Categories
VPN ซอฟต์แวร์และโซเชียล

จัดอันดับ 11 VPN เร็วที่สุด ในปี 2023 

การใช้ VPN เร็วที่สุด จะช่วยให้คุณเพลิดเพลินกับความเร็ว ที่มาพร้อมความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว VPN ทั้ง 11 รายนี้ ต่างรับประกันความเร็วในการใช้งานอินเทอร์เน็ต และประสบการณ์สตรีมมิ่งที่น่าจดจำ โดยไม่มีความล่าช้าหรือบัฟเฟอร์ใด ๆ

อย่างไรก็ตาม ในตลาดมีVPN หลากหลายคุณภาพ ทั้งสูงและต่ำกว่ามาตรฐานด้วยความเร็วที่แตกต่างกัน การค้นหาเซิร์ฟเวอร์ VPN แรงๆ จึงอาจเป็นเรื่องยาก แต่เราพบว่า Surfshark เป็นผู้นำที่มีความเร็วสูงถึง 980 Mbps ด้วยราคาที่ถูก และมีระบบการรักษาความปลอดภัยที่น่าทึ่ง มาเริ่มศึกษาและเปรียบเทียบ VPN เร็วที่สุดในตลาด เช่น CyberGhost และ NordVPN ว่ามีประสิทธิภาพแตกต่างกันอย่างไร มาเริ่มทดสอบตอนนี้ พร้อมรับประกันการคืนเงินภายใน 30 วันได้เลย

11 บริการ VPN เร็วที่สุด ในปี 2023 

เราได้ทดสอบ VPN ต่าง ๆ มากมาย ทั้งความเร็วและความเสถียร และนี่คือ 11 อันดับ VPN เร็วที่สุดของเราในปี 2023:

  1. Surfshark VPN — VPN เร็วที่สุด 980Mbps และยินดีคืนเงินใน 30 วัน
  2. CyberGhost VPN — เว็บ VPN แรง ๆ  540+ Mbps พร้อมการป้องกันมัลแวร์ในตัว และรับประกันเงินคืน 45 วัน
  3. NordVPN — ตัวเลือกยอดนิยมที่ทําให้เน็ตเร็วขึ้นและข้อมูลไม่จำกัด เฉลี่ย 400+ Mbps พร้อมรับเงินคืนได้ภายใน 30 วัน
  4. UltraVPN — หนึ่งใน VPN เร็วที่สุดในเซิร์ฟเวอร์ของสหรัฐอเมริกา ด้วยความเร็ว 230+ Mbps และมีการรับประกัน 30 วัน
  5. Atlas VPN — VPN เพิ่มความเร็วเน็ตที่ขึ้นชื่อเรื่องนโยบายความเป็นส่วนตัว พร้อมการรับประกันนาน 1 เดือน
  6. Proton VPN — VPN ที่ทําให้เน็ตเร็วขึ้นพอสมควร พร้อมแผนบริการฟรี 300+ Mbps บนเซิร์ฟเวอร์ของสหรัฐอเมริกา ที่ยินดีคืนเงินภายใน 30 วัน
  7. StrongVPN — VPN เชื่อถือได้ ความเร็วเฉลี่ย 70+ Mbps ที่มาพร้อมการรับประกัน 30 วัน
  8. PureVPN — VPN ที่ความเร็ว 160+ Mbps แต่ยังไม่เสถียรมากนัก บนเซิร์ฟเวอร์ของสหรัฐอเมริกา ที่รับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
  9. IPVanish — หนึ่งใน VPN เร็วที่สุด 890+ Mbps สำหรับ Android และ iPhone ที่ยินดีคืนเงินภายใน 30 วัน
  10. ExpressVPN — VPN แรง ๆ 380+ Mbps สำหรับการสตรีมมิ่ง บนเซิร์ฟเวอร์สหรัฐอเมริกา ที่มากับการรับประกัน 30 วัน
  11. Norton Secure VPN — VPN ความเร็วเฉลี่ย 37+ Mbps ที่ยินดีคืนเงินภายใน 60 วัน

ไปยัง Surfshark ตอนนี้

รีวิว VPN เร็วที่สุด ในปี 2023 

ไม่มีคำตอบที่ชัดเจนว่า VPN เร็วที่สุด คือที่ไหน เนื่องจากความเร็วอาจแตกต่างกันไปตามการใช้งาน เช่น การใช้ VPN เพื่อสตรีม Netflix, ดาวน์โหลดภาพยนตร์, ส่อง Instagram หรือแค่ท่องเว็บแบบสบาย ๆ

 เราจะรีวิวเจาะลึกการให้VPN เร็วที่สุด 11 อันดับแรก เพื่อให้คุณตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูล และเลือก VPN ที่เหมาะกับความต้องการของคุณมากที่สุด

1. Surfshark VPN — VPN เร็วที่สุด980Mbps และยินดีคืนเงินใน 30 วัน

Surfshark ได้รับการยกย่องอย่างมาก และจัดเป็นแอพเน็ตเร็วที่สุดด้วยความเร็วสูงสุดถึง 980 Mbps สิ่งนี้ทำให้ Surfshark VPN กลายเป็นหนึ่งใน VPN ที่ดีที่สุดสำหรับเล่นเกม, การสตรีม และการดาวน์โหลดภาพยนตร์หรือเกม

Surfshark ใช้ฮาร์ดแวร์รุ่นล่าสุด โดยแต่ละเซิร์ฟเวอร์จะเชื่อมต่อกับพอร์ต 1Gbps เป็นอย่างน้อย (บางพอร์ตสูงถึง 2×10 Gbps) ทำให้สามารถรองรับทราฟฟิกจำนวนมาก และไม่ทำให้ความเร็วอินเทอร์เน็ตของคุณช้าลง

Surfshark ถือเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม สำหรับ VPN เร็วที่สุดที่ให้บริการในกว่า 95 ประเทศ ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ใดก็ตาม

WireGuard เป็นหนึ่งในโปรโตคอล star VPN และการเข้ารหัสข้อมูล AES-256-GCM ซึ่ง Surfshark มีการจัดการเพื่อให้การป้องกันยอดเยี่ยม และรักษาความปลอดภัยของข้อมูลโดยไม่สูญเสียความเร็ว

Surfshark สามารถดูแลอุปกรณ์ทั้งหมดในบ้าน ด้วยการสมัครสมาชิกเพียงครั้งเดียว

นอกจากการเข้ารหัสตามมาตรฐานแล้ว Surfshark ยังมีฟีเจอร์ CleanWeb ที่บล็อกโฆษณาที่น่ารำคาญ และปกป้องอุปกรณ์ของคุณจากมัลแวร์ เช่นเดียวกับ Surfshark Search เพื่อให้แน่ใจว่า มีความเป็นส่วนตัวอย่างสมบูรณ์เมื่อใช้งานอินเทอร์เน็ต

นอกจากนี้ Surfshark ยังให้การป้องกันแบบเรียลไทม์ โดยจะมีการแจ้งให้คุณทราบทันที หากข้อมูลของคุณรั่วไหล, เตือนให้คุณเปลี่ยนรหัสผ่าน และส่งรายงานความปลอดภัยรายไตรมาสไปยังอีเมลของคุณ

คุณสามารถใช้ Surfshark สตรีมเนื้อหาที่จำกัดบน Netflix, Disney Plus, Amazon Prime Video, HBO Max, Hulu, DAZN และแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งยอดนิยมอื่น ๆ ได้

นอกจากนี้ ยังให้การเข้าถึง IPTV ที่ปลอดภัย และช่วยให้คุณเพลิดเพลินกับการแข่งขันเกมกีฬาที่คุณชื่นชอบ โดยไม่มีโฆษณาให้รำคาญใจด้วย

ข้อดี:

  • VPN เร็วที่สุด
  • การเข้ารหัสที่ล้ำสมัย 
  • บล็อกโฆษณา, มัลแวร์ และป๊อปอัป
  • ไม่บล็อกเนื้อหาบนสตรีมมิ่งหลักทั้งหมด

ข้อเสีย:

  • ราคาสมาชิกระยะยาว (รายปี) ไม่ชัดเจน 
  • มีปัญหา kill switch เป็นครั้งคราว
ช่วงความเร็ว US390-980 Mbps
จำนวนเซิร์ฟเวอร์3,200+
จำนวนประเทศ95
ราคาสมาชิกรายเดือน: $12.95 ต่อเดือนสมาชิกรายปี: $2.49 ต่อเดือน (ส่วนลด 81%)
จำนวนอุปกรณ์ที่รองรับไม่จำกัด
บริการลูกค้าแชทสด 24 ชั่วโมง ทุกวัน
ระยะเวลารับประกันการคืนเงิน30 วัน

ไปยัง Surfshark ตอนนี้

2. CyberGhost VPN — เว็บ VPN แรง ๆ  540+ Mbps พร้อมการป้องกันมัลแวร์ในตัว และรับประกันเงินคืน 45 วัน

CyberGhost VPN ทําให้เน็ตเร็วขึ้นอย่างน่าเหลือเชื่อที่ 548 Mbps และเร็วกว่าเซิร์ฟเวอร์ท้องถิ่น

ทั้งนี้ ความเร็วอาจลดลงหากคุณเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ระยะไกลที่อยู่ห่างออกไปเล็กน้อย แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เนื่องจาก CyberGhost มีเซิร์ฟเวอร์มากกว่า 7,800 เครื่อง ใน 91 ประเทศ

CyberGhost VPN เป็น VPN เร็วที่สุดที่ให้การป้องกันที่เหนือชั้นสมชื่อ เพราะให้ความเป็นส่วนตัวที่สมบูรณ์ และไม่เปิดเผยตัวตนบนอุปกรณ์ใด ๆ 

นอกเหนือจากการปกปิดที่อยู่ IP และการเข้ารหัสข้อมูลอินเทอร์เน็ตทั้งหมดแล้ว CyberGhost ยังบล็อกโฆษณาบนเว็บไซต์และให้การป้องกันมัลแวร์ด้วย

การสมัครสมาชิกเพียงครั้งเดียว ช่วยให้คุณเชื่อมต่อ CyberGhost กับอุปกรณ์ได้สูงสุดถึง 7 เครื่อง ทั้ง เดสก์ท็อปพีซีหรือแล็ปท็อป,iPhone หรือ Android, สมาร์ททีวี หรือแม้แต่เกมคอนโซล

ทดสอบ VPN แรง ๆ ของ CyberGhost โดยไม่มีความเสี่ยงได้นานถึง 45 วันเต็ม

CyberGhost ใช้การเข้ารหัสข้อมูล AES 256 bit เพื่อปกปิดตัวตน, ตำแหน่ง และข้อมูลของคุณให้ปลอดภัย ยิ่งไปกว่านั้น CyberGhost ยังปฏิบัติตามนโยบายการไม่ระบุตัวตนอย่างเข้มงวด ซึ่งหมายความว่า บริษัทจะไม่สามารถติดตามหรือเก็บข้อมูลของคุณได้ ดังนั้น คุณจึงสามารถใช้งานได้อย่างเต็มที่ภายใต้ความเป็นส่วนตัว

นอกเหนือจากการซ่อนที่อยู่ IP จริงของคุณแล้ว CyberGhost ยังเสนอที่อยู่ IP เฉพาะให้กับผู้ใช้งาน ดังนั้น การเข้าชมเว็บไซต์ของคุณจึงมาจากที่เดียวกันเสมอ

วิธีนี้อาจมีประโยชน์หากคุณเข้าชมเว็บไซต์บ่อย ๆ ซึ่งต้องมีการสแกนที่อยู่ IP ของผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ และจำกัดการเข้าถึงหากพวกเขาพบว่าคุณกำลังใช้งาน VPN นอกจากนี้ ยังมีฟีเจอร์ที่มีประโยชน์อีกอย่างของ VPN เร็วที่สุด นั่นก็คือ การแยกอุโมงค์ VPN นั่นเอง

วิธีนี้ทำให้คุณสามารถใช้งานเว็บไซต์บางเว็บไซต์ที่คุณไว้วางใจได้ ดังนั้น การรับส่งข้อมูลจึงไม่จำเป็นต้องผ่าน VPN หรือหมายความว่า คุณยังสามารถเพลิดเพลินกับประสบการณ์ออนไลน์แบบไม่ต้องมีโฆษณา และไม่ทำให้ความเร็วเน็ตช้าลง

ข้อดี:

  • เซิร์ฟเวอร์ขนาดใหญ่
  • การเข้ารหัสมาตรฐาน
  • นโยบายไม่ระบุตัวตนที่เข้มงวด
  • ไม่บล็อกบริการสตรีมมิ่งโดยส่วนใหญ่

ข้อเสีย:

  • ราคาสมาชิกระยะยาว (รายปี) ไม่ชัดเจน 
  • ไม่มีการตรวจสอบโดยบุคคลที่สาม
ช่วงความเร็ว USความเร็วเฉลี่ย 548 Mbps
จำนวนเซิร์ฟเวอร์7,800+
จำนวนประเทศ91
ราคาสมาชิกรายเดือน: $12.99 ต่อเดือนสมาชิกรายปี: $2.29 ต่อเดือน
จำนวนอุปกรณ์ที่รองรับไม่จำกัด
บริการลูกค้าแชทสด 24 ชั่วโมง ทุกวัน
ระยะเวลารับประกันการคืนเงิน45 วัน

ไปยัง CyberGhost ตอนนี้

3. NordVPN — ตัวเลือกยอดนิยมที่ทําให้เน็ตเร็วขึ้นและข้อมูลไม่จำกัด เฉลี่ย 400+ Mbps พร้อมรับเงินคืนได้ภายใน 30 วัน

ที่ความเร็วเฉลี่ย 417 Mbps ทำให้ NordVPN ควรได้รับการจัดอันดับเป็นหนึ่งในVPN เร็วที่สุด ในปี 2023 เนื่องจากผู้ใช้งานมักจะเอ่ยปากชมทั้งเรื่องความปลอดภัยและการทําให้เน็ตเร็วขึ้น

NordVPN ให้บริการครอบคลุมทั่วโลก โดยมีเซิร์ฟเวอร์มากกว่า 5,500 เครื่องใน 59 ประเทศ สิ่งนี้ทำให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่า การอัปโหลด/ดาวน์โหลดเป็นไปด้วยความเร็วสูงแทบทุกที่ในโลก ด้วยแบนด์วิธที่ไม่จำกัด

 NordVPN ใช้ NordLynx เป็นเครื่องมือ VPN ที่ใช้โปรโตคอล WireGuard ทำให้การใช้งานอินเทอร์เน็ตไม่มีข้อจำกัด ไม่จำกัดความเร็ว และทำให้เป็นหนึ่งในVPN เร็วที่สุด

ไม่ใช้แค่ VPN เพิ่มความเร็วเน็ตเท่านั้น แต่ NordVPN ยังมีชื่อเสียงด้านความปลอดภัยที่ยอดเยี่ยมอีกด้วย

 NordVPN อาศัยมาตรฐานการเข้ารหัสขั้นสูง (AES) และโปรโตคอล VPN ที่แตกต่างกัน 3 แบบ (IKEv2/IPsec, OpenVPN และ NordLynx) เพื่อซ่อน IP และตำแหน่งการใช้งาน เพื่อปกป้องข้อมูลของคุณ

สำหรับผู้ที่ยังมีความกังวลเป็นพิเศษเกี่ยวกับความปลอดภัยทางออนไลน์ NordVPN ก็มีตัวเลือก double VPN ที่เพิ่มการป้องกันพิเศษผ่านเซิร์ฟเวอร์พิเศษ หากคุณเลือกใช้ NordVPN คุณจะเพลิดเพลินกับการแยกอุโมงค์ VPN, DNS ส่วนตัว, การจัดการเซิร์ฟเวอร์ที่ยุ่งเหยิง และอื่น ๆ ได้

NordVPN ยังมีฟีเจอร์ตรวจสอบเว็บมืด, สแกนเว็บ และแจ้งเตือนเมื่อข้อมูล, บัญชี หรือรหัสผ่านของคุณถูกแฮก

ข้อดี:

  • ครอบคลุมเซิร์ฟเวอร์อย่างยอดเยี่ยม
  • การเข้ารหัสและฟีเจอร์ความปลอดภัยขั้นสูง
  • ตัวเลือกกำหนดเส้นทาง DNS ส่วนตัว และ Double VPN
  • โปรโตคอล VPN 3 แบบ

ข้อเสีย:

  • ราคาแพงกว่าคู่แข่งเล็กน้อย
  • การออกจาก VPN อาจทำให้การเชื่อมต่อเครือข่ายหลุด
ช่วงความเร็ว USความเร็วเฉลี่ย 417 Mbps
จำนวนเซิร์ฟเวอร์5,500+
จำนวนประเทศ59
ราคาสมาชิกรายเดือน: เริ่ม $11.99 ต่อเดือนสมาชิกรายปี: เริ่ม $4.99 ต่อเดือน
จำนวนอุปกรณ์ที่รองรับ6
บริการลูกค้า24 ชั่วโมง ทุกวัน
ระยะเวลารับประกันการคืนเงิน30 วัน

ไปยัง NordVPN ตอนนี้

4. UltraVPN — หนึ่งใน VPN เร็วที่สุดในเซิร์ฟเวอร์ของสหรัฐอเมริกา ด้วยความเร็ว 230+ Mbps และมีการรับประกัน 30 วัน

เมื่อเทียบกับเซิร์ฟเวอร์ VPN แรง ๆ เจ้าอื่น เราพบว่า UltraVPN เป็นบริการรายเล็ก ที่มีเซิร์ฟเวอร์มากกว่า 100 เครื่องใน 10 ประเทศ แต่ก็เป็นหนึ่งใน VPN เร็วที่สุดบนเซิร์ฟเวอร์ของสหรัฐอเมริกาด้วยความเร็วเฉลี่ย 236 Mbps 

เครือข่ายเซิร์ฟเวอร์มีความน่าเชื่อถือสูง และคุณจะไม่สังเกตเห็นการสะดุด หรือการลดลงของความเร็วอินเทอร์เน็ต เมื่อเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ใกล้เคียง

UltraVPN เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่อยู่นอกสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร ที่ต้องการใช้งาน Netflix, HBO Max, Hulu และ Disney Plus ที่ไม่มีให้บริการในประเทศของตน

อย่างไรก็ตาม Amazon Prime Video จะตรวจพบ UltraVPN ทันที ดังนั้น หากคุณวางแผนที่จะรับชม The Boys หรือรายการทีวี Lord of the Rings เราขอแนะนำ Surfshark จะเหมาะสมกว่า

UtlraVPN พร้อมใช้ใน Windows, Mac, Android (เวอร์ชั่น 5.0 ขั้นไป) และอุปกรณ์ iOS (เวอร์ชั่น 11.0 ขั้นไป) แม้ว่าจะไม่มีส่วนขยายเบราว์เซอร์ แต่แอพเน็ตเร็วนี้ ก็ให้การดาวน์โหลด VPN อย่างรวดเร็ว และตั้งค่าได้ง่ายมาก

เมื่อพูดถึงเรื่องความปลอดภัย UltraVPN มีความปลอดภัยตามมาตรฐานอุตสาหกรรม (AES) และมีโปรโตคอล VPN 3 แบบให้เลือก ได้แก่ IKEv2(IPSec), Hydra และ Automatic นอกจากนี้ ยังมี kill switch และการแยกอุโมงค์ VPN ที่มาพร้อมกับฟีเจอร์ป้องกันมัลแวร์และฟิชชิ่ง

ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงตัวเลือกอื่น ๆ เช่น Passwatch และ การสแกนเว็บมืดได้ฟรี ซึ่งการป้องกันนี้ทำให้มั่นใจได้ว่ารหัสผ่านของคุณจะปลอดภัยและได้รับการปกป้อง เพราะจะมีการแจ้งเตือนทันทีเมื่อข้อมูลรั่วไหล

ข้อดี:

  • การเข้ารหัสระดับมาตรฐานอุตสาหกรรม
  • โปรโตคอล VPN 3 แบบ
  • ส่วนเสริมความปลอดภัยที่หลากหลาย
  • ใช้งานบนอุปกรณ์ใดก็ได้

ข้อเสีย:

  • เครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ขนาดเล็ก
  • ใช้ไม่ได้กับ Amazon Prime Video
ช่วงความเร็ว USความเร็วเฉลี่ย 236 Mbps
จำนวนเซิร์ฟเวอร์100+
จำนวนประเทศ10
ราคาสมาชิกรายเดือน: เริ่ม $11.99 ต่อเดือนสมาชิกรายปี: เริ่ม $4.99 ต่อเดือน
จำนวนอุปกรณ์ที่รองรับ6
บริการลูกค้าแชทสด 24 ชั่วโมง ทุกวัน
ระยะเวลารับประกันการคืนเงิน30 วัน

ไปยัง UltraVPN ตอนนี้

5. AtlasVPN — VPN เพิ่มความเร็วเน็ตที่ขึ้นชื่อเรื่องนโยบายความเป็นส่วนตัว พร้อมการรับประกันนาน 1 เดือน

AtlasVPN ให้ทั้งความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยบนโลกออนไลน์ VPN เร็วที่สุดนี้เปิดตัวในปี 2019 และให้บริการเซิร์ฟเวอร์ในกว่า 45 ประเทศทั่วโลก ซึ่งจะช่วยให้คุณเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้จากที่ต่าง ๆ โดยไม่มีข้อจำกัด

หนึ่งในเหตุผลที่ AtlasVPN เหมาะสำหรับการสตรีมมิ่ง ก็คือ การเป็นเว็บ VPN แรง ๆ และฟีเจอร์ความเป็นส่วนตัว VPN ใช้การเข้ารหัสระดับ military-grade  เพื่อปกป้องข้อมูลผู้ใช้งาน และรักษาความเป็นส่วนตัว

นอกจากนี้ ยังมีนโยบายไม่ระบุตัวตน ซึ่งหมายความว่า จะไม่มีการติดตามกิจกรรมของผู้ใช้งานหรือเก็บข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการเข้าถึงเว็บไซต์ โดยไม่ต้องการเปิดเผยตัวตนให้ใครตามจับได้

AtlasVPN ทําให้เน็ตเร็วขึ้นและเสถียร ซึ่งจำเป็นสำหรับการสตรีมออนไลน์และการดาวน์โหลด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเซิร์ฟเวอร์ Torrent

ผู้ใช้งานสามารถเพลิดเพลินกับการดาวน์โหลดได้อย่างต่อเนื่อง โดยไม่มีปัญหาความล่าช้า และ AtlasVPN ยังมีหน้าต่างใช้งานที่ใช้ง่าย ทำให้ผู้ใช้งานมือใหม่และผู้ใช้งานที่มีประสบการณ์เข้าถึงได้ทุกคน

AtlasVPN มีฟีเจอร์อื่น ๆ เช่น การเชื่อมต่อด้วยคลิกเดียว, การเลือกเซิร์ฟเวอร์อัตโนมัติ และความสามารถในการสลับเซิร์ฟเวอร์ได้อย่างง่ายดาย ภายใต้ราคาที่เหมาะสม เริ่มต้นเพียงไม่กี่ดอลลาร์ต่อเดือน

ข้อดี:

  • มี 2FA
  • การเข้ารหัสระดับ Military-grade เพื่อความปลอดภัย
  • รับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
  • เว็บ VPN แรง ๆ ที่เหมาะกับการสตรีมมิ่ง

ข้อเสีย:

  • อยู่ในสหรัฐอเมริกา
  • เซิร์ฟเวอร์ขนาดเล็ก
ช่วงความเร็ว US240+ Mbps
จำนวนเซิร์ฟเวอร์750+
จำนวนประเทศ45
ราคา$1.99/เดือน — แผน 3 ปี
จำนวนอุปกรณ์ที่รองรับไม่จำกัด
บริการลูกค้ายอดเยี่ยม
ระยะเวลารับประกันการคืนเงิน30 วัน

ไปยัง AtlasVPN ตอนนี้

6. Proton VPN — VPN ที่ทําให้เน็ตเร็วขึ้นพอสมควร พร้อมแผนบริการฟรี 300+ Mbps บนเซิร์ฟเวอร์ของสหรัฐอเมริกา ที่ยินดีคืนเงินภายใน 30 วัน

Proton VPN เป็นโปรแกรมเน็ตเร็วฟรีและแบบเสียเงิน ที่มีเซิร์ฟเวอร์ 1,728 แห่งใน 63 ประเทศ ด้วยความเร็วเฉลี่ย 300 Mbps บนเซิร์ฟเวอร์ของสหรัฐอเมริกา ทำให้ Proton VPN จึงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับลูกค้าในอเมริกาเหนือ

สิ่งที่ทำให้ Proton VPN เป็นหนึ่งในVPN เร็วที่สุด คือ การรวมกันของเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ 10 Gbps และ VPN Accelerator ซึ่งช่วยเพิ่มความเร็วได้มากถึง 400%

บริษัทที่อยู่เบื้องหลัง ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว โดยมองว่านี่เป็นสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน และเป็นเหตุผลหลักที่ Proton VPN เป็นโปรแกรมเน็ตเร็วฟรีแก่ทุกคนที่ต้องการท่องโลกอินเทอร์เน็ตอย่างเป็นส่วนตัวและปลอดภัย

แต่ทั้งนี้จะมีข้อจำกัดบางอย่างในบัญชีฟรี ดังนั้น ผู้ใช้งานแบบชำระเงินจะสามารถเข้าถึงฟีเจอร์ระดับพรีเมียมที่หลากหลายมากขึ้นได้

Proton VPN พร้อมใช้งานบนอุปกรณ์และแพลตฟอร์มทั้งหมด (Windows, Linux, iOS, Android) และสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ได้สูงสุด 10 เครื่อง ภายในบัญชีเดียว

VPN เร็วที่สุดแห่งนี้ เข้ารหัสด้วย Perfect Forward Secrecy ทำให้มั่นใจได้ว่า ไม่มีใครสามารถถอดรหัสข้อมูลของคุณได้ แม้ในกรณีที่คีย์ถูกขโมย

นอกจากนี้ Proton VPN ยังมาพร้อมกับ NetShield ซึ่งบล็อกโฆษณาที่น่ารำคาญ, ปกป้องอุปกรณ์จากมัลแวร์ และปิดการใช้งานตัวติดตามเว็บไซต์ เพื่อให้มั่นใจว่าจะได้รับความเป็นส่วนตัวอย่างเต็มที่

ข้อดี:

  • มีแผนฟรี
  • ทําให้เน็ตเร็วขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ
  • บล็อกโฆษณาและป้องกันมัลแวร์ 

ข้อเสีย:

  • บัญชีฟรีมีฟีเจอร์จำกัด
  • ไม่มีการสนับสนุนผ่านแชทสด
ช่วงความเร็ว USสูงสุด 300 Mbps
จำนวนเซิร์ฟเวอร์1,700+
จำนวนประเทศ63
ราคามีแผนฟรีสมาชิกรายเดือนเริ่ม $9.99 ต่อเดือน
จำนวนอุปกรณ์ที่รองรับ10
บริการลูกค้าผ่านอีเมลเท่านั้น
ระยะเวลารับประกันการคืนเงิน30 วัน

ไปยัง ProtonVPN ตอนนี้

7. StrongVPN — VPN เชื่อถือได้ ความเร็วเฉลี่ย 70+ Mbps ที่มาพร้อมการรับประกัน 30 วัน

StrongVPN เป็นเครือข่ายที่มีความเร็วเฉลี่ยเพียง 71 Mbps ซึ่งอาจไม่เหมาะสำหรับการเล่นเกมและสร้างความรำคาญเมื่อสตรีมมิ่ง คุณอาจต้องรอ 2-3 นาที เพื่อโหลดข้อมูล และทำให้การรับชมไม่สะดุด

อย่างไรก็ตาม StrongVPN มีการกระจายเซิร์ฟเวอร์ที่เหมาะสม โดยมีเซิร์ฟเวอร์มากกว่า 500 แห่งใน 35+ ประเทศ เทียบเท่ากับบริการเครือข่ายชั้นนำอย่าง Surfshark VPN และ CyberGhost VPN

แม้ว่า StrongVPN จะไม่มีฟีเจอร์พิเศษใด ๆ ที่โดดเด่น แต่ก็เป็น VPN ที่ดีรอบด้าน

StrongVPN ให้ความปลอดภัยทางออนไลน์ และการป้องกันการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล โดยมีนโยบายไม่ระบุตัวตนที่เข้มงวด และใช้โปรโตคอล WireGuard ซึ่งเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตทั่วไป

คุณสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ได้สูงสุด 12 เครื่อง ทั้งพีซีหรือแล็ปท็อป, แท็บเล็ต และโทรศัพท์ อย่างไรก็ตาม แอพเน็ตเร็วใน Android ยังไม่รองรับโปรโตคอล L2TP หรือ SSTP แต่คุณยังคงมีตัวเลือกระหว่าง OpenVPN, IKEv2 และ WireGuard

ข้อดี:

  • ปฏิบัติตามนโยบายไม่ระบุตัวตนที่เข้มงวด
  • การกระจายเซิร์ฟเวอร์ที่เหมาะสม
  • ฟีเจอร์ปกป้องข้อมูลที่ยอดเยี่ยม

ข้อเสีย:

  • ขาดตัวเลือกเสริม
  • ราคาแพงเมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้รับ
  • อินเทอร์เฟซล้าสมัย
  • การสูญเสียความเร็วค่อนข้างสูง
ช่วงความเร็ว USความเร็วเฉลี่ย 71 Mbps
จำนวนเซิร์ฟเวอร์500+
จำนวนประเทศ35+
ราคาสมาชิกรายเดือนเริ่ม $10.99 ต่อเดือนสมาชิกรายปีเริ่ม $3.66 ต่อเดือน
จำนวนอุปกรณ์ที่รองรับ12
บริการลูกค้าแชทสด 24 ชั่วโมง ทุกวัน
ระยะเวลารับประกันการคืนเงิน30 วัน

ไปยัง StrongVPN ตอนนี้

8. PureVPN — VPN ที่ความเร็ว 160+ Mbps แต่ยังไม่เสถียรมากนัก บนเซิร์ฟเวอร์ของสหรัฐอเมริกา ที่รับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน

ในอดีต ความเร็วและความเสถียรของเซิร์ฟเวอร์ ถือเป็นปัญหาสำหรับ PureVPN แต่ปัจจุบัน บริษัทเพิ่งอัปเกรดเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งปัจจุบันมีความเร็วในการเชื่อมต่อเซิร์ฟเวอร์ 20 Gbps และความเร็วเฉลี่ยบนเซิร์ฟเวอร์ของสหรัฐอเมริกาอยู่ระหว่าง 160 Mbps และ 230 Mbps

แม้ว่าคุณจะไม่สังเกตเห็นว่า ความเร็วอินเทอร์เน็ตของคุณลดลงอย่างมากเมื่อใช้ PureVPN แต่อาจมีบ้างที่พบอาการสะดุดเล็กน้อย โดยรวมแล้ว PureVPN ก็ยังเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมเมื่อต้องการใช้ VPN เพิ่มความเร็วเน็ต

นอกจากนี้ PureVPN ยังเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม หากคุณต้องการความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวอย่างสมบูรณ์ในขณะที่ท่องโลกอินเทอร์เน็ต

PureVPN ใช้การเข้ารหัสที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้ข้อมูลของคุณได้รับการปกป้อง และปฏิบัติตามนโยบายการไม่บันทึกข้อมูล ซึ่งหมายความว่า กิจกรรมบนโลกออนไลน์ของคุณ จะไม่ถูกจัดเก็บไว้ในเซิร์ฟเวอร์ของบริษัท โดยคุณสามารถเลือกโปรโตคอล VPN ได้ 6 แบบ บนอุปกรณ์ใดก็ได้:

  1. OpenVPN
  2. L2TP/IPSec
  3. PPTP
  4. SSTP
  5. IKEv2, and
  6. WireGuard

PureVPN มีเซิร์ฟเวอร์มากกว่า 6,500 เครื่อง กระจายอยู่ใน 78 ประเทศ ดังนั้น เนื้อหาที่ถูกจำกัดบางพื้นที่จึงไม่เป็นปัญหา ไม่ว่าจะเลือกเชื่อมต่อเซิร์ฟเวอร์ใดก็ตาม

ข้อดีอีกอย่างของ VPN เร็วที่สุดนี้ ก็คือ การถูกตรวจสอบโดยบุคคลที่สามอยู่บ่อยครั้ง ดังนั้น คุณจึงวางใจได้เกี่ยวกับความปลอดภัยทางออนไลน์และการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล

ข้อดี:

  • เซิร์ฟเวอร์จำนวนมาก
  • ถูกตรวจสอบโดยบุคคลที่สามอยู่เสมอ
  • ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยที่ยอดเยี่ยม

ข้อเสีย:

  • มีปัญหาการเชื่อมต่อเป็นครั้งคราว
  • เซิร์ฟเวอร์ในสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักรยังไม่ค่อยเสถียร
ช่วงความเร็ว US160 Mbps — 230 Mbps
จำนวนเซิร์ฟเวอร์6,500+
จำนวนประเทศ78
ราคาสมาชิกรายเดือนเริ่ม $10.95สมาชิกรายปีเริ่ม $1.99
จำนวนอุปกรณ์ที่รองรับ10
บริการลูกค้าแชทสด 24 ชั่วโมง ทุกวัน
ระยะเวลารับประกันการคืนเงิน30 วัน

ไปยัง PureVPN ตอนนี้

9. IPVanish — หนึ่งใน VPN เร็วที่สุด 890+ Mbps สำหรับ Android และ iPhone ที่ยินดีคืนเงินภายใน 30 วัน

การรีวิว VPN เร็วที่สุด จะไม่สมบูรณ์ หากไม่ได้กล่าวถึง IPVanish เพราะ VPN นี้มีความเร็วบนเซิร์ฟเวอร์สูงถึง 890 Mbps ทำให้เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม หากคุณต้องการซ่อนที่อยู่ IP เมื่อเข้าถึงบางเว็บไซต์

ค่าการสูญเสียความเร็วสำหรับเซิร์ฟเวอร์เฉลี่ยอยู่ที่ 10% ซึ่งถือว่าน่าประทับใจเมื่อเทียบกับ VPN แรง ๆ เจ้าอื่นที่อาจมีค่านี้สูงถึง 20% 

อย่างไรก็ตาม หากคุณต้องการ VPN ที่สามารถเข้าถึงเนื้อหาที่ถูกจำกัดทางพื้นที่บน Netflix, Amazon Prime Video หรือแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งอื่น ๆ IPVanish อาจไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุด

ความเร็วอาจจะลดลงอย่างมากถึง 75% เมื่อเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ทางไกล ซึ่งหมายความว่า การโหลดวิดีโออาจขัดข้องตลอดเวลา หากคุณอาศัยอยู่ในยุโรป และต้องการรับชมรายการบน Netflix ในสหรัฐอเมริกา

เมื่อพูดถึงความปลอดภัยของข้อมูล และการรักษาความปลอดภัยทางออนไลน์ VPN เร็วที่สุดตัวนี้ก็มีดีเทียบเท่ากับVPN ยอดนิยมอื่น ๆ เพราะมีการใช้การเข้ารหัส AES-256 ตามมาตรฐานอุตสาหกรรม และมีโปรโตคอล VPN ที่ปลอดภัยถึง 3 ตัว ได้แก่ OpenVPN, IKEv2 และ L2TP/IPsec

IPVanish พร้อมใช้งานบน Windows, Linux และ iOS แต่ยังไม่มีส่วนขยายของเบราว์เซอร์ และข้อเสียที่อาจเกิดขึ้นอีกประการหนึ่ง ก็คือ การตั้งค่าที่ค่อนข้างยุ่งยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวอร์ชัน Windows

ข้อดี:

  • เว็บ VPN แรง ๆ บนเซิร์ฟเวอร์ท้องถิ่น
  • โปรโตคอล VPN 3 แบบ
  • แอพ IPVanish มีอยู่ในอุปกรณ์และระบบปฏิบัติการทั้งหมด
  • นโยบายไม่ระบุตัวตน

ข้อเสีย:

  • ไม่มีส่วนขยายเบราว์เซอร์
  • ความเร็วลดลงอย่างมากในเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ห่างไกล
  • ไม่ปลดบล็อกเนื้อหาใน Amazon Prime Video
ช่วงความเร็ว USสูงสุด 890 Mbps บนเซิร์ฟเวอร์ในพื้นที่และ 120-160 Mbps บนเซิร์ฟเวอร์ทางไกล
จำนวนเซิร์ฟเวอร์1,400+
จำนวนประเทศ57+
ราคาสมาชิกรายเดือนเริ่ม $10.99 ต่อเดือนสมาชิกรายปีเริ่ม $3.99 ต่อเดือน
จำนวนอุปกรณ์ที่รองรับไม่จำกัด
บริการลูกค้าแชทสด 24 ชั่วโมง ทุกวัน
ระยะเวลารับประกันการคืนเงิน30 วัน

ไปยัง IPVanish ตอนนี้

10. ExpressVPN — VPN แรง ๆ 380+ Mbps สำหรับการสตรีมมิ่ง บนเซิร์ฟเวอร์สหรัฐอเมริกา ที่มากับการรับประกัน 30 วัน

ExpressVPN มีความเร็วโดยเฉลี่ยประมาณ 385 Mbps บนเซิร์ฟเวอร์สหรัฐอเมริกา ทำให้เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับทุกคน ที่ต้องการสตรีมมิ่งภายใต้ข้อจำกัดทางพื้นที่

ExpressVPN ปลดบล็อกบริการต่าง ๆ กว่า 25 รายการ รวมถึง Netflix, Disney Plus, BBC iPlayer และแม้แต่ Amazon Prime Video ดังนั้น คุณจึงสามารถเพลิดเพลินกับเนื้อหาโปรดทางออนไลน์ ไม่ว่าจะอาศัยอยู่ที่ไหนก็ตาม

นอกจากนี้ ยังเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับการดาวน์โหลดภาพยนตร์, รายการทีวี และเกม เนื่องจาก ExpressVPN รองรับแบนด์วิธแบบไม่จำกัด และไม่จำกัดการเชื่อมต่อ

 ExpressVPN เป็นหนึ่งใน VPN เร็วที่สุดที่ได้รับความนิยมอย่างมาก โดยมีผู้ใช้งานทั่วโลกเกือบครึ่งล้าน และได้คะแนนเฉลี่ย 4.6 เต็ม 5 ใน Trustpilot, Apple App Store และ Google Play Store

ExpressVPN เป็นเซิร์ฟเวอร์ VPN แรง ๆ ที่มีการเข้ารหัสที่ล้ำสมัย และมีฟีเจอร์หรือส่วนเสริมที่หลากหลาย ซึ่งรับประกันความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยที่สมบูรณ์แบบบนอินเทอร์เน็ต

ด้วยเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ที่กว้างขวางกระจายอยู่ใน 94 ประเทศ ทำให้ ExpressVPN ทำงานได้ดีในทุกพื้นที่ และมีการปรับให้ความเร็วเหมาะสมอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น คุณจะไม่พบกับอาการ lag, buffering, หรือมีความเร็วลดลง หากคุณเลือกใช้ ExpressVPN

ข้อดี:

  • ความเร็วเสถียรและรวดเร็วทุกพื้นที่
  • นโยบายไม่ระบุตัวตน
  • ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยสูงสุด
  • บริษัทตั้งอยู่ในประเทศจีน

ข้อเสีย:

  • แผนรายเดือนมีราคาแพงเมื่อเทียบกับเซิร์ฟเวอร์ VPN เร็วที่สุดอื่น ๆ
ช่วงความเร็ว USความเร็วเฉลี่ย 385 Mbps
จำนวนเซิร์ฟเวอร์3,000+
จำนวนประเทศ94
ราคาสมาชิกรายเดือนเริ่ม $12.95 ต่อเดือนสมาชิกรายปีเริ่ม $9.99 ต่อเดือน
จำนวนอุปกรณ์ที่รองรับไม่จำกัด
บริการลูกค้าแชทสด 24 ชั่วโมง ทุกวัน
ระยะเวลารับประกันการคืนเงิน30 วัน

ไปยัง ExpressVPN ตอนนี้

11. Norton Secure VPN — VPN ความเร็วเฉลี่ย 37+ Mbps ที่ยินดีคืนเงินภายใน 60 วัน

Norton Secure VPN คำนึงถึงความปลอดภัยเหนือสิ่งอื่นใด และเป็นหนึ่งในตัวเลือกของโปรแกรมสแกนไวรัสที่ดีที่สุด

เซิร์ฟเวอร์ VPN นี้มีฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยอย่างที่คุณคาดหวัง ตั้งแต่นโยบายไม่ระบุตัวตนการใช้งาน ไปจนถึงการ split tunneling, kill switch, ความปลอดภัยของ wifi และการเข้ารหัสระดับธนาคาร

จากที่กล่าวมา VPN ของ Norton มีความเร็วเฉลี่ยอยู่ที่ 194.4 Mbps และลดลงเฉลี่ย 40%

แม้จะไม่ใช่เซิร์ฟเวอร์ VPN แรง ๆ ที่สุดที่เราเคยเห็น แต่เมื่อคำนึงถึงความปลอดภัยแล้ว ทำให้ Norton เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการสตรีมมิ่ง และการเข้าถึงเนื้อหาที่ถูกจำกัดบางพื้นที่ โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับความล่าช้า, การไม่เปิดเผยตัวตน หรือภัยคุกคามทางออนไลน์

จากที่กล่าวมา ทำให้ Norton เป็น VPN เร็วที่สุดสำหรับการเข้าถึงเว็บไซต์ที่ถูกจำกัดในบางประเทศ ตัวอย่างเช่น หากคุณมองหา Betfair VPN ที่ดีที่สุดในการพนันออนไลน์ต่างประเทศ Norton ถือเป็นตัวเลือกที่ดี, รวดเร็ว และความปลอดภัย 

การรีวิวของเรา พบว่า Norton VPN สามารถเข้าถึง US Netflix, Prime Video, BBC iPlayer และ Disney Plus ได้โดยไม่มีปัญหา ยกเว้นเพียงบางแห่ง เช่น แคตตาล็อก Netflix ในสหราชอาณาจักร

ด้วยเหตุนี้ เราขอแนะนำให้คุณลองใช้ VPN เร็วที่สุดนี้ เพราะมีการรับประกันเงินคืนภายใน 60 วัน วิธีนี้จะทำให้คุณมีเวลาได้ทดลองโปรแกรมเน็ตเร็วฟรีแบบไม่มีความเสี่ยง เพื่อพิจารณาว่าตัวเลือกนี้เหมาะกับความต้องการของคุณหรือไม่

ข้อดี:

  • ใช้งานง่าย
  • ความเร็วเหมาะสม และปลอดภัยสูง
  • ระบบป้องกันการเปิดเผยตัวตนที่ดีเยี่ยม
  • บล็อกโฆษณาและตัวติดตาม

ข้อเสีย:

  • ความเร็วเซิร์ฟเวอร์ช้ากว่าคู่แข่ง
  • เครือข่ายขนาดเล็ก
  • ไม่รองรับเราเตอร์ 
ช่วงความเร็ว USความเร็วเฉลี่ย 194.4 Mbps
จำนวนเซิร์ฟเวอร์2,000+
จำนวนประเทศ30+
ราคาสมาชิกรายเดือนเริ่ม $4.99 สำหรับอุปกรณ์ 1 เครื่องสมาชิกรายปีเริ่ม $2.50 สำหรับอุปกรณ์ 1 เครื่อง
จำนวนอุปกรณ์ที่รองรับ10
บริการลูกค้าไม่มี
ระยะเวลารับประกันการคืนเงิน60 วันสำหรับแผนรายปี14 วันสำหรับแผนรายเดือน

ไปยัง Norton Secure VPN ตอนนี้

เปรียบเทียบVPN เร็วที่สุด

เพื่อช่วยให้คุณสามารถเปรียบเทียบความเร็ว, จำนวนเซิร์ฟเวอร์ และราคาได้ ต่อไปนี้เป็นตารางสรุปข้อมูลสำคัญทั้งหมดที่จำเป็นในการตัดสินใจเกี่ยวกับเซิร์ฟเวอร์ VPN เร็วที่สุด:

VPNช่วงความเร็ว USจำนวนเซิร์ฟเวอร์จำนวนประเทศราคาจำนวนอุปกรณ์ที่รองรับบริการลูกค้าระยะเวลารับประกันการคืนเงิน
Surfshark VPN390-980 Mbps3,200+95$2.49ไม่จำกัดแชทสด 24 ชั่วโมง ทุกวัน30 วัน
CyberGhost VPNความเร็วเฉลี่ย 548 Mbps7,800+91$2.29ไม่จำกัดแชทสด 24 ชั่วโมง ทุกวัน45 วัน
ExpressVPNความเร็วเฉลี่ย 385 Mbps3,000+94$9.99ไม่จำกัดแชทสด 24 ชั่วโมง ทุกวัน30 วัน
NordVPNความเร็วเฉลี่ย 417 Mbps5,500+59$4.996แชทสด 24 ชั่วโมง ทุกวัน30 วัน
Atlas VPNความเร็วเฉลี่ย 240+ Mbps750+45$1.99ไม่จำกัดแชทสด 24 ชั่วโมง ทุกวัน30 วัน
UltraVPNความเร็วเฉลี่ย 236 Mbps100+10$4.996แชทสด 24 ชั่วโมง ทุกวัน30 วัน
Proton VPNความเร็วสูงสุด 300 Mbps1,700+63มีแผนฟรี10อีเมล30 วัน
StrongVPNความเร็วเฉลี่ย 71 Mbps500+35$3.6612แชทสด 24 ชั่วโมง ทุกวัน30 วัน
PureVPN160 Mbps — 230 Mbps6,50078$1.9910แชทสด 24 ชั่วโมง ทุกวัน30 วัน
IPVanishสูงสุด 890 Mbps บนเซิร์ฟเวอร์ภายใน1,400+57$3.99ไม่จำกัดแชทสด 24 ชั่วโมง ทุกวัน30 วัน
Norton Secure VPNความเร็วเฉลี่ย 194.4 Mbps2,000+30$2.5 ต่อเครื่อง10ไม่มี60 วัน (แผนรายปี) และ 14 วัน (แผนรายเดือน)

ความเร็วของ VPN คืออะไร?

เพื่อช่วยให้คุณตามหาVPN เร็วที่สุดได้อย่างแม่นยำ เรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่า ความเร็วของ VPN คืออะไร เนื่องจาก VPN ไม่มีความเร็วมาเกี่ยวข้อง ดังนั้น ความเร็วในที่นี้จึงหมายถึง ความเร็วอินเทอร์เน็ตในขณะใช้งาน VPN

เนื่องจากข้อมูลต้องผ่านและเข้ารหัส VPN ซึ่งจะทำให้ความเร็วในการอัพโหลดและดาวน์โหลดลดลงโดยไม่มีข้อยกเว้น ความเร็วเฉลี่ยที่ลดลงสำหรับ VPN ที่ดีที่สุด จึงควรอยู่ที่ประมาณ 20% ยกเว้นแต่จะมีเงื่อนไขบางประการ

ตัวอย่างเช่นในกรณีของ IPVanish หากคุณพยายามจะปกปิดที่อยู่ IP คุณสามารถเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ในประเทศบ้านเกิดของคุณได้ และทำให้ความเร็วลดลงต่ำกว่า 10% 

ในขณะเดียวกัน การตั้งค่าตำแหน่งเป็นประเทศที่อยู่กึ่งกลางโลก เพื่อให้สามารถเข้าถึง Netflix ที่จำกัดในบางประเทศได้ จะทำให้ความเร็วลดลงตั้งแต่ 20% ถึง 70%

ปัจจัยที่ทำให้ VPN เร็วที่สุด?

การที่ความเร็วอินเทอร์เน็ตของคุณลดลงในขณะที่ใช้งาน VPN ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ระยะห่างของเซิร์ฟเวอร์, คุณภาพของเซิร์ฟเวอร์,แบนด์วิดท์และโหลดของเซิร์ฟเวอร์ และโปรโตคอล VPN ที่ใช้

รายการปัจจัยต่อไปนี้ มีบทบาทสำคัญที่จะทำให้ VPN เร็วที่สุดหรือไม่:

  • ระยะห่างของเซิร์ฟเวอร์
  • ข้อจำกัดแบนด์วิธระหว่างประเทศ
  • คุณภาพของเซิร์ฟเวอร์
  • โปรโตคอล VPN (โปรโตคอลที่ปลอดภัยมีผลให้ความเร็วช้าลง)

ปัจจัยที่สำคัญที่สุด คือ ความเร็วอินเทอร์เน็ตของคุณ หากคุณมีความเร็วในการดาวน์โหลดเฉลี่ย 300 Mbps โดยไม่ใช้ VPN การลดลง 20% แทบจะมองไม่เห็นความแตกต่าง และคุณยังคงสามารถดูภาพยนตร์และสตรีมมิ่งแบบ HD ได้อย่างสบาย ๆ ที่ความเร็ว 240 Mbps

ทำไมถึงต้องใช้ VPN เร็วที่สุด?

นอกเหนือจากการรักษาความปลอดภัย และการปกป้องข้อมูลในขณะท่องโลกอินเทอร์เน็ตแล้ว คนส่วนใหญ่ยังนิยมใช้ VPN เร็วที่สุด เพื่อหลีกเลี่ยงข้อจำกัดการใช้งานในบางประเทศ และเพื่อเข้าถึงเนื้อหาบนแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งยอดนิยม เช่น Netflix, HBO Max และ Amazon Prime Video

หากไม่มีเซิร์ฟเวอร์ VPN แรง ๆ ก็ยังคงสามารถเข้าถึงเนื้อหาได้ แต่มันจะเป็นฝันร้ายในขณะรับชมเพราะวิดีโอจะถูกรบกวนตลอดเวลา

นอกเหนือจากการเข้าถึงแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งแล้ว VPN ที่ช้ามากจะทำให้การท่องเว็บเป็นประสบการณ์ที่น่าผิดหวัง เพราะอาจต้องใช้เวลานานถึง 15 วินาทีในการรีเฟรชฟีดบน Instagram และบางเว็บไซต์ที่เปิดให้มีการแสดงความคิดเห็น ก็อาจต้องใช้เวลาโหลดที่นานกว่านั้น

 VPN เร็วที่สุด ต้องเป็นแบบไหน?

ตามมาตรฐานอุตสาหกรรม VPN ที่มีความเร็วอินเทอร์เน็ตลดลงไม่เกิน 20% หรือหนึ่งในห้า ถือว่าเป็น VPN ที่เร็วมาก ทั้งนี้ ความเร็วอินเทอร์เน็ตอาจแตกต่างออกไปตามช่วงเวลา และประเภทของการเชื่อมต่อ เช่น แบบ LAN หรือ แบบ WiFi

ไม่ว่าในกรณีใด VPN เร็วที่สุดและดีที่สุด ไม่ควรมีใครสังเกตเห็น เพราะจำเป็นต้องปกปิดที่อยู่ IP และให้ความปลอดภัยสูงสุดโดยไม่ขัดขวางประสบการณ์ทางออนไลน์ ซึ่งวิธีที่ดีที่จะบอกว่า VPN ลดความเร็วของอินเทอร์เน็ตหรือไม่ ทำได้โดยการทดสอบความเร็ว

เนื่องจาก VPN ส่วนใหญ่ไม่ใช่โปรแกรมเน็ตเร็วฟรี คุณจึงต้องสมัครสมาชิกรายเดือนหรือรายปี เพื่อทดสอบบริการ สิ่งนี้ไม่ใช่แค่ราคาที่ต้องจ่ายแพง แต่ยังเป็นเรื่องที่น่าเบื่ออีกด้วย

นั่นเป็นเหตุผลที่เราพยายามรวบรวมคำแนะนำเกี่ยวกับ VPN เร็วที่สุด เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจได้โดยง่าย

VPN ฟรีกับ VPN แบบจ่ายเงิน อันไหนเร็วที่สุด?

VPN ฟรีเป็นตัวเลือกที่ดี หากคุณไม่มีความกังวลเรื่องความเร็วอินเทอร์เน็ต เพราะมีระดับการป้องกันที่ใกล้เคียงกัน (มาตรฐานการเข้ารหัสและโปรโตคอลเดียวกัน) และสามารถปกป้องคุณในขณะที่ท่องโลกอินเทอร์เน็ตได้

แต่การสตรีมภาพยนตร์และรายการทีวีแบบ torrent เป็นคนละเรื่องกันอย่างสิ้นเชิง เพราะ VPN ฟรีส่วนใหญ่มาพร้อมกับข้อผิดพลาดบางอย่าง ซึ่งมักจะเป็นส่วนของแบนด์วิธที่จำกัด ทำให้ความเร็วในการอัพโหลดและดาวน์โหลดจำกัดไปด้วย

ในบางกรณีที่ไม่มีการจำกัดความเร็ว แผนฟรีที่มี VPN แรง ๆ อาจถูกจำกัดบางฟีเจอร์ เช่นกรณีของ Proton VPN ซึ่งเราได้กล่าวถึงในรายละเอียดข้างต้นไปแล้ว

ในความเห็นของเรา VPN แบบจ่ายเงิน จึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่า หากคุณต้องการการปกป้องระดับพรีเมียม โดยไม่สูญเสียความเร็วอินเทอร์เน็ต VPN แบบจ่ายเงินอย่าง Surfshark VPN คือ VPN เร็วที่สุดของคุณอย่างแน่นอน

วิธีเพิ่มความเร็วในการเชื่อมต่อ VPN

ไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่าความเร็วที่ต่ำกว่ามาตรฐาน แต่ยังโชคดีที่มีหลายวิธีที่จะช่วยทําให้เน็ตเร็วขึ้นได้ และนี่คือ 3 วิธีที่ทำให้ VPN เร็วที่สุด:

1. เปลี่ยนการตั้งค่าการเข้ารหัส

การเปลี่ยนจาก TCP เป็น UDP จะช่วยทำให้ความเร็ว VPN สูงขึ้นได้ เพราะวิธีนี้จะปิดการรับรองความถูกต้องในการถ่ายโอนข้อมูล ทำให้สามารถส่งข้อมูลไปยังอุปกรณ์ได้เร็วขึ้น

UDP เหมาะที่สุดสำหรับการสตรีมมิ่งและการเล่นเกม เพราะไม่ต้องการความสมบูรณ์ของข้อมูล ในขณะที่ TCP เหมาะที่สุดสำหรับการทอร์เรนต์หรือดาวน์โหลดเนื้อหา

2. เปลี่ยนโปรโตคอลการเข้ารหัส

VPN ยอดนิยมส่วนใหญ่มีตัวเลือกโปรโตคอลที่แตกต่างกัน และแต่ละอันเหมาะกับการใช้งานที่ต่างกันด้วย สำหรับใครที่ต้องการ VPN เร็วที่สุด ให้เปลี่ยนไปใช้โปรโตคอล WireGuard เพื่อประสิทธิภาพที่ดีขึ้น

3. เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์อื่น

จำนวนเซิร์ฟเวอร์เป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกใช้ VPN เนื่องจากกลุ่มเซิร์ฟเวอร์ที่มีขนาดเล็ก อาจส่งผลให้เกิดความแออัดเนื่องจากแบนด์วิธที่ใช้ร่วมกัน และทำให้ความเร็วช้าลง 

อย่างไรก็ตาม ระยะทางของเซิร์ฟเวอร์ (ขึ้นกับตำแหน่งการใช้งาน) ก็ส่งผลต่อความเร็วของคุณเช่นกัน ดังนั้น การเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ที่ใกล้กว่า หมายความว่าข้อมูลจะเดินทางสั้นกว่า และทําให้เน็ตเร็วขึ้นได้เช่นกัน

หากคุณพบว่าความเร็วช้าลง ให้ลองเปลี่ยนไปใช้เซิร์ฟเวอร์อื่นเพื่อหลีกเลี่ยงความแออัด หรือลองใช้เซิร์ฟเวอร์ที่ใกล้กว่าแทน
ทั้งหมดนี้ เป็นวิธีที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่า จะช่วยให้ VPN เร็วที่สุด ไม่ว่าจะใช้บริการแอพเน็ตเร็วกับบริการรายใดก็ตาม

วิธีเริ่มต้นใช้งาน VPN เร็วที่สุด

การเริ่มต้นใช้งาน VPN เร็วที่สุด เป็นเรื่องง่าย โดยเราจะใช้ Surfshark เป็นตัวอย่างในการแสดงวิธีติดตั้ง VPN เพื่อประสบการณ์การท่องโลกอินเทอร์เน็ตอย่างปลอดภัย 100%

ขั้นตอนที่ 1: สมัครสมาชิก

ไปยังเว็บไซต์ของ Surfshark VPN และเลือกแผนสมาชิกที่เหมาะกับคุณที่สุด

เมื่อสมัครสมาชิกแล้ว คุณจะสามารถดาวน์โหลดแอพเน็ตเร็วบนอุปกรณ์ของคุณได้เลย

ไปยัง Surfshark ตอนนี้

ขั้นตอนที่ 2: ติดตั้ง Surfshark VPN

ค้นหาไฟล์ที่ต้องดาวน์โหลดจากเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ Surfshark VPN และเริ่มการติดตั้ง

หลังจากการติดตั้งเสร็จสิ้น ไอคอน Surfshark VPN จะปรากฏบนอุปกรณ์ของคุณ

ขั้นตอนที่ 3: เริ่มใช้งาน Surfshark

ดับเบิลคลิกที่ไอคอน แล้วกรอกข้อมูลเพื่อเข้าสู่ระบบ

หลังจากเข้าสู่ระบบสำเร็จ คุณจะสามารถเริ่มใช้ Surfshark ได้ทันที

ขั้นตอนที่ 4: เชื่อมต่อ Surfshark VPN

การเริ่มใช้เซิร์ฟเวอร์ VPN เร็วที่สุดนี้ ให้เลือกประเทศที่คุณต้องการเชื่อมต่อ และคลิกปุ่ม “Connect”

Surfshark VPN มีเซิร์ฟเวอร์มากกว่า 3,000 เครื่องใน 95 ประเทศ และคุณสามารถใช้แถบค้นหาเพื่อเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ในประเทศที่คุณเลือกได้ เมื่อคุณเชื่อมต่อแล้ว คุณสามารถใช้ Surfshark VPN เซิร์ฟเวอร์ VPN แรง ๆ พร้อมความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยทางออนไลน์สูงสุดได้เลย

บทสรุปเกี่ยวกับ VPN เร็วที่สุด

ไม่มีคำตอบที่แน่ชัดว่า VPN เร็วที่สุด คืออะไร แม้ว่าVPN บางราย จะไม่ลดความเร็วอินเทอร์เน็ตของคุณ แต่ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคล

VPN ส่วนใหญ่มีการป้องกันในระดับที่ใกล้เคียงกัน และราคาไม่ต่างกันมาก ดังนั้น คุณจึงไม่ควรพลาดเว็บ VPN แรง ๆ ที่เราเลือกมา

เราขอแนะนำ Surfshark VPN เนื่องจากเป็นการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างความเร็วและความปลอดภัย เซิร์ฟเวอร์ Surfshark VPN แต่ละเซิร์ฟเวอร์เชื่อมต่อกับพอร์ต 1 Gbps หรือสูงกว่า เพื่อให้มั่นใจได้ว่า VPN เร็วที่สุด ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนหรือเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ใด

ยิ่งไปกว่านั้น Surfshark ยังให้บริการการเข้ารหัสข้อมูลที่ทันสมัย และมีฟีเจอร์ที่มีประโยชน์มากมาย ที่เพิ่มการป้องกันหลายชั้นและรับประกันความปลอดภัย ทำให้การใช้งานอินเทอร์เน็ตปราศจากโฆษณารบกวนใจคุณ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *