิก ธุรกรรมอัตโนมัติ ความเร็วในการประมวลผลที่เร็วขึ้น และอื่นๆ อีกมากมาย

เหรียญ AI ทำงานอย่างไร

เหรียญ AI ทุกเหรียญมีความแตกต่างกันเล็กน้อยเนื่อง  เหรียญ AI บางตัวมุ่งเน้นไปที่การสร้างตลาดสำหรับการซื้อและขายอัลกอริธึม AI ในขณะที่บางตัวใช้ AI สำหรับแอปพลิเคชันเฉพาะ เช่น การแยกวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่บนบล็อกเชนและการคาดการณ์ ในอนาคต เราคาดว่าจะเห็นโปรเจกต์ AI หลายโปรเจกต์ที่ใช้ AI เพื่อสร้างประสบการณ์แบบไดนามิกมากขึ้นในโลกเสมือนจริง

สิ่งหนึ่งที่ต้องจำไว้ก็คือ AI นั้นมีความยืดหยุ่นสูง ดังนั้นแพลตฟอร์มเหรียญ AI จึงสามารถรองรับการใช้งานที่หลากหลายได้

ตัวอย่างเช่น Fetch ที่ทำให้มีการสร้างตัวแทนทางเศรษฐกิจที่เป็นอิสระสำหรับทุกสิ่งตั้งแต่การซื้อขายคริปโตเคอเรนซี่ไปจนถึงการจองห้องพักในโรงแรม โดยขึ้นอยู่กับนักพัฒนา dApp ที่จะตัดสินใจว่าพวกเขาต้องการนำโปรเจ็กต์เหรียญ AI เฉพาะไปใช้อย่างไร

โดยทั่วไปแล้ว เหรียญ AI ที่ดีที่สุดจะทำงานเหมือนกับเหรียญคริปโตประเภทอื่นๆ

เหรียญส่วนใหญ่ที่เราเน้นคือเหรียญ ERC-20 ซึ่งหมายความว่าเป็นเหรียญที่เข้ากันได้กับกระเป๋าเงินที่รองรับ Ethereum เหรียญจากโปรเจกต์จำนวนมากยังเปิดให้มี การ Stake เหรียญ ทำให้นักลงทุนสามารถรับผลกำไรได้ง่ายๆ เพียงแค่ถือเหรียญของตนไว้

เหรียญ AI เป็นเหรียญที่น่าลงทุนหรือไม่

AI เป็นเทคโนโลยีที่เติบโตอย่างรวดเร็วและมีศักยภาพมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรวมเข้ากับเทคโนโลยีบล็อกเชน โดย Cortex ระบุว่าตลาดสำหรับอัลกอริธึม AI อาจมีมูลค่าสูงถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์ในอนาคต

นักลงทุนควรคว้าโอกาสนี้ไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ เนื่องจากอุตสาหกรรมนี้มีแนวโน้มที่จะเป็นตลาดขนาดใหญ่สำหรับเทคโนโลยี AI ในคริปโตเคอเรนซี่ นับตั้งแต่เขียนบทความนี้ ตอนนี้ Fetch ประสบความสำเร็จในการมีมูลค่าตามราคาตลาดมากกว่า 200 ล้านดอลลาร์ หลังจากมีราคาที่เพิ่มขึ้นหลายร้อยเปอร์เซ็นต์ในเดือนมกราคม 2023 เหรียญ เหรียญ AI กลายเป็นเหรียญที่นักลงทุนพากันพูดถึง รวมถึงถูกมองว่าจะเป็นตัวเร่งของราคาแบบก้าวกระโดดของวงการคริปโต และเป็นตัวผลักดันให้เกิดภาวะตลาดขาขึ้นครั้งใหม่

เมื่อประเมินโปรเจกต์ AI ต่างๆ นักลงทุนจำเป็นต้องพิจารณาอย่างรอบคอบว่าโปรเจกต์มีแนวโน้มที่จะประสบความสำเร็จหรือไม่ และเหรียญที่เสนอนั้นเป็นเหรียญที่เหมาะแก่การลงทุนระยะยาว หรือไม่

สำหรับโปรเจกต์ AI โปรเจกต์ควรมีทีมพัฒนาที่แข็งแกร่ง ซึ่งโดยทั่วไปหมายถึงนักพัฒนาที่มีพื้นฐานด้าน AI และการจัดการบิ๊กดาต้า นอกจากนี้ ควรมีความต้องการโซลูชั่นที่ชัดเจนสำหรับโปรเจกต์ AI

โดยรวมแล้ว เหรียญ AI ที่ดีที่สุดนั้นมีศักยภาพอยู่มากมาย และ AI มีแนวโน้มที่จะมีบทบาทในทิศทางในอนาคตของระบบนิเวศคริปโต และโปรเจกต์ที่เราแนะนำในวันนี้อาจมีความสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาระบบ AI บนบล็อกเชนไปสู่อนาคต

ดูโปรเจกต์คริปโตที่เหมาะแก่การลงทุนระยะยาว

วิธีซื้อเหรียญ AI – แนะนำวิธีซื้อเหรียญ $LHINU

พร้อมที่จะเขย่าวงการเกมด้วยเทคโนโลยี Blockchain และ NFT หนึ่งในตัวเลือกสำหรับเหรียญ AI ของเราคือ Love Hate Inu (LHINU) โดยต่อไปนี้เป็นคู่มือทีละขั้นตอนสั้นๆ เกี่ยวกับวิธีซื้อโทเค็น $LHINU:

ขั้นตอนที่ 1:ดาวน์โหลดและติดตั้งกระเป๋าเงิน Metamask

ไปที่เว็บไซต์ของ MetaMask และดาวน์โหลดกระเป๋าเงิน

วิธีซื้อเหรียญ $MEMAG

ขั้นตอนที่ 2: เชื่อมต่อกระเป๋าเงิน

ไปยังเว็บไซต์ Love Hate Inu จากนั้นคลิก ‘Connect’

ขั้นตอนที่ 3: ซื้อ $LHINU

ซื้อ $LHINU ด้วยบัตรเครดิต หรือ Ethereum หรือ Tether ซึ่งจำเป็นในการนำมาแลกเป็นเหรียญ $LHINU

ขั้นตอนที่ 4: รับเหรียญ

หลังจากการพรีเซลสิ้นสุดลง เข้าไปรับ $LHINU บนเว็บไซต์ของ Love Hate Inu และเพิ่มเหรียญไปยังกระเป๋าเงิน Metamask

ซื้อตอนนี้

บทสรุปโปรเจกต์เหรียญ AI

เหรียญและโปรเจกต์ AI กำลังรวมความสามารถของ AI และบล็อคเชนเข้าด้วยกันเพื่อสร้างนวัตกรรมเพิ่มเติมในโลกคริปโต ในขณะที่โปรเจกต์เหรียญ AI เหล่านี้มีแนวโน้มที่ดี เราคิดว่านักลงทุนจะสนใจลงทุนใน Love Hate Inu, ซึ่งถือเป็นทางเลือกโปรเจกต์เหรียญ AI ที่มีศักยภาพที่สุดแห่งปี 2023

แม้จะอยู่ในช่วงพรีเซลล์ แต่โปรเจกต์นี้ก็ได้รับความสนใจจากผู้ใช้เป็นจำนวนมาก Love Hate Inu มอบแพลตฟอร์มที่ผู้ใช้สามารถรับสิ่งจูงใจสำหรับการเข้าร่วมแบบสำรวจและโพลต่างๆ พร้อมรับรางวัลในขณะเดียวกัน

โปรเจกต์นี้ระดมทุนได้แล้วกว่า 2.75 ล้านดอลลาร์ในเวลาเพียงสามสัปดาห์ และนักลงทุนในช่วงแรกสามารถรับผลตอบแทนสูงถึง 38% เมื่อราคาเพิ่มขึ้นผ่านช่วงพรีเซลล์ทั้งแปดรอบ

Categories
Crypto News

How Video Game Difficulty Has Evolved Over the Years

Hard-Gaming

Hardcore gamers and fans of the latest video game reviews will be very excited when they read this article. Over the years, the gaming world has gone through a number of changes in order to cater to its target market, while adapting to the current technology. While the most noticeable of these changes is the visual quality, game difficulty is one of the most important aspects of the game that has changed over the years.

During the Atari days, games were simple and responsive, with little difficulty – other than skill to navigate and (sometimes) attack. However, it was during the early years of the Nintendo Entertainment System that things began to change. Technology progressed, and games became more challenging to provide more satisfaction and value for money.

Ecoterra presale

Unfortunately, there was a backlash; not everyone could adapt to the changes, especially when the difficulty level of many games had been increased for the wrong reasons. To be in line with technological trends, developers tried to push too much on gamers, demanding outrageous tasks with a limited and often unsuitable control set. Games that were popular for their difficulty during this era included the Castlevania and Ninja Gaiden series. There were instances where games were not intuitive and kept players guessing as to where to go or what to do next, and occasions where they weren’t even programmed properly. As the gaming industry moved on to the next generation of consoles, the issues were gradually ironed out by providing greater control, adjustable difficulty settings, frequent checkpoints and save-points, and better navigation.

In a bid to capitalize on a game’s difficulty, developers began incorporating new ideas that tested one’s patience. The most popular of these tactics is the time-constraint to complete a certain objective/level. It puts pressure on players to complete a task as quickly as possible, causing them stress, and leaving little room for them to enjoy. Another big nuisance was continuing the game, post-in-game deaths or breaks. In retrospect, when gamers ran out of life, they had to start from the beginning of the stage/level. As technology progressed, respites like checkpoints, passwords and game saves were introduced. However, the fear of returning to a save-point, after a long and arduous play session, made gamers anxious; and the fact that the checkpoints were spread out far apart didn’t help matters.

The ability to adjust the difficulty with one’s appetite (for a challenge) was a welcome change. Gamers who were new to the game could “take it easy”, while hardcore gamers could crank it up to make it more challenging. As time passed, certain games began to automatically adjust the difficulty level in order to suite the skill of the player. This feature was based on the player’s performance, and the first game to utilize this was Max Payne. It changed the number of enemies spawned, the total damage output, amount of health and ammo within a stage – all based on how a gamer played. This meant that players now faced challenges that were fair to their playing abilities.

Perhaps the most evident change took place in the realm of shooters. Initially, first and third-person shooters had players working with a life-bar that would deplete with the amount of damage taken, and that could only be replenished at specific locations or by using specific items. While this concept was modeled to appear more realistic, gamers often witnessed instances where they had to take down a swarm of enemies with only a sliver of health remaining.

One of the first games to change this formulaic gameplay was Call of Duty 2, which opted for a regenerative health system, instead of a life-bar. If the player was taking heavy fire and was in a near-death state, taking cover and avoiding damage for a while, automatically refilled his health – genius! Such concepts allowed a more strategic and action-packed take on shooter mechanics, without players having to suffer an untimely death. Needless to say, no idea became so popular that it became an industry staple. Games that originally worked on the health points system such as Mass Effect and Kane & Lynch choose to incorporate this new system for greater accessibility.

Conclusion

Unfortunately, not all games try to make the virtual life of gamers easy. In many cases, gamers thrive on the challenge of a difficult video game. While most instances of difficulty in the past could be attributed to technical limitations and unintuitive controls, games have steadily risen up to the level where they provide a fair challenge based on reflexes and skill. Even though the industry tries to go easy on newcomers, seasoned veterans will always find another level of challenge waiting for them.

Categories
Crypto News

What Is A Bitcoin?

What Is A Bitcoin?

Connor BrookeLast updated: April 6, 2022

TwitterFacebookLinkedInFlipboard 0

bitcoin

With the recent news of a Bitcoin crash, many people are wondering what exactly a Bitcoin is and if it’s actually a real type of currency.

First of all, Bitcoin is a real currency with which you can buy, sell and purchase goods and services. Some of the benefits of Bitcoin are that transactions are instant, can be accepted anywhere around the world, and generally have no processing fees.

Bitcoin is known as an open-source online commodity. In its exchange, it uses peer-to-peer encryption over the internet and has no central governing authority. The servers that create the currency are called bitcoin miners or bitminers.

As many speculated and feared, a Bitcoin collapse was very possible. As they say, greed turns to fear, and with the bubble of the bitcoin driving this greed, it didn’t take much for the pendulum to drastically shift in the other direction.

At its peak bitcoin was valued at around $260, but drastically and dramatically lost half its value. Here is a view of the recent crash by Real-Time Bitcoin Data Services.

bitcoincrash

Here is a video explaining more about Bitcoin, its rise, and its crash.

Click here to learn more about Bitcoin and how to buy it

Go here to find the best crypto exchanges

Twitter Tweet

Facebook Share

 Email

  This article was written for Business 2 Community by Connor Brooke.
Learn how to publish your content on B2C

Join our Telegram channel to stay up to date on breaking news coverage

Add B2C to your Google News Feed


Author: Connor Brooke

Connor is a Scottish financial expert, specialising in wealth management and equity investing. Based in Glasgow, Connor writes full-time for a wide selection of financial websites, whilst also providing startup consulting to small businesses. Holding a Bachelor’s degree in Finance, and a Master’s degree in Investment Fund Management, Connor has…

View full profile ›


More by this author:

Categories
ไม่มีหมวดหมู่

Bone ShibaSwap Price Prediction – Here’s What’s Pushing Meme Coin BONE Higher

Bone ShibaSwap (BONE) has been experiencing significant growth in both its price and trading volume over the past 48 hours. The price of Bone ShibaSwap (BONE) has increased by more than 15% in the last 24 hours, while trading volume has risen by 656%.

The recent surge in BONE’s price and trading volume can be attributed to several factors, including the announcement of BONE’s listing on NovaDAX, a Brazilian crypto exchange, which provides easier access to BONE for Brazilian investors using fiat currency.

Additionally, the upcoming launch of Shibarium’s public beta has also contributed to the increase in price. Furthermore, the planned integration of ShibaSwap into the Shibarium mainnet has also contributed to the boost in BONE’s price.

Bone ShibaSwap is the decentralized exchange officially associated with the Shibarium network, and BONE serves as the governance token for the ecosystem. With an increasing number of users joining the ShibaSwap ecosystem, the demand for BONE is expected to rise, resulting in an increase in the token’s price.

Bone ShibaSwap Price

At present, the price of Bone ShibaSwap is $1.71, and the 24-hour trading volume is $15,741,968. Over the last 24 hours, Bone ShibaSwap has experienced a decline of 2.68%. The coin currently holds the #91 rank on the market, with a live market cap of $392,652,397.

The number of BONE coins in circulation is 229,925,570, and the maximum supply is 230,000,000 BONE coins.

Listing on NovaDAX Exchange

The announcement of BONE’s listing on NovaDAX, a well-known crypto exchange in Brazil, has resulted in a surge in both the price and trading volume of BONE. The integration with NovaDAX has made it easier for Brazilian investors to purchase BONE by allowing trading with fiat currencies

It is worth noting that the BRL/BONE trading pair was recently added to Bitget and XT.com, and now it has been listed on NovaDAX. This increased accessibility to these exchanges has helped to improve BONE’s visibility and demand.

Shibarium Beta Launch

Another factor contributing to the rise in the price of BONE is the upcoming launch of Shibarium Public Beta. The Shiba Inu team has announced that the launch is scheduled for this week, although the specific date has not yet been revealed.

The launch of Shibarium is highly anticipated, as it is expected to provide a significant boost to the Shiba Inu ecosystem. BONE serves as the gas token for the Shibarium protocol and will be used as a reward for validators and delegators.

This fundamental use case for BONE is likely to increase demand for the token and push its price higher.

Integration of ShibaSwap into Shibarium

“On the other hand, the rise in the price of BONE is also supported by the planned integration of ShibaSwap into the Shibarium mainnet. As the official DEX of the Shibarium network, ShibaSwap relies on BONE as its governance token.

This provides BONE holders with a say in the decision-making process of the platform, including the ability to vote on upcoming proposals. As more users join the ShibaSwap ecosystem, the demand for BONE is likely to increase, driving up the price of the token.

Crypto Downturn and Fed’s Hawkish Stance May Limit BONE ShibaSwap Gains

The global crypto markets have recently experienced a downturn, with many cryptocurrencies losing ground and flashing red over the past few days. The bearish trend in the crypto market is attributed to various factors, including concerns over regulatory crackdowns, high volatility, and the US Federal Reserve’s hawkish stance on interest rate hikes. These factors may limit the gains in the Bone ShibaSwap (BONE) coin.

Moreover, the US dollar remained strong, reaching a three-month high due to Federal Reserve Chair Jerome Powell’s remarks that interest rates may need to increase quicker.

This caused the US dollar to retreat from close to a three-month top, which may cap further gains in the Bone ShibaSwap (BONE) coin as well.

Best Altcoins to Buy Today

As is well known, the current state of the crypto market is bearish, resulting in a drop in the overall value of cryptocurrencies. However, smart investors view this as an opportunity to invest in promising projects with growth potential.

Love Hate Inu (LHINU)

Love Hate Inu (LHINU) is a newly launched meme coin that has introduced a Vote-to-Earn platform. Users are rewarded in cryptocurrency for staking and voting on meme polls. Participants receive $LHINU tokens as payment for their votes, which help create new memes.

Love Hate Inu (LHINU) offers a unique and exciting way for the community to participate in voting polls, enabling them to share their opinions on different topics while earning rewards. The voting system is built on blockchain technology, ensuring the voting process is transparent, secure, and fair.

The presale of Love Hate Inu is divided into eight stages, and investors can benefit from the soft launch stage 1 pricing of $0.000085. The presale has already raised more than $106,000 just a few hours after its debut, indicating a high level of interest among investors.

With the growing popularity of meme coins, Love Hate Inu’s unique Vote-to-Earn platform could quickly gain traction in the market, making it an exciting investment opportunity for crypto enthusiasts looking to diversify their portfolios.

Tamadoge (TAMA)

Tamadoge (TAMA) is a cryptocurrency that combines the fun of the Tamagotchi virtual pet toy with the security of blockchain technology. It was created in 2021 and has gained a strong community of users who enjoy using TAMA to purchase virtual pets, in-game items, and other online assets.

The Tamadoge blockchain is built on the Ethereum network and uses smart contracts to facilitate transactions, ensuring security and efficiency.

The most exciting aspect of Tamadoge is its breeding system, which allows users to breed their virtual pets and earn TAMA coins. This system is based on blockchain technology, ensuring each pet is unique and cannot be duplicated.

Overall, Tamadoge provides a unique and enjoyable way for users to participate in the world of cryptocurrencies, and its growing popularity suggests that it may have a bright future ahead.

Related