การ Staking เหรียญคือกระบวนการ “ล็อก” เหรียญคริปโตในระยะเวลาหนึ่งเพื่อสนับสนุนประสิทธิภาพและความปลอดภัยของเครือข่ายบล็อกเชนนั้นๆ โดยคุณจะได้รับดอกเบี้ยเป็นการตอบแทนจากการ Staking เหรียญ
ในคู่มือนี้ เราไม่เพียงแค่จะรีวิวแพลตฟอร์ม Staking ที่ดีที่สุดในปี 2023 แต่เราจะอธิบายแบบง่ายๆ ว่าการ staking เหรียญคริปโตในตลาดบล็อกเชนนั้นทำงานอย่างไร
รายการแพลตฟอร์ม Staking ที่ดีที่สุด
แพลตฟอร์ม Staking ที่ดีที่สุดในตลาดตอนนี้ ได้แก่ 4 แพลตฟอร์มด้านล่าง
- AiDoge – ทางเลือกใหม่สำหรับแพลตฟอร์ม Staking ที่ดีที่สุด เหรียญ Staking นี้ให้รางวัลรายวันแก่ผู้ถือระยะยาวและสิทธิพิเศษที่ไม่เหมือนใคร ในขณะที่ให้สิทธิ์เข้าถึงเครื่องมือสร้างมีมที่ไม่เหมือนใคร
- eToro – แพลตฟอร์ม Staking ที่ดีที่สุดที่อยากแนะนำ – เป็นมิตรกับมือใหม่ด้วยผลตอบแทนอันยอดเยี่ยม
- OKX – กระดานเทรดคริปโตมาแรงที่มาพร้อมเหรียญ Staking ยอดนิยม
- DeFi Swap – แพลตฟอร์ม Staking ที่ดีที่สุดที่ให้ดอกเบี้ยสูง
ไปยังแพลตฟอร์ม Staking ที่ดีที่สุด
เว็บไซต์ Staking เหรียญคริปโตด้านบนต่างมีศักยภาพยอดเยี่ยม โดยเราจะอธิบายว่าทำไม
รีวิวแพลตฟอร์ม Staking ที่ดีที่สุด
การค้นหาแพลตฟอร์ม Staking ที่ดีที่สุดในปีนี้ เราจะเน้นที่เกณฑ์เฉพาะจากมุมมองของนักลงทุน ซึ่งจะรวมถึงตัวชี้วัด เช่น ผลตอบแทน เงื่อนไขการล็อก และจำนวนโทเค็นที่รองรับ
ในแง่ของความปลอดภัย เราได้ตรวจสอบว่าแพลตฟอร์มนั้นๆ มีการกำกับดูแลหรือไม่ และใช้งานระบบแบบใดเพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะลงทุนในเหรียญคริปโตได้อย่างปลอดภัย
แพลตฟอร์ม Staking เหรียญที่เราได้รีวิว ได้แก่
1. AiDoge – ทางเลือกใหม่สำหรับแพลตฟอร์ม Staking ที่ดีที่สุด ที่ให้รางวัลรายวัน

อันดับแรกในลิสอันดับแพลตฟอร์ม Staking ที่ดีที่สุดของเราคือ AiDoge สิ่งแรกที่ควรทราบคือ AiDoge ไม่ใช่แพลตฟอร์ม Staking ในทางเทคนิค เช่นเดียวกับอันดับอื่น ๆ ในลิสต์รายการของเรา แต่เป็นโครงการคริปโตมาใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วย AI พร้อมโปรโตคอล Staking ในตัวที่เสนอรางวัลรายวัน
ตามที่กำหนดไว้ในเอกสารข้อมูล AiDoge ตั้งใจที่จะรับมือกับความท้าทายในการสร้างมีมโดยใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อสร้างมีมที่สอดคล้องกับเทรนด์คริปโต สิ่งนี้ทำงานผ่าน “ตัวสร้างมีม” ของ AiDoge ซึ่งใช้ป้อนข้อความคำสั่งแบบเดียวกับ ChatGPT
$Ai เป็นสกุลเงินหลักของ AiDoge ซึ่งส่วนใหญ่ใช้เพื่อซื้อเครดิตที่ผู้ใช้ต้องการเมื่อสร้างมีม อย่างไรก็ตาม ตามที่ระบุไว้ข้างต้น AiDoge จะรวมโปรโตคอลการ staking ที่สร้างขึ้นเอง โดยผู้ใช้สามารถ “ล็อก” โทเค็น $Ai ของตนเพื่อรับรางวัลเครดิตรายวัน ซึ่งเป็นการสร้างเส้นทางให้ผู้ใช้เหล่านี้พัฒนามีมเพิ่มเติมโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย

ไม่เพียงแค่นั้น โปรโตคอลการ staking ของ AiDoge จะให้รางวัลแก่ผู้ที่ทำการ stake ด้วยผลประโยชน์เพิ่มเติม สิทธิประโยชน์เหล่านี้รวมถึงเทมเพลตมีมพิเศษ การเข้าร่วมการแข่งขันมีมพิเศษ และแม้แต่การเข้าถึงสิทธิ์ในการออกเสียงที่เกี่ยวข้องกับข้อเสนอด้านการกำกับดูแล
อุปทานทั้งหมดของโทเค็น $Ai กำหนดไว้ที่หนึ่งล้านล้าน โดย 50% ของโทเค็นเหล่านี้สงวนไว้สำหรับนักลงทุนในช่วงพรีเซล ทีมงานของ AiDoge ได้กำหนดราคาเสนอขายเริ่มต้น (IEO) ไว้ที่ 0.0000336 ดอลลาร์ ทำให้โครงการมีมูลค่าตลาดเมื่อเปิดตัวที่ 29,800,000 ดอลลาร์

โดยธรรมชาติแล้ว โปรโตคอลการ staking ที่ไม่เหมือนใครของโครงการและคุณสมบัติที่ขับเคลื่อนด้วย AI ได้สร้างกระแสฮือฮาจากชุมชนการลงทุน อย่างไรก็ตาม นักลงทุนต้องระวังด้วยว่า เหรียญคริปโตที่เปิดขายพรีเซลอย่าง AiDoge มักถูกมองว่ามีความเสี่ยงมากกว่าเนื่องจากขาดสภาพคล่อง
ข่าวดีก็คือการที่ AiDoge อยู่ในช่วงพรีเซลก็ถือเป็นข้อดีเช่นกัน เนื่องจากหมายความว่านักลงทุนรายแรกๆสามารถซื้อโทเค็น AiDoge ได้ในราคาต่ำ ช่วงพรีเซลล์นี้จะมีทั้งหมด 20 รอบ โดยแต่ละรอบจะมีราคาโทเค็นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งหมายความว่าผู้ที่ลงทุนเร็วที่สุดจะอยู่ในจุดเข้าซื้อที่ต่ำที่สุด
ผู้สนใจที่ต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการ AiDoge สามารถเข้าร่วมช่องทางอย่างเป็นทางการของ Telegram
เพดานเงินทุน | $14,900,000 |
โทเค็นทั้งหมด | 1 ล้านล้าน |
โทเค็นในช่วงพรีเซลล์ | 500 พันล้าน |
Blockchain | เครือข่าย Ethereum |
ประเภทโทเค็น | ERC-20 |
ซื้อขั้นต่ำ | 100 โทเค็น |
ซื้อด้วย | USDT, ETH, BNB, บัตรเครดิต |
2. eToro – แพลตฟอร์ม Staking เหรียญคริปโตด้วยค่าธรรมเนียมแสนถูก
eToro เป็นที่รู้จักในฐานะโบรกเกอร์เหรียญคริปโตที่ควบคุมโดย ก.ล.ต. ซึ่งมีค่าธรรมเนียมที่ต่ำที่สุดในตลาด และมีต้องการเงินฝากขั้นต่ำไม่เยอะ โดยสิ่งที่ทำให้เราชอบมากๆ ก็คือเมื่อคุณซื้อเหรียญคริปโตที่ eToro โทเค็นดังกล่าวจะถูกนำไป Stake โดยอัตโนมัติ
ตอนนี้ eToro มอบรางวัลโดยอัตโนมัติในเหรียญ Staking ที่ดีที่สุด ได้แก่ Ethereum, Cardano, และ Tron ซึ่งขึ้นอยู่กับสถานะสมาชิก eToro และที่ที่คุณอยู่ เช่น หากคุณเป็นสมาชิกระดับ Bronze และเป็นผู้ใช้ในสหรัฐอเมริกาก็จะได้รับ 75% ของผลตอบแทนการ Stake รายเดือนที่ ส่วนระดับ Diamond และ Platinum+ จะได้ 90%
หากคุณกำลังสงสัยว่าจะ Staking ที่ไหนดีนั้น eToro ก็เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์ม Staking ที่ดีที่สุดโดยที่ไม่มีระยะเวลาการล็อกโทเค็นใดๆ โดยคุณสามารถรับผลตอบแทนจาก Stake ตามโทเค็นที่คุณมีใน eToro Crypto Wallet จนกว่าคุณอยากจะขายโดยไม่ต้องโอนเหรียญไปมาเหมือนแพลตฟอร์มอื่น

คุณจะได้รับประโยชน์มากมายในการใช้ eToro เนื่องจากแพลตฟอร์มได้รับอนุญาตจาก ก.ล.ต., FCA, ASIC, และ CySEC และหากคุณอยากซื้อเหรียญคริปโต คุณก็สามารถฝากเงินได้โดยไม่เสียค่าธรรมเนียมผ่านวิธีการชำระเงินมากมาย
การเลือกว่าจะ Staking ที่ไหนดีนั้นอาจเป็นเรื่องยาก เราได้ทำการวิเคราะห์สองแพลตฟอร์มยอดนิยมไว้ในบทวิเคราะห์ eToro กับ Coinbase แล้ว
รางวัล Staking ของเหรียญคริปโต | ADA, TRX, และ ETH 2.0 จะแตกต่างกันไปในแต่ละเดือน ขึ้นอยู่กับปริมาณการ Stake บนแพลตฟอร์ม |
จำนวนการ Staking ต่ำสุดและสูงสุด | Stake ขั้นต่ำที่ $1 ต่อเดือน |
ระยะเวลาการล็อก | ไม่มีระยะเวลาการล็อก ถอนออกได้ทุกเมื่อ |
ความปลอดภัยและกฎระเบียบ | · ควบคุมโดย ก.ล.ต.· ได้รับอนุญาตจาก FINRA และ FinCEN |
รางวัลเพิ่มเติม | สมาชิกระดับสูงจะได้รับผลตอบแทนจากการ Stake เพิ่มขึ้น |
ระยะเวลาในการจ่ายดอกเบี้ย | รายเดือน |
Stake เหรียญคริปโตที่ eToro ตอนนี้
สินทรัพย์คริปโตมีความผันผวนสูงและเป็นการลงทุนที่ไม่มีการกำกับดูแล
3. OKX – กระดานเทรดคริปโตมาแรงที่มาพร้อมเหรียญ Staking ยอดนิยม
OKX เป็นกระกานแลกเปลี่ยนคริปโตระดับโลกที่มีผู้ใช้มากกว่า 20 ล้านคนทั่วโลกและมี คริปโคเคอเรนซี่มากกว่า 340 เหรียญ แพลตฟอร์มนี้มีค่าธรรมเนียมการซื้อขายที่ต่ำที่สุด ทำให้เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมในการซื้อเหรียญคริปโตชั้นนำมากมายสำหรับการ Staking
OKX ให้ผลตอบแทนต่อปี (APY) จากการ Stake สูงถึง 70% ผู้ใช้สามารถ Stake เหรียญยอดนิยม มากมาย โดยมีระยะเวลาการล็อกตั้งแต่ 15 ถึง 120 วัน (หรือไม่มีเลย) ซึ่งหากเลือกว่าจะ Stake Pool ไหนดีนั้น Pool ของ Ethereum 2.0 ก็จะมอบอัตรา APY ที่ 4.09%

OKX มีบัญชีออมทรัพย์ที่ให้ดอกเบี้ยจากเหรียญที่มีมูลค่าคงที่และ Bitcoin อีกด้วย ซึ่งเหรียญคริปโตในบัญชีออมทรัพย์จะไม่มีระยะเวลาการล็อกและจะจ่ายดอกเบี้ยเป็นรายชั่วโมง
OKX ยังมีฟีเจอร์ Flash Deals ที่จะมอบข้อเสนอระยะสั้นที่ให้ APY สูงถึง 500% ตามโทเค็นที่มีความต้องการสูง โดยข้อเสนอดังกล่าวมักจะมีให้สำหรับ Bitcoin, Ethereum และเหรียญคริปโตที่เทรดเดอร์ต้องการ
OKX ก็ไม่มีเงินฝากขั้นต่ำในการเปิดบัญชี และรองรับการชำระเงินที่หลากหลายอีกด้วย
รางวัล Staking ของเหรียญคริปโต | 1%-300% |
จำนวนการ Staking ต่ำสุดและสูงสุด | ไม่ระบุ |
ระยะเวลาการล็อก | ตั้งแต่ไม่มีระยะเวลาไปจนถึง 120 วัน |
ความปลอดภัยและกฎระเบียบ | ควบคุมโดยประเทศมอลตา |
รางวัลเพิ่มเติม | ไม่ระบุ |
ระยะเวลาในการจ่ายดอกเบี้ย | รายชั่วโมง |
Stake เหรียญคริปโตที่ OKX ตอนนี้
สินทรัพย์คริปโตมีความผันผวนสูงและเป็นการลงทุนที่ไม่มีการกำกับดูแล
4. DeFi Swap – แพลตฟอร์ม Staking ที่ดีที่สุดที่ให้ดอกเบี้ยสูง
DeFi Swap เป็นกระดานเทรดคริปโต DEX ซึ่งถูกสร้างขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกในการ Stake เหรียญ DeFi Coin (DEFC) โดยเฉพาะ โดยมีระยะเวลา Stake 4 ช่วง: 30, 90, 180, หรือ 365 วัน โดยคุณสามารถรับอัตราดอกเบี้ย APY ได้ตั้งแต่ 30% ถึง 75%
โดยคุณสามารถแลกเหรียญคริปโตหลักๆ (ได้แก่ Bitcoin, Ethereum, BNB และอื่นๆ) เป็น DEFC ได้ง่ายๆ DeFi Swap ยังให้คุณซื้อ DeFi Coin ด้วยเหรียญที่มีมูลค่าคงที่ ซึ่งให้ผลตอบแทนสูงอย่าง USDC และ USDT ได้

DeFi Swap เพิ่งเปิดตัว ดังนั้นแพลตฟอร์มจึงมีทางเลือกการ Stake มากมายและอัตราดอกเบี้ยจะสูงขึ้นเมื่อแพลตฟอร์มเติบโตนั่นเอง
รางวัล Staking ของเหรียญคริปโต | APY 30-75% สำหรับ DeFi Coin |
จำนวนการ Staking ต่ำสุดและสูงสุด | ไม่มีขั้นต่ำหรือสูงสุด |
ระยะเวลาการล็อก | 30, 90, 180 หรือ 365 วัน |
ความปลอดภัยและกฎระเบียบ | กระดานเทรด DEX |
รางวัลเพิ่มเติม | ค่าธรรมเนียมจากการซื้อและขาย DEFC จะคืนให้กับผู้ถือโทเค็น |
ระยะเวลาในการจ่ายดอกเบี้ย | รายเดือน |
Stake เหรียญคริปโตที่ DeFi Swap ตอนนี้
สินทรัพย์คริปโตมีความผันผวนสูงและเป็นการลงทุนที่ไม่มีการกำกับดูแล
Staking เหรียญคืออะไร?
เป็นเรื่องสำคัญที่คุณจะต้องเข้าใจวิธีการ Staking เหรียญคริปโตอย่างลึกซึ้ง ก่อนเริ่มดำเนินการลงทุน
ด้วยเหตุนี้ เราจะอธิบายถึงเรื่องพื้นฐานที่คุณควรทราบก่อนลงทุนในโทเค็นใดๆ
Staking เหรียญคริปโตทำงานยังไง?
การ Staking เหรียญคริปโตคือกระบวนการล็อกโทเค็นบางส่วนเพื่อช่วยให้การทำธุรกรรมมีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพบนบล็อกเชน Proof of Stake
โดยคุณจะได้รับอัตราดอกเบี้ยจากโทเค็นที่คุณ Stake ซึ่งหมายความว่าแทนที่จะถือเหรียญไว้ใน Crypto Wallet เฉยๆ คุณก็สามารถสร้างรายได้จากเหรียญคริปโตด้วยการรับรายได้จากโทเค็นของคุณนอกเหนือจากลงทุนเพิ่มได้
เรามาดูตัวอย่างพื้นฐานของการ Staking เหรียญคริปโตกันก่อน:
- สมมุติว่าคุณต้องการ Stake โทเค็น ADA บนเครือข่าย Cardano
- สมมุติว่าคุณจะได้ผลตอบแทนต่อปี (APY) 10%
- คุณตัดสินใจ Stake โทเค็น ADA มูลค่า $5,000 เป็นเวลาสามเดือน
- ในเวลาหนึ่งปี การ Stake ที่ $5,000 จะมอบผลตอบแทน $500 ดังนั้น การ Stake สามเดือนก็จะคิดเป็นรายได้แบบพาสซีฟที่ $125
สิ่งสำคัญคือต้องทราบว่ารางวัลการ Stake นั้นจะมอบให้คุณเป็นโทเค็นที่ใช้ Stake ซึ่งหมายความว่า รางวัลจากการจะถูกจ่ายเป็นโทเค็น ADA นั่นเอง
ที่สำคัญ ระหว่างการล็อกโทเค็นคริปโตนั้น คุณจะยังได้รับประโยชน์หากโทเค็นมีมูลค่าเพิ่มขึ้น เช่น โทเค็นมีมูลค่า $1 ในขณะที่คุณเริ่ม Stake และ $1.50 เมื่อสิ้นสุดระยะเวลาการล็อก คุณจะได้รับมูลค่าโทเค็นที่บวก 50% นั่นเอง ซึ่งทำให้คุณได้รับรางวัลได้สองทาง

จากที่กล่าวมา เราควรสังเกตว่าในขั้นต้น Staking นั้นทำได้โดยการดาวน์โหลด Node บัญชีแยกประเภทของเครือข่ายบล็อกเชนนั้นๆ ไปยังอุปกรณ์เดสก์ท็อปของคุณ ซึ่งหมายความว่าคุณจะต้อง Stake โทเค็นโดยตรงกับบัญชีแยกประเภทบล็อกเชนผ่าน Wallet ที่รองรับ
แต่การ Staking ได้พัฒนาขึ้นแล้ว ซึ่งทำให้นักลงทุนมือใหม่และมืออาชีพสามารถได้รับรางวัลง่ายขึ้นด้วย
นี่เป็นเพราะแพลตฟอร์ม Staking ที่ดีที่สุดนั้นล้วนแล้วแต่ให้คุณฝากโทเค็นเพื่อเริ่มรับดอกเบี้ย และรางวัลจากการ Stake ก็ได้มาจากเหรียญ PoS นั่นเอง เนื่องจากแพลตฟอร์มยอดนิยมจะมอบโอกาสในการสร้างรายได้ผ่านบัญชีออมทรัพย์ แต่คุณรู้ไหมว่า Yield Farming กับ Staking แตกต่างกันยังไง?
ระยะเวลาการล็อก
จะมีระยะเวลาการล็อกหากคุณ Stake เหรียญคริปโตโดยตรงผ่าน Node บนบล็อกเชน ซึ่งหมายความว่าคุณจะไม่สามารถถอนเหรียญคริปโตได้จนกว่าระยะเวลาการล็อกจะสิ้นสุด
ซึ่งคล้ายกับวิธีตราสารหนี้ เนื่องจากคุณจะยังได้รับดอกเบี้ยแม้ว่าโทเค็นจะถูกล็อกเอาไว้ เพียงแต่ว่าการ Stake จะถอนไม่ได้จนกว่าจะสิ้นสุดการล็อก
นอกจากนี้ แพลตฟอร์ม Staking ที่ดีที่สุดที่เราแนะนำยังมีความยืดหยุ่นสูง ซึ่งหมายความว่าหากคุณได้รับอัตราดอกเบี้ยต่ำ คุณก็สามารถถอนเหรียญที่ใช้ Stake ได้ทุกเมื่อ
Mining กับ Staking
ผู้คนมักจะเข้าใจผิดว่าการขุด (Mining) กับการ Staking เหมือนกัน แต่จริงๆ แล้ว ทั้งสองกลไกที่ว่าก็มีกระบวนการแตกต่างกันอยู่
- การขุดคือกระบวนการที่ใช้ตรวจสอบและยืนยันธุรกรรมใหม่สำหรับเครือข่ายบล็อกเชนแบบเฉพาะ
- นักขุดจะต้องติดตั้งฮาร์ดแวร์ราคาแพง (การ์ดจอ) ซึ่งใช้ไฟฟ้าในปริมาณมาก
- แต่นักขุดจะได้ผลตอบแทนจากทรัพยากรที่ใช้ไปเมื่อโทเค็นถูกสร้างขึ้น ตัวอย่างเช่น Bitcoin จะจ่ายให้กับผู้ที่ขุดเหรียญสำเร็จที่ 6.25 BTC ทุกๆ 10 นาที
ที่สำคัญ การขุด (โดยเฉพาะบนเครือข่ายยอดนิยมอย่าง Bitcoin) นั้นค่อนข้างจะไม่คุ้มทุน ซึ่งเป็นเหตุผลที่การ Staking ฟังดูดีกว่า ตัวอย่างเช่น ในการ Stake เหรียญคริปโต คุณไม่จำเป็นต้องซื้ออุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ใดๆ และไม่จำเป็นต้องใช้ไฟฟ้ามากมาย
แต่เพียงแค่ต้องเลือกแพลตฟอร์ม Staking ที่ดีที่สุด แล้วฝากโทเค็นที่ต้องการ แล้วนั่งรอให้กลไกสร้างผลกำไรแบบพาสซีฟให้เอง
On-Chain กับ Off-Chain Staking
อีกสิ่งที่ควรเข้าใจในการ Staking เหรียญคริปโตคุณจะเริ่ม Stake ในเชน (On-Chain) หรือนอกเชน (Off-Chain) โดยการ Stake ในเชนจะนำโทเค็นดังกล่าวไปไว้ในเครือข่ายบล็อกเชนที่คุณเลือก
การทำแบบนี้คุณจะต้องดาวน์โหลดบัญชีแยกประเภทบล็อกเชนทั้งหมดลงคอมพิวเตอร์และเชื่อมต่อกับ Node ผ่าน Wallet ที่รองรับ ซึ่งจะทำให้คุณมีส่วนร่วมโดยตรงกับบล็อกเชน แต่การ Stake ในเชนนั้นเหมาะสำหรับผู้ที่เข้าใจในเหรียญคริปโตอย่างสูง

แต่หากคุณเป็นมือใหม่และต้องการอะไรง่ายๆ เราก็ขอแนะนำให้ Stake นอกเชน โดยแพลตฟอร์ม Staking ที่ดีที่สุดที่เราแนะนำไปวันนี้ก็ต่างให้บริการการ Stake นอกเชน ซึ่งหมายความว่าคุณไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์ก็สามารถเริ่มต้น Stake ได้
นี่เป็นเพราะข้อตกลงของคุณจะผูกกับแพลตฟอร์ม Staking นั่นเอง (ต่างจากเครือข่ายบล็อกเชน) ด้วยเหตุนี้ หากคุณตัดสินใจเลือกแพลตฟอร์มกับเหรียญที่ใช่และระยะเวลาการล็อกได้แล้ว คุณก็ไม่จำเป็นต้องทำอะไรอีก
ประโยชน์ของการ Staking เหรียญคริปโต
การ Staking เหรียญคริปโตอาจไม่เหมาะกับทุกคน โดยเฉพาะเมื่อคุณอยากเทรดเหรียญคริปโตอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้มั่นใจว่าการ Staking นั้นตอบโจทย์การลงทุนคุณหรือไม่ ให้พิจารณาประโยชน์ที่ได้ ดังนี้
รับดอกเบี้ยจากเหรียญคริปโตที่ไม่ได้ใช้งาน
หากคุณถือหุ้นไว้ในพอร์ต คุณจะมีโอกาสได้รับเงินปันผลทุกๆ เดือน
แต่การถือเหรียญคริปโตเอาไว้นั้น คุณจะทำเงินได้เมื่อโทเค็นมีมูลค่าเพิ่มและได้ขายเหรียญไปเท่านั้น เว้นเสียแต่ว่าคุณเลือกเก็บการลงทุนเหรียญคริปโตระยะยาวไว้กับแพลตฟอร์ม Staking ที่ดีที่สุด
เพราะหากคุณตัดสินใจ Stake โทเค็นเอาไว้ คุณก็จะได้รับดอกเบี้ยตอบแทน ซึ่งหมายความว่าคุณจะมีโอกาสในการสร้างรายได้จากเหรียญคริปโตได้สองแบบ เนื่องจากคุณจะได้รับผลตอบแทนเมื่อเหรียญคริปโตมีมูลค่าเพิ่มขึ้นนั่นเอง
โปรดจำไว้ว่าข้อดีของการ Staking นั้นไม่เหมือนกับการได้รับดอกเบี้ยผ่านการปล่อยสินเชื่อ เพราะมีหลายบริษัท เช่น Celsius, Voyager, Babel Finance และอื่นๆ ที่ถูกฟ้องล้มละลายหลังปล่อยกู้เหรียญในช่วงกลางปี 2022 หลังจาก “ช่วงขาลงของตลาดคริปโต” แต่ไม่มีผลกระทบอะไรต่อแพลตฟอร์ม Staking ที่เราพูดถึงในบทความนี้
ดอกเบี้ยทบต้น
การลุงในหุ้นแบบดั้งเดิมเป็นการเปรียบเทียบที่ดี เพราะหุ้นปันผลให้โอกาสคุณได้รับผลตอบแทนจากดอกเบี้ยทบต้น
เนื่องจากเมื่อคุณได้รับผลตอบแทนในแต่ละไตรมาส คุณก็สามารถนำเงินไปลงทุนในหุ้นตัวเดิมได้นั่นเอง
- หากคุณได้รับเงินปันผล $150 จาก Johnson & Johnson คุณก็สามารถซื้อหุ้นเพิ่มได้สองหุ้น (อิงจากราคาตอนนี้)
- เมื่อทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ คุณก็จะได้ดอกเบี้ยสูงขึ้น เพราะคุณจะได้รับเงินปันผลตามจำนวนหุ้นที่ถือไว้นั่นเอง
ส่วนการ Staking ในแพลตฟอร์มที่ดีที่สุดในตลาดจะแจกจ่ายรางวัลเป็นรายวัน ดังนั้น เมื่อคุณได้รับผลตอบแทนจากการ Staking เป็นโทเค็น คุณก็จะได้ถือโทเค็นมากขึ้น นอกจากนั้น เมื่อนำโทเค็นไป Stake อีกรอบ คุณก็จะได้รับรางวัลตอบแทนรายวันมากขึ้น
ป้องกันความเสี่ยงจากราคาเหรียญคริปโตที่ลดลง
อีกหนึ่งประโยชน์จากการ Staking เหรียญคริปโตก็คือสามารถป้องกันความเสี่ยงดังกล่าวได้ เช่น สมมุติว่าคุณเป็นนักลงทุนระยะยาวและถือเหรียญคริปโตมูลค่า $5,000 ไว้ในพอร์ต
เมื่อตลาดเกิดแนวโน้มขาลงเป็นเวลานาน ก็อาจจะน่าท้อใจเมื่อมูลค่าพอร์ตของคุณก็ลดตามลงไปด้วย
แต่ถ้าคุณ Stake เหรียญคริปโตเอาไว้ คุณก็จะยังได้รับผลตอบแทนแม้ราคาเหรียญจะลดลงก็ตาม
การ Staking ให้คุณเก็บโทเค็นได้เป็นสองเท่า
เมื่อคุณใช้งานแพลตฟอร์ม Staking ที่ดีที่สุดเพื่อรับดอกเบี้ยจากเหรียญที่ไม่ได้ใช้ คุณจะต้องฝากเหรียญไว้ใน Wallet ที่ถูกควบคุมโดยแพลตฟอร์มนั้นๆ
แม้จะฟังดูเสี่ยงไปบ้าง แต่เหรียญคุณจะปลอดภัยถ้าคุณเลือกแพลตฟอร์มที่มีการกำกับดูแล
- เราได้กล่าวไปข้างต้นว่า eToro ได้รับอนุญาตและควบคุมโดยหน่วยงานด้านการเงินที่มีชื่อเสียงหลายแห่งและ ก.ล.ต.
- คุณจึงมั่นใจได้ว่าโทเค็นที่ใช้ Stake จะได้รับการดูแลอย่างดี
- ในการใช้แพลตฟอร์ม Staking ที่เชื่อถือได้ คุณก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่อง Private Key
- แต่การรักษาความปลอดภัยของ Wallet จะเป็นเรื่องของเว็บไซต์ Staking ที่คุณเลือกแทน
แต่คุณไม่ควรจะคิดว่าแพลตฟอร์ม Staking ทุกเจ้าจะปลอดภัย เนื่องจากทุกคนก็สามารถสร้างเว็บไซต์ที่ให้บริการการ Stake ได้ โปรดศึกษาแพลตฟอร์มต่างๆ ก่อนทำการลงทุน
5 เหรียญ Staking ที่ดีที่สุด
หากคุณกังวลว่าจะ Stake เหรียญใด เพราะมีเหรียญมากมายเหลือเกิน แต่แพลตฟอร์ม Staking ที่ดีที่สุดที่เราคัดมาจะให้ผลตอบแทนคุณจากเหรียญคริปโตที่ไม่ได้ใช้งานแม้จะไม่ใช่โปรเจกต์ Stake ก็ตาม
5 เหรียญ Staking ที่ดีที่สุดที่คุณควรพิจารณาวันนี้ ได้แก่
1. DeFi Coin (DEFC) – เหรียญ Staking โดยรวมที่ดีที่สุด
เหรียญ Staking ที่ดีที่สุดอันดับแรกก็คือ DeFi Coin (DEFC) จากที่เรากล่าวไป DeFi Coin คือโทเค็นหลักของแพลตฟอร์ม DeFi Swap ที่มีบริการช่วยเทรดมากมาย โดยราคา DEFC พุ่งขึ้น 500% หลังการเปิดตัวของแพลตฟอร์ม
DEFC เป็นตัวเลือกที่ดีหากคุณต้องการสร้างรายได้จากการ Staking โดยแพลตฟอร์มจะมี 4 “ระดับ” Staking ซึ่งจะมีระยะเวลาการล็อกและ APY แตกต่างกันไป หากนักลงทุนต้องการได้รับผลตอบแทนสูงที่สุด ระดับ “Platinum” จะให้ผลตอบแทนถึง 75% ต่อปี ด้วยระยะเวลาล็อก 365 วัน

DeFi Coin ยังเป็นหนึ่งในเหรียญ DEX ที่ดีที่สุด เพราะสามารถแลกเป็นโทเค็น BEP-20 อื่น ๆ ผ่าน DeFi Swap ซึ่งทำให้โทเค็นมีการใช้งานหลากหลายมากขึ้น และเนื่องจาก DEFC ถูกสร้างบนระบบ “รางวัลคงที่” นักลงทุนจึงสามารถสร้างรายได้ได้จากการถือเหรียญเอาไว้ใน Crypto Wallet ของตน
สินทรัพย์คริปโตมีความผันผวนสูงและเป็นการลงทุนที่ไม่มีการกำกับดูแล
2. USDC – Stablecoin ที่ดีที่สุดในการ Stake
หากเป้าหมายหลักในการ Stake ของคุณคือการสร้างรายได้แบบพาสซีฟโดยไม่มีความผันผวนมาเกี่ยว เหรียญ USDC จึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
USDC ได้รับการสนับสนุนจาก Coinbase ซึ่งคุณจะมั่นใจว่าเหรียญมีความน่าเชื่อถือและผ่านการตรวจสอบทุนสำรองแล้ว

ที่สำคัญ คุณไม่ต้องกังวลเรื่องความผันผวนแม้แต่นิด โดย USDC ให้ผลตอบแทนจากการ Staking สูงที่สุดในตลาดอีกด้วย
3. The Graph – เหรียญคริปโตน่า Stake ที่มีโอกาสในการเติบโตสูง
หากคุณกำลังลงทุนในเหรียญคริปโตที่มีโอกาสเพิ่มมูลค่าสูง คุณอาจต้องพิจารณา The Graph ไปด้วย เนื่องจากโทเค็นได้รับการสนับสนุนโดยเครือข่าย Ethereum และมีเทคโนโลยีที่ช่วยให้บล็อกเชนสามารถจัดทำดัชนีข้อมูลได้

หมายความว่าบล็อกเชนสามารถย้ายข้อมูลที่ไม่จำเป็นออกได้โดยอัตโนมัติเพื่อเพิ่มพื้นที่ว่างเพื่อให้เครือข่ายทำงานในระดับประสิทธิภาพ โดยคุณสามารถ Stake เหรียญ The Graph ได้บนแพลตฟอร์มชั้นนำมากมาย
4. Ethereum – เหรียญ Staking บนเชนที่ดีที่สุด
แม้ Ethereum จะอยู่ในช่วงเปลี่ยนกลไกไปเป็นการ Stake แต่คุณก็ยังสามารถได้รับรางวัลโดยตรงบนเชน ซึ่ง Ethereum จะให้คุณ Stake เหรียญขั้นต่ำที่ 32 ETH ซึ่งคิดเป็น $85,000 ในตอนนี้

ข่าวดีคือบล็อกเชน Ethereum จะให้คุณเข้าร่วมกอง Staking โดยการเข้าร่วมกับผู้ถือโทเค็นรายอื่นเพื่อให้ Staking เหรียญ Ethereum ด้วยจำนวนเงินไม่มาก โดยคุณจะได้รับรางวัลเป็นค่าธรรมเนียมจากธุรกรรมบนเครือข่าย
5. BNB – เหรียญ Staking ที่ดีที่สุดและไม่มีค่าธรรมเนียม
หากคุณไม่ชอบเสียค่าธรรมเนียมในการ Stake แล้ว คุณอาจต้องพิจารณาซื้อ BNB และรับรางวัลจากการ Staking เพราะคุณสามารถ Stake เหรียญผ่าน Trust Wallet (แอพคริปโต) โดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมใดๆ ทำให้รางวัลจากการ Stake เป็นของคุณ 100%

นอกจากนี้ เมื่อ Stake โทเค็น BNB ผ่านแอพ Trust Wallet คุณก็จะได้ APY ถึง 11% โดยรางวัลจะมอบให้เป็นรายวันและ Trust Wallet ก็ไม่กำหนดระยะเวลาการล็อก ทำให้คุณถอนโทเค็น BNB ออกได้ตลอดเวลา
การ Stake เหรียญมีภาษีไหม?
การเก็บภาษีในตลาดเหรียญคริปโตนั้นค่อนข้างซับซ้อน เพราะไม่เพียงแต่จะขึ้นอยู่กับที่ที่คุณอยู่ แต่ยังขึ้นอยู่กับโปรไฟล์ส่วนบุคคลของคุณด้วย คุณจึงควรขอคำแนะนำด้านภาษีจากผู้เชี่ยวชาญ
บางประเทศอาจเก็บภาษีการ Staking โดยกฎเกณฑ์จะแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับเขตอำนาจศาล
เพื่อให้คุณเข้าใจอย่างถี่ถ้วน Coinbase อธิบายว่า:
การ Staking นั้นก็เหมือนการขุด: ภาษีจะคิดจากมูลค่าตลาดของรางวัลในวันที่คุณได้รับ
ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการ Stake เหรียญ
เมื่อมีโอกาสได้รับรางวัล ก็ต้องมีความเสี่ยงที่ต้องพิจารณา การ Staking ก็ไม่มีข้อยกเว้น โปรดอย่าลืมพิจารณาความเสี่ยงต่อไปนี้ก่อนดำเนินการ
ความเสี่ยงของแพลตฟอร์ม
เราอยากบอกว่าความเสี่ยงจากการ Staking นั้นก็มาจากแพลตฟอร์มที่ใช้ด้วย
- เช่น แพลตฟอร์มจะให้คุณฝากโทเค็นไว้ใน Wallet ของตนเพื่อเริ่มการ Stake
- หมายความว่าคุณต้องเชื่อมั่นว่าแพลตฟอร์มที่เลือกมอบดอกเบี้ยให้คุณสูง แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้นจริง หากแพลตฟอร์ม Staking ถูกแฮ็คและขโมยเงิน คุณก็อาจตกเป็นเหยื่อจากเหตุการณ์นี้ได้
- นอกจากนี้ ข้อตกลงก็เป็นของแพลตฟอร์ม Staking เอง ไม่ใช่ของเครือข่ายบล็อกเชน
- ดังนั้น เมื่อคุณได้รับรางวัลหรือทำการถอน คุณจะต้องเชื่อมั่นว่าแพลตฟอร์มจะทำตามข้อตกลง
ซึ่งเป็นเหตุผลที่เราเลือก eToro ให้เป็นแพลตฟอร์ม Staking ที่ดีที่สุดในปี 2023 เพราะมีการควบคุมอย่างเข้มงวด
ความเสี่ยงด้านมูลค่าตลาด
มีการเข้าใจผิดว่าการ Staking จะการันตีผลตอบแทน แม้แพลตฟอร์มที่คุณเลือกจะมอบ APY และมอบผลตอบแทนให้ตามที่โฆษณา แต่คุณก็ต้องคำนึงถึงมูลค่าตลาดของเหรียญคริปโตด้วย
เช่น:
- สมมุติว่าคุณลงทะเบียนกับแพลตฟอร์ม Staking ที่ให้ผลตอบแทน 50% ต่อปีสำหรับโทเค็นคริปโตที่คุณเลือก
- คุณตัดสินใจฝากโทเค็นมูลค่า $1,000
- หลังจาก 1 ปี คุณจะได้รับเหรียญคริปโตตอบแทนที่ 50% หรือ $500
- แต่มูลค่าของเหรียญคริปโตที่เลือกมีมูลค่าเพิ่ม 80%
- และด้วยเหตุนี้ ถึงแม้ว่าคุณจะได้รับ 50% เพิ่มเติมจากโทเค็น แต่การลงทุนเดิมของคุณตอนนี้จะมีมูลค่าตลาดเพียง $200
เมื่อพิจารณาถึงตัวอย่างข้างต้น การกระจายความเสี่ยงให้มากที่สุดจึงสำคัญในการ Staking เหรียญคริปโต เพราะจะช่วยลดความเสี่ยงได้นั่นเอง
ข่าวสารล่าสุดเกี่ยวกับการ Stake เหรียญ
เนื่องจากตลาดคริปโตยังค่อนข้างใหม่เมื่อเทียบกับตลาดทางการเงินแบบ “ดั้งเดิม” ทำให้มีการอัพเดทข่าวสารเกี่ยวกับแพลตฟอร์ม Staking ที่ดีที่สุดอยู่บ่อยๆ โดยด้านล่างคือข่าวที่ควรทราบในวันที่ 10 ตุลาคม 2022:
- FRX ประกาศการสร้างพันธมิตรกับ Visa เมื่อสัปดาห์ที่ผานมา โดย FTX จะขายบัตรเดบิตคริปโตแก่ผู้ใช้ ซึ่งจะวางจำหน่ายใน 40 ประเทศทั่วโลก
- Brian Armstrong ซีอีโอของ Coinbase ได้ประกาศสารคดีใหม่เกี่ยวกับการเริ่มต้นของ Coinbase ซึ่งจะฉายในแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งต่างๆ ซึ่งจะครอบคลุมถึงการเริ่มต้นของ Coinbase ในช่วงสามปีที่ผ่านมา
- Brian Roberts ซีเอฟโอของตลาด NFT OpenSea ประกาศว่าเขาจะก้าวลงจากตำแหน่ง ซึ่งไม่ได้ให้เหตุผลใดๆ ในการตัดสินใจครั้งนี้ แม้ว่าจะเป็นวันเดียวกันกับที่ผู้บริหารระดับสูงของ OpenSea อีกคนประกาศลาออกก็ตาม
บทสรุป
บทความเชิงลึกนี้ครอบคลุมรายละเอียดเกี่ยวกับการ Staking เหรียญคริปโต ซึ่งอธิบายเกี่ยวกับแพลตฟอร์มแพลตฟอร์มที่ดีที่สุดในปี 2023 และยังมีเหรียญที่คุณควรพิจารณาอีกด้วย
เรายังได้พูดถึงประโยชน์และความเสี่ยงของการ Staking เหรียญ และคุณควรเลือก Stake แบบในเชนหรือนอกเชน
เราขอแนะนำ AiDoge เป็นแพลตฟอร์ม Staking เหรียญคริปโตที่ดีที่สุด ระบบนิเวศที่ขับเคลื่อนด้วย AI ใหม่นี้ช่วยให้ผู้ถือ $Ai สามารถ Staking เหรียญคริปโต เพื่อรับรางวัลเครดิตรายวัน สิทธิพิเศษ สิทธิ์ในการลงคะแนนเสียงในการกำกับดูแล และอื่นๆ อีกมากมาย
